16/03/2025
มีแซวแอดฯ มาสองคนว่า "เข้าท่า & น่ารัก" กับการติดเขียนเลข eVisa ติด Sticker แมวไว้ที่หน้า Passport
เพราะ eTA พวกนี้มันมีหมดอายุ, เกิดเพิ่งมาเห็นตอนใกล้ๆ บินจะซวยได้ [ยิ่งถ้าใครมี eVisa หลายๆ อันมันอาจจะงงๆ อย่างในภาพคือ Canada / India / S Korea และกำลังขอ Pakistan]
คือบางคนกลัวกันเกินไปและไม่รู้ทำไมคนไทยชอบกดดันชอบกระทืบกันเองเรื่องพวกนี้, ว่า Passport เป็นสิ่งที่ห้ามดัดแปลงนั่นนี่
อย่างที่เห็นว่า Sticker [แงว] มันติดแล้วลอกได้
และเอาจริงๆ, พวก ตม เขาก็ทราบเจตนาว่าเราติดเพื่ออะไร
ตอนมา Seoul ครั้งล่าสุดนี้, แอดฯ เปิดหน้า eVisa List ให้เขาเลยพร้อมกับแจ้งว่า "My Passport and My eVisa, S Korea the 2nd One"
[คืออาจมีคนบอกว่า ตม เขารู้ว่าเราต้องมี eVisa แต่ฉันพบว่าการทักทายอะไรไปสักอย่างเวลาเข้าบ้านใครมันจะช่วย Ice Breaker ได้พอสมควร 🍨]
และจริงๆ จะบอกว่าสภาพ Passport ของแอดฯ [และเชื่อว่าอีกหลายคนที่บินบ่อยเหมือนกัน] มันโทรมมากกกกกกกก 😅
ยิ่งสมัยก่อน Covid 19
อย่าว่าแต่ติด Sticker
หลายๆ ประเทศเขาใช้วิธีเย็บแมก
บางอันก็ดึงออกบ้างไม่ดึงบ้าง
เล่มเก่าฉันช่วงที่บินทุก Week คือบางหน้าขาดจากการดึงแมกออก 😂 แถมยังบวมเพราะแมกซ้อนกัน 😬
ของบางคนหนักกว่านั้นคือปกลอกกลายเป็นคนไร้สัญชาติ 😑
คือจะบอกว่า ตม เขาเข้าใจ
และ Passport ก็เหมือนใบขับขี่ & บัตร ID คือสำคัญสำหรับการแสดงตัวแต่ไม่ต้องเอาไปบูชา [แต่ถ้าถึงขั้นให้ลูกเอาไปวาดเติมหน้าด้วยปากกาเมจิคอันนั้นก็เกินไป 🙄]
ฉันติดไว้ถาวรเลยแบบนี้
ตอนเข้าประเทศอื่นก็ไม่ได้ลอก
ตอนส่ง Passport ไปขอ Visa ก็ไม่ได้แกะ
[และจะบอกว่าตอนยื่นหน้านี้ให้ ตม เกาหลีนางยังขำนิดๆ ก่อนจะทำหน้าเข้มใส่ฉันอีกต่างหาก 😚]
Passport ไทยไร้ความน่าเชื่อถือ : คือสิ่งที่ตัดโอกาสคนจนและชนชั้นกลาง
เมื่อเช้าอ่านข่าว Passport ของ Malaysia, ว่าไต่ Rank ขึ้นมาไวมากจนตอนนี้ไล่ๆ กับ Singapore
[Singaporean บินเข้า 195 ประเทศได้ทันทีไม่ต้องขอ Visa, ส่วน Malaysian ล่าสุดได้ 184 ประเทศในขณะที่ไทยได้แค่ 82 และส่วนใหญ่บอกตรงๆ คือเป็นชาติที่ค่อนข้างด้อยพัฒนา]
สมัยก่อนตอนที่ฉันยังเด็กก็ไม่คิดอะไร, ในเมื่อเมกาฯ และ EU ไม่ให้เราเข้าก็อย่าไปง้อมันสิ [โว้ยยยยยยย 🤬 !!!!]
ประเทศพวกนี้ไม่มีอะไรให้ดูอยู่แล้วววว
พัฒนาแต่วัตถุไม่พัฒนาด้านจิตใจ [Blah Blah เหมือนใครไม่รู้สอนมา]
จนพักหลังเริ่มบินบ่อย, ทั้งจากงานอดิเรก [Backpack] และงานด้าน Consulting
เห็นสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากจาก Passport และ Visa
มีอยู่ครั้งฉันได้ไปดูงานที่เมกาฯ ครึ่งเดือนฟรีเพราะ "มี Influencer คนหนึ่งขอ US Visa ไม่ผ่าน" เลยต้องหาใครสักคนเสียบแทนแบบ Last Minute
ฉันมี US Visa 10 ปี [ขอทีเดียวผ่าน, ตอนสัมภาษณ์เจอคนผิวสีถามว่าทำไมอยากไปเมกาฯ และฉันตอบว่า "ฟังเพลง New York City ของ Norah Jones แล้วชอบมากอยากเห็นของจริง 🗽"]
สรุป Trip นั้นได้บินฟรี, อยู่ NYC ครึ่งเดือน [แล้วเที่ยวต่อเองตามสูตรไหนๆ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับอย่างน้อยๆ ก็สามสี่หมื่น]
กับอีกครั้งที่ฝังใจ, เป็นเรื่องของคุณน้องสาวที่ทำงานอยู่ Tokyo มาสิบกว่าปี
วันดีคืนดีบริษัทจะส่งไปดูงานที่ Berlin
แต่ด้วยความเคยชิน, เจ้านายแจ้งล่วงหน้า "แค่" หนึ่งสัปดาห์
เพราะไม่รู้ว่า Passport ไทยเข้า EU ไม่ได้ !!!
สุดท้ายพลาด...
คนอื่นได้ไปแทน
[จริงๆ Case นี้เหมือนฉันตอน US Visa, แค่กลับกัน]
คือ
คนที่ยังไม่ได้ไปไม่ได้บินหรือยังเด็ก [เหมือนฉันสมัยก่อน] อาจไม่รู้หรอกว่าถ้าวันหนึ่งโอกาสเห็นโลกกว้างมันมาแต่เราคว้าไม่ได้เพราะเหตุผลแค่ Visa
มันน่าเสียดายขนาดไหน
ในขณะที่ Malaysian & Singaporean เขาบินได้ทันที
จะคนจนคนรวยก็มีสิทธิเห็นโลกข้างนอกเท่ากัน
เอาแค่ US Visa, ปัจจุบันค่าสมัครเกือบ 7 พันนนนน 💳
ฉันได้ 10 ปีและต่ออายุไว้ตลอดเวลาเพราะ US Visa มี Power มากๆ
ทั้งในแง่ตรงๆ อย่างการใช้เข้า Taiwan ฟรี [สมัยที่ Taiwan ยังต้องขอ visa] และตอนนี้ [2025] ใครที่มี US Visa 10 ปีก็ใช้เข้า Canada ได้ด้วย [แค่กรอกข้อมูล Online ห้านาที]
และในแง่อ้อมๆ เช่นการมีมันติดเล่มไว้แล้วบินไปประเทศที่หลายคนโดน ตม ส่งตัวกลับ, ฉันไม่เคยโดนถาม
หรือการมีติดหน้าแรก Passport แล้วไปขอ Visa อื่นๆ [อย่าง UK & EU Schengen, ไม่เคยขอแล้วไม่ผ่าน]
เรื่อง Passport เป็นสิ่งที่คาใจฉันมานาน
บางคนชอบอ้างเหตุผลประหลาดๆ ปลอบใจตัวเองว่าที่ Singapore & Malaysia มันบินได้เยอะเพราะเคยถูกฝรั่งมันยึด !!!
ซึ่งไม่ได้จริง
ไม่อย่างนั้น Cambodia / Laos / Myanmar ก็คงมี Passport Power เท่า Singapore
[Myanmar ต่ำสุดไปได้แค่ 46 ประเทศ, เป็นชาติที่น่าสงสารมากๆ ทั้งที่เคยมีประวัติศาสตร์มายาวนานและมีอะไรดีๆ ในตัวเยอะด้วยแต่เพราะปัญหาภายในไม่จบสิ้นและผู้นำก็อย่างที่รู้ๆ]
ตอนแบกเป้ backpack ไป scandinavia ครั้งแรกก็เหมือนกัน, จำได้ว่าตอนนั้นเจอตั๋วหลุดถูกสุดๆ แต่ต้องขอ visa แบบกระชั้นชิด 🇸🇪
ถ้าเป็นคน Singaporean คงซื้อตั๋วแล้วจัดกระเป๋า
ฉันต้องเตรียมเอกสาร / ถ่ายรูป / กรอกข้อมูล / ยื่นเรื่อง / รอสัมภาษณ์
สมมติว่าไม่ผ่าน, คือต้อง "ทิ้งทั้งหมด"
รวมค่าตั๋วค่าที่พักค่าเสียเวลา
เรื่องนี้เล่าไปบางคนไม่เข้าใจ
ว่ามันไม่ใช่แค่พลังของ Passport เอาไว้ไปเที่ยวเล่น
แต่มันคือ "โอกาสในการเห็นโลกกว้าง"
ที่คน 99% ของประเทศไม่มีสิทธิ [คนที่มี US ViSa ในไทยน่าจะไม่ถึง 800000 คน]
ทุกวันนี้ฉันยังเสียดายแทน influencer คนนั้น
เพราะจริงๆ ฉันไป US มาแล้วหลายครั้งและจะไปซ้ำเมื่อไรก็ได้
เขาควรจะได้ไปมากกว่า
อยากให้คนบ้านเราได้เห็นโลกภายนอกมากๆ
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ
การเห็นด้วยตาต่างมากจากการดูหน้าจอ
เหมือนครั้งแรกที่ได้เห็นรถทุกคันหยุดให้คนข้ามที่ทางม้าลาย
มันได้ "เข้าใจ" จากประสบการณ์จริง, ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินถนน
แต่เป็นเรื่องคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของทุกคน
เมื่อฉันข้ามได้
แปลว่าคุณแม่อายุแปดสิบก็ข้ามได้
เด็กห้าขวบที่บ้านก็ข้ามได้
เมื่อเดินเองปลอดภัย
ผู้ใหญ่ก็ไม่ต้องคอยขับรถไปจอดแช่รอรับรอส่ง
ถนนก็โล่ง
อากาศก็ดี
เรื่องพวกนี้จะเข้าใจในก็ต่อเมื่อได้ "เห็น" โลกกว้างจากการยืนตรงนั้น, ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
ไม่ใช่ด้วยการดูบนหน้าจอ
แล้วก็หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าประเทศฉันดีที่สุด
ปล.
วันนี้ Donald Trump ตั้งกฏห้ามบางชาติเข้า USA เพิ่ม
ส่วนคนไทยที่เคยได้ US Visa 10 ปี, จากเดิมที่เคยต่ออายุทางไปรษณีย์ได้หลัง Visa หมดอายุภายใน 5 ปี
จากนี้จะต้องต่อภายใน 12 เดือน
[และจ่ายเพิ่มอีก 7 พัน, บางคนทำงานสามสิบวันยังหาไม่ได้เลย]
☘️