กิฟฟารีน Giffarine Online

กิฟฟารีน Giffarine Online ความสำเร็จของคุณ คือหน้าที่ของเรา

💙กิฟฟารีน โคซานอล มัลติ แพลนท์  #โอเมก้า 3 ออยล์ 💙Giffarine Cosanal Multi Plant   3 Oil( 30 แคปซูล )🔹การรวมตัวครั้งสำคัญ...
19/11/2022

💙กิฟฟารีน โคซานอล มัลติ แพลนท์
#โอเมก้า 3 ออยล์
💙Giffarine Cosanal Multi Plant
3 Oil( 30 แคปซูล )

🔹การรวมตัวครั้งสำคัญ ของโพลิโคซานอล
และโอเมก้า 3 จากพืช อุดมไปด้วย โพลิโคซานอล สารสกัดจากไขอ้อย โอเมก้า 3 จากพืช วิตามินอี และวิตามินดี 3
🔹เพียงวันละ 1 แคปซูล ก็สามารถดูแลตัวเองให้ดูดี และแข็งแรงได้ทุกวัน

💙เหมาะสำหรับ :📌📌
🔹ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
🔹ผู้ที่ต้องการดูแลความดันเลือด และไขมัน
ในเลือด
🔹ผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างและผิวพรรณ
🔹ผู้ที่ต้องการโอเมก้า 3 แต่ไม่สามารถรับประทานน้ำมันปลาได้
🔹ผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิก (ร่างกายมีการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติ)
🔹ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพรอบด้าน

💙ส่วนประกอบใน 1 แคปซูล :
🔹 #น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน 250 มก.
🔹น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ 200 มก.
🔹 #น้ำมันงา 50 มก.
🔹วิตามินอี (ให้วิตามินอี 15 IU) 13.63 มก.
🔹โพลิโคซานอล 5 มก.
🔹 #วิตามินดี 3 (ให้วิตามินดี 3 200 IU) 2 มก.

💙วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล
🔹เพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น แนะนำให้รับประทานพร้อมอาหาร

💙ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล

💙ราคา : 560 บาท

#สอบถามสั่งซื้อ ทักแชท มานะครับ
มีโปรดีๆรอคุณพี่อยู่น้าา🥰

สร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากสารพิษในช่วงที่มีมลพิษจากฝุ่น PM2.5 ทั่วเมืองด้วย Giffarine Chlorophyll C-Oที่มีคลอโรฟิล...
16/01/2020

สร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากสารพิษ
ในช่วงที่มีมลพิษจากฝุ่น PM2.5 ทั่วเมือง
ด้วย Giffarine Chlorophyll C-O
ที่มีคลอโรฟิลล์ ผสมวิตามินซี โอลิโกฟลุคโตส
และสารสกัดจากแอปเปิ้ล
หอม อร่อย สดชื่น ดื่มง่าย

ไม่มีใคร????  ทำให้เราเป็น”เบาหวาน” ”ความดัน”            แล้ว ใคร??? ทำเรา!!!!เบาหวาน  เป็น ความผิดปกติในขบวนการเปลี่ยนน...
05/09/2019

ไม่มีใคร???? ทำให้เราเป็น
”เบาหวาน” ”ความดัน”
แล้ว ใคร??? ทำเรา!!!!

เบาหวาน เป็น ความผิดปกติในขบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าระดับปกติ

เบาหวาน เมื่อเป็นแล้ว ไม่สามารถรักษาให้ขาดได้ แต่สามารถควบคุมได้ ซ

แต่ต้อง. แพบแพทย์เป็นประจำ
เพื่อติดตามและเฝ้าระวังอาการ
ดูแลและควบคุมอาการด้วยตนเอง
ทั้งการกินอาหาร ออกกำลังกาย
การกินยา รวมถึงการฉีดอินซูลิน(สำหรับผู้ป่วยบางราย)

"คอเลสเตอรอล" คืออะไร? อันตรายอย่างไร?แพทย์แนะอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน...
28/08/2019

"คอเลสเตอรอล" คืออะไร? อันตรายอย่างไร?

แพทย์แนะอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน ควรเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน อาหารที่มันและทอด เน้นอาหารที่ทำจากพืชผัก หรือเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลา และปรุงอาหาร ต้ม นึ่ง ยำ แทนการใช้น้ำมันเพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคร้าย

คอเลสเตอรอล คืออะไร?

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า คอเลสเตอรอล คือไขมันชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อที่นำไปใช้ในกระบวนการสร้างเซลล์ต่างๆ แต่หากมีระดับคอเลสเตอรอลมากเกินไปจะมีความเสี่ยง ทำให้เกิดโรค เพราะคอเลสเตอรอลจะไปเกาะบริเวณผนังหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

อาหารคอเลสเตอรอลสูง

สำหรับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงจะพบในเนื้อสัตว์ติดมัน ของทอด ของหวานที่มีส่วนผสมครีม เนย ชีส เป็นต้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงโดยเน้นการทานอาหารที่ทำจากพืชผัก หรือเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลา เน้นการปรุงอาหาร ต้ม นึ่ง ยำ แทนการใช้น้ำมันเพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคร้าย

อันตรายจากคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

นายแพทย์สุกรม ชีเจริญ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเสริมว่า การทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ทำให้เกิดอันตรายมากกว่าที่ประชาชนคิด ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง อาจเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด อาทิ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งโดยปกติไม่ควรรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลมากกว่า 300 มก.ต่อวัน

วิธีลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย

ลดการรับประทานเนื้อติดมัน อาหารปิ้งย่าง อาหารทะเล อาหารทอด เบเกอรี่ ขนมหวาน ไม่ควรทานเยอะจนเกินความจำเป็น

ควรออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป นอกจากทำลายตับแล้ว ก็ยังส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลได้

งดการสูบบุหรี่ สารเคมีจากบุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปขัดขวางการทำงานของคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี ทำให้คอเลสเตอรอลส่วนเกินไม่สามารถลำเลียงไปยังตับได้ เป็นเหตุให้หลอดเลือดตีบเนื่องจากการสะสมของคอเลสเตรอลที่ผนังหลอดเลือดและกลายเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งในที่สุด

ขอขอบคุณ
ภาพ :GettyImages

5 เคล็ดลับทานอาหารเย็นอย่างไรไม่ให้อ้วนปีใหม่ทั้งที เราเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักลงให้ได้ (เราก็เหมือนกัน...
20/08/2019

5 เคล็ดลับทานอาหารเย็นอย่างไรไม่ให้อ้วน

ปีใหม่ทั้งที เราเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักลงให้ได้ (เราก็เหมือนกันนะ) แต่การจะให้จู่ๆ ก็งดข้าวเย็นเลย คนที่มีกิจกรรมต้องทำตอนกลางคืน เช่น ทำงาน เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน หรือแม้กระทั่งติดละครทีวี นั่งๆ ไปสักพักท้องก็ร้อง หิวข้าวกันไปอีก ทรมานสุดๆ Sanook! Health เลยมีวิธีเลือกทานมื้อเย็นที่ทั้งอร่อย ทั้งไม่อ้วนมาฝากกันค่ะ

1. ตั้งเวลา ทานอาหารเย็นก่อนถึงเวลานอน 4-6 ชั่วโมงเท่านั้น

เราจะไม่กินแล้วนอนเลยเด็ดขาด นั่นหมายความว่าช่วงเวลาทานอาหารเย็น ควรจะเป็นตอนเย็น ไม่ใช่ตอนกลางคืน เพราะฉะนั้นดูจากนาฬิกาแล้ว มื้อเย็นที่ดึกที่สุดไม่ควรเกิน 1 ทุ่มตรง เพราะคุณจะได้นอนช่วง 5 ทุ่ม-เที่ยงคืนพอดี (นับเวลากว่าจะทานเสร็จด้วยนะ) ยิ่งทานดึก เราก็ยิ่งเผาผลาญพลังงานที่ทานเข้าไปได้น้อยลง และเมื่อกระเพาะอาหารต้องทำงานตอนกลางคืนก่อนนอน คุณอาจนอนไม่หลับก็ได้นะ



2. พลังงานต่ำๆ เข้าไว้

ไม่ว่าจะเลือกทานมื้อเย็นเป็นอาหารประเภทไหน แต่หลักการจำง่ายๆ ก็คือให้พลังงานต่ำๆ เข้าไว้ ดูที่บรรจุภัณฑ์เอาก็ได้ คงไม่ต้องถึงขั้นกำหนดตัวเลขปริมาณแคลอรี่หรอก แต่ให้ทานแป้ง น้ำตาล และไขมันจากสัตว์น้อยๆ หน่อยเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือขนมปังไส้กรอก เก็บเอาไว้ทานมื้อเช้าดีกว่านะ



3. เลี่ยงอาหารรสจัด

ต้องขอบอกก่อนว่า ท้องของเราทุกคนมีความทนต่ออาหารรสจัดได้มากน้อยไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ คนที่ทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ด มีโอกาสเสี่ยงท้องเสีย ลำไส้ปั่นป่วน ได้มากกว่าอาหารปกติ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ร่างกายทำงานหนักน้อยลง ปลอดภัยต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ ก็ควรทานอาหารรสกลางๆ หรือรสอ่อนๆ ได้ยิ่งดีค่ะ นอกจากนี้การทานอาหารรสเค็ม ทำให้คุณตื่นเช้ามาหน้าดูบวมมากกว่าปกติอีกด้วย



4. เลี่ยงอาหารมันๆ ทอดๆ

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าอาหารประเภทนี้พลังงานสูง หากทานเข้าไปตอนเย็นจะเผาผลาญไม่ทัน จนสะสมเป็นไขมันที่พุง ต้นขา ต้นแขนเรานี่แหละ แต่นอกจากเรื่องไขมันแล้ว อาหารประเภทนี้ยังย่อยยาก เพิ่มการทำงานให้กับกระเพาะอาหารและลำไส้ และอาจทำให้เรามีอาการเพลียในเช้าวันรุ่งขึ้นได้ สำหรับสาวๆ ที่อยากมีผิวใสไร้สิว อาหารมันๆ ทอดๆ ก็ควรเลี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะทำให้ผิวหมอง ไม่สดใส และเป็นสาเหตุของสิวด้วยค่ะ


5.เพิ่มผักผลไม้เข้าไปให้มากๆ

เราไม่ได้บังคับให้ทุกคนทานแต่ผักและผลไม้ในมื้อเย็นนะคะ ข้าวหรือเนื้อสัตว์ก็ยังทานได้อยู่ เพียงแต่ทานให้น้อยกว่ามื้ออื่นๆ และทดแทนส่วนที่ขาดด้วยผักและผลไม้แทน นอกจากจะย่อยง่าย ให้คุณค่าทางสารอาหารที่ดีต่อร่างกายสูงแล้ว ยังเพิ่มกากใยให้ร่างกายของเรามีระบบขับถ่ายที่ดีอีกด้วย อย่าลืมดื่มน้ำตามเยอะๆ ด้วยนะ อิ่มพอดีเลยขอบอก

เคล็ดลับง่ายๆ แบบนี้ รับรองว่าหนุ่มๆ สาวๆ ก็ทานมื้อเย็นได้สมใจอยากแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องมานั่งปวดท้องหิวข้าวทรมานตัวเองกันอีกต่อไปแล้วเนอะ

ขอขอบคุณ
ภาพ :iStock

ขอบคุณออเดอร์วันนี้คับ📦
17/08/2019

ขอบคุณออเดอร์วันนี้คับ📦

4 โรคเสี่ยงจากชานมไข่มุก กินมากไป ป่วยได้ไม่รู้ตัว !          นอกจากความอร่อยแล้วชาไข่มุกก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรอีกเลย แ...
16/08/2019

4 โรคเสี่ยงจากชานมไข่มุก กินมากไป ป่วยได้ไม่รู้ตัว !

นอกจากความอร่อยแล้วชาไข่มุกก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรอีกเลย แถมกินมาก ๆ ยังเสี่ยงต่อสุขภาพหลายโรคอีกด้วย

ใครที่เป็น FC ตัวยงของชานมไข่มุก อาจต้องทบทวนอีกสักนิดว่าควรกินชานมไข่มุกในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เพราะเอาจริง ๆ เราทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าชาไข่มุกไม่ใช่อาหารที่ให้คุณค่าต่อร่างกายสักเท่าไร แล้วรู้ไหมว่าหากกินชาไข่มุกมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อสุขภาพตามนี้ด้วย

* โรคอ้วน

ชาไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง โดยชาไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ 240-360 กิโลแคลอรี ทั้งยังอุดมไปด้วยน้ำตาล คาร์โบไฮเดรตจากตัวไข่มุก ครีมเทียม นมข้นหวาน แถมบางคนยังเพิ่มท็อปปิ้งอื่น ๆ เพื่อความฟินอีกด้วย ดังนั้นหากกินชานมไข่มุกทุกวัน น้ำหนักก็ขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

* เบาหวาน

เห็นกันจะจะว่าชาไข่มุก 1 แก้ว ใส่น้ำเชื่อมไปเท่าไร ใส่นมข้นหวานไปเท่าไร นอกจากนี้ตัวไข่มุกเองก็เป็นแป้งที่ร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลได้อีก เท่ากับว่าไม่เพียงแต่ปริมาณน้ำตาลในน้ำชาเท่านั้นที่ร่างกายจะได้รับ แต่หลังจากการย่อยไข่มุกแล้วร่างกายก็จะได้รับน้ำตาลจากตัวไข่มุกด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่ามันเกินปริมาณที่ร่างกายควรได้รับน้ำตาลต่อวัน กินบ่อยก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ง่าย ๆ

* ท้องผูก

ในกรณีที่กินชาไข่มุกแทนข้าว และมีพฤติกรรมไม่ค่อยกินผัก-ผลไม้ ก็มีสิทธิ์เจออาการท้องผูกได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ ยิ่งกับคนที่ชอบกลืนไข่มุกแบบไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อน ร่างกายก็อาจจะย่อยไข่มุกได้ลำบากกว่าปกติ ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายมีปัญหาตามมาได้ เอาเป็นว่ากินชาไข่มุกให้น้อยกว่าผัก-ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ก็แล้วกัน

* โรคหัวใจและหลอดเลือด

ทั้งน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวในนมต่างก็เป็นโทษต่อสุขภาพของเรา ยิ่งถ้าใช้ครีมเทียมที่มีไขมันทรานส์ก็ยิ่งอันตรายต่อหัวใจมากขึ้น เพราะไขมันทรานส์เป็นไขมันตัวร้ายที่เข้าไปเพิ่มไขมันชนิดเลว (LDL) ในร่างกาย เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ และลดปริมาณไขมันชนิดดี (HDL) จึงอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้

ชานมไข่มุกไม่ย่อย จริงไหม

หลายคนอาจเห็นข้อมูลที่บอกว่า ชานมไข่มุกไม่ย่อย ตกค้างอยู่เต็มท้อง ทั้งที่จริงแล้วไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลังกวนกับน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายสามารถย่อยได้ง่าย ๆ เพราะร่างกายมีเอนไซม์ในการย่อยแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่ไข่มุกจะไม่ย่อยและสะสมตกค้างอยู่ตามกระเพาะอาหารและลำไส้ แต่ทั้งนี้ก็ควรเคี้ยวไข่มุกให้ละเอียดก่อนกลืนนะคะ เพราะเม็ดไข่มุกอาจไปติดคอได้

ชานมไข่มุก ก่อมะเร็งจริงไหม

ชานมไข่มุกก่อมะเร็ง เป็นข้อมูลที่แชร์ต่อ ๆ กันมานานพอสมควร ทว่าข้อมูลนี้ไม่จริงเลยสักนิดค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าไข่มุกเป็นเพียงแป้งมันสำปะหลัง จัดเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ร่างกายสามารถย่อยได้ไม่ลำบากนัก ที่สำคัญตัวไข่มุกเองก็ไม่ได้มีสารก่อมะเร็งแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่ากินชาไข่มุกแล้วจะเป็นมะเร็ง แต่ควรระวังเรื่องเบาหวานและโรคอ้วน ที่อาจจะนำโรคร้ายอื่น ๆ มาอีกเป็นพรวนจะดีกว่า

ชาไข่มุก

ขอย้ำตรงนี้อีกนิดว่าชาไข่มุกไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากไปกว่าความอร่อย กินเพลิน ดังนั้นพยายามอย่ากินชาไข่มุกบ่อยจนเกินไป และควรเลือกกินอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ แป้งไม่ขัดสี หรือหากตัดใจจากไข่มุกไม่ได้จริง ๆ มากินชาไข่มุกแบบไม่อ้วนอย่างนี้ก็ได้

- 5 วิธีกินชาไข่มุกไม่อ้วน คนไดเอตไม่ต้องห่วงเลย !

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
ชัวร์นะแม่ อย่าแชร์มั่ว
เฟซบุ๊ก Drama-addict

🍏🍏🍏6 ของกินใกล้ตัว แก้หิว ลดพุง “ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนยุคนี้พุงปลิ้น ก็คือ กินแป้ง นอนดึก นั่งนาน” นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำ...
15/08/2019

🍏🍏🍏
6 ของกินใกล้ตัว แก้หิว ลดพุง

“ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนยุคนี้พุงปลิ้น ก็คือ กินแป้ง นอนดึก นั่งนาน” นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า พร้อมแนะนำของกินกรุบกริบที่กินแล้วไม่อ้วน แถมหาง่าย ใกล้ตัว และราคาก็ไม่แพงเลย เรียกว่า อยู่ท้อง ไร้พุง สบายกระเป๋า

1) เม็ดแมงลัก “อาหารลดพุงแสนคลาสสิก แต่ประโยชน์ล้น เพราะมีพระเอกสำคัญคือ วิตามินเอที่สูงปรี๊ดกับ เส้นใยละลายน้ำ (Soluble fiber) ที่ดูเป็นวุ้นใส เมื่อแช่น้ำนั่นละครับ ช่วยพองในท้องให้อิ่มแต่ไม่อ้วน”
หมอต้นให้เทคนิคกินง่ายคือ แช่น้ำให้พองเต็มที่ก่อน อย่าใจร้อน แล้วค่อยปรุงรับประทาน

2) ถั่วลิสง ของกินช่วยลดหิวได้ ใช้แทนของว่างที่แสนอ้วนอย่างมันฝรั่งทอด “การรับประทานถั่วลิสงคั่วแบบไม่ปรุงรสจะให้ความรู้สึกอิ่มท้องจาก ใยอาหารถั่ว ที่มีอยู่อย่างอุดม แม้ถั่วจะมีพลังงานสูง แต่ด้วยใยอาหารของมันกับโปรตีนนี่เองครับที่ช่วยให้รู้สึกไม่หิวจนเกินไป”

3) แอปเปิ้ลเขียว เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วย เพคติน ช่วยให้อิ่ม หยิบทานง่าย และเก็บไว้ได้นาน “เก็บไว้ทานในตู้เย็นที่ออฟฟิศก็ได้ ใช้เป็นมาตรวัดความหิว
แบบง่ายๆ คือ ถ้านึกหิวขึ้นมาให้ถามตัวเองว่าหิวขนาดกินแอปเปิ้ลได้สักลูกไหม ถ้าใช่ก็อย่ารีรอเลยครับ---รีบหยิบมากัดกระแทกท้องทันที”

4) มะนาว “หามะนาวติดบ้านหรือออฟฟิศไว้ ไม่มีเวลาจริงๆ ก็บีบเข้าปากเลยก็ยังได้ น้ำมะนาวที่ขมนิดๆ จะช่วยให้รู้สึกหายหิวได้นานนับชั่วโมงหลังจากกิน เพราะสารพิเศษจากเปลือก” หมอต้นแนะต่อว่า “บางครั้งลองหาโอกาสกิน ‘เมี่ยงคำใส่ชิ้นมะนาว’ แทน ‘เลม่อนพาย’ ดูก็ดีนะครับ”

5) ทูน่า ติดทูน่ากระป๋องไว้ในทุกที่ จะใส่ในกระเป๋าถือหรือเป้ทำงานก็ได้ เก็บง่าย อยู่ได้ทนดี เพราะ
ทูน่าช่วยให้อิ่มจากโปรตีนเน้นๆ “เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจากไขมันต้านชราอย่าง โอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลากระป๋องเช่นกัน”

6) ไข่ต้ม “อาหารลดอ้วนที่ได้ผลชะงัด” หมอต้นคอนเฟิร์ม “การรับประทานไข่มีส่วนช่วยลดไขมันได้จากงานวิจัยใหม่ๆ ส่วนไข่ขาวก็เป็นโปรตีนล้วน ที่ช่วยให้ไม่โทรมเวลาลดน้ำหนัก เพราะมันสร้างกล้ามเนื้อที่เผาผลาญไขมันโดยธรรมชาติ”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
American Board of Anti-aging medicine
และรายการ คนสู้โรค ไทยพีบีเอส.
แชร์

ผักที่เรากินทุกวันสะอาดจริงไหม❓
15/08/2019

ผักที่เรากินทุกวันสะอาดจริงไหม❓

มาดูกันว่า ค่าแรงขึ้นต่ำแต่ละประเทศเป็นยังไงกันบ้าง💵
14/08/2019

มาดูกันว่า ค่าแรงขึ้นต่ำแต่ละประเทศเป็นยังไงกันบ้าง💵

13/08/2019
"คลั่งกินคลีน" ภัยสุขภาพที่มาพร้อมสื่อสังคมออนไลน์ปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์ต่างเต็มไปด้วยข้อความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวกับก...
13/08/2019

"คลั่งกินคลีน" ภัยสุขภาพที่มาพร้อมสื่อสังคมออนไลน์

ปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์ต่างเต็มไปด้วยข้อความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวกับการรับประมานอาหารหรือการออกกำลังกายแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแส เช่น การกินอาหารแบบคีโต แบบพาเลโอ การทำดีท็อกซ์ หรือการทานน้ำผักคึ่นช่ายฝรั่งปั่น เป็นต้น เพื่อการมีรูปร่างที่ดีเหมือนดาราหรือคนดังที่คุณชื่นชอบ

แต่สมาคมศึกษาอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร (National Eating Disorders Association) ของสหรัฐฯ เตือนว่า การยึดติดกับกระแสในโลกออนไลน์เหล่านั้นมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "อาการคลั่งกินคลีน" ได้

National Eating Disorders Association ในสหรัฐฯ ระบุว่า "อาการคลั่งกินคลีน" หรือ orthorexia nervosa "เป็นอาการผิดปกติในการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นผลมาจากการมีความคิดวนเวียนเกี่ยวกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพมากจนเกินพอดี คล้ายกับอาการ "คลั่งการลดน้ำหนัก" หรือ anorexia nervosa

ในรายงานของ Washington Post คุณแคลร์ มายสโก ผู้บริหารของ National Eating Disorders Association ชี้ว่า ปัจจุบันคลินิกต่างๆ ในอเมริกาพบผู้ที่มีอาการ "คลั่งกินคลีน" มากขึ้น ซึ่งอาการนี้อาจนำไปสู่การจำกัดอาหารหรือสารอาหารบางประเภท ทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานผิดปกติ ฮอร์โมนบางอย่างลดลง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ผมแห้ง ผิวหนังแห้ง สูญเสียมวลกระดูก รวมถึงการมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด

รายงานวิจัยด้านสุขภาพที่จัดทำขึ้นในเนเธอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้ว ชี้ว่า "อาการคลั่งกินคลีน" ถูกขับดันโดยวัฒนธรรมแบบตะวันตก เช่น การนิยมรูปร่างสมบูรณ์แบบ หรือการใช้ชีวิตประจำวันแบบเน้นที่สุขภาพมากเกินไป

ขณะที่รายงานวิจัยเมื่อปี 2017 พบว่า คนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ อินสตาแกรม บ่อยๆ มีโอกาสเกิดอาการที่ว่านี้มากกว่าคนทั่วไป แต่ส่วนใหญ่มักไม่แสดงออกให้ใครเห็นเหมือนกับอาการผิดปกติแบบอื่นๆ ที่เป็นผลจากการรับประทานอาหาร

คุณลินดา แฮมิลตัน นักจิตวิทยาด้านอาหารในนครนิวยอร์ก กล่าวว่า ความคล้ายกันของ "อาการคลั่งกินคลีน" และ "อาการคลั่งการลดน้ำหนัก" คือความหลงใหลในความสมบูรณ์แบบ และความกระวนกระวายใจที่ไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้ ซึ่งอาจประกอบกับความต้องการอยากจะผอมลงอย่างรวดเร็ว และยังไม่พอใจกับรูปร่างของตน

ด้าน ผช.ศ.แองเจล่า กูอาร์ด้า แห่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย Johns Hopkins บอกว่า ส่วนใหญ่ของผู้มีอาการนี้จะเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่จะทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นการใช้แนวทางควบคุมอย่างเข้มงวดหรือสุดโต่งจนเกินพอดี เช่น การเลือกรับประทานแต่อาหารออร์แกนิค และกลัวอาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง

นักวิชาการผู้นี้ยังบอกด้วยว่า คนที่มีสมาชิกในครอบครัวที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร จะมีความเสี่ยงที่จะมีอาการเดียวกันนี้มากกว่าคนทั่วไป

รายงานของสมาคมศึกษาอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ประเมินว่า ปัจจุบันมีคนอเมริกันราว 30 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 10 คนที่มีอาการลักษณะนี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ด้านสุขภาพที่ควรได้รับการใส่ใจมากขึ้นในทุกสังคม

ผช.ศ.กูอาร์ด้า แนะนำว่า การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างถูกวิธี คือการเดินทางสายกลาง ไม่ควบคุมหรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป ปริมาณไม่มากหรือน้อยเกินไป มีความหลากหลายและกระจายสารอาหารให้ครบทุกกลุ่ม และที่สำคัญ ต้องออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ

ขณะที่คุณแคลร์ มายสโก ผู้บริหารของ National Eating Disorders Association แนะว่า ให้ระวังสิ่งที่คุณเห็นหรืออ่านบนหน้าสื่อสังคมออนไลน์ เพราะมีข้อมูลมากมายจากผู้ที่ตั้งตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือการออกกำลังกาย ซึ่งบางครั้งก็เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

ดังนั้นทางที่ดีคือปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะตัดสินใจรับประทานอาหารแบบใดแบบหนึ่ง ตลอดจนวิธีลดน้ำหนักต่างๆ เพื่อดูว่าเหมาะสมกับร่างกายเรามากน้อยแค่ไหนอย่างไร

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจาก Washington Post
ภาพ :iStock

ดอกมะลิ สัญลักษณ์ของวันแม่ สื่อแทนความกตัญญูS! Campusสนับสนุนเนื้อหาดอกมะลิ เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นดอกไม...
12/08/2019

ดอกมะลิ สัญลักษณ์ของวันแม่ สื่อแทนความกตัญญู

S! Campus
สนับสนุนเนื้อหา
ดอกมะลิ เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นดอกไม้ที่ได้รับความปราถนาดี เป็นที่รักและคิดถึงของคนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นสื่อแทนของความกตัญญูอีกด้วย ยิ่งใกล้ถึงวันแม่แบบนี้ ดอกมะลิ ก็จะกลายเป็นตัวแทนส่งมอบความรักจากลูกสู่แม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมนำดอกมะลิ หรือพวงมาลัยที่ทำจากดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่ในวันนี้ ฉะนั้นแล้ว เราจึงควรจะมาเรียนรู้ความหมายและความสำคัญของดอกมะลิให้กันให้มากขึ้นดีกว่า ว่าดอกไม้ชนิดนี้มีความสำคัญอย่างไร และมีที่มาจากไหน

>> กลอนวันแม่ คำขวัญวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2562

วันแม่แห่งชาติ (12 สิงหาคม) เชื่อว่าลูกๆหลายคนเตรียมซื้อดอกมะลิไปไหว้คุณแม่กันแล้ว แต่...เพื่อนๆ sanook! campus เคยส่งสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมดอกมะลิจึงเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ ถ้าใครสงสัยวันนี้มีคำตอบมาบอก

มะลิ ถือว่าเป็นไม้มงคลที่มีมาตั้งแต่โบราณ ว่ากันว่าดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ประจำองค์พระนารายณ์ นอกจากนั้นผู้คนส่วนใหญ่ยังนิยมนำเอาดอกมะลิมาใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาพระ ด้วยกลิ่นหอมเย็นและสีขาวบริสุทธิ์ของดอกมะลิ เชื่อกันว่าบ้านใดที่ปลูกต้นมะลิเอาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้าน จะช่วยเสริมให้คนในบ้านได้รับความปราถนาดี เป็นที่รัก และเป็นที่คิดถึงของคนทั่วไป อีกทั้งยังทำให้คนในบ้านมีจิตใจที่บริสุทธิ์ รู้จักกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ดอกมะลิ นั้นเป็นดอกไม้ประจำวันแม่แห่งชาติด้วย

ในด้านคุณสมบัติของดอกมะลิที่เห็นเด่นชัดนั้น เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดียและแถบอาหรับ เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ลำต้นเล็กกลม สูงประมาณ 2 เมตร มีผิวเปลือลำต้นเป็นสีขาวแตกสะเก็ดเล็กน้อย แตกกิ่งก้านสาขารอบต้น ส่วนกิ่งอ่อนๆ มีขนสั้น มีสีขาว ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันมีลักษณะเป็นรูปไข่ปลายแหลม ขอบใบเรียบเป็นมันออกสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว หรือออกเป็นช่อตามซอกใบ ปลายกิ่งมีสีขาวสะอาด มีกลิ่นหอมเย็น แต่ละดอกมีกลีบเลี้ยงเป็นหลอด มีสีเขียวอมเหลืองอ่อนๆ ปลายแยกเป็น 8 - 10 เส้น กลีบดอกมีสีขาวประมาณ 6 - 10 กลีบเรียงเป็นวงกลม หรืออาจซ้อนกันเป็นชั้นแตกต่างกันตามสายพันธุ์ของมะลิที่มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน
ดอกมะลิ
ดอกมะลิ
การปลูกและวิธีการรักษาต้นมะลิ

โดยปกติแล้วมะลิจะชอบดินร่วนซุย รับแสงแดดครึ่งวันถึงตลอดทั้งวัน ต้องการน้ำและความชุ่มชื้นปานกลาง ผู้ปลูกควรหมั่นพรวนดิน รดน้ำ และใส่ปุ๋ย แต่ต้องคอยระมัดระวังเพลี้ย ตลอดจนแมลงศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญที่สุดหากผู้ปลูกต้องการให้ดอกดก ควรรดต้นมะลิด้วยน้ำซาวขาวเป็นประจำทุกวัน รวมถึงจะต้องตัดใบออกบ้างและต้องหมั่นตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ มะลิจะออกดอกสวยตลอดทั้งปี แต่มักออกดกมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อนถึงช่วงต้นฤดูฝน เพราะมะลิจะชอบอากาศร้อนชื้น สามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอน ปักชำ และแยกกอ

ประโยชน์จากมะลิ

ดอกสด นำมาแช่กับน้ำสำหรับกินบำรุงให้หัวใจชุ่มชื่น
ดอกแห้ง นำมาต้มน้ำ หรือชงกับน้ำร้อนเพื่อดื่มปรุงเป็นยาหอม โดยจัดอยู่ในเกสรทั้งห้า ใช้ถอนพิษ ดับพิษร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงครรภ์ แก้บิด ปวดท้อง ผดผื่นคันตามผิวหนัง และแผลเรื้อรัง
ใบสด นำมาตำกับกากมะพร้าว หรือก้นกะลา ใช้สำหรับพอก หรือทาแผลพุพอง แก้พิษเรื้อรัง แก้พิษฝีดาษ
ยอดใบสด 3 ยอด นำมาตำแล้วพอกบริเวณรอยแผลเป็น จะช่วยทำให้แผลเป็นั้นจางลงได้
ราก นำมาตำให้ละเอียด ผสมไข่ไก่แดงต้มสุก นำไปอุดตามไรฟัน ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน หากนำรากสดๆ ผสมเหล้า ใช้สำหรับพอกขมับ ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ หากนำมาฝนต้นน้ำดื่ม จะช่วยแก้โรคปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เครียด หลอดลมอักเสบ แนะนำให้ใช้ในปริมาณที่น้อย เพราะหากรับประทานเข้าไปมากอาจทำให้สลบได้

"คำว่าแม่"นั้นมีความหมายในใจลูกทุกคน จนยากที่จะเปรียบเทียบได้กับทุกสรรพสิ่งในโลก ดังคำขวัญที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้ว่า "แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์ อย่าลืมว่ามีพระอรหันต์อยู่กับตัวแล้ว ควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่องได้"

ประเทศไทยเริ่มจัดงานวันแม่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน ต่อมามีการเปลี่ยนกำหนดงานวันแม่หลายครั้ง จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนโดยให้ถือว่า วันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

"ดอกมะลิ" จึงกลายสัญลักษณ์หนึ่งที่มาพร้อมกับเทศกาล "วันแม่" ซึ่งเป็นวันที่บรรดาลูกให้ความสำคัญกับผู้ที่ให้กำเนิดเป็นพิเศษ

istock-974274506

ด้วยเหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก คนไทยถือเป็นดอกไม้มงคล นิยมเอาดอกมะลิมาร้อยเป็นมาลัยเพื่อบูชาพระ และดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลายมะลิ นอกจากนี้ มะลิดอกแห้งก็ยังสามารถใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ดอกมะลิ ยังสามารถนำไปร้อยเป็นพวงมาลัยซึ่งถือเป็นวัฒนะรรมเก่าแก่และเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยได้ โดยใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างแม่ - ลูกอีกด้วย แต่หากเป็นดอกมะลิซ้อนก็สามารถนำไปแจกันประดับตกแต่งให้เกิดความสวยงามได้ นอกจากนั้นยังว่ากันว่า หากนำน้ำที่ลอยดอกมะลิมาล้างหน้าจะช่วยทำให้ตาสว่าง หรือหากนำไปผสมอาหารก็จะช่วยให้มีกลิ่นหอม อีกทั้ง มะลิ ก็ยังเป็นส่วนผสมสำหรับแต่งกลิ่น หรือใช้อบกลิ่นขนมให้หอม ใช้อบผ้า และแต่งกลิ่นใบชา แนะนำว่าไม่ควรรับประทานชาดอกมะลิติดต่อกันเป็นประจำ เพราะจะส่งผลให้ความจำไม่ค่อยดี รวมถึงดอกมะลิยังสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ ใช้ปรุงแต่งเครื่องประทินผิว และเครื่องสำอางค์ คุณสมบัติที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิยังมีฤทธิ์ไล่หมัดได้อีกด้วย

ขอขอบคุณ
ภาพ :istockphoto

กินอย่างไร ช่วยลด “เครียด” ดีต่อใจ ดีต่อกายเราเป็นคนหนึ่งที่หาทางลดความเครียด ความเสียใจต่างๆ ด้วยวิธีการ “กิน” เมื่อเรา...
11/08/2019

กินอย่างไร ช่วยลด “เครียด” ดีต่อใจ ดีต่อกาย

เราเป็นคนหนึ่งที่หาทางลดความเครียด ความเสียใจต่างๆ ด้วยวิธีการ “กิน” เมื่อเราได้กินอาหารอร่อยๆ เราก็มีความสุขจนในบางครั้งห็ช่วยลดความเศร้า เสียใจ หรือความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้มากพอสมควร แต่หากกินไม่ถูกวิธี กินแหลก กินตามใจปากมากเกินไป เพราะถือคติ ยิ่งเศร้า ยิ่งเครียด ยิ่งกินล่ะก็ อาจจะต้องกับมานั่งเครียดมากกว่าเดิม เพราะตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักคงพุ่งไปไกล ดังนั้นเราจะกินแก้เครียดอย่างไรถึงจะดีทั้งต่อใจ และร่างกายของเราในเวลาเดียวกัน?

วิธีกินลด “เครียด” ดีต่อใจ ดีต่อกาย

อาหารที่ควรกิน

✔️อาหารที่มีน้ำตาลน้อย

✔️แป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแดง ขนมปังโฮลวีต

✔️ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน ราวๆ 6-8 แก้วต่อวัน

✔️เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ลอกหนัง
ผัก ผลไม้สดที่มีแป้ง และน้ำตาลน้อย เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา ผักกาดขาว ฝรั่ง แอปเปิ้ล ฯลฯ

✔️อาหารที่มีสังกะสี เช่น โฮลเกรน หอยนางรม คะน้า บร็อคโคลี ถั่วต่างๆ เป็นต้น

✔️อาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ปลา อะโวคาโด พืชใบเขียวเข้ม

✔️อาหารที่มีวิตามิน บี เช่น หน่อไม้ฝรั่ง พืชใบเขียว เนื้อสัตว์ อะโวคาโด

✔️อาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน

✔️อาหารที่มีโพรไบโอติกส์ เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และอาหารหมักบางชนิดอย่าง กิมจิ เต้าหู้

อาหารที่ควรลด

➖อาหารน้ำตาลสูง เช่น ของหวานต่างๆ เครื่องดื่มรสหวานที่ใส่น้ำตาล น้ำเชื่อม นมข้นหวานในปริมาณมาก

➖อาหารที่มาจากแป้งขัดสี เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว

➖กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

➖แอลกอฮอล์ ยิ่งส่งผลต่อร่างกาย และจิตใจให้แย่กว่าเดิม

➖ผัก ผลไม้ที่มีแป้ง และน้ำตาลสูง ผักตระกูลหัว แครอต เผือก มัน แห้ว ฯลฯ ผลไม้น้ำตาลสูง เช่น มะม่วงสุก ทุเรียน ฯลฯ

➖ผลไม้อบแห้ง น้ำตาลสูงกว่าผลไม้สด

➖อาหารแช่แข็ง มีโซเดียมสูง

➖อาหารแปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือการงดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งผลให้อาการเครียดอาจหนักขึ้น แอลกอฮอล์และบุหรี่ไม่ได้ช่วยลดความเครียดอย่างที่เข้าใจกัน

งดแป้ง และน้ำตาล ช่วยลดความเครียดได้จริงหรือ?

ความเครียด ความวิตกกังวลต่อปัญหาต่างๆ ในชีวิต เริ่มต้นที่จิตใจที่เราควรรู้จักการปล่อยวาง แต่การรับประทานอาหารที่ดีก็ช่วยให้อาการเหล่านี้ลดน้อยลงได้ เพราะหากรับประทานอาหารที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ความดันโลหิตปกติ ไขมันในหลอดเลือดไม่ได้สะสมจนทำให้เกิดปัญหาการไหลเวียนของโลหิต เมื่อนั้นอาการเครียด และวิตกกังวลต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม หากอยากปรับเปลี่ยนพฤิตกรรมในการรับประทาอาหารเพื่อลดความเครียด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจร่างกาย และรับคำแนะนำในการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอาหารที่รับประทานอย่างช้า และเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายของเราโดยตรง การหักดิบ ตัดทุกอย่างภายในครั้งเดียวอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ เช่น เกิดอาการโยโย่ หรืออยากอาหารมากกว่าเดิมจนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น น้ำตาล และไขมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เป็นต้น ร่างกายต้องการเวลาในการค่อยๆ ปรับตัว ดังนั้นการค่อยๆ ตัดอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพออกไปทีละเล็กละน้อย จะดีกว่า

นอกจากนี้ การลดความเครียด และความวิตกกังวลต่างๆ สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ นั่งสมาธิ ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬา วาดภาพ รวมถึงการพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง เท่านี้คุณก็จะได้เป็นเจ้าของสุขภาพที่ดีทั้งกาย และใจได้อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Harvard Health Publishing
ภาพ :iStock

 #ลูกเดือยแก้โรคเกาต์กินลูกเดือยวันละ 3 มื้อ ให้ครบ 7 วัน จะช่วยลดหินปูนตามข้อกระดูกต่างๆของร่างกาย ช่วยแก้โรคเกาต์ได้ ใ...
10/08/2019

#ลูกเดือยแก้โรคเกาต์

กินลูกเดือยวันละ 3 มื้อ ให้ครบ 7 วัน จะช่วยลดหินปูนตามข้อกระดูกต่างๆของร่างกาย ช่วยแก้โรคเกาต์ได้ ใช้ลูกเดือยมาประกอบอาหารในแต่ละมื้อ ให้ได้ปริมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของอาหารแต่ละมื้อ กินเนื้อลูกเดือยให้หมด จะเอาน้ำที่ต้มลูกเดือยไปทำน้ำต้มยำหรือแกงส้มก็ได้ ขอให้เน้นกินเนื้อลูกเดือยเป็นหลัก กินแทนเนื้อสัตว์ได้ยิ่งดี ควรงดกินเครื่องในสัตว์

วัตถุดิบ น้ำลูกเดือย
1. ลูกเดือยดิบ 50 กรัม ( 5 ช้อนโต๊ะ )
2. น้ำตาลทราย 10 กรัม ( 2 ช้อนชา)
3. น้ำเปล่า 250 กรัม ( 16 ช้อนโต๊ะ )
4. เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม ( 1/5 ช้อนชา )

วิธีทำ
นำลูกเดือยล้างให้สะอาด ใส่หม้อเติมน้ำตั้งไฟเคี่ยวจนลูกเดือยสุกเปื่อย ใส่น้ำตาล เกลือป่นใส่ในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดชิมรสตามชอบ

ประโยชน์
คุณค่าทางอาหาร : ให้ฟอสฟอรัสสูงมากช่วยบำรุงกระดูก รองลงมามีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงธาตุ เป็นอาหารสำหรับคนไข้พักฟื้น ช่วยเจริญอาหาร
คุณค่าทางยา : ชงป็นยาเย็นขับปัสสาวะแก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอดรักษาอาการคลื่นใส้อาเจียน ท้องร่วง

Cr. เพจพระอธิการนพดล กันตสีโล
แชร์

หนุ่มสะพายถังยาฆ่าหญ้าแต่เกิดรั่วลงหลังถึงก้น-สารเคมีทำลายอวัยวะภายใน สุดท้ายเสียชีวิตS! News (Rewrite)สนับสนุนเนื้อหาหม...
09/08/2019

หนุ่มสะพายถังยาฆ่าหญ้าแต่เกิดรั่วลงหลังถึงก้น-สารเคมีทำลายอวัยวะภายใน สุดท้ายเสียชีวิต

S! News (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา
หมอโพสต์อุทาหรณ์คนไข้สะพายถังยาฆ่าหญ้า รั่วรดหลัง-ก้น ดับ เป็นแผล ปวดแสบทรมาน สุดท้ายเสียชีวิต

วานนี้ (7 ส.ค.) พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม อายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ ของโรงพยาบาลแม่สอด ได้โพสต์เรื่องราวหลังการรักษาคนไข้ที่ สะพายถังยาฆ่าหญ้า แต่มันเกิดรั่วไหลลงหลังและก้น จนเป็นแผลปวดแสบปวดร้อน

"ฉันตาลีตาเหลือกทำเรื่องนอนโรงพยาบาลให้คนไข้..นี่ไม่ใช่เคสแรกของการเป็นหมอของฉัน ฉันเคยมีคนไข้ชาวนาที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับพาราควอตด้วยวิธีการเดียวกันนี้สองคนก่อนหน้า"

คุณหมอณัฐกานต์ พยายามที่จะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายไม่เป็นผล คนไข้ถูกพิษจากสารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย ทำลายอวัยวะภายใน ทั้งตับ ไต และปอด ก่อนเสียชีวิตคนไข้มีอาการหอบลึก ออกซิเจนต่ำ ดิ้นทุรนทุรายร้องโหยหวนดูทุกข์ทรมาน ซึ่งญาติๆ เข้าใจดีว่าคนไข้ต้องจากไปจึงไม่ให้หมอใส่ท่อช่วยหายใจ หมอทำได้เพียงให้ยามอร์ฟีนให้คนไข้สงบที่สุด

ทั้งนี้ พญ.ณัฐกานต์ วอนให้มีการห้ามใช้พาราควอต (Paraquat) สารเคมีกำจัดวัชพืช หรือ ยาฆ่าหญ้า ในไทย เพราะในแต่ละปีโรงพยาบาลมีคนไข้เคสดังกล่าวเกือบ 20 ราย มีเพียงแค่ 1-2 คนที่รอดชีวิตเท่านั้น ยังไม่นับรวมกรณีที่หยิบผิดคิดว่าเป็นน้ำดื่ม หรือจงใจดื่มเพื่อฆ่าตัวตาย

"ฉันอยากวิงวอนให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการมีอยู่ของยาฆ่าหญ้าสารเคมีตัวนี้ มันอาจจะมีประโยชน์ในตัวมันแต่อีกด้านหนึ่งมันเป็นเพชรฆาต ไม่ว่าจะให้ความรู้ความเข้าใจอย่างไรแต่พลาดไม่ได้ พลาด=ชีวิต"

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Nuttagarn Chuenchom

ประโยชน์ของ เกลือแร่ = แร่ธาตุ1. เกลือแร่มีประโยชน์ในด้านการถนอมอาหาร เพราะสามารถนำมาใช้เพื่อการถนอมอาหาร โดยจะมีการแบ่ง...
09/08/2019

ประโยชน์ของ เกลือแร่ = แร่ธาตุ

1. เกลือแร่มีประโยชน์ในด้านการถนอมอาหาร เพราะสามารถนำมาใช้เพื่อการถนอมอาหาร โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มที่ช่วยในการป้องกันการเน่าเสียของอาหาร เช่น เกลือแกง ไนไตรต์ และแลซัลไฟต์ ส่วนอีกกลุ่มคือช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีของอาหาร
2. เกลือแร่เป็นสารอาหารที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไอโอดีนที่อยู่ในฮอร์โมนไทรอกซิน เอนไซม์ และโคเอนไซม์ เป็นต้น
3.เป็นองค์ประกอบในโมเลกุลของสารประกอบต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น กรดอะมิโนและฟอสโฟลิปิด นั่นก็คือ กำมะถันและฟอสฟอรัส รวมทั้งเป็นองค์ประกอบในโมเลกุลของฮีม นั่นก็คือ ธาตุเหล็ก เป็นต้น
4. เป็นตัวที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมี เช่น ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการดูดซึมของอาหารและวิตามิน
5. ช่วยในการเป็นตัวเร่งในกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน เพื่อให้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พลังงาน และน้ำ เป็นต้น
6. มีส่วนช่วยในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย เนื่องจากการเคลื่อนย้ายของเหลวจากส่วนหนึ่งส่วนใดไปยังอีกส่วนในร่างกายนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของความเข้มข้นของเกลือแร่ที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะในร่างกายของคนเรานั้นจะมีน้ำอยู่ในปริมาณร้อยละ 60
7. มีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของกรดและด่างที่อยู่ภายในร่างกาย เพราะเกลือแร่ที่ร่างกายได้รับมาจากการทานอาหารนั้น จะมีทั้งเกลือแร่ชนิดที่ทำให้เกิดกรดและเบส ซึ่งกลไกของร่างกายจะทำหน้าที่ในการปรับภาวะเพื่อรักษาความสมดุลและความเป็นกลาง เพื่อที่จะช่วยให้เซลล์มีชีวิตอยู่ได้
8. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่งความรู้สึกของเส้นใยประสาทจากเซลล์ประสาทหนึ่งไปสู่อีกเซลล์หนึ่ง
9. ควบคุมการหดและรัดตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่างๆ
10. มีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท อีกทั้งยังช่วยในการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย
11. มีปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของอาหารที่มีน้ำมันและไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้มีกลิ่นเหม็นหืน และในกระบวนการทำน้ำมันและไขมันจำเป็นต้องมีขั้นตอนการฟอกสีและกำจัดโลหะหนักที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และจำเป็นต้องทำการแยกกรดไขมันอิสระออก รวมทั้งให้มีการใช้สารคีเลต โดยที่สารจำพวกนี้จะไปรวมตัวกับโลหะจนเป็นสารประกอบเชิงซ้อน จึงช่วยลดสารเร่งปฏิกิริยาให้น้อยลง หรือทำให้ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเกิดช้าลง
12.ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เพื่อช่วยในการรักษากลิ่น รส สี และวิตามินซีในน้ำ

ที่อยู่

Amnat Charoen
37000

เบอร์โทรศัพท์

+66878556626

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กิฟฟารีน Giffarine Onlineผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กิฟฟารีน Giffarine Online:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์