Face line news ข่าวทั่วไป ข่าวอาชญากรรม ข่าวบันเทิง

"ดร.แก้ว"เป็นประธานมอบถ้วยรางวัล การแข่งขันฟุตบอลลีก อาวุโสภาคเหนือ รุ่น 65 ปี, 69 ปี จ.สุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพั...
23/02/2025

"ดร.แก้ว"เป็นประธานมอบถ้วยรางวัล การแข่งขันฟุตบอลลีก อาวุโสภาคเหนือ รุ่น 65 ปี, 69 ปี จ.สุพรรณบุรี

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568
ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ (ดร.แก้ว) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน การแข่งขันฟุตบอลลีกอาวุโสภาคเหนือ รุ่น 65 ปี ,69 ปี ณ สนามที่ 4/5 ครั้งที่ 2/2567 จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมกันนี้ยังมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศและเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาฟุตบอลอีกด้วย โดยการจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้นในครั้งนี้เพื่อกระชับมิตรและให้นักกีฬามีสุขภาพที่ดีมีร่างกายแข็งแรง พร้อมเชิญชวนเยาวชนคนไทยให้ห่างไกลยาเสพติด และหันมาเล่นกีฬาอย่างมีความสุข ดร.แก้วกล่าว

“ทลายรังรัก อดีตครูสาวผันตัวเป็นซ้อบอสสาวหล่อชาวจีนสแกรมเมอร์ฟิวแฟน ความเสียหายเฉียดร้อยล้าน”“หมดอนาคต” ครูสาวคณิตศาสตร์...
22/02/2025

“ทลายรังรัก อดีตครูสาวผันตัวเป็นซ้อบอสสาวหล่อชาวจีนสแกรมเมอร์ฟิวแฟน ความเสียหายเฉียดร้อยล้าน”

“หมดอนาคต” ครูสาวคณิตศาสตร์หลงเสน่ห์สาวหล่อชาวจีน ถูกชักชวนให้มาอยู่ด้วยกันจนลาออกจากโรงเรียนดัง ผันตัวเป็น “ซ้อบอสทอม” เข้าสู่แก๊ง “สแกรมเมอร์ฟิวแฟน” เปิดเซฟเฮ้าส์ลับในประเทศไทย รับโอนเงินทำบัญชีรับโอนเงินให้กับแก๊งแสกรมเมอร์ก่อนแปลงเป็นเงินดิจิตัล ล่าสุดถูก บิ๊กหวานบูรณา น.1 นำกำลังชุด PCT บุกทลายรังรวบทั้งขบวนการ 5 ราย ตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102บัญชี , บัตรเดบิต 70 ใบ , ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม ขยายผลพบก่อคดีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 132 คดี ความเสียหายไม่ต่ำกว่า91,192,017 บาท

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผอ.ศปอส.ตร.,พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.,พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์รอง ผบช.น. / รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร.,พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิลผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5,พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติสว.กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น.ร่วมกันปฏิบัติการ “ปลายรังบอสแสกรมเมอร์ฟิวแฟน”
โดยนำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.101/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ.2568 เข้าตรวจค้นบ้านในโครงการหมู่บ้าน บางนา กม.7 ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 คน ดังนี้

1.Miss.ZHOU ZHOU ชื่อเล่น “โจว” อายุ 29 ปี สัญชาติจีน (เป็นบอสแสกมเมอร์ฟิวแฟน-หลอกลงทุน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.113/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ.2568 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร”
2.น.ส.อลิษา ชื่อเล่น “เล็ก” อายุ 31 ปี ภูมิลำเนา อ.สีดา จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.114/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ.2568 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร”
3.นายสุกฤษฏิ์ ชื่อเล่น “ฟรุ๊ค” อายุ 26ปี ภูมิลำเนา ต.คลองใหญ่อ.องครักษ์ จ.นครนายก ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
4.นางสาวอาทิตยา ชื่อเล่น “เปรม” อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ต.เวียงอ.เชียงแสน จ. เชียงราย ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
5.นายสุเชษฐ์ ชื่อเล่น “เชษ” อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์จ.นครสวรรค์ ถูกแจ้งข้อหา “เปิดบัญชี หรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอีเล็กทรอนิค หรือบัญชีเงินอีเล็กทรอนิค”
ตรวจยึดของกลาง 6 รายการ
1.บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี
2.บัตรเดบิต 70 ใบ
3.ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม
4.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง (พบข้อมูลสำคัญจำนวนมาก)
5.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ต 1 เครื่อง
6.รถยนต์โตโยต้า ยาริส 1 คัน (ใช้รับส่งธุระจัดหาคนเปิดบัญชี)

พฤติการณ์กล่าวคือ “บุกเซฟเฮ้าส์ลับบอสสแกรมเมอร์ฟิวแฟน” รวบบอสสาวหล่อชาวจีน พ่วงครูสาวหลงเสน่ห์ลาออกจากอาชีพครูมาเป็น “ซ้อบอส” เต็มตัว พร้อมพวกรวม 5 คน สืบเนื่องจากปัญหาระดับชาติ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ปัจจุบัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐบาลระดมพลแก้ปัญหาทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกมิติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผอ.ศปอส.ตร. นำทัพ ซึ่งปัจจุบันนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่าการหลอกลวงรูปแบบ “ฟิวแฟนสแกรมเมอร์” ถือเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายเป็นอันดับ 1 ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. / รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. แกะรอยข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกหลอกลวงแล้วได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.พระโขนง โดยแผนประทุษกรรมจะปลอมโปรไฟล์แล้วสนทนา “ฟิวแฟน” ให้เหยื่อหลงรัก ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้า Tiktok ของสิงคโปร์ จากนั้นจะลวงให้ทำ “ภารกิจ” โดยการให้กดออเดอร์โดยให้เหยื่อออกเงินไปก่อน หลังเหยื่อทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จก็ได้รับเงิน ทำให้เหยื่อตายใจ หลังจากนั้นต้องเพิ่มยอดเงินมากขึ้นซึ่งต่อมาก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเพราะเหยื่อกดออเดอร์ล่าช้า ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกจึงจะถอนเงินในระบบได้ อันเป็นแผนประทุษกรรมของ “ฟิวแฟนสแกรมเมอร์” ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ แกะรอยเส้นทางการเงินจนพบว่าเงินที่แก๊งสแกรมเมอร์นี้หลอกลวงได้แล้วท้ายสุดจะนำไปเข้าสู่ระบบแปลงเงินออกเป็นเหรียญดิจิทัล ผ่านช่องทางแอ๊พพลิเคชั่น บ. ชื่อดังในเมืองไทย ซึ่งต่อมา พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT แกะรอยจนพบ Miss.ZHOU (สงวนนามสกุล) หรือ “บอสโจว” สาวหล่อหัวหน้าแก๊งสแกรมเมอร์นี้ ซึ่งเจ้าตัวใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในประเทศไทย เปิดเซฟเฮ้าส์รังรักพลอดรักอยู่กับ น.ส.อลิษา (สงวนนามสกุล) หรือ “เล็ก” ครูสาวชาวไทยอนาคตไกลที่พึ่งลาออกจากการเป็นครูผันตัวมาเป็น “ซ้อบอส” ได้ไม่นาน โดยภายในเซฟเฮ้าส์ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นรังรักของทั้งสอง แต่ยังเป็น “ด่านเงินสุดท้าย” ที่แก๊งสแกรมเมอร์จะให้ระดับหัวหน้ามาทยอยโยกเงินออกไปเป็นบิตคอยน์ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พร้อมคณะพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ออกหมายจับบอสทั้งสอง กระทั่งวันนี้ (19 ก.พ.2568) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ลับ รังรักของบอสสาวหล่อ ณ หมู่บ้านชื่อดังใน ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จับกุมตัว Miss.ZHOU(บอสทอม) และ น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) ซึ่งจากการขยายพบการจับกุมทั้งสองก็พบว่าภายในเซฟลับนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกแต่ไม่ได้อยู่ในบ้านเพราะกำลังออกไปพาคนไปเปิดบัญชี พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังออกติดตามไปจนพบ นายสุกฤษฏิ์ฯ และ นางสาวอาทิตยาฯ กำลังรับ นายสุเชษฐ์ฯ เปิดบัญชีไปแสกนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ม.รามคำแหง 2 จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คน ไว้ทันที และจากการตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี,บัตรเดบิต 70 ใบ,ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม,โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง,คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ต 1 เครื่อง ก่อนจะขยายผลทราบว่าภายในบ้านนี้เป็น “รังลับ” ที่แก๊งสแกรมเมอร์ฟิวแฟนใช้เป็นที่ตั้งในการทำบัญชี โดยจัดหาคน เป็นธุระ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีวอลเล็ต Bitkub,True wallet ก่อนจะนำมาใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงและนำเงินที่ได้แปลงเป็นเงินดิจิตัล โดยมี Miss.ZHOU (บอสทอม) เป็นบอสคอยสั่งการ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบความเชื่อมโยงในระบบการรับแจ้งความออนไลน์(Case ID) รวมทั้งสิ้น 132 Caseid มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท

ในชั้นจับกุม Miss.ZHOU (บอสทอม) ยังคงให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “จะมีบอสอีกคนซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลออฟฟิศสแกรมเมอร์ ส่วนตนนั้นมาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยเพื่อคอยจัดการเรื่องการทำบัญชีและเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยบอสในฝั่งเพื่อนบ้านจะคอยโอนเงินไทยมาให้ตนเพื่อไปเป็นธุระจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าและเปิดวอลเล็ต Bitkub พร้อมกับผูกไว้ในโทรศํพท์แบบพร้อมใช้ และอีกหน้าที่คือบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะโอนเงินมาให้ตนที่ถือบัญชีม้าวอลเล็ตม้าเหล่านี้ ก่อนให้ตนนำไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิตัล แล้วให้โอนสับหลอกเจ้าหน้าที่ก่อนส่งกลับไปยังบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แอ็พพลิเคชั่น Bitkub ส่วน น.ส.อลิษา เป็นแฟนสาวของตน ตอนแรกเป็นครูแต่ตนได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยเพราะพูดภาษไทยไม่ได้ แฟนสาวจะทำหน้าที่คอยตอบแชทและจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าให้ โดยกระบวนการจะไม่เปิดแค่บัญชีธนาคาร แต่จะเปิดบัญชีวอลเล็ตของ Bitkubด้วย”

ในชั้นจับกุม น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองพึ่งลาออกจากการเป็นครูที่โรงเรียนชื่อดังใน ซ.ลาซาน จ.กรุงเทพฯ โดยที่ลาออกเพราะ Miss.ZHOU ซึ่งเป็นแฟนของตนชักชวนให้ลาออกและมาช่วยงานเต็มตัว โดยตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย Miss.ZHOU จะรู้เรื่องทั้งหมด”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า “จากการขยายผลเรามีพยานหลักฐานยืนยันว่า Miss.ZHOU (บอสทอม) และ น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) เป็นระดับหัวหน้าสั่งการในประเทศไทย คอยจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิตัล เพื่อใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงของแก๊งสแกรมเมอร์ฟิวแฟน และยังโดยจะคอยแปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากเงินบาทแปลงเป็นเงินสกุลดิจิตัล แม้ว่าทั้งสองยังคงให้การไม่เต็มที่ แต่เรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและของกลางที่เราตรวจพบในบ้านแห่งนี้ถูกนำไปใช้หลอกลวงพัวพันกับระบบฐานข้อมูลรับแจ้งรวมทั้งสิ้น 132 Caseid มูลค่าความเสียหายกว่า91,192,017 บาท ซึ่งหลังจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ขยายผลให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.”

สายตรวจสน.บางซื่อ รวบนายวิชัยฯ ชาวจ.พังงา พกอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ (ลูกโม่) จำนวน 1 กระบอกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าถือ ได้ที่...
22/02/2025

สายตรวจสน.บางซื่อ รวบนายวิชัยฯ ชาวจ.พังงา พกอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ (ลูกโม่) จำนวน 1 กระบอกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าถือ ได้ที่หมอชิต 2

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568
เวลาประมาณ 07.30 น.ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ สั่งการให้ฝ่ายป้องกันปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้แก่พ.ต.ต.ณัฐวัตร์ ธงทันที สวป.สน.บางซื่อ,ร.ต.อ.อภิชัย พลโยธี รอง สวป.สน.บางซื่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจชุดที่ 3
ผู้ต้องหา นาย วิชัย นะนวน อายุ 35 ปี ที่อยู่ 22/2 หมู่ที่ 5 ต.ป่ากอ อ.เมือง จ.พังงา แจ้งข้อกล่าวหา "มีอาวุธปืนสั้นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนสั้น รีวอลเวอร์ (ลูกโม่) จำนวน 1 กระบอก ขณะจับกุมผู้ต้องหาได้รับทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาดีแล้วให้การ "ยอมรับสารภาพและให้การว่าได้กระทำผิดจริง ตามข้อหาดังกล่าว" โดยสามารถจับกุมได้บริเวณภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

พฤติการณ์แห่งคดี ตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจพื้นที่ บริเวณภายในขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พบนาย วิชัย นะนวน (ทราบชื่อ-นามสกุลจริงภายหลัง) ยืนอยู่บริเวณดังกล่าวท่าทางมีพิรุธและมีเหตุอันควรต้องสงสัยเหมือนกับมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบและตรวจค้น ก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจ นาย วิชัยฯ จึงนำไปเข้าเครื่องสแกน พบวัตถุคล้ายอาวุธปืน จึงทำการตรวจค้นโดยละเอียดอีกครั้ง พบอาวุธปืนสั้น รีวอลเวอร์ (ลูกโม่) จำนวน 1 กระบอกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าถือ (สีดำ) ที่ นาย วิชัยฯ ถืออยู่ขณะตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงยึดอาวุธปืนสั้น รีวอลเวอร์ (ลูกโม่) ดังกล่าวไว้เป็นของกลาง สอบถามเบื้องต้น นาย วิชัยฯ ยอมรับว่าอาวุธปืนของกลางดังกล่าวซื้อมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในราคา 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 1 รวบกระบวนการแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 คดีวันที่ 21 ก.พ.2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 : พ.ต.อ.ทวี สอดส...
22/02/2025

ตำรวจภูธรภาค 1 รวบกระบวนการแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี

วันที่ 21 ก.พ.2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 : พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 1/2568 พร้อม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช. ภ.1,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จ.พระนครศรี
อยุธยา,พล.ต.ต.กิตติ สกุณี ผบก.ภ.จว.อ่างทอง,พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.1 กองบัญชาการตำรวจนครบาลโดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.,นาย ทิพเมษฐ์ สังขวรรณะ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 1 และ ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ สำนักงาน ปปส.ภาค 1 แถลงข่าวจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 ราย

พล.ต.ท.สุรพลฯ กล่าวว่าสืบเนื่องมาจาก เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และสอบสวนขยายผลทราบว่า ยาเสพติดดังกล่าวได้รับมาจากโกดังพัก ยาเสพติด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตามตรวจสอบบริเวณโกดังดังกล่าวเรื่อยมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบพบว่ามีถุงพลาสติกสีดำจำนวนหลายถุงภายในมีสิ่งของบรรจุอยู่ ถูกวางไว้ภายในบริเวณโกดังดังกล่าว เชื่อว่า มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในถุงพลาสติกสีดำ และมีชาย 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในบริเวณโกดังดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้นภายในโกดัง ผลการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวนประมาณ 8,400,000 เม็ด ซุกซ่อนมากับ ขิง ที่บรรจุรวมกันอยู่ภายในถุงพลาสติกสีดำเพื่อปิดบังอำพราง จึงทำการจับกุมชายทั้ง 4 รายซึ่งพยายามหลบหนี

จากการสอบถามผู้ต้องหารับสารภาพว่ากำลังเตรียมแพคยาเสพติดส่งให้แก่ลูกค้า จึงทำการขยายผลและสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกค้าขณะนำรถยนต์มารอรับยาเสพติดได้อีก 1 ราย รวมทั้งสิ้น 5 ราย ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหา ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือและยานพาหนะ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป สำหรับ ยาเสพติดของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ หากมีการนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไป จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 160,000,000 บาท

รายที่ 2 จับกุมยาเสพติดเครือข่าย “แจ็ค หนองไผ่” พร้อมยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด สืบเนื่องจาก กรณีเมื่อวันที่ 29 ต.ค.67 เวลาประมาณ 02.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีโก้ สีดำ เสียหลักตกถนนบริเวณพื้นที่ ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ภายในรถพบยาบ้า ประมาณ 3.2 ล้านเม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย และกรณีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ และ กก.สส.ภ.จว.อ่างทอง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 957,980 เม็ด และไอซ์ น้ำหนัก 1,314.3 กรัม เหตุเกิดที่ ต.สาวร้องไห้ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิเศษ ชัยชาญ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนขยายผลจากทั้ง 2 คดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่า ยาเสพติดที่พบทั้ง 2 คดีนั้น มีรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้าสีขาว ตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน ผค 8917 เพชรบูรณ์ เป็นผู้ขนลำเลียงยาเสพติดมาจากเขตอีสานเหนือมาส่งแพร่กระจายในพื้นที่ จว.ลพบุรี และ จว.อ่างทอง จึงได้ทำการสืบสวนติดตามพฤติกรรมของรถยนต์กระบะตู้ทึบคันดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 19 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 16.30 น. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า สีขาว ตู้ทึบ เชื่อว่ากำลังขนลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เพชรบูรณ์ เข้ามายังพื้นที่ จ.ลพบุรี โดยมีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโมบิลิโอ้ สีขาว ทะเบียน กบ 5079 เพชรบูรณ์ ทำหน้าที่รถนำ จึงได้ร่วมกันติดตามจนกระทั่งพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า สีขาว ตู้ทึบฯ มาจอดอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง อยู่ที่ ต.โคกลำพาน อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงเข้าทำการตรวจค้นและจับกุม นายฐาปนพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ลพบุรี ทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติด และนำยาเสพติดจำหน่ายในพื้นที่ จ.ลพบุรี,นายเฉลิมพล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ลพบุรี ทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติด และนำยาเสพติดจำหน่ายในพื้นที่ จ.ลพบุรี,นายเครดิต (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ทำหน้าที่ลำเลียง ยาเสพติดจากเขตอีสานเหนือมาส่งในพื้นที่ จ.ลพบุรี,นายจีรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ทำหน้าที่เป็นรถนำระหว่างขนลำเลียงยาเสพติด พร้อมตรวจยาบ้า ประมาณ 3,200,000 เม็ด,รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า สีขาว ตู้ทึบ ทะเบียน ผค 8917 เพชรบูรณ์ (รถขนลำเลียง),รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโมบิลิโอ้ สีขาว ทะเบียน กบ 5079 เพชรบูรณ์ (รถนำ),รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น MUX สีเทา หมายเลขทะเบียน 6 กม 5011 กรุงเทพมหานคร,โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และอายัดเงินในบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี เฉลิมพล (สงวนนามสกุล) จำนวน 521,790.84 บาท นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนรายที่ 3 ร่วมกับ บช.ปส. สกัดจับรถลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ได้ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 2,464 กิโลกรัม สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ว่าได้ติดตามรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์ตู้ทึบ จำนวน 2 คัน มีรถนำและรถ ปิดท้าย ขับตามกันมาตามถนนสายเอเชีย จากทางภาคเหนือมุ่งหน้า จ.ปทุมธานี โดยรถตู้ทึบดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นรถที่ใช้ในการขนยาเสพติด จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มหาราช ตั้งจุดตรวจจุดสกัดรถดังกล่าว พ.ต.อ.วุฒิชัย สุคนธวิท ผกก.สภ.มหาราช จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่ตู้ยาม ต.02 หมู่ 4 ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสกัดจับรถยนต์ตู้ทึบ 2 คัน พร้อมรถติดตามอีก 1 คัน ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง จากการตรวจค้นรถทั้ง 3 คัน พบมีวัตถุเป็นหีบห่อมีสิ่งของบรรจุไว้ ลักษณะคล้ายยาเสพติด อยู่ในรถยนต์ตู้ทึบทั้ง 2 คัน เมื่อแกะออกมาพบวัตถุเกร็ดใสคล้ายยาเสพติด (ไอซ์) ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยน้ำยาเคมีพบว่าเป็น (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 2,464 กิโลกรัม พร้อมจับกุมนายพิษณุ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สัญชาติ ไทย ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์,นายสุวิทย์ฯ (สงานนามสกุล) อายุ 33 ปี สัญชาติ ไทย ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์,นายหล้า (สงานนามสกุล) อายุ 41 ปี สัญชาติ เมียนมาร์ พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ ตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 1 ฒศ 6772 กรุงเทพฯ,รถยนต์กระบะ ตู้ทึบ ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 1ฒว 7280 กรุงเทพฯ,รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า สี บรอนซ์ เงิน ทะเบียน ฌต 7915 กรุงเทพฯ และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์หรือไอซ์) น้ำหนักประมาณ 2,464 กก.

จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับว่าขนยาเสพติดมาจากทางภาคเหนือ ไปส่งที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไปดำเนินการตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สุรพลฯ กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 ว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนใน 2 เรื่องที่สำคัญ ได้แก่ ยาเสพติด และอาชญากรรมออนไลน์ อย่างเด็ดขาดและครบวงจร นั้นในส่วนของยาเสพติด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร./ประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตอนในรอบ กทม.และปริมณฑล รวม 9 จังหวัด ทำการสืบสวนหาข่าวเพื่อทำลายแหล่งพักคอยและรวบรวมยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศ เพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเข้ามายังพื้นที่ตอนในเพื่อรอเตรียมส่งต่อให้กับลูกค้า หรือเรียกกันว่า “โกดัง” โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 – ปัจจุบันตำรวจภูธรภาค 1 ได้จับกุมคดียาเสพติดรวม 9,727 คดี ผู้ต้องหารวม 9,797 คน ตรวจยึดของกลางที่สำคัญ ได้แก่ ยาบ้ารวม 35.1 ล้านเม็ด,ไอซ์ 2,870 กิโลกรัม, เคตามีน 36 กิโลกรัม และยาอี 273,349 เม็ด ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 จะได้เร่งรัดสืบสวนปราบปราม และ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอย รวมทั้งสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนใน อย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ตำรวจ ปอศ.ทะลวงเครือข่าย ชูรส - กาแฟปลอม ค้น 7 จุด รวบโรงงานยันร้านค้าปลีก         กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ...
22/02/2025

ตำรวจ ปอศ.ทะลวงเครือข่าย ชูรส - กาแฟปลอม ค้น 7 จุด รวบโรงงานยันร้านค้าปลีก

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักรณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ หอมหวล ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วิทยา วรสุวรรณรักษ์, พ.ต.ท.พรชัย เฮงจิตตระกูลรอง รอง ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ปัญญาวุฒิ แสนทวีสุข รอง ผกก.๑ บก.ปอศ., พ.ต.ท.ธนิต กรปรีชา รอง ผกก.1 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ป้อมเงิน สว.ฝอ.ช่วยราชการ กก.1 บก.ปอศ.,พ.ต.ต.วิสศรุษฏ์ ไทยจันอัด สว.กก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.โสภณัฐ กลัดเกษา สว.กก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ธีรโชติ นุ่นสพ สว.กก.1 บก.ปอศ., ร.ต.อ.นพวัตติ์ ธารีจรัญพัฒน์ รอง สว.กก.1 บก.ปอศ., ร.ต.อ.แทนคุณ พรมคุณรอง สว.กก.1 บก.ปอศ. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ.
ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 9 ราย
1. Mr.SURATH SAT อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา
2. Mr.PHARUB BUN อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา
3. Ms.NYTA REN อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชา
4. Ms.DONG SAN อายุ 36 ปี สัญชาติกัมพูชา
5. Mr.Yeang Uch อายุ 38 ปี สัญชาติ กัมพูชา
6. Mr.Mon Hak อายุ 25 ปี สัญชาติ กัมพูชา
7. Miss Sam Vet อายุ 27 ปี สัญชาติ กัมพูชา
8. Miss Bun Channa อายุ 28 ปี สัญชาติ กัมพูชา
9. นายเอกชัยฯ อายุ 44 ปี สัญชาติไทย
พร้อมด้วยของกลาง
1. กาแฟปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อ เนสกาแฟ 187 ลัง จำนวน 134,640 ซอง
2. กาแฟปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อ เนสกาแฟ 190 ลัง จำนวน 136,800 ซอง
3. เครื่องบดกาแฟ จำนวน 1 เครื่อง
4. เครื่องบรรจุกาแฟอัตโนมัติ จำนวน 3 เครื่อง
5. ครีมเทียมผสมกาแฟ จำนวน 43 กระสอบ
6. น้ำตาล จำนวน 1 กระสอบ
7. ลังเปล่าใช้บรรจุกาแฟ จำนวน 200 ลัง
8. ซองใสบรรจุกาแฟ จำนวน 4,760 ซอง
9. ซองบรรจุกาแฟ จำนวน 49 ม้วน
10. ผงชูรสซึ่งมีสารโมโนโซเดียมกลูตาเมทผสมส่วนใหญ่ ขนาด 72 กรัม ขนาด 500 กรัม ขนาด 400 กรัม ที่ปลอมเครื่องหมายการค้า อายิโนะโมะโต๊ะ จำนวน 10,750 ซอง
11. สารปรุงแต่งรสและกลิ่นยกเว้นหัวน้ำมันหอมระเหยที่ปลอมเครื่องหมายการค้ารสดี จำนวน 10,960 ถุง
12. Monsodium Glutamate ขนาดบรรจุ 25 กก./กระสอบ จำนวน 93 กระสอบ
13. เกลือบริสุทธิ์ ขนาดบรรจุ 25 กก./กระสอบ จำนวน 71 กระสอบ
14. เครื่องใช้สำหรับผสมวัตถุดิบ ปิดผนึกบรรจุภัณฑ์ บันทึกวันที่ลงผลิตภัณฑ์ เครื่องชั่งนำหนัก จำนวน 12 เครื่อง
15. กระดาษแข็ง ใช้ในการห่อของ (กล่อง) ขนาด 250 กรัม ขนาด 500 กรัม ขนาด 1 กิโลกรัม ขนาด 400 ขนาด 800 กรัม กรัม ที่ปลอมเครื่องหมายการค้า อายิโนะโมะโต๊ะ และยี่ห้อรสดี จำนวน 2,690 กล่อง
16. ถุงพลาสติกใช้ในการห่อของ (ซอง) ที่ปลอมเครื่องหมายการค้าอายิโนะโมะโต๊ะ, รสดี จำนวน 253,000 ซอง
17. ถุงบรรจุภัณฑ์ แผ่นกั้นกล่องลัง จำนวน 9,500 ชิ้น
18. อุปกรณ์ใช้สำหรับประทับเลข LOT (ตรายาง) หมึก แท่นประทับหมึก จำนวน 12 ชิ้น
19. รถยนต์กระบะตู้ทึบใช้ขนสินค้า จำนวน ๕ คัน
20. คอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ ahua จำนวน 1 เครื่อง
รวมของกลางทั้งสิ้น 563,598 ชิ้น
โดยกล่าวหาว่า “ปลอมเครื่องหมายการค้ามีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534, แสดงฉลากอาหารไม่ถูกต้อง ผลิตอาหารปลอม ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522” และ“เสนอจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”
สถานที่ตรวจค้น/จับกุม
จุดที่ 1 : บ้านพัก ซอยลำโพง 21 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
จุดที่ 2 : โกดัง 48/150 โครงการหมู่บ้านหมื่นทรัพย์แลนด์ ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จุดที่ 3 : ร้านค้าส่ง เลขที่ 16/1 หมู่ 2 ซอยอนามัยนาดี ถนนเศรษฐกิจ 1 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จุดที่ 4 : บ้านพัก หมู่บ้านชวนชื่นฟลอร่าวิลล์ ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
จุดที่ 5 : ร้านค้า หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จุดที่ 6 : ร้านค้า ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จุดที่ 7 : ร้านค้า ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ได้จับกุมตัว น.ส.เบญจวรรณฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งได้กระทำความผิด “ตามพระราบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และร่วมกันฉ้อโกง ” จึงได้นำข้อมูล มาขยายผลถึงแหล่งที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าปลอม ที่ผู้ต้องหาได้เคยสั่งซื้อสินค้าจากผู้ที่ลักลอบผลิตจำหน่ายสินค้าปลอมประเภทกาแฟและผงชูรส

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลหาแหล่งผลิตเพิ่มเติม จนทราบแหล่งสถานที่เก็บสินค้าเพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าส่งและขายให้ประชาชนโดยทั่วไป จากนั้นจึงได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาเข้าทำการตรวจค้น จำนวน 7 จุด โดยอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร 5 จุด, จ.ปทุมธานี 1 จุด และ จ.นนทบุรี 1 จุด ผลการตรวจค้นพบของกลางผงปรุงรสยี่ห้อรสดี, ผงชูรสยี่ห้อยี่อายิโนะโมะโต๊ะและกาแฟปลอมเครื่องหมายการค้าและสินค้าปลอมเลขผลิตภัณฑ์ โดยภายในบ้านพัก ซอยลำโพง 21 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นที่ผลิตผงปรุงรสยี่ห้อรสดี ผงชูรสยี่ห้อยี่อายิโนะโมะโต๊ะ และ บ้านพัก โครงการหมู่บ้านหมื่นทรัพย์แลนด์ ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นที่ผลิตกาแฟปลอม และจัดส่งขายตามท้องตลาดทั่วประเทศ ซึ่งกระบวนการผลิตพบภาชนะและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตไม่ได้มาตรฐาน ไม่สะอาดถูกสุขลักษณะอนามัย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนและร้านอาหารประกอบอาหารทั่วไป ให้เพิ่มความระมัดระวังในเลือกซื้อสินค้าที่ใช้ในการบริโภคควรเลือกซื้อสินค้าจากแหล่งและยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ สินค้าที่ใช้ในการบริโภคนี้หากผลิตโดยสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตกระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย และหากประชาชนทั่วมีเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าสามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง Website : https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ และ UNIDO ผนึกกำลังสร้างสังคมไทยปลอดภัยจากสาร POPs เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนเมื่อเร็วๆนี...
22/02/2025

เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ และ UNIDO ผนึกกำลังสร้างสังคมไทยปลอดภัยจากสาร POPs เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

เมื่อเร็วๆนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2568 กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) จัดสัมมนา "ผนึกกำลังสร้างสังคมไทยปลอดภัยจากสาร POPs" ณ ห้องลาดพร้าวสวีท ชั้นเอ็ม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายของสาร POPs (Persistent Organic Pollutants) รวมถึงแนวทางในการบริหารจัดการสารดังกล่าวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน จัดขึ้นภายใต้โครงการ “Application of industry-urban symbiosis and green chemistry for low emission and persistent organic pollutants free industrial development in Thailand” โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility: GEF) งานนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา วิจัย และภาคประชาสังคม ร่วมให้ความรู้ โดยมี ดร. ผานิต รัตสุข ผู้อำนวยการกองจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ กล่าวเปิดงาน

สาร POPs และผลกระทบสาร POPs เป็นสารเคมีอันตรายที่คงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากสลายตัวได้ยาก สามารถแพร่กระจายได้ไกล สามารถสะสมในสิ่งมีชีวิตและส่งต่อตามห่วงโซ่อาหาร หากสะสมในปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น รบกวนระบบสืบพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ สาร POPs ยังสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกหลานได้ รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการปนเปื้อนในดิน น้ำ และระบบนิเวศ ปัจจุบันอนุสัญญาสตอกโฮล์มซึ่งเป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสารเคมี มุ่งเน้นเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยการลดและเลิกการผลิตและการใช้ และการปล่อยสาร POPs โดยรายการสารที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายสาร POPs นี้ถูกบรรจุภายใต้อนุสัญญาสตอกโฮล์มแล้วกว่า 34 รายการ ซึ่งรวมถึงสารหน่วงการติดไฟ (PBDEs,HBCD) พลาสติกไซเซอร์ (SCCPs) สารเพิ่มความทนทานต่อ UV (UV-328) และสารปรับสภาพผิว PFOS, PFOA

กรณีศึกษา PFAS : ความท้าทายของ "Forever Chemicals"
PFAS เป็นตัวอย่างของสาร POPs ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น โฟมดับเพลิง เคลือบ Non-stick ผ้ากันน้ำ และบรรจุภัณฑ์อาหาร แม้ว่าจะมีประโยชน์สูง แต่กลับกลายเป็น "Forever Chemical" ที่แทบไม่สลายตัวและสะสมในดิน น้ำ และสิ่งมีชีวิต ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และปนเปื้อนในอาหาร นอกจากนี้ ปัญหาสารตกค้างในผลิตภัณฑ์อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ เช่น สินค้าไทยถูกตีกลับจากตลาดส่งออกเนื่องจากพบการปนเปื้อนสารเหล่านี้ แนวทางการจัดการและความร่วมมือระหว่างประเทศ

ดร.ฟูกุยะ อิโนะ (Fukuya IINO) ผู้แทนสำนักงานภูมิภาคองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ประจำประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการสารมลพิษตกค้างยาวนานในประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน และได้แนะนำแนวทางรับการสนับสนุนผ่านโครงการความร่วมมือระดับนานาชาติ เช่น กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญในการดำเนินมาตรการกำจัดสาร POPs โดย UNIDO พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ประเทศไทย และสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาสาร POPs อย่างยั่งยืน
โอกาสและความท้าทายของประเทศไทย

ดร.นุจรินทร์ รามัญกุล ผู้เชี่ยวชาญวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า หากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการสาร POPs ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะนำมาซึ่งประโยชน์ในหลายด้าน ได้แก่
โอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า–การจัดการสาร POPs ตามมาตรฐานสากลช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ลดความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า และเปิดโอกาสสู่ตลาดที่มีมาตรฐานสูงขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา
การพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสีเขียว–ลดการใช้สาร POPs กระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุทดแทน การรีไซเคิลที่ปลอดภัย และกระบวนการผลิตที่สะอาดขึ้น
ความสามารถในการดึงดูดการลงทุน–แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการสารเคมีอย่างปลอดภัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social,and Governance) สุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน–ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคเกี่ยวกับฮอร์โมน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค–หากประเทศไทยสามารถจัดการสาร POPs ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค ซึ่งจะส่งเสริมความร่วมมือและโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

การสร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ งานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยจากสาร POPs และส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนต่ นอกจากการสัมมนาแล้ว โครงการยังมีแผนจัดกิจกรรมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ในธีม ‘ชีวิตไม่ติด POPs’ (Healthy POPs-Free Living: Creative Contest) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสาร POPs ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่รอบตัวเรา โดยเฉพาะพลาสติกที่ใช้ในงานก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้กลุ่มคนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องตนเองจากสาร POPs และกระตุ้นให้เกิดสำนึกรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้น การประกวดครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ แต่ยังช่วยให้ผู้เข้าประกวดได้รับความรู้ ความตระหนักรู้ และแรงบันดาลใจในการมีบทบาทปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของกิจกรรมการประกวดจะเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก SMARTCircular ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2568

ตม.ปทุมธานี,ตร.ท่องเที่ยวอยุธยา และ สภ.คลองหลวง บูรณาการร่วม X-rays พื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เสี่ยง แหล่งที่พักของคนต...
22/02/2025

ตม.ปทุมธานี,ตร.ท่องเที่ยวอยุธยา และ สภ.คลองหลวง บูรณาการร่วม X-rays พื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เสี่ยง แหล่งที่พักของคนต่างด้าว

ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เป็นนโยบายเร่งด่วนนั้น พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปชก.ตร. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบในห้วงระหว่างวันที่ 18-24 ก.พ.2568 นั้น

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เสี่ยงของกลุ่มบุคคลต่างด้าว โดยมุ่งเน้นจับกุมการกระทำความผิดของคนต่างด้าว เกี่ยวกับคนต่างด้าวที่มีหมายจับ การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง กฎหมายอาญา กฎหมายการทำงานของคนต่างด้าว การทำงานในลักษณะนอมินี หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 07.00 น. ภายใต้การสั่งการของ ว่าที่ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทด ผกก.ตม.จ.ปทุมธานี ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตม.จ.ปทุมธานี,ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1(อยุธยา),สภ.คลองหลวง ปิดล้อมตรวจค้นบริเวณหอพักแห่งหนึ่ง ใน ซ.เทพกุญชร 15 ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบริเวณที่พักอาศัยของบุคคลต่างด้าวจำนวนมากและมักจะมีอาชญากรรมเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบเอกสารประจำตัว หนังสือเดินทาง และการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ของบุคคลคนต่างด้าวกว่า 100 ราย พบว่าส่วนใหญ่มีเอกสารครบถ้วนถูกต้อง แต่พบการไม่แจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว ตาม ม.38 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 10 ราย และนอกจากนี้ยังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจบุคคลต่างด้าวพื้นที่รับผิดชอบใน จ.ปทุมธานี มีผลการจับกุมรวม ดังนี้ 1.ไม่แจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว(ม.38) 12 ราย,2.อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (Overstay) 1 ราย และ 3.หลบหนีเข้าเมือง 11 ราย
รวมทั้งสิ้น 24 ราย

ทั้งนี้ ว่าที่ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทด ผกก.ตม.ปทุมธานี ฝากถึงประชาชน หากพบเห็นต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย หรือรวมตัวเป็นกลุ่มแก๊งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้เกิดความหวาดกลัวแก่พี่น้องประชาชนให้แจ้งเบาะแสมาที่ตม.จ.ปทุมธานี เพื่อทำการตรวจสอบ และประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ต่างๆ หากมีต่างด้าวเข้าพักต้องแจ้งการเข้าพักอาศัยของคนต่างด้าวภายใน 24 ชม. นับตั้งแต่คนต่างด้าวเข้าพัก

ที่อยู่

Amphoe Bang Yai

เบอร์โทรศัพท์

+66957462578

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Face line newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Face line news:

แชร์

หนังสือพิมพ์ เฟส ไลน์ นิวส์

ถูกต้อง ตรงจริง ไม่จำกัดกาลเวลา