กล้องกล้วยกล้วย

กล้องกล้วยกล้วย ทุกเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ถ่ายภาพ และอะไรๆ ตามใจเจ้าของเพจ Photo & Outdoor Life
เพจสำหรับแจ้งข้อมูลข่าวสารสำหรับคนชอบถ่ายภาพและชอบท่องเที่ยว

01/09/2024

น้ำตาไหล............

แคนนอน สานต่อโครงการ “Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน” ปีที่ 2นำน้อง ๆ ประถมศึกษา 3 โรงเรียนภาคกลางทัศนศึกษา ...
01/09/2024

แคนนอน สานต่อโครงการ “Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน” ปีที่ 2
นำน้อง ๆ ประถมศึกษา 3 โรงเรียนภาคกลางทัศนศึกษา 3 พิพิธภัณฑ์ในจังหวัดปทุมธานี
ร่วมส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์ในหมู่เยาวชน
เนื่องในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18 สิงหาคม 2567

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด จัดโครงการ “Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน” ปีที่ 2 ในรูปแบบกิจกรรมทัศนศึกษาเต็มวัน ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ในจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีน้อง ๆ และบุคลากรจาก 3 โรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ โรงเรียนสินสังวาลย์อุทิศ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนบ้านหนองกะเบา จังหวัดสระบุรี และโรงเรียนวัดนาหินลาด จังหวัดนครนายก รวมจำนวน 147 คน ร่วมด้วยพนักงานจิตอาสาแคนนอนเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมกับเยาวชนตลอดทั้งโครงการ

นายพงษ์เทพ ประเสริฐวรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและ CSR บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ‘Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน’ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่เด็กนักเรียน โดยเราได้คัดเลือกโรงเรียนรัฐบาลในตำบลห่างไกลซึ่งยังขาดแคลนทั้งครูรวมถึงอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ และเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นบุตรหลานของเกษตรกรและคนรับจ้างทั่วไปที่มีฐานะค่อนข้างยากจน ทำให้การเดินทางเข้าเมืองใหญ่เพื่อเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เด็ก ๆ จึงขาดโอกาสในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไปอย่างน่าเสียดาย และทำให้วิทยาศาสตร์กลายเป็นเรื่องไกลตัวเยาวชน จนขาดแรงบันดาลใจในการแสวงหาความรู้แขนงนี้ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต การริเริ่มจัดโครงการ Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน จึงไม่เพียงมอบโอกาสทางการเรียนรู้แก่เยาวชนที่ขาดแคลนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจและปลูกฝังแนวคิดการใฝ่หาความรู้นอกห้องเรียนแก่เด็ก ๆ โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อให้พวกเขาพร้อมสำหรับการเติบโตไปเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและร่วมกันพัฒนาประเทศชาติต่อไปอย่างยั่งยืน”

โครงการ “Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน” จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ 2566 ปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 6 แห่ง รวมจำนวนนักเรียนและบุคลากร 302 คน ถือเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนไทยที่แคนนอนมุ่งมั่นดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ “ปรัชญาเคียวเซ” ของแคนนอน ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม

สำหรับโครงการ Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ ปีที่ 2 จัดขึ้นในรูปแบบกิจกรรมทัศนศึกษาเพื่อให้น้อง ๆ จากโรงเรียนระดับประถมศึกษาขนาดเล็กทั้ง 3 แห่งในภาคกลาง ให้ได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ด้านวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน ผ่านการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ชั้นนำถึง 3 แห่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเด็ก ๆ ได้เที่ยวชมและสัมผัสกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจในหลากหลายสาขา อาทิ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ธรณีวิทยา สัตววิทยา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งมอบทั้งความสนุกสนานและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้แก่เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก โดยแคนนอนรับเป็นผู้ดำเนินงานและสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

แคนนอน ยังคงเปิดรับสมัครโรงเรียนรัฐบาลเข้าร่วมในโครงการ “Canon อาสาพาไปรู้เรื่องวิทย์ฯ นอกห้องเรียน” ครั้งต่อไปในปี พ.ศ 2568 โดยโรงเรียนที่สนใจสามารถยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป ติดตามข่าวสารและรายละเอียดกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียทุกช่องทางแคนนอน ประเทศไทย

ฟูจิฟิล์ม ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร เดินหน้าโชว์ศักยภาพ  'One-stop, Total Screening Solution'  ในงาน Thailand W...
01/09/2024

ฟูจิฟิล์ม ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร เดินหน้าโชว์ศักยภาพ 'One-stop, Total Screening Solution' ในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024
นำทัพนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค ครอบคลุมการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และสุขภาพสตรี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้ทุกคน

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านโซลูชันเฮลท์แคร์ครบวงจรภายใต้คอนเซปต์ One-Stop, Total Healthcare Solution อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขนทัพ Total Screening Solution ไลน์อัปเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองโรคไปจัดแสดงในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 ระหว่างวันที่ 16 - 18 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยนวัตกรรมการตรวจคัดกรองทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์ม ครอบคลุมหลากหลายปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพสตรี มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งล้วนมีสถิติการเจ็บป่วยที่น่ากังวลในไทยและทั่วโลก โซลูชันเพื่อการตรวจคัดกรองของฟูจิฟิล์ม เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพทางการแพทย์ขั้นสูงและการผสานรวมระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สอดคล้องกับเป้าหมายของฟูจิฟิล์มในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม โดยงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 เป็นอีเวนต์ใหญ่แห่งวงการสุขภาพที่เปิดเวทีให้เหล่าผู้นำจากแวดวงการแพทย์ ดิจิทัลเฮลท์แคร์ และเวลเนส มาร่วมนำเสนอเทรนด์และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศไทยและทั่วโลก

มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟูจิฟิล์ม ตระหนักดีว่านวัตกรรมทางการแพทย์ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับบริการสาธารณสุขของประเทศ เราจึงไม่หยุดพัฒนา One-Stop, Total Healthcare Solution ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญกว่า 80 ปีในด้านภาพถ่ายทางการแพทย์ จุดแข็งของโซลูชันครบวงจรของเราคือการผสานเทคโนโลยี AI และระบบ IT ที่ช่วยตรวจพบโรคได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เป็นกุญแจสำคัญของการรักษาที่ทันท่วงที แต่หลายประเทศยังคงเผชิญกับการตรวจคัดกรองโรคที่ไม่ทั่วถึง ฟูจิฟิล์มเดินหน้าแก้ปัญหานี้ด้วยการพัฒนา Total Screening Solution ที่ครอบคลุมการคัดกรองความผิดปกติในลำไส้ ตับ และสูตินรีเวช เพื่อเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย ขยายการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลก พันธกิจนี้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายใหม่ของกลุ่มบริษัทฟูจิฟิล์มที่ว่า “แต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา””

ฟูจิฟิล์ม เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกด้วย Total Screening Solution ที่ผสานพลัง AI และระบบ IT มุ่งหวังเสริมศักยภาพและการวินิจฉัยที่แม่นยำของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลก

โซลูชันการคัดกรองครบวงจรด้านสุขภาพสตรีของฟูจิฟิล์มอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ INNOMUSE ซึ่งเป็นการผสมคำว่า "Innovation" กับ "Muse" โดย INNOMUSE ได้ผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจคัดกรองและการดูแลสุขภาพสตรี การตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิทัล (Mammography) สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา และสุขภาพกระดูก รวมไปถึง AMULET Innovality เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิทัล และ Arietta 850 DeepInsight เครื่องอัลตราซาวด์ที่นำมาจัดแสดงในงานนี้

ในปัจจุบัน มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้หญิง ฟูจิฟิล์ม มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยให้ผู้หญิงไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองได้ง่ายขึ้น ซึ่งการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นจะเพิ่มโอกาสการรักษาและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ โดยประสิทธิภาพของเครื่องเอกซเรย์เต้านม AMULET Innovality ให้ภาพที่คมชัดเพื่อการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมที่แม่นยำ ขณะที่เครื่องอัลตราซาวด์ Arietta 850 DeepInsight ที่ได้มีการนำเทคโนโลยี DeepInsight มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มคุณภาพของภาพ ช่วยให้การวิเคราะห์รายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยทั้งสองระบบยังผสานเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพในการวินิจฉัย

นอกจากนี้ สถานการณ์มะเร็งตับในประเทศไทยยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่กว่า 140,000 รายต่อปี1 ตามสถิติจากทะเบียนมะเร็งประเทศไทยโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ฟูจิฟิล์ม นำเสนอนวัตกรรมเเบบ Fully Automated Microfluidic-based Immunoanalyzer อย่าง μTASWako i30 ซึ่งเป็นเครื่องตรวจวิเคราะห์สารบ่งชี้มะเร็งตับในเลือดแบบครบวงจรที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและความแม่นยำในการตรวจหามะเร็งเซลล์ตับชนิด HCC (Hepatocellular Carcinoma) ในระยะเริ่มต้น (early stage) โดยเครื่องสามารถรายงานผลเลือดได้ภายใน 9 นาทีต่อหนึ่งการทดสอบ และสามารถรายงานผลเลือดได้มากถึง 25 การทดสอบต่อชั่วโมง จุดเด่นด้านความรวดเร็วและแม่นยำของ μTASWako i30 ช่วยให้แพทย์รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นได้อย่างทันท่วงที นับเป็นการยกระดับมาตรฐานการตรวจคัดกรองมะเร็งตับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ฟูจิฟิล์ม ได้พัฒนาระบบกล้องส่องทางเดินอาหาร ELUXEO 7000 System ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลผล BL-7000 และ VP-7000 ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการส่องกล้องล้ำสมัยที่ใช้ AI อย่าง CAD EYE โดย ELUXEO 7000 System จะแปลงสัญญาณภาพจากกล้องส่องทางเดินอาหารโดยใช้เทคโนโลยี LCI และ BLI ร่วมด้วย ซึ่งเมื่อใช้งานคู่กับ CAD EYE จะตรวจจับและวิเคราะห์รอยโรคในลำไส้ใหญ่ได้แม่นยำขึ้น รวมถึงบริเวณที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ฟูจิฟิล์ม มุ่งส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุ 45-70 ปีที่มีผลตรวจ FIT (F***l Immunochemical Test) เป็นบวก เพื่อโอกาสในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะประชากรในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนแออัด ด้วยเป้าหมายในการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่

การโชว์เคส Total Screening Solution ของฟูจิฟิล์ม ในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 เป็นบทพิสูจน์การเดินหน้าแก้ปัญหาความท้าทายด้านสุขภาพทั่วโลกด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยของบริษัท ฟูจิฟิล์ม สานต่อการคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์และโซลูชันการตรวจคัดกรองที่ครอบคลุมเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้แก่ทุกคน ภายใต้จุดมุ่งหมายในการแต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา

# # # #

แคนนอน จัดกิจกรรม Canon Volunteer  #38นำทีมจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือโรงเรียนในชุมชนที่ห่างไกล พร้อมมอบพรินเตอร์ และสิ่งจ...
01/09/2024

แคนนอน จัดกิจกรรม Canon Volunteer #38
นำทีมจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือโรงเรียนในชุมชนที่ห่างไกล
พร้อมมอบพรินเตอร์ และสิ่งจำเป็นเพื่อส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอิมเมจจิ้งระดับโลก นำโดย มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร ตลอดจนคณะผู้บริหาร และพนักงานแคนนอนรวม 55 คน จัดกิจกรรมจิตอาสาครั้งที่ 38 “Canon Volunteer #38” ณ โรงเรียนบ้านแหลมทอง อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยการทาสีปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน จัดบริการถ่ายภาพ-พิมพ์ภาพสีติดบัตรสำหรับเด็กนักเรียน รวมทั้งมอบเครื่องพรินเตอร์แคนนอนพร้อมหมึกพิมพ์ เครื่องกดน้ำดื่ม ถังดับเพลิง ชุดปฐมพยาบาลและเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อช่วยยกระดับการเรียนการสอนและส่งเสริมให้น้อง ๆ เด็กนักเรียนได้เติบโตไปเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป

มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนจัดกิจกรรม Canon Volunteer มาอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมสร้างสาธารณประโยชน์คืนสู่ชุมชนที่ขาดแคลนและเดือดร้อนในประเทศไทย สำหรับครั้งนี้เราเลือกลงพื้นที่โรงเรียนบ้านแหลมทองในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กและมีเด็กนักเรียนประมาณ 50 คนเท่านั้น ซึ่งนอกจากได้ให้บริการถ่ายภาพติดบัตร มอบเครื่องพรินเตอร์ เครื่องกดน้ำดื่ม และอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ พนักงานจิตอาสาแคนนอนยังได้ร่วมทาสีอุปกรณ์สนามเด็กเล่น อาคารเรียน โต๊ะและม้านั่งโรงอาหาร ซ่อมแซมแปลงผักสวนครัว จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ และความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน และเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อให้เยาวชนได้เติบโตอย่างถูกสุขลักษณะ ปลอดภัยและมีโภชนาการที่ดีต่อไป”

แคนนอนเดินหน้าอัดฉีดทีมลูกหนังไทย รับเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแก่สโมสรทรูแบงค็อกยูไนเต็ดในการแข่งขันไทยลีกตลอดฤดูกา...
01/09/2024

แคนนอนเดินหน้าอัดฉีดทีมลูกหนังไทย รับเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ
แก่สโมสรทรูแบงค็อกยูไนเต็ดในการแข่งขันไทยลีกตลอดฤดูกาล 2024/25

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด นำโดย นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น และนายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ (ที่ 1 จากซ้าย) ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้งคอนซูมเมอร์บิสซิเนส พร้อมด้วย นายสุรเดช อนันทพงศ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และนางสาวจุฑามาส ยอขันธ์ (ที่ 4 จากซ้าย) หัวหน้าฝ่ายขายอาวุโส ฝ่ายบริหารการขายบริษัททรูวิชั่น กรุ๊ป จำกัดตัวแทนร่วมพิธีลงนามการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับสโมสรทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ณ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด สำนักงานใหญ่ อาคารสาทรสแควร์

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด รับเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ดตลอดการแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2024/25 โดยแคนนอน ประเทศไทย จะให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์กล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพประสิทธิภาพสูง สำหรับใช้ในการบันทึกภาพและวิดีโอเพื่อการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่กิจกรรมต่าง ๆ ของสโมสรฯ ตลอดฤดูการแข่งขัน พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องมัลติฟังก์ชันรูม อาคารสำนักงานใหญ่ แคนนอน ประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (True Bangkok United) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพชั้นนำระดับไทยลีกของประเทศไทย มีผลงานระดับท็อปทรีของประเทศและได้เข้าร่วมการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นรายการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย การสนับสนุนวงการกีฬาไทยของแคนนอนถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในการมอบประโยชน์คืนสู่ชุมชนและสังคมที่แคนนอนเข้าไปดำเนินธุรกิจภายใต้หลักปรัชญาเคียวเซ โดยในสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนครั้งนี้ บริษัททรูยูไนเต็ดฟุตบอลคลับจำกัดโดยสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในฐานะคู่สัญญาและผู้รับการสนับสนุนตกลงเป็นพันธมิตรพร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ทางแคนนอนตลอดระยะเวลาการแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2024/25

แฟนลูกหนังไทยร่วมลุ้นร่วมเชียร์การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2024/25 ได้ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ถึง 10 พฤษภาคม 2568 ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารผลิตภัณฑ์และกิจกรรมล่าสุดอื่น ๆ ของแคนนอน ประเทศไทย ได้ที่เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของแคนนอนทุกช่องทาง

# #

ฟูจิฟิล์ม เผยโฉมนวัตกรรมโปรเจคเตอร์ “Fujifilm FP-Z8000” ปลดปล่อยพลังแห่งภาพเติมเต็มทุกพื้นที่ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำเพื่อการฉา...
01/09/2024

ฟูจิฟิล์ม เผยโฉมนวัตกรรมโปรเจคเตอร์ “Fujifilm FP-Z8000” ปลดปล่อยพลังแห่งภาพ
เติมเต็มทุกพื้นที่ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำเพื่อการฉายภาพขนาดใหญ่แบบ Ultra-Short Throw
ในงาน Infocomm Asia 2024 (IFASIA 2024)

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมยุคดิจิทัลครบวงจร เดินหน้าเขย่าตลาดโปรเจคเตอร์ระดับมืออาชีพด้วยการเผยโฉมนวัตกรรมล้ำสมัย “Fujifilm FP-Z8000” โปรเจคเตอร์ที่มาทลายข้อจำกัดของการฉายภาพคมชัดทุกรายละเอียดในแบบ Ultra-Short Throw ด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกพื้นที่และสภาพแสง รองรับความต้องการทุกอุตสาหกรรม ทั้งการใช้งานในองค์กร การศึกษา อุตสาหกรรมความบันเทิง โรงแรม อีเวนต์ การโฆษณา การท่องเที่ยว ตลอดจนงานนำเสนอเชิงสร้างสรรค์ของพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการศิลปะ โดยฟูจิฟิล์ม ได้นำนวัตกรรมเครื่องฉายภาพล่าสุด Fujifilm FP-Z8000 ไปจัดแสดงที่งาน InfoComm Asia 2024 นิทรรศการภาพและเสียงระดับมืออาชีพ (Pro AV) ครั้งยิ่งใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียที่รวมเทคโนโลยีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยบูธของฟูจิฟิล์มได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการชั้นนำทั่วทั้งเอเชียที่มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมโปรเจคเตอร์สุดล้ำภายในงาน

โปรเจคเตอร์ Fujifilm FP-Z8000 มาพร้อมเทคโนโลยีการฉายภาพล้ำสมัยจากฟูจิฟิล์ม ที่พัฒนาขึ้นเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดของการแสดงภาพสวยสด-คมชัดและสามารถฉายได้บนทุกพื้นที่ ฟูจิฟิล์ม ได้ต่อยอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านภาพและเลนส์คุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อรังสรรค์นวัตกรรมโปรเจคเตอร์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกวงการมืออาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พบกับฟีเจอร์เด่นของ Fujifilm FP-Z8000
• ปลดปล่อยพลังแห่งภาพด้วยค่าความสว่าง 8,000 ลูเมน: โปรเจคเตอร์ Fujifilm FP-Z8000 มาพร้อมความสว่าง 8,000 ลูเมน พร้อมเลนส์คุณภาพสูงและนวัตกรรมการฉายภาพจากฟูจิฟิล์มที่ขจัดปัญหาภาพเบลอที่มุมขอบหรือมัวในบางจุด โดย Fujifilm FP-Z8000 มอบภาพที่คมชัด สีสดใส ทุกพื้นที่ สร้างความประทับใจและดึงดูดสายตาของทุกคนได้ในทุกสถานการณ์และทุกสภาพแสง

• เติมเต็มทุกพื้นที่แบบไร้ขีดจำกัดด้วยเลนส์ Ultra-Short Throw: ฟูจิฟิล์มต่อยอดความเชี่ยวชาญในการผลิตเลนส์คุณภาพสูงสำหรับกล้องถ่ายรูปและวิดีโอ มาสร้างสรรค์เลนส์ Ultra-Short Throw ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวาง FP-Z8000 ไว้ใกล้กับหน้าจอได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงา เหมาะสำหรับพื้นที่แคบแต่ฉายภาพขนาดใหญ่ได้
อย่างสบาย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งเครื่องไว้ที่พื้น เพดาน หรือผนังเพื่อเปิดประสบการณ์นำเสนองานในมุมมองใหม่ ๆ ทั้งฉายบนเพดาน บนพื้น หรือมุมแคบบนผนัง เพราะแกนหมุนเลนส์ของ FP-Z8000 สามารถปรับมุมมองได้ตามองศาที่ต้องการโดยไม่ต้องหันเครื่องไปในทิศทางนั้น ๆ ทั้งยังฉายภาพแบบแนวตั้งได้โดยไม่ต้องเอียงตัวเครื่อง โปรเจคเตอร์ Fujifilm FP-Z8000 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Zero-offset Projection ซึ่งเหนือกว่าโปรเจคเตอร์แบบ Ultra-short Throw ทั่วไปเพราะสามารถฉายภาพได้ตรงกลางหน้าจอโดยไม่ต้องเผื่อระยะ จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ FP-Z8000 เหมาะสำหรับการฉายงานสร้างสรรค์ของวงการศิลปะและตอบโจทย์การใช้งานของอาร์ตแกลเลอรีและพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ต้องการฉีกกรอบการฉายภาพผลงานแบบเดิม ๆ

• ดีไซน์สวย กะทัดรัด ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อไร้สะดุด: FP-Z8000 ชูดีไซน์ที่ล้ำสมัย สวยเรียบในสไตล์มินิมอล ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาราว 18 กิโลกรัม ทำให้เคลื่อนย้ายและติดตั้งสะดวก นอกจากนี้ ยังมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย ใช้งานและควบคุมได้สะดวก พร้อมรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ผ่านพอร์ต HDMI, DisplayPort, VGA และ USB เพื่อการใช้งานที่ไร้รอยต่อ

ฟูจิฟิล์ม มั่นใจโปรเจคเตอร์ FP-Z8000 ใหม่ล่าสุดเปี่ยมศักยภาพและนวัตกรรมล้ำสมัยพร้อมเจาะตลาดโปรเจคเตอร์สำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ห้องประชุมในองค์กรและสถาบันการศึกษา ไปจนถึงวงการบันเทิง โฆษณา อีเวนต์ ตลอดจนนิทรรศการศิลปะและพิพิธภัณฑ์ ที่ทุกรายละเอียดของภาพส่งผลต่อประสบการณ์และความรู้สึกของผู้รับชม

ฟูจิฟิล์ม ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมครบวงจรมายกระดับวงการภาพยุคใหม่ เพื่อส่งเสริมชีวิตยุคดิจิทัลที่สะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ร่วมสัมผัสโปรเจคเตอร์สุดล้ำกับ Fujifilm FP-Z8000 ได้ที่บูธ B10 ในงาน InfoComm Asia 2024 ตั้งแต่วันที่ 17-19 ก.ค. 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fujifilm FP-Z8000 ได้ที่ fujifilm.com/th/en/business/optical-devices/projector/fp-z8000 ผู้ที่สนใจสินค้าโปรดติดต่อ [email protected]

แคนนอนประกาศราคาเลนส์ฟิชอายรุ่นใหม่ล่าสุด “RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye” อัปเกรดคอนเทนต์ VR ให้เต็มตากว่าเดิม ด้วยปร...
30/08/2024

แคนนอนประกาศราคาเลนส์ฟิชอายรุ่นใหม่ล่าสุด “RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye”
อัปเกรดคอนเทนต์ VR ให้เต็มตากว่าเดิม ด้วยประสิทธิภาพระดับกล้อง APS-C
เลนส์ฟิชอายรุ่นสองจากแคนนอน มาพร้อมการอัปเกรดประสิทธิภาพและฟีเจอร์ขั้นสูง
ตอบโจทย์การสร้างสรรค์งาน VR ที่ง่ายดาย พร้อมติดตั้งใช้งานกับ EOR R7 ได้ทันที

แคนนอน (CANON) แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ พร้อมนำคุณสู่โลก 3 มิติที่สมจริงกับการบันทึกภาพแบบ VIRTUAL REALITY (VR) ด้วยเลนส์ฟิชอายรุ่นใหม่ “RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye” ที่มาพร้อมคุณสมบัติขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา และการออโต้โฟกัสที่แม่นยำ โดยเลนส์ฟิชอายรุ่น 2 ของแคนนอนนี้ออกแบบมาสำหรับกล้อง APS-C โดยเฉพาะสามารถใช้งานร่วมกับกล้อง EOS R7 ได้ทันที และยังมีฟีเจอร์เด่นเช่นเดียวกับรุ่น RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนขั้นตอนการทำงานทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ VR แบบ 3 มิติบนความละเอียดสูงให้ง่ายดายยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์ VR ได้อย่างสวยงามราวกับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

คอนเทนต์ VR มอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและน่าประทับใจยิ่งกว่าให้กับผู้ชม เพราะทำให้เราสามารถสำรวจฉากได้แบบรอบด้าน ครอบคลุมขอบเขตการมองเห็นมากกว่าภาพนิ่งหรือวิดีโอ 2D ทั่วไปในรูปแบบเดิม ๆ ทั้งยังสามารถเลือกได้เองว่าจะมองขึ้น ลง ซ้าย หรือขวา มอบศักยภาพใหม่ ๆ มากมายที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งกับการเล่าเรื่อง การแสดงข้อมูลเสริมในเนื้อหา และการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ อย่างไร้ข้อจำกัด

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนเปิดตัวเลนส์ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye เพื่อช่วยลดปัญหาของบรรดาครีเอเตอร์ในการเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ VR และเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไปได้ทดลองสร้างเนื้อหาแบบ VR ได้ง่ายขึ้น เราเชื่อว่าเลนส์รุ่นนี้จะเปิดโลกแห่งโอกาสได้อีกมากมาย เพราะในปัจจุบันผู้คนต่างแสวงหาแนวทางในการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใครเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสำหรับกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์นั้น เลนส์ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye จะเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ไม่ซ้ำใครด้วยมุมมองที่สดใหม่ เพื่อสร้างความโดดเด่นในการแข่งขันและสามารถเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ราคาวางจำหน่าย Canon RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye อย่างเป็นทางการในประเทศไทย 45,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
สร้างสรรค์ภาพยนตร์ VR ระดับ 4K อย่างง่ายดาย
เลนส์ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye ประกอบด้วยเลนส์ฟิชอายสองตัวซึ่งติดตั้งเว้นระยะห่างกัน เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye เพื่อให้สามารถถ่ายภาพพร้อมกันสองภาพที่ซ้อนเหลื่อมกันบนเซนเซอร์ภาพตัวเดียว โดยข้อมูลภาพที่ได้จะมีมุมมอง 144° ซึ่งสามารถแปลงเป็นภาพยนตร์ 3 มิติแบบ VR ที่กว้าง 180° ได้ด้วยซอฟต์แวร์ EOS VR Utility หรือ EOS VR Plug-in สำหรับโปรแกรม Adobe Premiere Pro และด้วยการทำงานที่ง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่าเพิ่มเติม ซิงค์ข้อมูลภาพ หรือต่อภาพจากกล้องหลายตัว ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ VR ความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดายในราคาที่ไม่แพง

เลนส์ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye ยังเป็นเลนส์ฟิชอายคู่รุ่นแรกของแคนนอนที่มีออโต้โฟกัส (AF) จึงสามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมการใช้งานที่ง่ายดายเหมือนเลนส์ RF ทั่วไป ซึ่งเกิดจากกลไกมอเตอร์ STM บนเลนส์คู่ที่ขับเคลื่อนทั้งเลนส์ซ้ายและขวาไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งหากจำเป็น ผู้ใช้ยังสามารถปรับความแตกต่างของโฟกัสซ้าย-ขวาแบบละเอียดได้อย่างง่ายดาย ด้วยวงแหวนควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์และสวิตช์โหมดสำหรับปรับระยะโฟกัสให้แตกต่างกัน

ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมตำแหน่งของกรอบ AF ด้วยแอปพลิเคชัน EOS Utility หรือ Camera Connect ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเมื่อต้องถ่ายภาพในมุมมองที่แปลกตา หรือในสถานที่ที่มีความยากลำบากสำหรับผู้ทำงานหลังกล้อง

มอบคอนเทนต์คุณภาพสูงแม้ถ่ายย้อนแสง
RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye ยังเป็นเลนส์นอกกลุ่ม L รุ่นแรกที่มีการเคลือบผิวเลนส์ป้องกันแสงสะท้อนแบบ ASC (Air Sphere Coating) เพื่อภาพที่ใสสะอาดและคมชัด โดยมีแสงโกสต์และแสงแฟลร์เกิดน้อยที่สุดแม้จะมีแหล่งกำเนิดแสงจ้าอยู่ในกรอบภาพก็ตาม เมื่อใช้งานร่วมกับกล้อง EOS R7 จะช่วยให้เลนส์มีความหนาแน่นของพิกเซลภาพสูง (จำนวนพิกเซลต่อมุมรับภาพ 1°) เทียบเท่าเลนส์รุ่น RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye ในกล้อง EOS R5 เมื่อบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ให้ภาพความละเอียดสูงทั่วกรอบภาพแบบมุมต่อมุม

ฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้น
เลนส์ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye มีขนาดเกือบเท่ากับรุ่น RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye แต่น้ำหนักเบากว่าเล็กน้อย (ประมาณ 290 กรัม ไม่รวมตัวยึดฟิลเตอร์ด้านหลัง) การออกแบบที่กะทัดรัดยังช่วยให้พกพาได้สะดวก เลนส์ยังมาพร้อมกับตัวยึดฟิลเตอร์ด้านหลังที่สามารถติดตั้งฟิลเตอร์แผ่น (ฟิลเตอร์เจลาติน) ที่มีจำหน่ายทั่วไป รวมถึงฟิลเตอร์แบบเกลียวขนาด 30.5 มม.

ข้อมูลเชิงเทคนิค
รุ่น RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye
ทางยาวโฟกัส 3.9 มม.
รูรับแสงกว้างสุด f/3.5
ระยะโฟกัสใกล้สุด (เมตร) 0.2
กำลังขยายสูงสุด 0.03x
โครงสร้างเลนส์ 11 ชิ้น 8 กลุ่ม
เส้นผ่าศูนย์กลางฟิลเตอร์ สามารถใช้ฟิลเตอร์เกลียว (30.5mm) หรือฟิลเตอร์แผ่น
ติดกับตัวยึดฟิลเตอร์ด้านหลัง
ม่านรูรับแสง 7
การเคลือบผิวเลนส์พิเศษ Air Sphere Coating
รูปแบบการรับภาพ (Projection Type) Equidistant projection
มอเตอร์ Gear-type STM
เส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวเลนส์สูงสุด ประมาณ 112.0 × 83.7 x 54.6 มม.
น้ำหนัก ประมาณ 290 กรัม (ไม่รวมตัวยึดฟิลเตอร์ด้านหลัง)

ฟูจิฟิล์ม พลิกโฉมวงการสิ่งพิมพ์ เปิดตัว “Frontier DX400" นวัตกรรมอิงก์เจ็ตสุดล้ำที่ทำให้ทุกงานพิมพ์เป็นเรื่องง่าย บริษัท...
30/08/2024

ฟูจิฟิล์ม พลิกโฉมวงการสิ่งพิมพ์ เปิดตัว “Frontier DX400"
นวัตกรรมอิงก์เจ็ตสุดล้ำที่ทำให้ทุกงานพิมพ์เป็นเรื่องง่าย

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด พลิกโฉมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว
“Frontier DX400” เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตรุ่นใหม่อันทรงพลังสำหรับปรินต์รูปภาพโดยเฉพาะ ภายใต้แท็กไลน์ “ความทรงจำที่สัมผัสได้” เครื่องพิมพ์มาในดีไซน์ขนาดกะทัดรัด พร้อมคุณสมบัติความทนทานสูงและการประมวลผลที่รวดเร็ว ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ประกอบการยุคใหม่ ด้วยโซลูชันการพิมพ์เพื่อธุรกิจที่มีคุณภาพและฟังก์ชันที่หลากหลาย พร้อมรองรับงานพิมพ์ทุกรูปแบบได้อย่างครอบคลุม

Frontier DX400 ตอบโจทย์ความต้องการของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและการออกแบบที่ทนทาน มุ่งเน้นประสิทธิภาพและการใช้งานที่ราบรื่น เพื่อให้ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการงานพิมพ์ และธุรกิจขนาดกลางรวมถึงขนาดย่อม (SMEs) สามารถพิมพ์งานปริมาณมากโดยยังมั่นใจว่าจะได้งานพิมพ์คุณภาพสูง นอกจากนี้ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด จึงเอื้อต่อการใช้งานในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่มีพื้นที่จำกัด

คุณสมบัติเด่น:

ลงตัวกับทุกธุรกิจด้วยดีไซน์กะทัดรัดพร้อมความทนทานเป็นเยี่ยม: Frontier DX400 มีขนาดกะทัดรัดด้วยน้ำหนัก 17.6 กิโลกรัมและใช้พื้นที่ในการติดตั้งเพียง 0.17 ตารางเมตร พร้อมประสิทธิภาพขั้นสูงที่ต่อยอดมาจากรุ่น DX100 โดยเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตซีรีส์ Frontier ของฟูจิฟิล์มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในด้านความทนทานและประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง จึงมั่นใจได้ถึงอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ธุรกิจราบรื่นไม่สะดุด และช่วยลดรายจ่ายเรื่องการซ่อมบำรุง

สุดยอดเครื่องพิมพ์ที่โดดเด่นทั้งความเร็วและคุณภาพงานพิมพ์: Frontier DX400 มาพร้อมกับเทคโนโลยีอิงก์เจ็ตขั้นสูงที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วเพียง 9.4 วินาทีต่อแผ่น (ขนาด 4” x 6”) จึงรองรับงานพิมพ์ปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกับอีเวนต์ขนาดใหญ่ และด้วยเทคโนโลยี Image Intelligence™ ของฟูจิฟิล์ม ทำให้ได้งานพิมพ์ที่สวยงามบนความละเอียดสูง พร้อมความแม่นยำและรายละเอียดสีที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการพิมพ์ภาพถ่ายและงานที่ต้องการคุณภาพสูง

โซลูชันอเนกประสงค์ที่ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส: Frontier DX400 รองรับกระดาษได้หลายประเภท ตั้งแต่ขนาด
89 × 50 มม. ไปจนถึง 210 × 1,000 มม. ตอบโจทย์ทั้งการพิมพ์นามบัตร ภาพขนาดจัมโบ้ ภาพพาโนรามา และภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่นิยมใช้ในแอปพลิเคชันสมาร์ตโฟน รวมถึงแบนเนอร์สำหรับตกแต่งภายในอาคาร Frontier DX400 ยังมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายพร้อมจอแสดงผลในตัว ซึ่งช่วยให้การพิมพ์ง่ายขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ภาพถ่าย สื่อส่งเสริมการขาย หรือเอกสารทั่วไป เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดภาระการฝึกอบรมพนักงานได้อย่างมาก

ใส่ใจโลกด้วยระบบประหยัดไฟและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: Frontier DX400 รุ่นใหม่มาพร้อมดีไซน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าเดิม โดยใช้พลังงานเพียง 80 วัตต์ จาก 150 วัตต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและส่งเสริมเป้าหมายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมขององค์กร

ลูกค้าที่เลือกใช้ Frontier DX400 ยังสามารถมั่นใจได้ถึงการใช้งานที่ราบรื่น ด้วยการให้บริการหลังการขายของฟูจิฟิล์ม ทั้งการจัดส่งฟรี บริการติดตั้งฟรี และทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการดูแลและให้คำปรึกษาหลังการขายครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้ายกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้คอนเซปต์ Fujifilm Service First การเปิดตัว Frontier DX400 ของบริษัทถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อช่วยยกระดับธุรกิจ
ต่าง ๆ ให้ก้าวทันต่อการแข่งขันของโลกปัจจุบัน

Frontier DX400 วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ผู้ประกอบการที่สนใจโซลูชันขั้นสูงเพื่อเสริมศักยภาพการพิมพ์ สามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ได้ที่ Fujifilm X-space และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Fujifilm Printing Thailand หรือเว็บไซต์ https://www.fujifilm.com/th/th/business/photofinishing/frontier-dry/dx400/specifications

#ฟูจิฟิล์มความทรงจำที่สัมผัสได้

INSTAX คอลแลบคาเฟ่ดังใจกลางเมือง! ส่ง instax mini Link 3 สมาร์ตโฟนปรินเตอร์รุ่นล่าสุด มอบความสนุกสุดใจฟูให้สาวก INSTAX แ...
30/08/2024

INSTAX คอลแลบคาเฟ่ดังใจกลางเมือง! ส่ง instax mini Link 3 สมาร์ตโฟนปรินเตอร์รุ่นล่าสุด
มอบความสนุกสุดใจฟูให้สาวก INSTAX และเหล่า Cafe Hopper มาลองลูกเล่นใหม่อย่างจุใจ
ชวน Workshop งานคราฟต์สุดสร้างสรรค์ พร้อมลุ้นรับของรางวัลสุดน่ารัก ตั้งแต่วันนี้ ถึง 10 ก.ย. 67 ที่ Libi Home

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าเติมเต็มความสนุกให้ทุกความทรงจำด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จากซีรีส์ INSTAX อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจัดแคมเปญคอลแลบคาเฟ่ดังใจกลางเมืองเพื่อเปิดตัว instax mini Link 3 สมาร์ตโฟนปรินเตอร์รุ่นล่าสุดจากซีรีส์ Link ขวัญใจผู้ใช้งานในเมืองไทยและทั่วโลก ฟูจิฟิล์ม เนรมิตพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกร้าน Libi Home คาเฟ่สุดฮอต ให้กลายเป็น INSTAX VILLAGE ในบรรยากาศน่ารักสดใสในโทนสีละมุนตา พร้อมจัดเต็มกับกิจกรรมสนุก ๆ ให้แฟน ๆ INSTAX และเหล่า Cafe Hopper ได้มาร่วม ทดลองฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของ Link 3 กันอย่างใกล้ชิด ชวนสะสมแสตมป์จากการร่วมกิจกรรมและลุ้นรับของรางวัลพิเศษสุดน่ารัก ความสนุกยังไม่หมด! เพราะมีการร่วมงานกับ 2 ศิลปินชื่อดังในการออกแบบและสร้างสรรค์งาน Workshop ทั้ง Paper Craft และ Film Painting ให้สาย DIY ได้ร่วมตกแต่งฟิล์ม INSTAX ในสไตล์ของตนเองอีกด้วย โดยสามารถร่วมสนุกได้ที่ Libi Home ตั้งแต่วันนี้ ถึง
10 กันยายน 2567 เท่านั้น

มร. โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของ INSTAX ว่า “ในโลกดิจัทัลที่เราเก็บทุกอย่างไว้ในสมาร์ตโฟน ฟูจิฟิล์ม ยังคงเชื่อมั่นว่าส่วนสำคัญของวัฒนธรรมการถ่ายภาพคือการเก็บความทรงจำให้คงอยู่ตลอดไปในรูปแบบของภาพฟิล์ม ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 1998 กลุ่มผลิตภัณฑ์ INSTAX ก็ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนยังหลงรักประสบการณ์แบบอนาล็อกอยู่เสมอ โดยฟูจิฟิล์ม ได้เดินหน้าคิดค้นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่สนุกและสะดวกขึ้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ จนในวันนี้เราเปิดตัว Link 3 กับสโลแกน ‘bring fun to life’ ให้ทุกคนได้เติมความสนุกด้วยฟีเจอร์อย่าง instax AiR Studio และ Click to Collage ในอนาคตเราจะยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างความประทับใจให้ทุกความทรงจำ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายใหม่ของกลุ่มฟูจิฟิล์ม ในการแต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา เรามั่นใจว่ากิจกรรมพิเศษทั้งหมดจะสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมที่คาเฟ่แห่งนี้แน่นอน”

นางสาวอายะ โทคุทาเกะ - Assistant to Managing Director and Regional Sale and Marketing Manager (Asia Pacific Region) เล่าถึงทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ INSTAX ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ INSTAX มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่มีความไฮบริดมากขึ้น โดยผสานการใช้งานที่ตอบโจทย์โลกดิจิทัล ทว่ายังไม่ลืมเสน่ห์ของความเป็นอนาล็อก และที่สำคัญ หัวใจของการใช้ INSTAX คือการที่เราได้แบ่งปันความทรงจำและความรู้สึกในห้วงเวลานั้นกับเพื่อน ๆ และคนที่เรารักผ่านฟิล์ม INSTAX ตามสโลแกน ‘don’t just take, give.’ นั่นเอง ในช่วง 2-3 ปีนี้เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กล้อง INSTAX และสมาร์ตโฟนปรินเตอร์หลายรุ่น ที่ผสมความสนุกในแบบดิจิทัลและอนาล็อกได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับ Link 3 ที่เรามั่นใจว่าทุกคนจะชอบฟีเจอร์แต่งภาพที่เล่นกับเพื่อน ๆ ได้ผ่านสมาร์ตโฟนและปรินต์สิ่งที่เราครีเอตร่วมกันออกมาเก็บหรือจะแชร์ให้เพื่อนเพื่อส่งความสุขให้กันได้แบบไม่มีขีดจำกัด”

นายภาสิณ จันทรสุนทรกุล - Head of Business Group Imaging Solutions and Industrial Business บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงแคมเปญสุดสนุกของ Link 3 ในครั้งนี้ว่า “การจัดแคมเปญเปิดตัว Link 3 ผ่านการ
คอลแลบคาเฟ่ชื่อดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่เป็นความตั้งใจของ INSTAX ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ชื่นชอบการใช้เวลาที่คาเฟ่ การถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ การเซลฟี ซึ่งเราพบว่าคนกลุ่มนี้ยังมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบงานศิลปะ งานคราฟต์ และการสร้างสรรค์งานที่ได้สะท้อนไอเดียสดใหม่ของตนเอง เราจึงไม่ได้จัดแค่การเปิดตัว Link 3 แต่เรายกบรรยากาศแห่งความสดใสในสไตล์ Link 3 มาให้พวกเขาได้สัมผัสจริง ๆ ทั้งยังได้ชวน 2 ศิลปินคนรุ่นใหม่ที่กลุ่ม Gen Z รู้จักผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง mami.papercraft ที่สร้างผลงานคราฟต์สวยๆ จากกระดาษ และ Take Time to Make Kram ที่เด่นเรื่องลายเส้นสวย ๆ เพื่อสร้างเป็นประสบการณ์ที่รอบด้านมากขึ้น ในงานนี้ ทุกคนสามารถมาลองเล่นฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Link 3 และพอปรินต์ภาพออกมา ก็จะได้เห็นว่าเราใส่ความสนุกและความเป็นตัวเองลงในความทรงจำได้ ซึ่งช่วยตอกย้ำจุดเด่นของ Link 3 ได้เป็นอย่างดี”

ร่วมสัมผัสความสนุกของสมาร์ตโฟนปรินเตอร์รุ่นล่าสุด instax mini Link 3 ที่มาพร้อมสองฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ instax AiR Studio ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายรูปด้วยเอฟเฟกต์ AR ลงในภาพถ่ายได้ และ Click to Collage ที่สร้างภาพปะต่อจากหลาย ๆ ช็อต เหมือนการถ่ายรูปที่โฟโต้บูธ ตอบโจทย์ทั้งการถ่ายเซลฟีและการถ่ายกลุ่มกับเพื่อนแก๊งใหญ่ โดย Link 3 พร้อมจำหน่ายวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฟูจิฟิล์ม ในราคา 4,490 บาท

ผู้ที่สนใจมาทดลองใช้งานฟังก์ชันและถ่ายรูป Photobooth เป็นที่ระลึก ลุ้นรับของรางวัลเมื่อทำกิจกรรมและสะสมแสตมป์ครบ ได้ที่ Libi Home ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 10 กันยายน เวลา 9.00 - 18.00 น. พร้อมพบกับ Workshop พิเศษกับ mami.papercraft และ Take Time to Make Kram ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 31 ส.ค. – 1 ก.ย. และ 7 ก.ย. – 8 ก.ย. 67 นี้เท่านั้น ลงทะเบียนร่วม Workshop ล่วงหน้าได้ทาง Facebook: Instax Thailand

แคนนอน ปล่อยหมัดเด็ดส่งกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม 2 รุ่นใหม่ ทั้งกล้องเรือธง “EOS R1” และกล้องไฮบริดระดับเทพ “EOS R5 Mark II...
30/08/2024

แคนนอน ปล่อยหมัดเด็ดส่งกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม 2 รุ่นใหม่
ทั้งกล้องเรือธง “EOS R1” และกล้องไฮบริดระดับเทพ “EOS R5 Mark II”
ยกระดับกล้องระบบ EOS R ก้าวหน้าสู่เจเนอเรชันใหม่ ด้วยเทคโนโลยี Deep Leaning จัดเต็มทุกฟีเจอร์

แคนนอน เดินเกมรุกตลาดกล้องถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอระดับมืออาชีพต่อเนื่อง ส่งกล้อง 2 รุ่นใหม่ในระบบ EOS R ทั้ง “EOS R1” และ “EOS R5 Mark II” อย่างเป็นทางการ เน้นตอบโจทย์การทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว โดยกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมระดับเรือธง “EOS R1” พร้อมรองรับการทำงานของช่างภาพระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง ด้วยชิปประมวลผลภาพ 2 แบบ และระบบออโต้โฟกัสประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วมอบคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนกล้องไฮบริดระดับเทพ “EOS R5 Mark II” อัดแน่นอด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยทั้งเซนเซอร์ back-illuminated (BSI) Stacked CMOS รุ่นพัฒนาใหม่ ที่ให้ความละเอียดภาพถึง 45 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ Accelerated Capture พร้อมรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอถึงระดับ 8K 60P ที่จะยกระดับกล้องระบบ EOS R ให้ก้าวหน้าสู่เจเนอเรชันใหม่เพื่องานผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูง

มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 ถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับแคนนอน ประเทศไทย โดยเราก่อตั้งสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2537 และในวันนี้ เรามีความภาคภูมิใจเป็นยิ่งที่ได้ฉลองครบรอบ 30 ปีของการดำเนินงาน ซึ่งตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ร่วมสร้างความเติบโตเคียงข้างพันธมิตร ช่างภาพ และลูกค้าผู้มีอุปการคุณมาอย่างมั่นคง แคนนอนมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานและพร้อมรับฟังเสียงตอบรับเพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน เราได้เข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันน่าตื่นใจ ซึ่งแคนนอนได้ผสานศักยภาพของสิ่งเหล่านี้เข้ากับเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ จนสามารถทำในสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี AI ของเรานั่นเอง วันนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพระดับแฟล็กชิปที่ทุกคนรอคอยทั้ง EOS R1 และ EOS R5 Mark II สู่ตลาดกล้องเมืองไทยอย่างเป็นทางการ โดยแคนนอนมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมกล้องเหล่านี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและยกระดับงานถ่ายภาพไปสู่มาตรฐานอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าหากทุกท่านได้สัมผัสใช้งาน จะต้องรู้สึกประทับใจอย่างแน่นอน”

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นระยะเวลากว่า 7 ปีมาแล้วที่แคนนอนเริ่มพัฒนากล้องมิเรอร์เลสในระบบ EOS R จนกระทั่งปัจจุบัน แคนนอนได้นำเสนอผลิตกล้องมิเรอร์เลส EOS R มาแล้วถึง 14 รุ่น ซึ่งครอบคลุมความต้องการและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ และดังที่ มร. โยโกตะ ได้กล่าวไว้ว่าเราได้เข้าสู่ยุคแห่ง AI แล้วอย่างเต็มตัว แคนนอนจึงได้ผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา ในรูปแบบของ Deep Learning Technology ซึ่งเป็น AI ที่ใช้คลังข้อมูลจำนวนมากในการวิเคราะห์ ทั้งการตรวจจับสภาพแวดล้อมในการถ่าย ทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ และอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งในด้านความเร็วและความแม่นยำของระบบออโต้โฟกัส และคุณภาพของภาพถ่าย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและช่วยให้ผู้ใช้งานได้ผลงานที่มีคุณภาพสูง แม้ในสถานการณ์การถ่ายภาพที่ไม่เคยทำได้มาก่อน การพัฒนาทั้ง EOS R1 และ EOS R5 Mark II ยังสอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่หยุดยั้งของแคนนอน เพื่อให้สินค้าของเราตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกกลุ่มได้อย่างสมบูรณ์แบบและช่วยสนับสนุนการทำงานของช่างภาพและครีเอเตอร์ทุกระดับ ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ข้อจำกัดใด ๆ”

EOS R1: Be One with Mastery
กล้องเรือธงระดับมาสเตอร์สำหรับมืออาชีพตัวจริงที่โดดเด่นทั้งความเร็วและฟีเจอร์ครบครัน ทั้งความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วในการโฟกัส รวมถึงความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับมืออาชีพที่เน้นเรื่องความรวดเร็วในการทำงานเป็นหลัก ทั้งการถ่ายการแข่งขันกีฬา ชีวิตสัตว์ป่า รวมถึงงานข่าว ส่งให้กล้อง EOS R1 ได้รับฉายา Speed Champion “You’R Difference” นำเสนอราคาเฉพาะตัวกล้องที่ 235,900 บาท

EOS R5 Mark II: Imagine Bigger Things
กล้องมิเรอร์เลสไฮบริด ที่มีความโด่นเด่นในเรื่องความละเอียด แบบ High Resolution ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว พร้อมจัดเต็มฟังก์ชันด้านวิดีโอ เพื่อให้เป็นที่สุดของ VDO performance รองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการผลงานคุณภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มงานเวดดิ้ง งานผลิตวิดีโอเชิงพาณิชย์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไปจนถึงช่างภาพอาชีพทุกสาย จึงทำให้ EOS R5 Mark II เปิดตัวภายใต้สโลแกน Imaging Bigger Things “you’ R The Next Gen” โดยนำเสนอ 2 รุ่นได้แก่
• EOS R5 Mark II เฉพาะตัวกล้อง ราคา 147,900 บาท
• EOS R5 Mark II พร้อมเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM ราคา 192,900 บาท

นอกจากนี้ยัง EOS R5 Mark II ยังเปิดตัวพร้อมทัพอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย เพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างภาพให้สะดวกง่ายดายและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ได้แก่
o Battery Grip รุ่น BG-R20EP ราคา 20,890 บาท
o Battery Grip รุ่น BG-R20 ราคา 14,590 บาท
o COOLING FAN รุ่น CF-R20EP ราคา 16,890 บาท
o แบตเตอรี่ รุ่น LP-E6P ราคา 3,900 บาท

พิเศษ! แคนนอนจัดโปรโมชันฉลองการเปิดตัวมิเรอร์เลสฟูลเฟรมระดับแฟล็กชิป ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย
• ต่อที่ 1 รับสิทธิ์พิเศษ
บริการซ่อมด่วน (Fast Track service) สำหรับปีแรก พร้อมขยายเวลารับประกันสินค้าเพิ่มเป็น 2 ปี
• ต่อที่ 2 แลกซื้อสุดคุ้ม
รับส่วนลด 50% แลกซื้อ CF-R20EP COOLING FAN ราคาพิเศษเพียง 8,445 บาท (จากราคาปกติ 16,890 บาท)
และ / หรือ รับส่วนลดสูงสด 7,000 บาท แลกซื้อเลนส์ราคาพิเศษ
 RF 15-35 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 82,500 บาท (ปกติ 86,500 บาท)
 RF 24-70 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 82,500 บาท (ปกติ 86,500 บาท)
 RF 70-200 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 95,800 บาท (ปกติ 102,800 บาท)
• ต่อที่ 3 ฟรีของแถม Pelican 1535 Air Limited Edition มูลค่า 15,900 บาท จำนวน 1 ใบ
เมื่อซื้อ EOS R5 Mark II (ชุดคิทใดก็ได้) คู่กับ CF-R20EP COOLING FAN และเลนส์ RF ซีรีย์ L
และผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ระยะเวลาโปรโมชัน 27 สิงหาคม 2567 สิ้นสุด 30 กันยายน 2567 สามารถติดตามข่าวสารและดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ http://th.canon
# #

ที่อยู่

197 ซอยรังสิต-นครนายก 51 ต. ประชาธิปัตย์ อ. ธัญบุรี
อ. ธัญบุรี
12130

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66992479545

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กล้องกล้วยกล้วยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กล้องกล้วยกล้วย:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


อ. ธัญบุรี บริษัท สื่ออื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ