TNN Tech ข่าวไอที Gadget เทคโนโลยี สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม โลกยุคใหม่

ติดต่อทีมงาน TNN Tech ที่อีเมล [email protected]
(6)

ติดต่อลงโฆษณาที่
คุณธนิถา ยิ้มแย้ม
เบอร์ติดต่อ : 088-924-4942
email : [email protected]
LineID : PLuthanitha

นักวิจัยอเมริกันค้นพบโครโมโซมพิเศษช่วยกำหนดเพศของหมึก ซึ่งอาจมีอยู่มาตั้งแต่ประมาณ 500 ล้านปีก่อน ก่อนไดโนเสาร์กำเนิดโลก...
08/02/2025

นักวิจัยอเมริกันค้นพบโครโมโซมพิเศษช่วยกำหนดเพศของหมึก ซึ่งอาจมีอยู่มาตั้งแต่ประมาณ 500 ล้านปีก่อน ก่อนไดโนเสาร์กำเนิด

โลกของสิ่งมีชีวิตและชีววิทยายังคงมีหลายปริศนารอให้แก้ ในครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐสามารถคลายปริศนาทางชีวภาพที่ยาวนานเกี่ยวกับเรื่องโครโมโซมพิเศษที่แยกเพศของหมึกได้ในที่สุด ซึ่งคาดว่ามันอาจมีอยู่มาตั้งแต่ 480 ล้านปีก่อน เก่าแก่กว่าการเกิดขึ้นของไดโนเสาร์

สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นที่รู้กันดีว่าตัวเมียมีโครโมโซม XX ขณะที่ตัวผู้มี XY อย่างไรก็ตาม ระบบการกำหนดเพศในอาณาจักรสัตว์มีความหลากหลายอย่างมาก เช่น ไข่ของเต่าจะกำหนดเพศขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่มันถูกฟัก หรือในบางสายพันธุ์ของปลา ยีนเพียงตัวเดียวก็สามารถเป็นตัวกำหนดเพศได้

แต่ในกรณีของหมึก กลไกการกำหนดเพศยังคงเป็นปริศนามาโดยตลอด จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอเรกอน (University of Oregon) ได้วิเคราะห์สารพันธุกรรม (DNA) ของหมึกตัวเมียสายพันธุ์ California two-spot octopus และพบโครโมโซมที่มีสารพันธุกรรมเพียงครึ่งหนึ่งของโครโมโซมอื่น ๆ ซึ่งไม่เคยถูกตรวจพบในหมึกตัวผู้มาก่อน ภายหลังการวิเคราะห์เพิ่มเติมจึงได้ข้อสรุปว่าค้นพบโครโมโซมที่ทำหน้าที่กำหนดเพศ

ทีมวิจัยได้ใช้ข้อมูลพันธุกรรมเพิ่มเติมของหมึกสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อค้นพบนี้ พบว่าโครโมโซมชนิดนี้ไม่ได้มีเฉพาะในหมึกสายพันธุ์ California two-spot octopus เท่านั้น แต่ยังพบในหมึกสายพันธุ์อื่น ๆ รวมถึงหมึกกล้วย (squid) และหอยงวงช้าง (nautilus) ด้วย

นั่นหมายความว่า หมึกและสัตว์จำพวกหมึกกลุ่มเซฟาโลพอด (cephalopod) อื่น ๆ อาจใช้โครโมโซมชนิดพิเศษนี้ในการกำหนดเพศมาตั้งแต่ 480 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่หมึกจะวิวัฒนาการแยกออกจากสัตว์จำพวกนอติลุส หรือก่อนหน้าที่ ไดโนเสาร์จะเกิดเกิดขึ้นบนโลกประมาณ 250 ปี

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการค้นพบนี้ คือ โครโมโซมกำหนดเพศของหมึกมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยตลอดเวลาหลายร้อยล้านปี ซึ่งแตกต่างจากตัวอย่างของมนุษย์อย่างชัดเจน เพราะโครโมโซม Y ของมนุษย์แตกต่างจากยีนบรรพบุรุษมากเมื่อเทียบกับช่วงแรกของวิวัฒนาการ โครโมโซมกำหนดเพศของหมึกจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะมันยังคงสภาพเดิมเกือบสมบูรณ์ ทำให้กลไกนี้เป็นหนึ่งในระบบกำหนดเพศที่เก่าแก่และเสถียรที่สุดในอาณาจักรสัตว์

หมึกเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนและชาญฉลาดที่สุดในโลก ระบบกำหนดเพศของพวกมันยังได้ช่วยเพิ่มอีกหนึ่งมิติให้กับการศึกษาทางวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ แม้ว่าการค้นพบนี้จะเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ แต่นักวิจัยยังคงต้องหาคำตอบว่า หมึกใช้โครโมโซมนี้อย่างไรในการกำหนดเพศต่อไป

ที่มาข้อมูล https://interestingengineering.com/science/oldest-sex-chromosomes-in-octopuses
ที่มาของรูปภาพ Pexels / Pia B

08/02/2025

จีนประกาศความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสะพานหัวเจียงแกรนด์แคนยอน (Huajiang Grand Canyon Bridge) ในมณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยวางโครงสร้างหลักของสะพานได้สำเร็จ และคาดว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้ว สะพานแห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็น “สะพานที่สูงที่สุดในโลก”

#สะพาน #สถิติ #สะพานสูงที่สุดในโลก #จีน #สะพานจีน #ข่าว

"เราเองต้อง Upskill และ Reskill ความสามารถเดิมเราเอาตัวไม่รอด ... เราต้องใช้เทคโนโลยีด้วย ถ้ามีเทคโนโลยีเราสามารถเอาชนะค...
08/02/2025

"เราเองต้อง Upskill และ Reskill ความสามารถเดิมเราเอาตัวไม่รอด ... เราต้องใช้เทคโนโลยีด้วย ถ้ามีเทคโนโลยีเราสามารถเอาชนะคนเก่งกว่าเราได้"

พูดคุยกับ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หนึ่งในคีย์แมนสำคัญของเครือซีพี กับการเป็นผู้บริหารที่มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องนวัตกรรม และขยายไปสู่ความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ใน Tech on the Table EP6

รับชมบน Facebook คลิกที่นี่ https://www.facebook.com/tnntechreports/videos/564353313259851

รับชมบน Youtube คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=BbcdfRRkwB8

#ผู้บริหาร

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 สหราชอาณาจักร กระทรวงกลาโหมอังกฤษ (British Ministry of Defence) เปิดตัวเทคโนโลยี "หุ่นยนต์สุนัข...
08/02/2025

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 สหราชอาณาจักร กระทรวงกลาโหมอังกฤษ (British Ministry of Defence) เปิดตัวเทคโนโลยี "หุ่นยนต์สุนัข" (Robotic Dog) กู้ระเบิดรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับเลเซอร์นำทางช่วยให้การตรวจจับ และทำลายวัตถุระเบิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงปลอดภัยมากกว่าในอดีต

การพัฒนาและทดสอบเกิดขึ้นโดยห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ (Defence Science and Technology Laboratory: Dstl) ใช้ระยะเวลา 4 วัน ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของหุ่นยนต์สุนัข (Robotic Dog) ในการตรวจจับและกู้ระเบิดในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตู การขึ้นบันได การตรวจสอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง การจำแนก และระบุภัยคุกคามจากระยะไกลด้วยเซ็นเซอร์ ไปจนถึงการกู้ระเบิดและการยิงทำลาย

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา โดยมีบริษัท L3Harris Technologies หรือ บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ, บริษัท Marlborough Communications Ltd (MCL) หรือ บริษัทจำหน่ายเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูง ระบบข้อมูล และเทคโนโลยีการสืบราชการลับ และบริษัท AeroVironment หรือ บริษัทชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ พัฒนา ผลิต ระบบอาวุธไร้คนขับสำหรับการใช้งานทางทหาร

ผลการทดสอบพบว่าช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกำจัดวัตถุระเบิด (EOD) โดยลดความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงานผ่านการขยายขอบเขตงานที่หุ่นยนต์สามารถทำได้จากระยะไกล และลดภาระของผู้ปฏิบัติงานด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ให้ละเอียดอ่อนและแม่นยำยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าเทคโนโลยี "หุ่นยนต์สุนัข" (Robotic Dog) กู้ระเบิดรุ่นใหม่จะเปลี่ยนแปลงปฏิบัติการกู้ระเบิด (EOD) เพราะช่วยลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่กำจัดระเบิด ในการเผชิญหน้ากับอันตรายโดยตรง รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และรักษความปลอดภัยสาธารณะด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจ คือ หุ่นยนต์สุนัขเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้แทนที่มนุษย์ แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับผู้ปฏิบัติงานที่เป็นมนุษย์ โดยหุ่นยนต์จะรับหน้าที่ในการลงพื้นที่โดยตรง ในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานจะตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและสั่งการการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์

ข้อมูลจาก TNN Tech
ภาพจาก Gov.Uk

#หุ่นยนต์
่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ

————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

ค้นพบไอพ่นจากหลุมดำมีขนาดใหญ่ที่สุดจากเอกภพยุคแรกเริ่ม ความยาว 200,000 ปีแสงนักวิทยาศาสตร์ค้นพบไอพ่นจากหลุมดำ หรือเจ็ตหล...
08/02/2025

ค้นพบไอพ่นจากหลุมดำมีขนาดใหญ่ที่สุดจากเอกภพยุคแรกเริ่ม ความยาว 200,000 ปีแสง

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบไอพ่นจากหลุมดำ หรือเจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet) ที่มีใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในยุคแรกของจักรวาล ความยาวมากถึง 200,000 ปีแสง หรือขนาด 2 เท่าของความกว้างของกาแล็กซีทางช้างเผือกที่ตั้งของระบบสุริยะของเรา ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 100,000 ปีแสง จากขอบหนึ่งไปยังอีกขอบหนึ่งของกาแล็กซี

เจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet) ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อจักรวาลมีอายุเพียง 1,200 ล้านปี และพุ่งออกจากควาซาร์ (Quasar) หรือวัตถุทางดาราศาสตร์ที่มีลักษณะคล้ายดาว แต่มีความสว่างจ้ามากกว่าดาวปกติหลายเท่า ควาซาร์มักจะพบในใจกลางของกาแล็กซีที่มีหลุมดำมวลมหาศาลอยู่ในศูนย์กลาง แม้หลุมดำ J1601+3102 ที่ให้พลังงานแก่ควาซาร์นี้จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่กลับมีมวลเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์ 450 ล้านดวง

แอนนิค กลูเดอแมนส์ (Anniek Gloudemans) หัวหน้าทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยทางดาราศาสตร์ NOIRLab ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “สิ่งที่น่าสนใจ คือ ควาซาร์ที่ขับเคลื่อนเจ็ตนี้มีหลุมดำที่มีมวลไม่มาก เมื่อเทียบกับควาซาร์อื่น ๆ ซึ่งอาจบ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีหลุมดำมวลมากเพื่อสร้างเจ็ตหลุมดำพลังสูงในยุคแรกของจักรวาล"

แม้ว่าหลุมดำมวลยวดยิ่งที่มีมวลหลายล้านถึงพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์จะมีอยู่ในกาแล็กซีขนาดใหญ่หลายแห่ง แต่ไม่ใช่ทุกหลุมดำจะสามารถให้พลังงานแก่ควาซาร์ได้ โดยควาซาร์เกิดขึ้นเมื่อหลุมดำดูดกลืนก๊าซและฝุ่นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนของสสารรอบหลุมดำ และส่งอนุภาคออกมาที่ขั้วในรูปของไอพ่นจากหลุมดำ หรือเจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet)

เจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet) พ่นออกมาจากหลุมดำ J1601+3102 ถูกสังเกตครั้งแรกโดยกล้องโทรทรรศน์ Low-Frequency ARray (LOFAR) ซึ่งเป็นเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่มีฐานอยู่ทั่วยุโรป การค้นพบนี้ได้รับการติดตามศึกษาเพิ่มเติมโดย Gemini Observatory กล้องสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ในช่วงคลื่นแสงอินฟราเรดใกล้ (Near-infrared) บริเวณหอดูดาว Gemini North ภูเขาเมานา เคอา (Mauna Kea) บนเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา

การสังเกตเจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet) ในครั้งนี้ ช่วยให้ทีมวิจัยสามารถระบุได้ว่า หลุมดำมีมวล 450 ล้านมวลของดวงอาทิตย์ และกำลังติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการเพิ่มของมวล ทีมวิจัยยังพบว่าเจ็ตหลุมดำ (Black Hole Jet) ทั้งสองข้างไม่ได้มีลักษณะเหมือนกัน เจ็ตข้างหนึ่งยาวกว่ากลีบของเจ็ตอีกข้าง และยังมีความสว่างที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าความรุนแรงของสภาพแวดล้อมรอบหลุมดำส่งผลต่อการพ่นเจ็ต

ที่มาของข้อมูล
https://www.space.com/monster-black-hole-early-universe-jet-twice-milky-way
https://www.iflscience.com/spectacular-galactic-jet-over-200000-light-years-across-is-largest-ever-in-the-early-universe-77945
https://gizmodo.com/astronomers-discover-colossal-radio-jet-from-early-universe-2000558256
ที่มาของรูปภาพ NOIRLab/NSF/AURA/M. Garlick / M. Zamani (NSF NOIRLab)

08/02/2025

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติศึกษาขนของหมีขั้วโลก เพื่อไขความลับเกี่ยวกับคุณสมบัติการป้องกันการจับตัวของน้ำแข็งบนขน โดยพบว่ามาจากสารเคลือบไขมันตามธรรมชาติ การค้นพบนี้ช่วยอธิบายว่าหมีขั้วโลกทนทานต่อสภาพความหนาวเย็นในแถบแอนตาร์กติกาได้อย่างไร และอาจจะนำเอาคุณสมบัตินี้ไปใช้ในเทคโนโลยีป้องกันการจับตัวของน้ำแข็งในอุตสาหกรรม

#วิจัย #ขน #ขนหมี #ขนหมีขั้วโลก #หมีขั้วโลก #หนาว #เย็น #ข่าว

07/02/2025

นักดิ่งพสุธาชาวเยอรมัน โชว์กระโดดร่มจากเครื่องบินลำหนึ่ง แล้วแล่นถลาลม คว้าตะขอแขวนของเครื่องบินอีกลำหนึ่งกลางอากาศ สร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า “การกระโดดร่มแบบไม่มีที่สิ้นสุด” (endless skydive)

#ดิ่งพสุธา #เครื่องบิน #วิงสูท #เอ็กซ์ตรีม #ข่าว

07/02/2025

บริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เปิดตัวเครื่องมือใหม่สำหรับปัญญาประดิษฐ์แชตจีพีที (​ChatGPT) ที่เรียกว่า "deep research" หรือ "การวิจัยเชิงลึก" ซึ่งสามารถให้คำตอบหรือสร้างรายงานคำตอบโดยละเอียดได้ โดยการเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันในวงการ AI ที่กำลังร้อนแรง หลังด้รับอิทธิพลจากการเปิดตัวแชตบอต ดีพซีค (DeepSeek) ของจีน

#ข่าว

Kaspersky ค้นพบมัลแวร์ SparkCat อ่านภาพหน้าจอบน AppStore และ Google Playนักวิจัยจากคาสเปอร์สกี้ (Kaspersky) บริษัทเทคโนโ...
07/02/2025

Kaspersky ค้นพบมัลแวร์ SparkCat อ่านภาพหน้าจอบน AppStore และ Google Play

นักวิจัยจากคาสเปอร์สกี้ (Kaspersky) บริษัทเทคโนโลยีป้องกันไวรัสชื่อดัง เปิดเผยการค้นพบมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านแอปพลิเคชันบน App Store และ Google Play ซึ่งสามารถอ่านภาพหน้าจอของผู้ใช้ โดย ดมิทรี คาลินิน (Dmitry Kalinin) และเซอร์เกย์ ปูซาน (Sergey Puzan) นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคาสเปอร์สกี้ได้ระบุว่า มัลแวร์ตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่าสปาร์คแคท (SparkCat) และคาดว่าเริ่มแพร่กระจายตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024

แม้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าการแพร่กระจายของมัลแวร์นี้เกิดจากการโจมตีห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain attack) หรือเป็นการกระทำโดยเจตนาของนักพัฒนาแอปพลิเคชันหรือไม่ โดยนักวิจัยพบว่าแอปพลิเคชันที่ได้รับผลกระทบบางตัวเป็นแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนถูกต้องตามกฎหมาย เช่น แอปพลิเคชันส่งอาหาร ขณะที่บางแอปพลิเคชันอาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกล่อผู้ใช้โดยเฉพาะ

มัลแวร์สปาร์คแคท (SparkCat) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีจดจำข้อความจากภาพ (OCR) เพื่อตรวจสอบคลังภาพในอุปกรณ์ โดยเฉพาะการค้นหาภาพหน้าจอที่มีการกู้คืน (Recovery phrase) ของกระเป๋าสตางค์คริปโต ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลของเหยื่อได้

ผลการวิเคราะห์พบว่ามัลแวร์ตัวนี้เน้นโจมตีผู้ใช้ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), ยุโรป และเอเชีย ภาษาที่มัลแวร์สามารถอ่านได้ เช่น อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เช็ก ฝรั่งเศส อิตาลี โปแลนด์ โปรตุเกส แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง แต่พบหลักฐานบางอย่างชี้ว่ามัลแวร์ SparkCat อาจพัฒนาโดยกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ภาษาจีน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาคาสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ออกอัปเดตรายงานระบุว่า แอปพลิเคชันที่ได้รับผลกระทบบน App Store ถูกลบออกแล้ว โดยแอปเปิล (Apple) ยืนยันว่าได้ถอดถอนแอปพลิเคชันทั้ง 11 ตัว ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเผยว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้มีรหัสที่คล้ายกับแอปพลิเคชันอีก 89 ตัว ที่เคยถูกปฏิเสธหรือลบออกไปก่อนหน้านี้

ขณะที่ฝั่ง Google Play มีรายงานว่าแอปพลิเคชันที่ติดมัลแวร์ถูกดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 242,000 ครั้ง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้ Android

การค้นพบมัลแวร์สปาร์คแคท (SparkCat) ถือเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบแอปพลิเคชันติดมัลแวร์ประเภทเทคโนโลยีจดจำข้อความจากภาพ (OCR) ในตลาดแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการของบริษัท แอปเปิล (Apple) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มที่มักได้รับการยกย่องว่ามีมาตรการป้องกันมัลแวร์อย่างเข้มงวด

ที่มาของข้อมูล
https://www.engadget.com/cybersecurity/kaspersky-researchers-find-screenshot-reading-malware-on-the-app-store-and-google-play-211011103.html?src=rss&guccounter=1
https://www.kaspersky.co.za/about/press-releases/kaspersky-discovers-new-crypto-stealing-trojan-in-appstore-and-google-play
ที่มาของรูปภาพ FelixMittermeier from Pixabay

ถอดปริศนา “ม้วนคัมภีร์เฮอร์คิวเลเนียม” อายุเกือบ 2,000 ปีม้วนกระดาษที่โดนเผาไหม้ จนดูแล้วกลายเป็นเหมือนแท่งหินที่เราเห็น...
07/02/2025

ถอดปริศนา “ม้วนคัมภีร์เฮอร์คิวเลเนียม” อายุเกือบ 2,000 ปี

ม้วนกระดาษที่โดนเผาไหม้ จนดูแล้วกลายเป็นเหมือนแท่งหินที่เราเห็นอยู่นี้ คือม้วนคัมภีร์โบราณ “เฮอร์คิวเลเนียม” (Herculaneum scroll) อายุราว 2,000 ปี ที่เหลือรอดมาจากการระเบิดของภูเขาไฟเวซูเวียส เมื่อปี ค.ศ.79 ซึ่งทำลายเมืองปอมเปอี

ปัจจุบันได้มีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ในประเทศอังกฤษ ที่พยายามถอดรหัสข้อความที่อยู่ในม้วนคัมภีร์นี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์​ เพื่อแกะเรื่องราวที่เกิดขึ้นยุคโบราณ จากซากของคัมภีร์กระดาษกว่าหลายร้อยม้วน ที่ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษที่ 1750

นักวิจัยเชื่อกันว่าม้วนกระดาษเหล่านี้ เดิมทีมีความยาวหลายเมตร แต่ถูกเผาจนกรอบและเปราะ ทำให้การคลี่ดูข้อความข้างในเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ด้วยเทคโนโลยีการสแกนภาพด้วยรังสีเอ็กซ์​ ทำให้นักประวัติศาสตร์ สามารถอ่านข้อความข้างในได้เป็นครั้งแรก

โดยหนึ่งในคำที่นักวิจัยพบเป็นภาษากรีกโบราณ ที่ดูคล้ายกับคำว่า เดียโทรปี (διατροπή / อังกฤษ diatrope) ซึ่งแปลว่า ความรังเกียจ จากนั้นนักวิจัยจึงได้ค้นหาคำศัพท์จากพจนานุกรมกรีกโบราณของอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford Dictionary of Ancient Greek) พบว่าเป็นคำที่มีการใช้โดยนักปรัชญาในยุคเดียวกัน ทำให้ทีมวิจัยมีแนวทางในการศึกษาต่อมากขึ้น

นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้มีการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์​เพื่อช่วยปะติดปะต่อภาพ ค้นหารอยหมึกที่เผยให้เห็นบริเวณที่มีการเขียน และเพิ่มความชัดเจนของข้อความ นำไปสู่การสร้างภาพ 3 มิติของม้วนคัมภีร์ ที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถคลี่ออกมาอ่านได้เหมือนจริง

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมวิจัยยังคงแกะเนื้อหาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากม้วนกระดาษมีความเปราะบางมาก แต่พวกเขาเชื่อว่าหากถอดรหัสได้หมด อาจจะทำให้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ในช่วงต้น รวมถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคโบราณ
ข้อมูลจาก https://www.tnnthailand.com/tech/188649/
ภาพจาก VESUVIUS CHALLENGE
#ปริศนา #ม้วนคัมภีร์เฮอร์คิวเลเนียม #ไฟไหม้ #ปอมเปอี ่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

ครั้งแรกของโลก ! ดิ่งพสุธาคว้าเครื่องบินกลางอากาศปกติแค่การกระโดดร่มธรรมดา ๆ ก็ต้องใช้ความกล้าและการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญม...
07/02/2025

ครั้งแรกของโลก ! ดิ่งพสุธาคว้าเครื่องบินกลางอากาศ

ปกติแค่การกระโดดร่มธรรมดา ๆ ก็ต้องใช้ความกล้าและการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญมากอยู่แล้ว แต่ล่าสุดมีนักดิ่งพสุธาชาวเยอรมัน ที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น ด้วยการกระโดดร่มจากเครื่องบินลำหนึ่ง แล้วแล่นถลาลม มาคว้าตะขอแขวนของเครื่องบินอีกลำหนึ่งกลางอากาศ เพื่อสร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า “การกระโดดร่มแบบไม่มีที่สิ้นสุด” (endless skydive)

สำหรับกีฬาดิ่งพสุธานี้ เรียกว่า เบส จัมเปอร์ (BASE jumpers) กีฬาผาดโผนที่นักกีฬาจะบินร่อนจากจุดหนึ่ง ไปยังจุดหนึ่งให้ไกลและสูงที่สุด โดยนักกีฬาจะต้องสวมชุด วิงสูท (Wingsuit) ซึ่งเป็นชุดที่มีแถบผ้าคล้ายปีก ทำให้นักกีฬา สามารถร่อนไปตามแรงลมได้

โดยการดิ่งพสุธาครั้งนี้เกิดขึ้นเหนือพื้นที่แกรนด์แคนยอน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นหุบเหวลึกชื่อดังในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2024 โดยมี แมกซ์ มาโนว์ (Max Manow) นักดิ่งพสุธาชาวเยอรมัน พร้อมทีมงานจากเรดบูล แอร์ ฟอร์ซ (Red Bull Air Force) ซึ่งเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญในการแสดงการบินผาดโผน มาร่วมกันสร้างตำนาน

โดยนักดิ่งพสุธาได้ผูกตัวเองเข้ากับตะขอแขวนของเครื่องบินลำแรก ก่อนที่จะปล่อยตัวจากเครื่องบินที่ความสูง 10,000 ฟุต หรือราว 3,050 เมตร และเริ่มร่อนถลาลมไปยังเครื่องบินลำที่สอง ก่อนจะคว้าตะขอแขวนที่ห้อยจากเครื่องบินอีกลำได้กลางอากาศ เพื่อใช้ส่งตัวเองบินถลาลมต่อ ก่อนจะค่อย ๆ ร่อนและกางร่มชูชีพ เพื่อลงจอดบนพื้นได้สำเร็จ

ตัวนักกีฬาได้เรียกการบินแบบผาดโผนครั้งนี้ว่า เป็น “การดิ่งพสุธาที่ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะตามทฤษฎีแล้ว เขาจะสามารถร่อนไปจับกับเครื่องบินอีกลำหนึ่ง และส่งตัวเองบินถลาลมต่อไปได้เรื่อย ๆ ยืดเวลาการบินได้ต่อเนื่องแบบไม่ต้องลงจอด ซึ่งอาจจะกลายเป็นกีฬาทางอากาศรูปแบบใหม่ในอนาคต

โดยการบินผาดโผนครั้งนี้ ยังเป็นการสร้างสถิติการดิ่งพสุธาจากเครื่องบินลำหนึ่ง ไปจับเข้ากับเครื่องบินอีกลำหนึ่งได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก

อย่างไรก็ตามกว่าจะทำได้สำเร็จแบบนี้ ทั้งทีมจะต้องมีการฝึกซ้อม คำนวณความเสี่ยง และเตรียมแผนรับมืออย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เรียกได้ว่าก่อนจะมาเป็นตำนานได้ ต้องใช้ทั้งความพยายาม ความมุ่งมั่น ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีในทุกขั้นตอน
ข้อมูลจาก https://www.tnnthailand.com/tech/188645/
ภาพจาก EYESPRINT, RED BULL, REUTERS
#ดิ่งพสุธา #เครื่องบิน #วิงสูท #เอ็กซ์ตรีม
่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

แนวคิดรถในอนาคต ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนจากระบบบำบัดน้ำเสีย ทีมวิศวกรจากสหราชอาณาจักร กำลังพัฒนาแนวคิดต้นแบบรถยนต์แห่งโลกอ...
07/02/2025

แนวคิดรถในอนาคต ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนจากระบบบำบัดน้ำเสีย

ทีมวิศวกรจากสหราชอาณาจักร กำลังพัฒนาแนวคิดต้นแบบรถยนต์แห่งโลกอนาคต ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังไฮโดรเจนที่ได้จากระบบการบำบัดน้ำเสีย หวังเป็นทางเลือกของยานพาหนะที่ช่วยแก้ปัญหามลพิษของโลก

ทีมวิศวกรจาก Warwick Manufacturing Group หรือแผนกการวิจัยจาก University of Warwick ในสหราชอาณาจักร ได้พัฒนารถแข่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนที่ได้จากการบำบัดน้ำเสีย ภายใต้ชื่อ Waste2Race

โดยเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียเพื่อสร้างพลังงานไฮโดรเจนที่ใช้ในรถคันนี้ เป็นผลงานการพัฒนาโดยบริษัท Wastewater Fuels ในอังกฤษ ที่จะเปลี่ยนน้ำเสียให้กลายเป็นแหล่งพลังงานสะอาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ในการจัดการของเสียและการผลิตพลังงานหมุนเวียน

ส่วนในแง่ของตัวถัง ต้นแบบของรถแข่งเวสต์ทูเรซ สร้างขึ้นจากอะไหล่และชิ้นส่วนเหลือใช้ของยานยนต์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่อาจกลายเป็นขยะฝังกลบ โดยบางชิ้นส่วนดัดแปลงให้ใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน เช่น ตัวถังใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์รีไซเคิล พวงมาลัยทำจากวัสดุชีวภาพ 100% ในขณะที่แบตเตอรี่ก็ใช้ซ้ำ จากการถอดชิ้นส่วนรถยนต์เก่า ๆ

สำหรับโครงการพัฒนารถแข่ง Waste2Race มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนในวงการแข่งรถ ในขณะเดียวกันก็สาธิตเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบใหม่ ที่อาจจะเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์กระแสหลัก

โดยปัจจุบันบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Alpine, Toyota และ BMW กำลังพิจารณาให้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในอนาคต โครงการนี้จึงช่วยเน้นย้ำถึงศักยภาพของพลังงานที่ยั่งยืน ปูทางไปสู่การสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข้อมูลจาก https://www.tnnthailand.com/tech/188642/
ภาพจาก Reuters, Wastewater Fuels, University of Warwick
#รถแข่ง #รถแข่งพลังไฮโดรเจน #รถแข่ง #ไฮโดรเจน #ระบบบำบัดน้ำเสีย #น้ำเสีย #ข่าว ่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

วิจัยเผยความลับ “ขนหมีขั้วโลก” ฝ่าความหนาวเย็นได้อย่างไรทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติศึกษาขนของหมีขั้วโลก เพื่อไขความลับเกี่...
07/02/2025

วิจัยเผยความลับ “ขนหมีขั้วโลก” ฝ่าความหนาวเย็นได้อย่างไร

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติศึกษาขนของหมีขั้วโลก เพื่อไขความลับเกี่ยวกับคุณสมบัติการป้องกันการจับตัวของน้ำแข็งบนขน โดยพบว่ามาจากสารเคลือบไขมันตามธรรมชาติ การค้นพบนี้ช่วยอธิบายว่าหมีขั้วโลกทนทานต่อสภาพความหนาวเย็นในแถบแอนตาร์กติกาได้อย่างไร และอาจจะนำเอาคุณสมบัตินี้ไปใช้ในพัฒนาเทคโนโลยี ที่จะช่วยป้องกันการจับตัวของน้ำแข็ง

ทีมนักวิจัยจากวิทยาลัยทรินิตี้ดับลิน (Trinity College Dublin) ในประเทศไอร์แลนด์ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้บรรดาหมีขั้วโลกจะกลิ้งไปมาบนหิมะ และอยู่ในสภาวะที่อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศา แต่ขนของพวกมัน กลับไม่มีน้ำแข็งเกาะ พวกเขาจึงได้ตรวจสอบตัวอย่างขนจากหมีขั้วโลกป่า 6 ตัว โดยมุ่งไปที่องค์ประกอบทางเคมีของไขมันในขนซึ่งเป็นสารเคลือบผิว ตามธรรมชาติ

จากการศึกษาพบว่าไขมันในขน มีองค์ประกอบทางเคมี ที่ประกอบด้วยคอเลสเตอรอล ไดเอซิลกลีเซอรอล และกรดไขมัน ซึ่งช่วยลดการยึดเกาะของน้ำแข็งได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้ากำจัดไขมันออกไป ขนก็จะมีคุณสมบัติคล้ายกับเส้นผมของมนุษย์ ที่น้ำแข็งอาจจะเกาะติดได้ง่าย

โดยนักวิจัยได้จำลองว่าเส้นขนที่มีไขมันเหล่านี้ จะมีปฏิกิริยากับน้ำแข็งอย่างไร พบว่าเส้นขนสามารถผลักน้ำแข็งได้ดีมาก ส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้หมีขั้วโลกมีความได้เปรียบในการป้องกันไม่ให้น้ำแข็งเกาะติดกับตัวของมัน และนอกจากประโยชน์เชิงโครงสร้างแล้ว ขนที่เคลือบด้วยไขมัน อาจมีบทบาทในกลยุทธ์การล่าอาหารของหมีขั้วโลก โดยช่วยลดแรงเสียดทานเมื่อพวกมันเคลื่อนที่ไปบนน้ำแข็ง และช่วยให้พวกมันประหยัดพลังงาน โดยการลื่นไถลไปบนพื้นน้ำแข็งได้ง่ายขึ้น

การค้นพบนี้ตีพิมพ์ในวารสารวิจัย Science Advances ซึ่งอาจจะมีส่วนช่วยปูทางไปสู่งานวิจัยต่อไป ที่จะศึกษากลไกการป้องกันการจับตัวของน้ำแข็งตามธรรมชาติในวงกว้าง และนำไปสู่การพัฒนาสารเคลือบที่ยั่งยืนสำหรับพื้นผิวที่สัมผัสกับความเย็นจัด แทนที่สารเคมีสังเคราะห์ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่อไป
ข้อมูลจาก https://www.tnnthailand.com/tech/188637/
ภาพจาก Unsplash
#วิจัย #ขนหมีขั้วโลก #หมีขั้วโลก #ความหนาวเย็น
่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา OpenAI เปิดตัวโครงการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ สร้างสรรค์โลโก้และแบบอักษรใหม่ สำหรับโลโ...
07/02/2025

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา OpenAI เปิดตัวโครงการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ สร้างสรรค์โลโก้และแบบอักษรใหม่ สำหรับโลโก้ที่ปรับปรุงใหม่ ที่แบรนด์เรียกว่า "ดอกไม้" แสดงให้เห็นพื้นที่ตรงกลางที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและเส้นที่คมชัดขึ้น

จุดมุ่งหมายในการปรับโฉมของ OpenAI ในครั้งนี้ก็เพื่อให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูมีความ "เป็นมนุษย์" มากขึ้น อีกทั้งนี่เป็นการรีแบรนด์ครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่กระแสไวรัลที่ทำให้ Open AI กลายเป็นที่รู้จักในปี 2022 ด้วยความนิยมของแชทบอท ChatGPT

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์ภายนอกขององค์กร แต่ยังเป็นการสื่อถึงความมุ่งมั่นของ OpenAI ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่เป็นประโยชน์ส่งต่อสู่สังคมได้อย่างกลมกลืน

แม้ว่าโลโก้ดั้งเดิมได้รับการออกแบบโดย เกร็ก บร็อกแมน (Greg Brockman) และ อิลยา ซุทส์เคเวอร์ (Ilya Sutskever) ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI แต่ทีมออกแบบรีแบรนด์ในครั้งนี้นำโดย ไวท์ เมลเลอร์ (Veit Moeller) หัวหน้าฝ่ายการออกแบบการสื่อสารของ OpenAI ที่ก่อนหน้านี้ เคยเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่ Meta และ แชนนัน แจเกอร์ (Shannon Jager) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบที่ OpenAI ที่ก่อนหน้านี้ เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ที่ BUCK และเป็นนักออกแบบที่ The New York Times Style Magazine และ Pentagram ได้เข้ามารับช่วงต่อในครั้งนี้

สำหรับการออกแบบในครั้งนี้ OpenAI ได้สร้างสรรค์แบบอักษรใหม่ชื่อว่า OpenAI sans ซึ่งเป็นการผสมผสานความแม่นยำทางเรขาคณิตและฟังก์ชันการใช้งานให้เข้ากับลักษณะโค้งมนที่เข้าถึงได้ง่าย อาจสังเกตได้ว่า คำว่า OpenAI ในโลโก้ใหม่ มีตัว "O" ที่ภายนอกของวงกลม กลมอย่างสมบูรณ์แบบแต่ภายในที่ไม่สมบูรณ์แบบ เหตุผลในการออกแบบออกมาเช่นนี้ เพื่อลบภาพความแม่นยำในแบบหุ่นยนต์ ให้รู้สึกดูเป็นมนุษย์มากขึ้น ตามรายงานจากสำนักข่าว Wallpaper

อีกทั้ง OpenAI ยังได้เน้นย้ำในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าว Wallpaper ถึงบทบาทของ AI ในกระบวนการออกแบบในครั้งนี้โดย Open AI ได้ใช้เครื่องมือ AI เช่น DALL-E และ ChatGPT ในการช่วยออกแบบโลโก้และแบบอักษรใหม่ด้วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะ Open AI ยังคงให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ในการตัดสินใจ โดยมีนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและปรับปรุงผลงานให้ตรงตามเป้าหมายในทุกขั้นตอน

การรีแบรนด์ดิ้ง ครั้งใหญ่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ OpenAI ในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำในอุตสาหกรรม AI ที่มีการแข่งขันสูงขึ้น และดุเดือดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของ Deepseek ซึ่งเป็นบริษัท AI จากประเทศจีนที่เพิ่งได้รับเงินระดมทุนก้อนใหญ่จาก Softbank

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวนี้อาจแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ OpenAI ในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด และเป็นการตอบโต้ขู่แข่งในการแข่งขัน อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ OpenAI ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน

ข้อมูลจาก TNN Tech
ภาพจาก OpenAI

่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————
📲 อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech

และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/

ทรัมป์อาจยุบสภาอวกาศแห่งชาติ หลังการล็อบบี้ของอีลอน มัสก์สำนักข่าวรอยเตอร์ และสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานกระแสข่าว รัฐบ...
07/02/2025

ทรัมป์อาจยุบสภาอวกาศแห่งชาติ หลังการล็อบบี้ของอีลอน มัสก์

สำนักข่าวรอยเตอร์ และสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานกระแสข่าว รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะยุบสภาอวกาศแห่งชาติของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้านนโยบายอวกาศระดับคณะรัฐมนตรี หลังจากกลุ่มล็อบบี้ยิสต์จากบริษัท SpaceX ของอีลอน มัสก์ ผลักดันให้มีการยุติองค์กรดังกล่าว ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 ราย ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ

แหล่งข่าวระบุว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทีมงานของทรัมป์รวมถึงแมต ดันน์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท SpaceX ได้หารือกับผู้ร่วมงานเกี่ยวกับอนาคตของสภาอวกาศแห่งชาติ โดยพวกเขามองว่าองค์กรนี้ทำให้วงการอวกาศสหรัฐฯ ทำงานล่าช้า "เสียเวลา"

แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่าหลังจากชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้ง ทีมงานของทรัมป์ไม่ได้ติดต่อกับสภาอวกาศแห่งชาติ ซึ่งในขณะนั้นมีกมลา แฮร์ริสเป็นประธาน แตกต่างจากแนวทางที่พวกเขาประสานงานติดต่อกับองค์การนาซา และหน่วยงานอื่น ๆ ในขณะกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ในขณะเดียวกันสำนักงานของสภาอวกาศแห่งชาติที่อยู่ใกล้ทำเนียบขาวแทบจะร้างผู้คน

อย่างไรก็ตาม แมต ดันน์ ผู้บริหารระดับสูงบริษัท SpaceX และอดีตหัวหน้าสภาอวกาศภายใต้รัฐบาล โจ ไบเดน ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าเว็บไซต์ของทำเนียบขาว สำหรับสภาอวกาศแห่งชาติก็ปิดตัวลง และแสดงเพียงข้อความ "404 – ไม่พบหน้า"

แม้ว่ายังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอนาคตของสภาอวกาศแห่ง แต่แหล่งข่าวอย่างน้อย 2 รายมองว่า การยุบองค์กรนี้อาจสะท้อนถึงอิทธิพลที่บริษัท SpaceX มีต่อนโยบายอวกาศของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างอีลอน มัสก์กับรัฐบาลใหม่

ย้อนไปก่อนเลือกตั้ง อีลอน มัสก์ เป็นซีอีโอของ SpaceX ได้ทุ่มเงินมากกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,443 ล้านบาท สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ และยังคงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝ่ายบริหาร นอกจากนี้ เขายังมีแผนร่วมมือกับทรัมป์ในโครงการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์และดาวอังคาร

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แต่งตั้ง จาเร็ด ไอแซกแมนนักธุรกิจและนักบินอวกาศเอกชน ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและทีมงานของอีลอน มัสก์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำองค์การนาซาอีกทั้งในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์ยังได้เดินทางไปยังศูนย์ควบคุมภารกิจของ SpaceX ในเท็กซัส เพื่อร่วมชมการทดสอบปล่อยจรวด Starship ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับแผนการสำรวจดาวอังคาร ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างอีลอน มักส์ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

สภาอวกาศแห่งชาติถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1989 ก่อนจะถูกยุบในปี 1993 และถูกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งโดยรัฐบาลทรัมป์ในปี 2017 สภานี้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งกองทัพอวกาศสหรัฐฯ (Space Force) รวมถึงสนับสนุนโครงการ ส่งมนุษย์กลับสู่ดวงจันทร์ และปรับปรุงกฎระเบียบด้านอวกาศเพื่อเอื้อให้เอกชนเข้ามาดำเนินกิจการอวกาศได้มากขึ้น

แหล่งข่าวระบุว่า ทีมงานของทรัมป์มีแผนจะพัฒนานโยบายอวกาศต่อจากสมัยแรกของเขา โดยเน้นลดกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง ตามคำมั่นสัญญาของเขาในการหาเสียง นอกจากนี้ อิทธิพลของบริษัท SpaceX และอีลอน มักส์ อาจทำให้การตัดสินใจด้านอวกาศของรัฐบาลใหม่มีแนวโน้มเอื้อประโยชน์ต่อภาคเอกชนมากขึ้น

ที่มาของข้อมูล
https://www.reuters.com/world/us/trump-likely-axe-space-council-after-spacex-lobbying-sources-say-2025-01-21
https://www.uniladtech.com/science/space/trump-national-space-council-elon-musk-spacex-286807-20250123
ที่มาของรูปภาพ Reuters

TNN Tech ขอขอบคุณสำหรับยอดการติดตาม Facebook ครบ 400,000 Followers ทีมงานจะมุ่งมั่นนำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีที่มีสาระคว...
07/02/2025

TNN Tech ขอขอบคุณสำหรับยอดการติดตาม Facebook ครบ 400,000 Followers ทีมงานจะมุ่งมั่นนำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีที่มีสาระความรู้ และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์กับสังคม

กด follow อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีและไอที ครบทุกแพลตฟอร์ม ผ่านทุกช่องทางของ TNN Tech

• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Line OA : https://page.line.me/tnntech
• Threads : https://threads.net/
• X : https://twitter.com/TnnTech

่อง16

"ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเป็นคนกลุ่มน้อย เด็ก Gen ใหม่จะเป็นคนขับเคลื่อนประเทศ"พูดคุยกับ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หนึ่ง...
07/02/2025

"ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเป็นคนกลุ่มน้อย เด็ก Gen ใหม่จะเป็นคนขับเคลื่อนประเทศ"

พูดคุยกับ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หนึ่งในคีย์แมนสำคัญของเครือซีพี กับการเป็นผู้บริหารที่มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องนวัตกรรม และขยายไปสู่ความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ใน Tech on the Table EP6

รับชมบน Facebook คลิกที่นี่ https://www.facebook.com/tnntechreports/videos/564353313259851

รับชมบน Youtube คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=BbcdfRRkwB8

#ผู้บริหาร

07/02/2025

ต่อไปนี้โลกของการเล่นเกมอาจจะสมจริงยิ่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอร์ริก (University of Warwick) พัฒนาชุดหูฟังที่มีความพิเศษตรงที่สามารถปล่อยกลิ่นต่าง ๆ ได้ เช่น กลิ่นของยางล้อไหม้ เพื่อให้บรรดานักเล่นเกม ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมแข่งรถ ที่มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น

#หูฟัง #เกม #ชุดหูฟัง #หูฟังเกมมิ่ง #ยางไหม้ #เกมแข่งรถ #ข่าว

ที่อยู่

118/1 อาคารทิปโก้ ชั้น11 ถนนพระราม6 แขวงพญาไท เขตพญาไท
Bangkok
10400

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ TNN Techผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง TNN Tech:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์