รับตัวแทนจำหน่าย ทำ OEM สกินแคร์ เซรั่ม คอสเมติก by Charmies

รับตัวแทนจำหน่าย ทำ OEM สกินแคร์ เซรั่ม คอสเมติก by Charmies รับตัวแทนจำหน่ายสินค้าราคาโรงงาน รับทำOEM สกินแคร์ เซรั่ม คอสเมติก สินค้าพร้อม อย.

08/06/2022
รับผลิตแบรนด์ 088-636-1257
07/06/2022

รับผลิตแบรนด์ 088-636-1257

รับทำ OEM ติดต่อ 088-636-1257
07/06/2022

รับทำ OEM ติดต่อ 088-636-1257

03/06/2022
ความหิมที่คุณสร้างได้
30/05/2022

ความหิมที่คุณสร้างได้

ครีมกันแดดสำคัญอย่างไรไม่ทาครีมกันแดดจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง          เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแดดร้อนแรงอยู่ทุกฤดูกา...
30/05/2022

ครีมกันแดดสำคัญอย่างไร

ไม่ทาครีมกันแดดจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแดดร้อนแรงอยู่ทุกฤดูกาล ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่อยู่ในแสงแดดนั้นเป็นตัวการทำให้เกิดปัญหาผิวมากมาย หากใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดด เตรียมใจไว้เลยว่าอาจเจอกับปัญหาเหล่านี้แน่ ๆ
1. ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เมื่อผิวของเราโดนแสงแดดมาก ๆ แบบไม่มีครีมกันแดดป้องกันไว้เลย ผิวก็จะเริ่มทำกระบวนการปกป้องตัวเองด้วยการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่ม ซึ่งส่งผลให้สีผิวของเราคล้ำขึ้น เห็นจุดด่างดำชัดเจน และสิ่งที่ตามมาติด ๆ ก็คือสีผิวไม่สม่ำเสมอกันด้วย ใครไม่กลัวดำก็ต้องคิดดี ๆ เพราะอาจมีผิวแบ่งสีเป็นลาเต้แทน
ครีมกันแดด
2. ผิวไหม้ เพราะเซลล์ผิวถูกทำลาย
ความเข้มข้นของรังสี UVA ทำให้ผิวหมองคล้ำไปแล้ว คู่หูอย่าง UVB ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อน บวมแดง หนักเข้าก็อาจทำให้ผิวไหม้และหลุดลอกได้ การทาครีมกันแดดจึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกัน เพราะเมื่อเซลล์ผิวถูกทำลายแล้ว บอกเลยว่าถ้าอยากให้กลับมาสู่สภาพเดิมคงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะค่ะ
3. เพิ่มริ้วรอย หน้าแก่กว่าวัย
ไม่ใช่แค่กาลเวลาที่พรากความเด็กไปจากเรา แต่แสง UV ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หน้าดูแก่และมีริ้วรอย อย่างรูปที่โด่งดังมากของชายวัย 69 ปี ที่ทำอาชีพขับรถบรรทุกมา 28 ปี ทำให้หน้าฝั่งซ้ายของเขาถูกแสงแดดทะลุผ่านกระจกมาทำร้ายผิวอยู่ตลอด เมื่อเทียบกับหน้าฝั่งขวาแล้วจึงแตกต่างอย่างชัดเจน หรือลองสังเกตง่าย ๆ ตรงผิวหลังมือของเราจะหยาบกร้านและเหี่ยวง่ายกว่าผิวใต้ร่มผ้า นั่นเพราะรังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยเรื่องความกระชับผิว ดังนั้นหากโดนแสงแดดมาก ๆ และไม่ได้ทากันแดดเลยก็จะทำให้ผิวของเราหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และแก่กว่าวัยได้
4. ฝ้า กระ ถามหา
แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ใต้ผิวหนังของเราสร้างเม็ดสีมากขึ้น นอกจากส่งผลให้ผิวคล้ำขึ้นแล้ว ยังเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ขึ้นมาให้เห็น โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ อย่าง หน้าผาก ไรหนวด โหนกแก้ม แถมพออายุเยอะขึ้นทั้งฝ้าและกระก็ยิ่งสีเข้มขึ้นด้วย ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ หลอดไฟ แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้นะ ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไมเราถึงต้องทากันแดดตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรือแม้จะทำงานในร่มก็มองข้ามไม่ได้นะ
5. เสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง
การโดนแดดสะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่มีการป้องกัน อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเกิดการพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากเลยล่ะค่ะ

วิธีการเลือกครีมกันแดด
คราวนี้ก็คงจะเห็นแล้วใช่ไหมว่า ทำไมครีมกันแดดถึงเป็นไอเทมจำเป็นสำหรับการดูแลผิว ส่วนใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดเพราะทำให้ผิวมันบ้าง เป็นสิวบ้าง หรือเคยแพ้ครีมกันแดด เรามีเคล็ดลับเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมมาฝาก
เลือกกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB โดยสังเกตว่าครีมกันแดดจะมีระบุทั้งค่า PA (Protection Grade ของ UVA) และ SPF (Sun Protection Factor)

ครีมกันแดดที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ คือ SPF 15-30, PA +++ ถึง ++++ ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าต้องออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลานานและมีแดดแรงมากก็ให้เลือกซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป

เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว อย่างคนที่ผิวมันควรเลือกเนื้อกันแดดที่เป็นเจล หรือเนื้อฟลูอิท ในขณะที่คนผิวแห้งก็จะสามารถเลือกเนื้อที่เป็นครีมได้เลย เพราะจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวไปด้วย

คนที่มีผิวแพ้ง่าย ทาครีมกันแดดแล้วเกิดการระคายเคือง ให้มองหาครีมกันแดดที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน สารกันเสีย หรือประเภท Physical sunscreen ที่ประกอบด้วยสารป้องกันแดดสะท้อน เช่น titanium oxide, zinc oxide ซึ่งมีข้อดีคือดูดซึมเข้าร่างกายได้น้อย ทำให้แพ้น้อย แต่ข้อเสียคือ ครีมมักข้น เหนียวเหนอะหนะ หรือทำให้หน้าลอย

ถ้าทากันแดดแล้วสิวชอบขึ้น อาจเลือกตัวที่มีคำว่า acne-prone หรือ non-comedogenic

ทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี ทำอย่างไรบ้าง ?
รู้วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวกันไปแล้ว ทีนี้มารู้จักการทากันแดดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดกันเถอะ
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านประมาณ 20-30 นาที

ใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรของผิวหนังทั่วไป ถ้าเป็นที่ใบหน้าและคอให้ใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือขนาดเท่าไข่มุกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หากใช้โลชั่นให้ใช้ขนาดเหรียญ 10 และอย่าลืมทาใบหูด้วย

แต้มครีมกันแดดลงบนใบหน้าเล็กน้อยในตำแหน่ง 5 จุด คือ หน้าผาก 1 จุด, แก้ม 2 จุด, จมูก 1 จุด และคางอีก 1 จุด จากนั้นก็ค่อย ๆ เกลี่ยให้ทั่ว โดยวนเป็นวงกลมบนใบหน้าเบา ๆ ให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวหน้าจนหมดไม่เห็นครีมสีขาว ๆ ทาไปถึงลำคอและด้านหลังที่ไม่มีเสื้อปกปิดด้วยยิ่งดี

แนะนำให้ทาซ้ำทุก 2-3 ชม. เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ควรสังเกตวันหมดอายุของครีมกันแดดด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีกำหนดอายุประมาณ 2-3 ปี นับจากวันที่ผลิต และไม่ควรเก็บครีมกันแดดไว้ในที่ร้อน ๆ

นอกจากทาครีมกันแดดแล้วก็ยังต้องป้องกันแสงแดดด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่น กางร่ม ใส่หมวก สวมแว่นกันแดด เลือกใส่เสื้อผ้าแขนยาว หรือมีคุณสมบัติในป้องกันแสงแดด อย่างผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 80%

ขอบคุณข้อมูลจาก : ทวิตเตอร์ DrKengw หมอผิวหนัง, sukumvithospital.com, si.mahidol.ac.th, idskinexpert.com, reidhealth.org, ehe.health, nejm.org

27/05/2022
ฝ้า คำคุ้นๆที่ไม่ควรมองข้ามมีคนไข้จำนวนไม่น้อยมาปรึกษาหมอด้วยเรื่อง… มีปื้นสีน้ำตาลเข้มถึงดำที่แก้มสองข้าง ยิ่งทิ้งไว้นา...
27/05/2022

ฝ้า คำคุ้นๆที่ไม่ควรมองข้าม

มีคนไข้จำนวนไม่น้อยมาปรึกษาหมอด้วยเรื่อง… มีปื้นสีน้ำตาลเข้มถึงดำที่แก้มสองข้าง ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่คนไข้เองก็สามารถวินิจฉัยได้ว่ามันคือ “ฝ้า” น้อยคนนักที่จะไม่ทราบว่าเจ้าวายร้ายนี้คืออะไร จึงไม่แปลกที่คนไข้จึงมักได้รับการรักษามาแล้วอย่างโชกโชน ทั้งด้วยตนเอง ร้านขายยาทั่วไป ครีมที่โฆษณากันโครมๆ ว่ารักษาฝ้าหายทันใจ หรือแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็ตาม บางส่วนบอกว่าดีขึ้น แต่โดยส่วนมากแล้วมักคงที่ และมีบางส่วนอาจแย่ลง ดังนั้นวันนี้หมอจึงนำเรื่องใกล้ตัว ที่ไม่มีใครอยากให้มาใกล้ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

ฝ้า ( Melasma หรือ Chloasma ) คือ ปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม หรือดำ ตำแหน่งที่พบได้บ่อยคือบริเวณใบหน้าที่มีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดมากๆ เช่น โหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง, หน้าผาก, ขมับ, เหนือริมฝีปาก และจมูก มักเป็นทั้งด้านซ้ายและขวา พบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี โดยฝ้าเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานมากขึ้นกว่าปกติ จึงสร้างเม็ดสีออกมามากกว่าเดิม เม็ดสีที่ถูกลำเลียงสู่ผิวชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้ามีลักษณะเข้มและขอบชัด เรียกว่า ฝ้าตื้น ส่วนเม็ดสีที่อยู่ใต้ต่อชั้นหนังกำพร้าลงมา และมีบางส่วนที่ตกค้างอยู่ในชั้นหนังแท้ มักจะมีสีอ่อนกว่าอาจเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด เรียกว่า ฝ้าลึก โดยคนไข้ส่วนมากมักมีฝ้าทั้ง 2ชนิดปนกัน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า

แสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการเกิดฝ้า ไม่ว่าจะเป็น UVA, UVB และ Visible light
ฮอร์โมน ซึ่งมีผลทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น เช่น ในภาวะตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน, การทานยาคุมกำเนิด หรือ การใช้เครื่องสำอางที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนผสม
พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเกิดฝ้า มีรายงานว่าเป็นผลในครอบครัวได้ถึงเกือบ 50 % เลยทีเดียว
ภาวะทุพโภชนา อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพบผื่นแบบฝ้าในผู้ที่มีการทำงานของตับผิดปกติ และผู้ที่ขาดวิตามิน บี 12 เป็นต้น
เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฮโดรควินโนน อาจทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้าได้
ปัจจัยเหล่านี้คือสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝ้า โดยทั่วไปแล้ว ฝ้าตื้นนั้นเกิดได้ง่ายและอยู่ตื้น จึงรักษาได้ง่ายกว่าฝ้าลึก ซึ่งไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาเท่าที่ควร เมื่อเราทราบถึงเหตุปัจจัยแล้ว ก็ขอให้พยายามหาสาเหตุของตนเอง และแก้ไข หรือ หลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า หรือป้องกันฝ้าที่มีอยู่แล้วไม่ให้เข้มไปกว่าเดิม
การหาสาเหตุและพยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุของการเกิดฝ้า

ถ้าแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นฝ้า เช่น ในคนที่ต้องทำงานกลางแดด หรือ ชอบเล่นกีฬากลางแจ้งที่ต้องโดนแดดเป็นเวลานานๆ เช่น กอล์ฟ หรือ เทนนิส ก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น เนื่องจากเป็นเวลาที่มีแสงยูวีเข้มข้นที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ แนะนำให้ใส่หมวก กางร่ม หรือใส่หน้ากากกันยูวี และต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน (SPF) มากกว่า 30 ขึ้นไปค่ะ
ถ้าสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น จากภาวะตั้งครรภ์ จำเป็นต้องรอเวลาที่ฮอร์โมนนั้นหมดไป ซึ่งส่วนใหญ่ฝ้าก็จะดีขึ้นตามลำดับหลังการคลอดบุตร แต่ก็มีคนไข้บางส่วนที่ฝ้าอาจติดถาวรได้ แต่ถ้าฝ้าเกิดจากการได้รับฮอร์โมนจากภายนอก เช่น การรับประทาน หรือการแปะยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนหรือสารสกัดจากรก (Placental extract) เป็นส่วนประกอบ คนไข้อาจใช้วิธีหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารดังกล่าวด้วยการเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด เช่น การใช้ห่วงคุมกำเนิด หรือ การใช้ถุงยางอนามัย แทนเป็นต้น หรือด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่
การรักษาฝ้า

การรักษาฝ้าด้วยยา

ยาทาที่รักษาฝ้านั้นมีมากมาย ทั้งกลุ่มที่ให้ผลเร็ว ซึ่งย่อมมีผลข้างเคียงตามมาด้วย และยาที่ให้ผลช้า แต่ผลข้างเคียงต่ำ ยาส่วนใหญ่จะทำให้ ฝ้าจางลงด้วยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยไม่ได้ไปทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี ดังนั้นถ้าหยุดยาเมื่อใด ฝ้าก็มีโอกาสกลับคืนมาได้เช่นกัน

การรักษาฝ้าด้วยกระบวนการ Laser Rejuvenation

หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ กระบวนการ Laser Rejuvenation โดยใช้เครื่อง HELIOS II ซึ่งสามารถผลิตแสงเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า กระ ผิวหน้าสีไม่สม่ำเสมอ รอยสักสีดำ สีน้ำเงิน สีเขียว เป็นต้น รอยโรคที่มีความผิดปกติของเม็ดสี รวมถึงปาน และจุดด่างดำ นอกเหนือจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหน้าในระหว่างการรักษาอีกด้วย

การใช้แสงเลเซอร์รักษาผิวหนังอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายๆคน แต่เครื่อง HELIOS II นั้นปลอดภัยเป็นพิเศษ ในระหว่างทำการรักษาจะรู้สึกเพียงอุ่นๆ และยิบ ๆในบริเวณที่เป็นผิวหนังปกติ และเพียงรู้สึกดีดๆ ในบริเวณที่มีเม็ดสีเท่านั้น ด้วยความเสถียรของพลังงานเลเซอร์ยังช่วยไม่ให้เกิดจุดเลือดออก และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้

หลังการรักษา คนไข้เพียงแค่ดูแลผิวหลังตามคำแนะนำของคุณหมอด้วยวิธีง่ายๆ อย่างเช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 30 ก็เพียงพอค่ะ

การรักษาฝ้าด้วยวิธีอื่นๆ

เช่น การลอกผิว ทั้งด้วยสารเคมี (Chemical Peeling), การเร่งการผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA (กรดผลไม้) หรือ การขัดผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)

การรักษาฝ้าเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน การป้องกันไว้ก่อนจึงย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน การหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานๆ ในช่วง 10โมงเช้าถึง 4โมงเย็น และการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ก็สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญลงได้ แต่หากเกิดฝ้าขึ้นแล้ว… การเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อขอรับคำปรึกษาและค้นหาสาเหตุ ก็จะทำให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยมากขึ้น
Cr. พญ. อนงค์ลักษณ์ รัตนศิริวิไล

สารอันตราย 9 ชนิด ได้แก่ 1. สารสเตียรอยด์ (Steroids)2. สารปรอท (Mercury)3. ไฮรโดรควิโนน (Hydroquinone)4. สารตะกั่ว (Lead...
26/05/2022

สารอันตราย 9 ชนิด ได้แก่
1. สารสเตียรอยด์ (Steroids)
2. สารปรอท (Mercury)
3. ไฮรโดรควิโนน (Hydroquinone)
4. สารตะกั่ว (Lead)
5. โซเดียมซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulphate)
6.สาร PVP(Polyvinyl Pyrrolidone)
7. กรดเรติโนอิก(Retinoic acid)
8. แป้งทัลคัม(Talcum)
9. สารพาราเบน (Paraben)


1. สารสเตียรอยด์ (Steroids)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
นับเป็นสารอันตรายที่พบบ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้สิวหายไว แต่เมื่อหยุดใช้สิวจะเห่อขึ้นมามากกว่าเดิม หรือผิวแตกลายเป็นรอยแดง ยับยั้งการเติบโตในเด็ก อาจทำให้ผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ รวมทั้งไปกดภูมิคุ้มกันโรค จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ
2. สารปรอท (Mercury)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
พบมากในเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว ช่วยให้สีผิวขาวขึ้นไว ลดฝ้า กระ และลดสิว ได้อย่างรวดเร็ว หากหยุดใช้ผิวจะคล้ำลงกว่าเดิมจนเป็นสีปรอทหรือสีดำอมเทา หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทำลายระบบประสาทส่วนกลาง
3. ไฮรโดรควิโนน (Hydroquinone)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
ไฮโดรควิโนน เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกสีผิว ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือกดกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสี หรือทำให้ฝ้าจางลงไปได้อย่างรวดเร็ว จึงมักถูกผสมเพื่อเป็นครีมรักษาฝ้า หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเกิดอาการระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ และหน้าบางไวต่อแสงแดด
4. สารตะกั่ว (Lead)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
พบมากในเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติกสารตะกั่วจัดเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ เพราะเนื่องถ้าหากถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดอาการปวด บิดในท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นเลือดอาจมีอาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ
5. โซเดียมซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulphate)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
พบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย อย่าง สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม สารโซเดียมซัลเฟต สามารถแทรกซึมลงไปในชั้นผิวได้ถึง 5 – 6 มม.ส่งผลให้ผิวหนังบางลงจนทำให้สารพิษ อื่นๆ สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังจนเกิดอาการแพ้ได้
6.สาร PVP(Polyvinyl Pyrrolidone)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
พบในน้ำยาสเปรย์จัดแต่งทรงผม ลักษณะคล้ายกาว เป็นสารที่ทำให้เส้นผมแข็งตัว ใช้ผสมในน้ำยาจัดแต่งทรงผม มูส/เจลใส่ผมเป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลาย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการสูดดม และการซึมเข้าทางผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผมร่วง เกิดการแพ้หรืออักเสบบริเวณหน้าผาก ข้างหู คอ
7. กรดเรติโนอิก(Retinoic acid)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
กรดเรติโนอิก กรดเรตินอล หรือ กรดวิตามินเอ ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเท่านั้น สำหรับการผลิตครีมต่างๆ ยังนับเป็นสารอันตรายในเครื่องสำอาง พบได้ในยารักษาสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว หากนำมาใช้เองอาจเกิดอาการผิวหนังลอก เป็นผื่นแดง
8. แป้งทัลคัม(Talcum)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
พบในแป้งฝุ่น อายแชโดว์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น หากสูดดมเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดโรค ปอด มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก และมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ถึง 30–60% ในกลุ่มของผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวที่ผสม Mineral Talc เป็นประจำ
9. สารพาราเบน (Paraben)
สารอันตราย 9 ชนิด ในเครื่องสำอางค์ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด GreenShopCafe.com
เป็นสารอันตรายที่ใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางและโรลออนระงับกลิ่นกาย ยับยั้งสิ่งสกปรกได้ดี แต่ง่ายต่อการสะสมในร่างกาย และซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันครีมและเครื่องสำอางหลายชนิดที่ไม่ได้มาตรฐาน แอบลักลอบใส่สารอันตรายในเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นก่อนจะใช้ครีมชนิดใดๆ ผู้ใช้ควรพิจารณาและตรวจเช็คเลข อย. เพื่อความปลอดภัยตรวจสอบรายชื่อครีมอันตราย >> ครีมอันตราย

สินค้าสุขภาพออนไลน์ ทางเลือกเพื่อผู้บริโภคยุคใหม่ สินค้าออแกนิค ปลอดสารเคมีอันตราย เป็นมิตรต่อคุณภาพชี.....

ที่อยู่

Bangkok
14140

เบอร์โทรศัพท์

+66886361257

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ รับตัวแทนจำหน่าย ทำ OEM สกินแคร์ เซรั่ม คอสเมติก by Charmiesผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง รับตัวแทนจำหน่าย ทำ OEM สกินแคร์ เซรั่ม คอสเมติก by Charmies:

แชร์