Coil & FPC Assy: Thai Shinei Seiko Co,Ltd

Coil & FPC Assy: Thai Shinei Seiko Co,Ltd Coil & FPC Assy

ผู้ผลิตขดลวดสนามแม่เหล็ก (Coil) รับประกอบแผงวงจรชนิดอ่อน (FPC Assy)
ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมอินทรา ถนนสายเอเซีย กม.98 อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี 16110

14/01/2024
24/02/2022
14/02/2022

รู้จัก “Kazuo Hirai” ซีอีโอ ผู้ชุบชีวิต Sony /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงเหตุการณ์อุทกภัย หรือ น้ำท่วม เชื่อว่าใครหลายคนคงนึกย้อนไป
ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทย ในปี 2011 หรือราว 11 ปีก่อน
ซึ่งถูกประเมินมูลค่าความเสียหาย จากธนาคารโลก ไว้กว่า 1,000,000 ล้านบาท

ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันนั้น มีบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
กำลังประสบปัญหา จนมูลค่าบริษัทหายไป เทียบเท่ากับมูลค่าความเสียหาย จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทย บริษัทนั้นคือ “Sony” ณ ตอนนั้น Sony มีมูลค่าบริษัทเหลือเพียง 320,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม Sony สามารถกลับมาทำกำไร และสร้างการเติบโตได้อีกครั้ง

ปัจจุบัน มีมูลค่า 4,400,000 ล้านบาท กลายมาเป็นบริษัทใหญ่สุดอันดับ 2 ในตลาดหุ้น ประเทศญี่ปุ่น
เป็นรองเพียง Toyota เท่านั้น

โดยผู้ที่เข้ามาพลิกวิกฤติให้กับบริษัท มีชื่อว่าคุณ Kazuo Hirai
ที่จริง ๆ แล้ว เขาเพิ่งขึ้นมารับตำแหน่งเป็นซีอีโอได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

แล้วเขา ทำได้อย่างไร ?
วันนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนจะไปฟังเรื่องราวของ Sony
เรามาทำความรู้จักกับคุณ Kazuo Hirai กันก่อน

คุณ Kazuo Hirai เกิดเมื่อปี 1960 ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยคุณพ่อของเขามีอาชีพเป็นนายธนาคาร และบ่อยครั้งที่คุณพ่อของเขาต้องเดินทาง ไปติดต่องานที่ต่างประเทศ ซึ่งบ่อยครั้งก็จะพา คุณ Kazuo Hirai ไปด้วย

ทำให้เขาได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใกล้เคียงญี่ปุ่น
หรืออีกซีกโลกหนึ่งอย่างแคนาดา และเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยเฉพาะแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ของบริษัทระดับโลกตั้งอยู่
ไม่ว่าจะเป็น Intel หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
หรือ Walmart ธุรกิจห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก

จนเมื่อเขาอายุได้ 15 ปี คุณพ่อของเขาต้องย้ายไปทำงานประจำ อยู่ที่ประเทศแคนาดา

ทำให้เขาต้องย้ายจากโรงเรียนในญี่ปุ่น ไปที่โรงเรียน Valley Park Middle School ในประเทศแคนาดา

หลังจากนั้น ในช่วงของการเรียนมหาวิทยาลัย คุณ Kazuo Hirai ได้กลับมาเรียนที่ International Christian University ในสาขาศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ที่ในเมืองมิตากะ ประเทศญี่ปุ่น

และจากการที่เขาได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ
รวมถึงได้ไปใช้ชีวิตอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้เขาเรียนรู้ และมีความสามารถ 2 อย่างด้วยกัน

- เขาเข้าใจและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
- เขาเข้าใจการทำงานของหลายบริษัท จากหลายประเทศ

ซึ่งมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรมองค์กร หรือเรื่องระยะเวลาการทำงาน
โดยเฉพาะประเทศในฝั่งอเมริกากับฝั่งเอเชียนั้น มีความแตกต่างกันอย่างมาก

หลังจากจบการศึกษาในปี 1984 คุณ Kazuo Hirai ได้เริ่มเข้าทำงานที่บริษัท Sony Music Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Sony อีกทีหนึ่ง โดยในช่วงเริ่มต้น เขาทำงานในตำแหน่ง ฝ่ายการตลาดในแผนกเพลงสากล

แต่ด้วยความสามารถ ในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม
ซึ่งแตกต่างจากพนักงานคนอื่นในประเทศญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษที่ดีมากนัก
ทำให้เขาได้มีโอกาส ไปทำงานที่ Sony Music Japan's New York office ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ตลอด 10 ปี ในการทำงาน เขาค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นมาจนในปี 1995 เขาได้ย้ายมาทำงานในแผนก Computer and Video Games ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท Sony Computer Entertainment America
หรือ SCEA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Sony ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวิดีโอเกมในสหรัฐอเมริกา

หลังจากนั้นเพียง 4 ปี คุณ Kazuo Hirai ก็ได้ขึ้นเป็นประธานและผู้บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการของ CEA
ซึ่งเขามีหน้าที่ รับผิดชอบในการบริหารจัดการธุรกิจ เกี่ยวกับวิดีโอเกมในอเมริกาทั้งหมด

ซึ่งต้องบอกว่าการได้รับตำแหน่งในครั้งนี้เอง
เป็นจุดที่ทำให้เขา เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงผู้บริหาร
โดยผลงานชิ้นแรกที่เริ่มสร้างชื่อเสียงให้คุณ Kazuo Hirai คือ
การสร้างยอดขาย ให้กับเครื่องเล่นเกม “PlayStation 2” ในสหรัฐอเมริกา

ที่บอกว่าสร้างชื่อนั้น ก็เพราะว่าภายหลังจากเริ่มวางขาย ได้เพียง 11 เดือน
PlayStation 2 ในสหรัฐอเมริกา มียอดออร์เดอร์กว่า 8.24 ล้านเครื่อง
มากกว่าในเอเชียรวมถึงญี่ปุ่น ที่ทำการวางขายมาแล้ว 18 เดือน ซึ่งทำยอดอยู่ที่ 6.85 ล้านเครื่อง

และจากผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้คุณ Kazuo Hirai ค่อย ๆ ขยับตำแหน่งขึ้นมาเรื่อย ๆ
จนในปี 2009 คุณ Kazuo Hirai ก็ได้กลายเป็น ผู้บริหารบริษัทลูกของ Sony หลายบริษัทในเวลาเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นแผนกที่เกี่ยวข้องกับ คอมพิวเตอร์ VAIO, โทรศัพท์มือถือ Xperia,
บริการอื่น ๆ เช่น เพลง และแน่นอนรวมไปถึงเครื่องเล่นเกม PlayStation

และแล้วจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้งคุณ Kazuo Hirai เอง รวมถึง Sony Corporation
ก็เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อคุณ Kazuo Hirai ได้ขึ้นแท่นมาเป็นซีอีโอเต็มตัว ของบริษัท Sony

แต่ก็ต้องบอกว่า Sony ในเวลานั้น
เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังย่ำแย่เลยทีเดียว
เราลองมาดูผลประกอบการของ Sony กัน ว่าเป็นอย่างไร ?

ปี 2010 รายได้ 2.00 ล้านล้านบาท ขาดทุน 11,714 ล้านบาท
ปี 2011 รายได้ 2.00 ล้านล้านบาท ขาดทุน 74,537 ล้านบาท
ปี 2012 รายได้ 1.86 ล้านล้านบาท ขาดทุน 131,129 ล้านบาท

จากผลประกอบการในตอนนั้น
เรียกได้ว่านอกจากรายได้ไม่โตแล้ว
รายได้ก็ลดลง แถมยังมีผลการขาดทุนมากขึ้นทุกปี

ทันทีที่คุณ Kazuo Hirai เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ
เขาก็พบว่า ปัญหาของ Sony ในตอนนั้น รุงรังเต็มไปหมด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น

- บริษัทมีธุรกิจหลายส่วนมากจนเกินไป และไม่ได้มีการโฟกัส ที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ แต่ละหน่วยงานยังทำงานแบบ ต่างคน ต่างทำ เรียกได้ว่าบริษัทไม่มีจุดโฟกัส ไม่มีทิศทางการทำธุรกิจที่ชัดเจน

- บริษัทมีพนักงานมากจนเกินไป ซึ่งในหลายตำแหน่งทำงานทับซ้อนกัน

เมื่อรู้ถึงปัญหาที่ Sony กำลังเผชิญอยู่ คุณ Kazuo Hirai จึงได้วางกลยุทธ์ที่ใช้ในการแก้ปัญหาทั้งหมดนี้
เพียงไม่กี่เดือน หลังจากขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอ เขาได้ประกาศกลยุทธ์ที่จะมาแก้ปัญหาของ Sony
โดยกลยุทธ์นั้น มีชื่อว่า “One Sony”

อธิบายกลยุทธ์ One Sony ง่าย ๆ ก็คือ

บริษัทต้องการให้ทุกคนใน Sony ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับบริหาร
ไปจนถึงพนักงานตัวเล็ก ๆ เห็นภาพ และแนวทางของบริษัทในอนาคต ไปในทิศทางเดียวกัน

โดย Sony จะโฟกัสแค่ธุรกิจหลัก ๆ คือ

1. ธุรกิจเกม ซึ่งมีตัวชูโรงอย่างเครื่องเล่นเกม PlayStation

2. ธุรกิจ Digital Image ซึ่งประกอบไปด้วย
กล้องดิจิทัล, เลนส์, รวมไปถึง Image sensor ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ที่มีหน้าที่ในการเปลี่ยนภาพที่เราเห็น ให้กลายเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์

3. ธุรกิจ Mobile ซึ่งก็มีผลิตภัณฑ์หลักคือ สมาร์ตโฟน Xperia

ส่วนธุรกิจที่ Sony ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงธุรกิจที่ไม่สามารถทำกำไรได้ บริษัทก็จะหยุดทำธุรกิจนั้นหรือขายธุรกิจนั้นออกไปทั้งหมด

ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า Sony ได้ทำการขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ ซึ่งคือแบรนด์ VAIO ให้กับทางบริษัทจัดการเงินทุนอย่าง Japan Industrial Partners

รวมถึงขายธุรกิจแบตเตอรี่ ให้กับบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Murata Manufacturing Co., Ltd.
ซึ่งดีลนี้คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการปรับแนวทางของธุรกิจ TV โดยเปลี่ยนจากการผลิต TV ที่มีเทคโนโลยีจอ LCD ซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในเวลานั้น

โดยทาง Sony ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท S-LCD ซึ่งเป็นบริษัทผลิตจอ LCD
ให้กับทาง Samsung ซึ่งดีลนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท

จากนั้นหันมาเน้นผลิตจอคุณภาพสูง ที่มีระดับ 4K ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งในตลาดมากนัก
เนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ในเวลานั้น

นอกจากเรื่องการขายกิจการออกไปแล้ว เพื่อเป็นการลดต้นทุนของบริษัทลง
คุณ Kazuo Hirai ยังได้ปลดพนักงาน ที่มีหน้าที่ทับซ้อนกันในบางตำแหน่ง กว่า 10,000 คน

แนวทางทั้งหมดนี้ ใช้เวลาหลายปี แต่แล้วการเข้ามาปรับโครงสร้างองค์กร ของคุณ Kazuo Hirai
ก็เริ่มเห็นผลได้ชัดในปี 2016 เมื่อบริษัท Sony เริ่มพลิกกลับมาทำกำไรได้สำเร็จ

โดยมีธุรกิจเกม ที่มีรายได้หลักมาจากเครื่องเล่นเกม PlayStation 4 ที่สามารถขายได้กว่า 50 ล้านเครื่อง หลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 4 ปี

เราลองมาดูผลประกอบการ หลังจากปี 2016 กันว่าเป็นอย่างไร ?

ปี 2016 รายได้ 2.33 ล้านล้านบาท กำไร 42,453 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 2.18 ล้านล้านบาท กำไร 21,052 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 2.45 ล้านล้านบาท กำไร 140,982 ล้านบาท

จากผลประกอบการ
หากลองเทียบกับช่วงก่อนที่คุณ Kazuo Hirai จะขึ้นมาเป็นซีอีโอ
บริษัท Sony มีรายได้อยู่ที่ระดับ 2 ล้านล้านบาท
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมรายได้ถึงมีอัตราการเติบโตที่ต่ำ ?

นั่นเป็นเพราะว่า Sony ได้ตัดขายธุรกิจบางส่วนออกไป

ทำให้ยอดขายจากธุรกิจในส่วนที่ขายออกไปนั้นหายไปด้วย ซึ่งก็ส่งผลมายังยอดขายโดยรวมอีกทีหนึ่ง

แต่หากเราลองมาดูในส่วนของการทำกำไรแล้ว ก็จะพบว่ามีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งก็เป็นผลจากการที่บริษัท ทำการลดต้นทุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายธุรกิจที่ขาดทุนออกไป หรือการลดพนักงานในส่วนที่มากเกินความจำเป็นให้น้อยลง

โดยทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลมายังกำไรในบรรทัดสุดท้าย
ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดว่า กำไรของ Sony ปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

หลังจากที่คุณ Kazuo Hirai เข้ามาพลิกฟื้น Sony สำเร็จแล้ว

ในปี 2018 เขาได้ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท แต่ยังคงมีตำแหน่งเป็นประธานและกรรมการบริษัท

และในปีถัดมา คุณ Kazuo Hirai ในวัย 59 ปี ก็ได้ประกาศลงจากตำแหน่งทั้งหมด กลายเป็นเพียงที่ปรึกษาอาวุโสของทาง Sony มาจนถึงปัจจุบัน

เราลองมาเทียบมูลค่าบริษัท
ณ วันแรกที่คุณ Kazuo Hirai ขึ้นเป็นซีอีโอของ Sony
กับมูลค่าบริษัทในวันที่ลงจากตำแหน่งผู้บริหาร

สิ้นปี 2012 Sony Corporation มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 370,000 ล้านบาท
สิ้นปี 2018 Sony Corporation มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 2,020,000 ล้านบาท

คิดเป็นการเติบโตกว่า 5 เท่าภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี เท่านั้น

แล้วเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรกับเรา ?

ในมุมของผู้บริหารและบริษัท
จะเห็นได้ว่า บางครั้งการที่บริษัทของเรา เลือกที่จะทำอะไรหลายอย่างมากจนเกินไป
จนขาดการโฟกัสในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ก็อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจากแต่ละธุรกิจนั้น
ไม่ได้มีจุดเด่น หรือคุณภาพดีพอที่จะสามารถแข่งขันในตลาดได้

กลับกัน หากเราลองเลือกที่จะทำเพียงไม่กี่สิ่งที่เราถนัด และเป็นจุดแข็งของเราจริง ๆ
ไม่แน่ว่าบางครั้งผลลัพธ์ อาจจะออกมาดีกว่าทำหลายอย่างพร้อม ๆ กันก็ได้

ในมุมของนักลงทุน
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า “ผู้บริหาร” นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราควรให้ความสำคัญ
บางครั้งเราอาจมองว่า ถ้าบริษัทมีกิจการที่ดี มีธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ผู้บริหารคงไม่มีผลอะไรมากนัก

แต่จากเรื่องนี้เราคงได้เห็นกันแล้วว่า
สำหรับบริษัทที่ประสบปัญหา ผู้บริหารที่เก่ง จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบริษัทเป็นอย่างมาก..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://successstory.com/people/kazuo-hirai
-https://www.engadget.com/2012-04-12-kaz-hirai-reveals-one-sony-turnaround-strategy-will-cut-10-00.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kaz_Hirai
-https://en.wikipedia.org/wiki/PlayStation_2_sales -https://en.wikipedia.org/wiki/PlayStation_4
-https://asia.nikkei.com/magazine/20160818-SONY-S-RENAISSANCE/On-the-Cover/Sony-shifts-its-focus-from-mere-survival-to-innovation
-https://www.engadget.com/2011-12-26-sony-sells-its-stake-in-samsung-lcd-team-up-for-939-million.html
-https://www.theverge.com/2012/4/12/2943054/sony-to-layoff-10000-as-part-of-one-sony-initiative
-https://www.japantimes.co.jp/news/2017/07/19/business/corporate-business/sony-complete-sale-battery-business-murata-september/
-https://techcrunch.com/2014/02/06/sony-vaio-sale/
-https://pitchbook.com/profiles/investor/60677-11
- Sony Annual Report 2010, 2012, 2016, 2018

23/12/2021

A with tests of my new coilgun project. You have the full tutorial here: https://youtu.be/id90kjYh-Qw Check it out and subscribe. Consider giving me ...

22/11/2021

สงครามเกาหลี สร้างชื่อ Nikon เปลี่ยนมุมมอง Made in Japan ไม่ใช่ของก็อปคุณภาพต่ำ

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 Nippon Kogaku คือผู้ผลิตอุปกรณ์ optic (เครื่องมือต่างๆ ที่มีเลนส์เป็นองค์ประกอบสำคัญ เช่น อุปกรณ์หาระยะทาง หรือ rangefinder และกล้องจุลทรรศน์) คุณภาพสูงจากญี่ปุ่นซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงจากวิศวกรเยอรมันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งแรกไม่นาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองจนก้าวหน้าไปมาก โดยมีลูกค้าสำคัญคือกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น

นอกจากนี้ Nippon Kogaku ก็ยังเป็นผู้ผลิตเลนส์ให้กับกล้อง 35 มม. ตัวแรกของญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาผู้ผลิตกล้องรายนี้ก็คือ “Canon” ส่วน Nippon Kogaku ก็กลายมาเป็น “Nikon” คู่แข่งสำคัญของ Canon นั่นเอง

ชื่อเสียงของเลนส์ของ Nippon Kogaku เป็นที่เลื่องลืออยู่แล้วในตลาดญี่ปุ่น แต่ในระดับโลกเลนส์จากเยอรมนีอย่าง Leitz (Leica) หรือ Carl Zeiss (Ikon) คือสิ่งที่ช่างภาพมองหามากที่สุด ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายรูปและเลนส์จากญี่ปุ่นยังคงถูกมองว่าเป็นเพียงของก็อปสินค้าเยอรมันราคาถูก คุณภาพต่ำ

จนกระทั่งเกิดสงครามเกาหลี ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตเลนส์และกล้องถ่ายรูปของญี่ปุ่นได้รับการยอมรับในตลาดโลก โดยเฉพาะเลนส์ของ Nikon ที่รายงานข่าวชิ้นหนึ่งใน The New York Times ยกให้เป็นเลนส์ที่มีคุณภาพดีกว่าเลนส์ต้นแบบจากเยอรมนีเสียอีก

จุดเริ่มต้นของความสนใจในเลนส์ “Nikkor” ของ Nikon เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เมื่อ เดวิด ดักลาส ดันแคน ช่างภาพของนิตยสาร Life เดินทางมาญี่ปุ่น พร้อมกับผู้ช่วย จุน มิกิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นคนเดียวของนิตยสารดัง ในเดือนมิถุนายน 1950 ก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามเกาหลีไม่นาน

ระหว่างหนั้น ริวอิจิ มุราอิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นอีกรายเดินทางมาพบกับช่างภาพทั้งสอง พร้อมกับกล้อง Nicca กล้องญี่ปุ่นที่เลียนแบบ Leica ซึ่งติดเลนส์ Nikkor 85mm f2 มาด้วย

มิกิยืมกล้องของมุราอิมาถ่ายภาพดันแคนตอนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ดันแคนไม่เคยเห็นเลนส์หน้าตาแบบนี้มาก่อน ก็เลยถามว่า “นั่นเลนส์อะไร?”

มิกิบอกว่า “นี่คือเลนส์ (Zeiss) Sonnar ของญี่ปุ่น”

ดันแคนได้ยินอย่างนั้นก็ขำแล้วถามกลับไปว่า “แล้วคาดิแลคของญี่ปุ่นล่ะ?”

แต่วันต่อมาเมื่อมิกิล้างฟิล์มเอารูปอัดมาให้ดันแคนดูก็ทำให้เค้าต้องประหลาดใจกับความคมชัดที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ และบอกกับมิกิว่า “สุดยอด! มันคมมากเลย คุณมิกิเราไปเยี่ยมบริษัทผู้ผลิตกัน”

วันต่อมา มิกิ, ดันแคน และฮอเรส บริสตอล ช่างภาพอีกคนจากนิตยสาร Fortune ก็เดินทางไปยังโรงงานของ Nippon Kogaku (Nikon ในปัจจุบัน) พวกเค้าเปรียบเทียบคุณภาพเลนส์ Nikkor กับเลนส์ของ Leitz และ Zeiss ที่พวกเค้าใช้อยู่ด้วยอุปกรณ์ฉายภาพ ก่อนตัดสินใจเหมาเลนส์ Nikkor กันไปเป็นชุด

เมื่อสงครามเกาหลีปะทุขึ้น ดันแคนพกกล้อง Leica สองตัวไปยังแนวหน้า ตัวนึงติดเลนส์ Nikkor 50mm f1.5 อีกตัวคือ Nikkor 135mm f4 เมื่อได้เห็นภาพคุณภาพสูงจากดันแคนทางออฟฟิศใหญ่ของ Life ในนิวยอร์กจึงถามว่า เค้าใช้เลนส์อะไร ดันแคนตอบว่า “Nikkor” ทำให้ช่างภาพอเมริกันพากันหาเลนส์ Nikkor กันยกใหญ่

กระแสความนิยมเลนส์ Nikkor ในหมู่ช่างภาพสงครามยังถูกนำไปขยายความต่อในสื่อระดับโลกอย่าง The New York Times ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 1950

"สมัยก่อน กล้องญี่ปุ่นข้างนอกก็ดูดีหรอก แต่ถ้าแกะดูข้างในงานมันหยาบมาก และไม่มีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงคุณภาพมาตรฐานที่ต่ำในเชิงช่าง อย่างไรก็ดี กล้อง Nikon ถูกผลิตออกมาอย่างปราณีตและแม่นยำมาก แน่นอนว่า มันเพิ่งออกวางตลาดได้ไม่นาน (Nikon I เพิ่งวางขายตอนปี 1948) และยังถูกใช้งานไม่มากนักตอนนี้จึงอาจยังไม่แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดปัญหานั้น เพราะเห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นสามารถจัดการกับปัญหาในการออกแบบได้อย่างชาญฉลาดและได้ผลลัพธ์คือกลไกที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น"

มาร์ติน ฟอร์สเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้องกล่าวกับ The New York Times ก่อนเสริมว่า

"เลนส์ของพวกเค้าเยี่ยมมากในเรื่องแก้อาการสีเพี้ยน โดยเฉพาะตัว 135mm f3.5 แล้วก็ยังได้ผลงานที่ดีกว่าเลนส์ของ Zeiss เวลาถ่ายที่รูรับแสงกว้าง ผมเคยเห็นเลนส์พวกนี้ตั้งแต่ปีกลาย และคิดว่ามันดีพอๆ หรือดีกว่าเลนส์ Zeiss เสียอีก แต่ใครๆ ก็บอกว่าผมบ้า ผู้นำเข้าที่เอาเลนส์มาให้ผมดูสุดท้ายก็ต้องส่งกลับเพราะขายไม่ออก"

แต่ภาพถ่ายในช่วงสงครามเกาหลีก็ทำให้มุมมองของตลาดโลกต่อสินค้าญี่ปุ่นเปลี่ยนไป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของ Nippon Kogaku ทั้ง เลนส์ Nikkor ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลนส์ LTM สำหรับใช้กับกล้องแบบ Leica และเลนส์สำหรับ S mount ของ Nikon เอง

รวมถึงกล้อง Nikon ที่มีสมรรถนะดีมากสามารถทำงานได้อย่างไม่ติดขัดในสภาวะที่อากาศหนาวยะเยือกของเกาหลีในขณะที่กล้องเยอรมันบางตัวงอแงสู้ไม่ไหว

(ดันแคนเล่าว่า สภาพอากาศในพื้นที่สู้รบ ณ เวลานั้น น่าจะติดลบ 40 ถึง 60 องศาฟาเรนไฮต์ เรียกว่าหนาวจนฟิล์มที่โดนอากาศก็กรอบหักไปหมด)

และหลังจากนั้นอีกเพียงไม่กี่ปี Nikon ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตกล้องและเลนส์ระดับโลกไม่แพ้คู่แข่งที่ครองตลาดมาก่อนจากฝั่งเยอรมนี

ภาพประกอบ: นาวิกโยธินกองทัพสหประชาชาติขณะถอนทัพจาก Chosin Reservoir ในสงครามเกาหลี เมื่อปี 1950 โดย David Douglas Duncan, Life Magazine

29/10/2021

SMT/SMD components and reflow of solder paste shown in magnified views. Video shows dynamics of lead free solder paste being reflowed on SMT prototype boards...

06/05/2021
11/03/2021

การเป็นเบอร์ 1 ในใจลูกค้าคือรางวัลที่แบรนด์ต้องขอบคุณลูกค้า เป็นการย้ำเตือนว่าแบรนด์ไม่ควรหยุดพัฒนาแ

13/02/2021

ต้องยอมรับก่อนเลยว่ายุคสมัยปัจจุบันไม่เพียงแค่ iPhone เท่านั้น ค่ายอื่นไม่ว่าจะเป็น Samsung, Xiaomi, Huawei, One Plus หรืออื่น ๆ ก.....

04/02/2021

BCN Ranking published their latest full-frame cameras market share report for Japan (translation): BCN Ranking collects real sales data from approximately 40% of the Japanese retailers – this is not a worldwide market share report. Previous BCN reports can be found here. Related posts: The 2020 BC...

10/01/2021

อุตสาหกรรมกล้องถ่ายรูป กำลังเจอความท้าทายอย่างหนัก จากสมาร์ตโฟน /โดย ลงทุนแมน
การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
ทำให้ชีวิตคนส่วนใหญ่สะดวกสบายมากขึ้น
และยิ่งสมาร์ตโฟนก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไร
ก็ยิ่งสามารถรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ในมือเราได้มากขึ้น

และแน่นอนว่า อุตสาหกรรมที่กำลังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ก็คือ “กล้องถ่ายรูปดิจิทัล”

อุตสาหกรรมกล้องถ่ายรูปดิจิทัลในตอนนี้
กำลังเจอความท้าทายหนักแค่ไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปี 1995 สมาร์ตโฟนเครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า “Simon” ถูกผลิตขึ้น
โดยผู้พัฒนาก็คือ IBM ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านสารสนเทศ รายใหญ่ของโลกในตอนนั้น

นอกจาก Simon จะสามารถโทรไปมาหากันได้แล้ว
ยังสามารถใช้ในการ รับ-ส่งอีเมล บันทึกข้อมูล รวมทั้งช่วยทำตารางนัดหมายให้แก่ผู้ใช้งานได้ด้วย

แม้ Simon จะยังไม่มีฟังก์ชันการถ่ายรูปบนสมาร์ตโฟน
แต่โลกก็ได้รับรู้ว่า โทรศัพท์มือถือรุ่นที่จะพัฒนาออกมาหลังจากนั้น
จะไม่ได้ใช้เพียงแค่รับสายและโทรออก อีกต่อไป..

ปี 1999 Kyocera บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์เซรามิกของญี่ปุ่น
ได้ผลิต Camera Phone หรือโทรศัพท์ที่สามารถถ่ายรูปได้
โดยมีชื่อรุ่นว่า “Kyocera Visual Phone VP-210”
ซึ่งนั่นคือต้นกำเนิดของการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้น หลายๆ บริษัททางด้านเทคโนโลยี
ก็ได้เริ่มทยอยเปิดตัว Camera Phone กันออกมา
เช่น Samsung ในปี 2000, Nokia ปี 2001
และที่สำคัญที่สุด ก็คงจะเป็น การเปิดตัวของ “iPhone” ในปี 2007

แม้ว่าช่วงแรก Camera Phone จะมีข้อกำจัดหลายอย่าง
โดยเฉพาะเรื่องความละเอียดของภาพ

แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ก็ยิ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูปที่อยู่บนสมาร์ตโฟนสูงขึ้น
จนทำให้ภาพที่ถ่ายจากกล้องของสมาร์ตโฟนมีความคมชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่สำคัญก็คือ การเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดีย
อย่างเช่น Facebook, Instagram ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
ที่ทำให้คนหันมาใช้สมาร์ตโฟนถ่ายรูปกันมากขึ้น

เพราะสามารถถ่าย แล้วอัปโหลดขึ้นไปยังบัญชีโซเชียลมีเดีย ได้เลยทันที ซึ่งสะดวกกว่าการถ่ายจากกล้องดิจิทัล ที่ต้องส่งเข้ามาในสมาร์ตโฟนอีกที

พอเป็นแบบนี้ จึงบอกได้ว่าสมาร์ตโฟน กำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในการถ่ายภาพของคนทั่วๆ ไป

รู้ไหมว่า ปี 2010 เป็นปีล่าสุด ที่ยอดขายกล้องถ่ายรูปทั่วโลกนั้นทำจุดสูงสุดตลอดกาล

ปี 2010 ยอดขายกล้องถ่ายรูปดิจิทัลทั่วโลก 121 ล้านชิ้น
ปี 2019 ยอดขายกล้องถ่ายรูปดิจิทัลทั่วโลก 15 ล้านชิ้น

ขณะที่บริษัทวิจัยที่ชื่อว่า Techno Systems ทำการประเมินว่า
ยอดขายกล้องถ่ายรูปดิจิทัลในปี 2020 จะเหลือเพียง 8.4 ล้านเครื่อง
หรือคิดเป็นการลดลง กว่า 44% จากปี 2019

ที่น่าสนใจคือ เมื่อมาดูยอดขายของสมาร์ตโฟนทั่วโลกนั้น พบว่า
ปี 2010 ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกเท่ากับ 297 ล้านเครื่อง
ปี 2019 ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกเท่ากับ 1,523 ล้านเครื่อง

จะเห็นว่า ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา
ยอดขายกล้องถ่ายรูปดิจิทัลปรับตัว “ลดลง” กว่า 88%
ขณะที่ยอดขายสมาร์ตโฟนกลับปรับ “เพิ่มขึ้น” ถึง 413%

พอเรื่องเป็นแบบนี้ หลายบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมผลิตกล้องถ่ายรูปจึงได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า

ในปี 2020 Olympus ผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปดิจิทัลสัญชาติญี่ปุ่น
ก็ได้ตัดสินใจขายธุรกิจกล้องถ่ายภาพที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1936 ให้กับพาร์ตเนอร์ธุรกิจอีกราย
หลังจากที่ต้องแบกรับภาระการขาดทุนในธุรกิจกล้องถ่ายภาพต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

และเมื่อไม่นานมานี้ Nikon ผู้ผลิตกล้องรายใหญ่จากญี่ปุ่นอีกราย
ก็ประกาศยุติการผลิตกล้องในญี่ปุ่น ที่ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 70 ปี
และเตรียมถ่ายโอนการผลิตทั้งหมดมาที่โรงงานในประเทศไทยแทน
เพราะต้องการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจลง ให้สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นได้

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในวันนี้ อุตสาหกรรมกล้องถ่ายรูป
เป็นอีกธุรกิจที่กำลังเจอความท้าทายหนักมาก

และถึงแม้ว่ากล้องถ่ายรูปของสมาร์ตโฟน
จะยังมีคุณสมบัติที่ไม่สามารถเทียบเคียงกล้องดิจิทัลได้ในหลายๆ ด้าน

แต่เราก็ต้องยอมรับว่า
การพัฒนาของกล้องบนสมาร์ตโฟนทุกวันนี้
เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก และก็มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
จนสำหรับบางคนอาจบอกได้ว่า สมาร์ตโฟนกลายเป็นสินค้าที่สามารถทดแทนกล้องดิจิทัลได้เลยทีเดียว

และหลายคนอาจจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่า
เคยถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิทัลครั้งล่าสุดเมื่อไร..

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า จากการสำรวจข้อมูลของบริษัทวิจัย Keypoint Intelligence พบว่า
ในปี 2019 ทั่วทั้งโลก มีการถ่ายรูปรวมกันทั้งหมด 1.4 ล้านล้านรูป
โดยในจำนวนทั้งหมดนี้ แบ่งเป็นการถ่ายรูปผ่านแท็บเล็ต 2% ผ่านกล้องถ่ายรูปดิจิทัล 8% และผ่านสมาร์ตโฟนสูงถึง 90% เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/worlds-first-smartphone-simon-launched-before-iphone-2015-6 #:~:text=Rob%20Stothard%2FGetty%20People%20didn,before%20Apple%20released%20the%20iPhone.
-https://en.wikipedia.org/wiki/Camera_phone
-https://www.weforum.org/agenda/2019/09/impact-smartphones-had-camera-industry/
-https://techthelead.com/smartphones-killed-the-digital-camera-industry/ #:~:text=Of%20course%2C%2085%20percent%20of%20them%20taken%20with%20a%20smartphone.
-https://www.statista.com/statistics/264337/cipa-companies-shipments-of-digital-cameras-since-1999/
-https://www.voathai.com/a/olympus-camera-exiting-camera-business-06242020/5476079.html
-https://techcrunch.com/2020/06/24/olympus-plans-to-sell-its-struggling-camera-division/ #:~:text=Olympus%20cameras%20have%20fallen.,the%20end%20of%20September%202020.
-https://nikonrumors.com/2020/12/20/after-70-years-nikon-to-end-camera-production-in-japan-manufacturing-moving-to-thailand-by-the-end-of-2021.aspx/ #:~:text=news%20flash%20%23603%20%C2%BB-,After%2070%20years%20Nikon%20to%20end%20camera%20production%20in%20Japan,by%20the%20end%20of%202021&text=The%20Japanese%20Asahi%20(translated)%20reports,end%20camera%20production%20in%20Japan.
- https://www.statista.com/statistics/263437/global-smartphone-sales-to-end-users-since-2007/
-https://focus.mylio.com/tech-today/how-many-photos-will-be-taken-in-2020
Fujifilm - Wikipedia

07/09/2020

ที่อยู่

Amphoe In Buri
16110

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Coil & FPC Assy: Thai Shinei Seiko Co,Ltdผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Coil & FPC Assy: Thai Shinei Seiko Co,Ltd:

แชร์