Highlight Hot News

  • Home
  • Highlight Hot News

Highlight Hot News ข่าวดัง ข่าวเด่น จับกระแส เจาะประเด?

11/06/2025

ภาครัฐ-องค์กรนานาชาติ ร่วม อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดงาน ProPak Asia 2025 งานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาคเอเชีย สร้างมูลค่าการค้าและเจรจาธุรกิจกว่า 5.5 พันล้านบาท

นายมนู เลียวไพโรจน์
ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน

🛑เวลาผ่านไป 10 ปี มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป และมีบางอย่างที่ยังมั่นคง ชมเรื่องราวความรักของ บีม และ ปาล์ม .. . ใน “รุ่นพี่เ...
09/06/2025

🛑เวลาผ่านไป 10 ปี มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป และมีบางอย่างที่ยังมั่นคง ชมเรื่องราวความรักของ บีม และ ปาล์ม .. .
ใน “รุ่นพี่เดอะซีรีส์“ ละครสั้นสร้างสรรค์เรื่องล่าสุดของรถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อเฉลิมฉลองในเดือน Pride🌈Month เดือนแห่งความรักที่หลากหลายและไร้เงื่อนไข
“มากกว่าการเดินทางคือความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดงยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

“รุ่นพี่เดอะซีรีส์“ ละครสั้นสร้างสรรค์ เรื่องล่าสุดของรถไฟฟ้าสายสีแดงต้อนรับ Pride🌈Month นำแสดงโดย ปาล์ม ศุภชั....

“ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” จับมือ “บจ.อัคราเดียน” MOU ร่วมวิจัย-ต่อยอดองค์ความรู้ พัฒนาระบบการจัดการพลังงาน ยก เป็นต...
05/06/2025

“ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” จับมือ “บจ.อัคราเดียน” MOU ร่วมวิจัย-ต่อยอดองค์ความรู้ พัฒนาระบบการจัดการพลังงาน ยก เป็นต้นแบบถ่ายทอดเทคโนโลยี หนุน ขับเคลื่อนไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050

วันนี้ (5 มิ.ย.2568)เวลา 14.00น. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและบริษัท อัคราเดียน จำกัด
ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย เรื่อง การวิจัยและพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน ที่คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมี ดร.ก้องกาญจน์ วชิรพนัง รองอธิการบดีฝ่ายบุคคล พร้อมด้วย ผศ.ดร.กูสกานา กูบาฮา คณบดีคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ รศ. ดร.อดิศักดิ์ นาถกรณกุล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ ดร.รุ่งโรจน์ สงค์ประกอบ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์และถ่ายทอดเทคโนโลยีคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ ผศ.ดร.พัฒนะ รักความสุข รองคณบดีอาวุโสฝ่ายวิจัย คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ และดร.ปรีชา อาการศ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ขณะที่ภาคเอกชน นำโดย คุณรัตนดา ถนอมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัคราเดียน จำกัด คุณรัชชา สุขชม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ลาร์ซ แอนด์ ลอเร็ล จำกัด คุณนัธที วงศ์พยัคฆ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อัคราเดียน จำกัด และคุณพรทิพย์ ลิมปิชัยโสภณ ผู้ประสานงานโครงการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย เรื่อง การวิจัยและพัฒนาระบบการจัดการพลังงานในครั้งนี้

ผศ.ดร.กูสกานา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนา เมื่อมาประกอบกับทางอัคราเดียนที่มีความเชี่ยวชาญและเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับแบตเตอรี่ พลังงานรถยนต์ไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้อง เมื่อมาร่วมมือกันจะเกิดการพัฒนาและตอบโจทย์ประเทศไทยในขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ให้ได้ตามเป้าหมาย

ดร.ก้องกาญจน์ กล่าวว่า ถือเป็นเป้าหมายของมหาวิทยาลัยที่ได้ทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชนมา อย่างยาวนาน เพื่อให้องค์ความรู้สามารถนำไปใช้งานได้จริง สามารถสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรม และสังคมประเทศได้ โดยไม่ใช่แค่การวิจัยเท่านั้นแต่ควบคู่กับการพัฒนากำลังคน พัฒนาองค์ความรู้สร้างคุณค่าและโอกาสใหม่ๆให้กับประเทศ ซึ่งความร่วมมือกับภาคเอกชนในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากของประเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พร้อมเปิดรับทุกความร่วมมือในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการให้น้ำหนักเรื่องการพัฒนากำลังคนในภาคอุตสาหกรรม พร้อมเปิดรับทุกหน่วยงานองค์กรและภาคเอกชน เข้ามาร่วมมือกัน

ด้านคุณรัตนดา ระบุว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีความโดดเด่นด้านการขับเคลื่อนให้ไทยเป็นประเทศที่มีคาร์บอนต่ำ ทางบริษัท อัคราเดียนเองมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า Energy Management ซึ่งการจะทำให้พลังงานหมุนเวียนที่ถือเป็นกุญแจสำคัญนั้นมีเสถียรภาพ ต้องใช้ระบบ Battery Energy Storage System ซึ่งมีการทำงานร่วมกันกับบริษัทระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ โดยความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีกับบริษัทอัคราเดียนครั้งนี้มีกรอบ การทำงานร่วมกันทางด้านวิจัยและพัฒนาทำให้เกิดขึ้นจริง ในระยะเวลา 3 ปี โดยจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งมุ่งหวังให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นโมเดลต้นแบบในการเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับหน่วยงาน องค์กรและสถานศึกษาต่าง ๆ รวมถึงภาคประชาชน สามารถเข้ามาเรียนรู้และนำไปปรับใช้เพื่อให้มีโอกาสได้ใช้พลังงานสะอาดอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น พร้อมเชิญชวนให้ภาคเอกชน เข้ามาศึกษาและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฯเพื่อพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้สู่การขับเคลื่อนประเทศด้านการลดก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุด

สำหรับการวิจัยและพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ บริษัท อัคราเดียน จำกัด ตกลงร่วมมือกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาองค์ความรู้ในด้านพลังงานไฟฟ้า โดยรวมถึงพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 นอกจากนี้ยังมีมุ่งพัฒนาหลักสูตร กิจกรรมการเรียนรู้ และบุคลากรด้านพลังงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีพลังงาน โดยเน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน และเพื่อผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานไปประยุกต์ใช้จริง ทั้งในเชิงนโยบายสาธารณประโยชน์ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด

“ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ” 5-8 มิถุนายนนี้ ที่ เดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์งานนี้เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้...
02/06/2025

“ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ” 5-8 มิถุนายนนี้ ที่ เดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์

งานนี้เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยทุกจังหวัด ได้มีพื้นที่แสดงผลงาน นำเสนอผลิตภัณฑ์ดี ๆ เด่นๆ ของแต่ละจังหวัด ที่มีคุณภาพและมีเรื่องราวที่น่าสนใจ

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัย สุขภาพ และความยั่งยืน สินค้าเกษตรของไทยเราก็มีศักยภาพที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่งานขายของ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่าย สร้างโอกาส และยกระดับภาคการเกษตรไทยในภาพรวม

ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ขึ้น เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานดี ๆ อย่าง “ 1 ท้องถิ่น 1สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ”

งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายนนี้ ที่ เดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์ กรุงเทพมหานคร จัดโดย สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองนโยบายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและ เกษตรกรรมยั่งยืน

ภายในงานทุกท่านจะได้พบกับสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรทั่วประเทศ ทั้งของสด ของแปรรูป พร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุก เรียนรู้ และพูดคุยกับผู้ผลิตจริง ๆ แบบใกล้ชิด

มาช่วยกันอุดหนุนสินค้าไทย สนับสนุนเกษตรกรไทย เพราะทุกการซื้อของท่านคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

สกพอ. เดินเครื่องโครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา ต่อยอดอัตลักษณ์อาหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมแกร่...
23/05/2025

สกพอ. เดินเครื่องโครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา ต่อยอดอัตลักษณ์อาหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากพื้นที่อีอีซี

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นประธานเปิดตัว โครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา พร้อมลงนามความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา, มูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา, โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล, โรงแรมสัปปายะ, โรงแรมบ้านนายถึก และโรงแรมเฮฟเว่น ฉะเชิงเทรา โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหาร ปราชญ์ชุมชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ อาคาร NT Tower บางรัก กรุงเทพฯ

ดร.จุฬา สุขมานพ เปิดเผยว่า จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นหนึ่งในพื้นที่หลักของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีศักยภาพทั้งในด้านเศรษฐกิจและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะต้นทุนทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ซึ่งอาหารไทยถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอาหารไทยมีความเป็นเอกลักษณ์และมีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมกับการยกระดับภูมิปัญญาอาหารอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ สร้างงาน และสร้างอาชีพในชุมชน ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตอย่างเข้มแข็งและเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ สกพอ. ได้ดำเนิน โครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม โดยศึกษาข้อมูลองค์ความรู้ ภูมิปัญญาด้านอาหาร ของชุมชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และนำเข้าฐานข้อมูลองค์ความรู้ชุมชน และต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่มที่สามารถตอบสนองภาคอุตสาหกรรม นักลงทุน และนักท่องเที่ยวในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการร้านอาหารให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกช่วงวัยในชุมชน ด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา

“โครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา มุ่งเน้นการค้นหาแหล่งกำเนิดขององค์ความรู้ ภูมิปัญญาด้านอาหาร ปราชญ์ชุมชนด้านอาหาร และเมนูอาหารสะท้อนอัตลักษณ์ของ 11 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเมนูอาหารที่เบื้องต้นได้รับการเสนอว่าเป็นเมนูแห่งฉะเชิงเทราที่โดดเด่น อาทิ ต้มยำกุ้ง อำเภอบางคล้า หมูหงส์ อำเภอแปลงยาว บ้าบิ่นมะพร้าวน้ำหอม อำเภอคลองเขื่อน แกงส้มไหลบัวปลาสลิด อำเภอบางน้ำเปรี้ยว เป็นต้น ซึ่งจะนำไปพัฒนาและยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม (Value) ตลอดจนการต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจ เชื่อมโยงสู่ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และชุมชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ให้เติบโตและสร้างความอย่างยั่งยืนแก่ประชาชนในพื้นที่” ดร.จุฬา กล่าว

สำหรับโครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา จะจัดการแข่งขันใน 2 ประเภท คือ 1. การแข่งขันรังสรรค์เมนูอาหารภูมิปัญญาดั้งเดิมแห่งฉะเชิงเทรา (Traditional Menu) และ 2. การแข่งขันรังสรรค์เมนูอาหารสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาแห่งฉะเชิงเทรา (Creative Menu) ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ณ ลานโปรโมชัน หน้า Tops ชั้น 1 ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา โดยผู้ที่จะสมัครเข้าร่วมการแข่งขันต้องเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงเรียนสอนทำอาหาร สถาบันอาหาร หรือ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งรางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันแต่ละประเภท แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ จำนวน 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัล, รองชนะเลิศ อันดับที่ 1 จำนวน 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัล, รองชนะเลิศ อันดับที่ 2 จำนวน 4,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และรางวัลชมเชย 5 รางวัล จำนวน 2,500 บาทต่อรางวัล มูลค่าเงินรางวัลรวมกว่า 63,000 บาท

สำหรับคณะกรรมการตัดสิน ประกอบด้วย เชฟชุมพล แจ้งไพร คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์และประธานคณะกรรมการอนุกรรมการด้านอุตสาหกรรมอาหาร, ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), นายจรงค์ศักดิ์ รองเดช พิธีกรรายการภัตตาคารบ้านทุ่ง, นายดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์พิเศษด้าน Food Stylist ระดับประเทศ, รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ และ ดร.ดารินันท์ นันทวงค์ ผู้แทน สกพอ. โดยเกณฑ์การตัดสินหลัก ๆ ได้แก่ ความถูกต้องในการประกอบอาหารแบบมืออาชีพ ความคิดสร้างสรรค์และนำเสนอผลงาน และสามารถนำไปจำหน่ายได้จริง วัตถุดิบมีแหล่งที่มาจากในจังหวัดฉะเชิงเทราและสามารถเชื่อมโยงไปถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากชุมชน สามารถบอกเล่าเรื่องราวระหว่างวัตถุดิบเชื่อมโยงแหล่งที่มาจากชุมชนได้ (Storytelling) และรักษารสชาติพื้นฐานและอัตลักษณ์ของเมนูนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง อาหารมีรสชาติที่เหมาะสมสอดคล้องกับเครื่องปรุงรส มีรสชาติและสีสันที่ดี และสอดคล้องกับมาตรฐานอาหารในยุคปัจจุบัน

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการยกระดับภูมิปัญญาสู่การรังสรรค์เมนูแห่งฉะเชิงเทรา ได้ที่ QR Code / Link กติกาและใบสมัคร https://forms.gle/quvtqbDKnRLPY1aC6 ตั้งแต่วันนี้-20 มิถุนายน 2568 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 095-318-7085 คุณสุวัจนี นาคอาจหาญ

“รมว.นฤมล” เผย “มหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานี” เงินจะสะพัดกว่า 3.2 หมื่นล้าน มั่นใจเสร็จทันตามเวลา ขอเชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้...
22/05/2025

“รมว.นฤมล” เผย “มหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานี” เงินจะสะพัดกว่า 3.2 หมื่นล้าน มั่นใจเสร็จทันตามเวลา ขอเชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับ นทท.จากทั่วโลก

ศ.ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า งานมหกรรมพืชสวนโลก ที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ถือว่า เป็นงานระดับโลกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับประชาชนในท้องถิ่นให้มีบทบาทร่วมคิด ร่วมสร้าง ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังความภาคภูมิใจและการเป็นเจ้าภาพร่วมกันได้เป็นอย่างดี ในส่วนของผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงการจัดงาน 134 วันนั้น คาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3.6 ล้านคน ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นและมีกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าสู่ประเทศกว่า 32,000 ล้านบาทจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงาน ก่อให้เกิดการกระตุ้นการใช้จ่าย รวมถึงการใช้จ่ายเงินของภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ อัตราการจ้างงานระหว่างการจัดงานก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 81,000 ตำแหน่ง ซึ่งการจ้างงานดังกล่าวเกิดจากการขยายตัวจากกิจกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน กิจกรรมด้านการท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ อันจะส่งผลดี เป็นการป้องกันการไหลออกของแรงงานท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดให้ทุกประเทศที่จะมาจัดแสดงจะต้องจ้างแรงงานท้องถิ่นในการจัดทำสวนเท่านั้น

ศ.ดร นฤมล กล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับและให้แนวทางกับทุกหน่วยงานในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ โดยการจัดงานดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ หรือ AIPH ซึ่งให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน มีการกำหนดให้มีการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชนและผู้เข้าร่วมงานอย่างทั่วถึง โดยงานยังเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ได้นำเสนอวิถีการใช้ชีวิตกับพืชพรรณ และสายน้ำ การอยู่ร่วมกัน อาศัยพึ่งพากันระหว่างคนกับธรรมชาติ ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนาต่อยอด ซึ่งไม่จำกัดอยู่แค่ในด้านพืชสวนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอีกด้วย

ทั้งนี้ ศ.ดร นฤมล เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานด้านความคืบหน้าการก่อสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และงานภูมิสถาปัตย์ จากกรมวิชาการเกษตรว่าได้ส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้างเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างฯ แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และงานภูมิสถาปัตย์ แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้ทันเปิดงานในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 ได้อย่างแน่นอน

“มหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานี พ.ศ. 2569 ไม่เพียงเป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เสริมสร้างทักษะ เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ และสร้างการมีส่วนร่วมในทุกระดับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จึงขอเชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก พร้อมนำเสนออัตลักษณ์ของไทยสู่เวทีนานาชาติ”ศ.ดร นฤมล กล่าว

พบกับ “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 - 14 มีนาคม 2570 ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสาร “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” (Udon Thani International Horticultural Expo 2026) ได้ที่

Facebook: Udon Thani International Horticultural Expo 2026
Tiktok: UITHE2026
Youtube: Udon Thani International Horticultural Expo 2026
Instagram: Udonexpo2026
Website: www.udonthaniexpo2026.com

MCT จัดงาน ‘Songwriter Thailand Showcase 2025’ ปรากฏการณ์รวมพลังนักแต่งเพลงไทยจากรุ่นสู่รุ่น บนเวทีที่สร้างบทใหม่ให้วงกา...
20/05/2025

MCT จัดงาน ‘Songwriter Thailand Showcase 2025’ ปรากฏการณ์รวมพลังนักแต่งเพลงไทยจากรุ่นสู่รุ่น บนเวทีที่สร้างบทใหม่ให้วงการดนตรีไทย

ก้าวสู่ปีที่สองของงานใหญ่ที่นักแต่งเพลงรอคอย ‘MCT Presents Songwriter Thailand Showcase 2025: Songs of Tomorrow’ โดยบริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ร่วมกับ The People ที่จัดขึ้นเพื่อจุดประกายความคิด สร้างพื้นที่เรียนรู้ และยกระดับวิชาชีพนักแต่งเพลงไทย ผ่านเวทีแห่งการพบปะของนักแต่งเพลง ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และคนทำงานดนตรีจากหลากหลายรุ่น โดยในปีนี้จัดขึ้นที่ The Street Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้า The Street Ratchada พร้อมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ให้ผู้ชมทั่วประเทศได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ

งานเริ่มต้นขึ้นอย่างอบอุ่นและมีพลังด้วยการเปิดตัว VTR ‘Songs of Tomorrow’ ก่อนที่สองพิธีกรหลักของงาน ว่าน วันวาน และ จ๊อบ พงศกร จะขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาร่วมงาน เวทีเสวนาถูกเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการโดย คุณณฐพล ศรีจอมขวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ซึ่งเน้นย้ำวัตถุประสงค์สำคัญของงาน Songwriter Thailand Showcase ว่าเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมวิชาชีพนักแต่งเพลงให้เป็นอาชีพที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งานนี้จึงเป็นพื้นที่ให้ทั้งนักแต่งเพลงรุ่นใหม่และศิลปินผู้มีประสบการณ์ได้แบ่งปันองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และสร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน พร้อมเปิดโอกาสให้คนดนตรีได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับอาชีพนี้ให้ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างแท้จริง
“MCT อยากให้นักแต่งเพลงเป็นอาชีพที่มีรายได้มั่นคงและยั่งยืน มีคนที่สามารถเรียกตัวเองได้ว่ามีอาชีพนักแต่งเพลง อยู่ในเมืองไทยเยอะ ๆ”

ภายในพิธีเปิดยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการบริหาร บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด (MCT) พร้อมด้วยศิลปินจากหลากหลายค่ายเพลงและแนวดนตรีที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ซึ่งล้วนเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนคุณภาพของเสียงเพลงไทยจากรุ่นสู่รุ่น

ในลำดับต่อไปก็เริ่มต้นที่หนึ่งในหัวใจหลักของงานปีนี้ คือเวทีเสวนา “Future of Music” ที่พูดคุยถึงบทบาทของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ในวงการเพลง ซึ่งเป็นการต่อยอดอย่างเข้มข้นผ่านประสบการณ์จริงของผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ พล Boxx Music, แม็กซ์ The Darkest Romance, และ ตูน Three Man Down
ทุกคนเห็นตรงกันว่า AI ไม่ใช่ศัตรู หากเป็น “เครื่องมือ” ที่เราต้องรู้จักและใช้ให้เป็น เริ่มจาก ตูน Three Man Down ที่ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรง ที่ใช้ AI สร้างเสียงของเพื่อนร่วมวงที่ล้มป่วย มาช่วยทำเดโม จนสามารถพัฒนาต่อเป็นเพลงได้ ต่อด้วย แม็กซ์ The Darkest Romance ที่ยังไม่ใช้ AI จริงจัง แต่ยอมรับในโอกาสที่เทคโนโลยีนี้เปิดให้กับวงการ ปิดท้ายด้วย พล Boxx Music ตัวแทนจาก MCT ที่เล่าถึงการใช้ AI เป็นที่ปรึกษาในการเสนอไอเดีย แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน

สิ่งที่ทั้งสามคนเน้นตรงกันคือ “การพัฒนาตัวเองให้เป็น Top Level” ที่ไม่มีใครหรือเครื่องจักรใดมาแทนที่ได้ โดยเฉพาะในด้าน “อารมณ์ จิตวิญญาณ และความรู้สึก” ที่เป็นหัวใจของดนตรี

เวทีนี้ยังพูดถึงปัญหาสำคัญอย่าง ราคากลางของอาชีพดนตรี, ลิขสิทธิ์ในยุค AI, และ บทบาทของ MCT ในการสร้างระบบนิเวศใหม่ ที่คนดนตรีสามารถดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนได้จริง ในฐานะผู้ที่จะช่วยดูแลการจัดเก็บลิขสิทธิ์ดนตรี ไปจนถึงเรื่อง “สุขภาพใจ” ของผู้สร้างสรรค์เสียงดนตรีว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อให้ฉายให้เห็นความท้าทายที่คนดนตรีแทบทุกคนต้องเผชิญ แต่ก็รวมไปถึงวิธีมอง “อาชีพ” นี้ ให้นักแต่งเพลงสามารถยืนระยะกับความท้าทายนี้ต่อไป

ไฮไลต์พิเศษในช่วงนี้ยังรวมถึงการปรากฏตัวของแขกรับเชิญพิเศษ WIN[AI] รองชนะเลิศประกวดแต่งเพลงปีก่อน โดยที่ปัจจุบัน ใช้ AI ช่วยทำเพลงออกมาเป็นอัลบั้มชื่อ WIN[AI] ซึ่งคุณวินัยก็ได้หยิบกรณีศึกษาในการสร้างสรรค์ของตัวเองผ่านเครื่องมือ AI ต่าง ๆ ตั้งแต่ ChatGPT, SUNO ไปจนถึง AI สัญชาติเกาหลีอย่าง SORI SORI ซึ่งคุณวินัยก็ได้นำเสนอทั้งการป้อน Prompt ไปจนถึงขั้นตอนและการส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องมุมมองและข้อถกเถียงที่คนอาจมีต่อการสร้างสรรค์เพลงด้วย AI

ถัดมา ในช่วง “Inspiration Talk: Soundscape of Tomorrow - เสียงของวันพรุ่งนี้” ได้รวมศิลปินนักแต่งเพลงแถวหน้าของวงการ ได้แก่ กานต์ The Parkinson, ปอ และน้ำวน Whal & Dolph, และ เอ๊ะ ละอองฟอง มาร่วมถอดรหัส “เสียงของวันพรุ่งนี้” ผ่านเรื่องเล่าจากเพลงที่พวกเขาเขียนขึ้น และประสบการณ์จริงที่สะท้อนตัวตนของคนดนตรีในยุคเปลี่ยนผ่าน

การเสวนาจะชวนพูดคุยไปถึงการสร้างสรรค์ดนตรีในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตถึงปัจจุบัน ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน โดยคำตอบของแต่ละคนสะท้อนจุดยืนและมุมมองที่หลากหลาย ไปจนถึงวิธีการสร้างสรรค์ในรูปแบบของตัวเองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น
ตลอดช่วงเวลา 45 นาทีของช่วงเสวนานี้ ผู้ชมได้ร่วมเดินทางผ่านเบื้องหลังเพลงดังอย่าง “ฉันยังเก็บไว้” “จะบอกเธอว่ารัก”, “ยิ้ม”, “คนชั่ว 2018”, และ “ดีใจหรือเปล่า” เป็นต้น ที่สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างสรรค์ถ้อยคำและเสียงดนตรีผ่านเสียงหัวเราะ น้ำตา และแรงบันดาลใจ จาก กานต์ The Parkinson, ปอ และน้ำวน Whal & Dolph, และ เอ๊ะ ละอองฟอง ที่ถูกแบ่งปันและส่งต่อไปทั่วทั้งห้อง

หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดลับสมองและปลายปากกากับเวที “Songwriter Interactive Workshop” ภายใต้หัวข้อ “Sound of Tomorrow: Crafting Tomorrow’s Hits” โดยเวิร์กช็อปครั้งนี้ออกแบบให้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทั้งความรู้ เทคนิค และแรงบันดาลใจ ในการแต่งเพลงให้ไม่เพียงทำงานได้จริง แต่ยังสร้างอิทธิพลและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในยุคดนตรีเปลี่ยนผ่าน

ผู้ร่วมเวิร์กช็อปประกอบด้วย 3 นักแต่งเพลงระดับแนวหน้าที่ผลงานของพวกเขาคุ้นหูพวกเราทั้งสิ้น ตั้งแต่ D Gerrard ศิลปินที่มีสไตล์เฉพาะตัว และมีผลงานฮิตไวรัลมากมายอย่าง Galaxy และ รถไฟบนฟ้า, แบงค์ รัฐวิชญ์ นักเขียนเพลงผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตในวงการเพลงลูกทุ่งและ T-Pop อย่าง ว่าว และ นะหน้าทอง และ เอก SEASON FIVE นักร้อง-นักแต่งเพลงเจ้าของเสียงร้องที่สะท้อนอารมณ์ลึกซึ้งในทุกท่อนฮุค อย่างเพลง แหลก และ Sky & Sea

ภายในเวิร์กช็อป ทั้งสามคนเปิดเผยเคล็ดลับการทำเพลงที่มาจากประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางโครงสร้างเนื้อร้อง การวิเคราะห์ “ดนตรีนำ” หรือ “เนื้อร้องนำ” การตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเริ่มต้นแต่งเพลง ไปจนถึงกระบวนการคัดเลือกคำที่กระชับแต่ทรงพลัง โดยหยิบยกเอากรณีศึกษาจากผลงานของตนมากล่าวถึง พร้อมแกะรอยทีละถ้อยคำที่เรียงร้อยอยู่ในท่อนต่าง ๆ

การเวิร์กช็อปนี้จึงเปรียบเหมือนการที่ศิลปินเหล่านี้ได้มาแบ่งปันเคล็ดลับการสร้างสรรค์ และอาจทำให้ผู้ที่ได้ฟังสามารถ “ตั้งคำถาม” และ “เจียระไนตัวเอง” อีกครั้ง ทั้งด้านความคิดและทักษะ โดยเฉพาะกับนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญทั้งแรงกดดันจากกระแส และความท้าทายในอุตสาหกรรมดนตรีในยุคปัจจุบัน

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอยตลอดทั้งงาน คือการประกาศผลการประกวดแต่ง “เนื้อร้อง-ทำนองเพลง” ภายใต้โจทย์ “อดีต • ปัจจุบัน • อนาคต” ที่เปิดรับผลงานจากนักแต่งเพลงหน้าใหม่ทั่วประเทศ โดยในปีนี้มีผลงานส่งเข้าร่วมกว่า 1,000 บทเพลง และคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายเพียง 10 เพลงสุดท้าย ที่เปล่งเสียงของตัวเองออกมาได้อย่างเฉียบคม มีเอกลักษณ์ และสะท้อนความหมายของการเป็น “เสียงของอดีต • ปัจจุบัน • อนาคต” อย่างแท้จริง

โดยพิธีกรก็ได้ประกาศชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลตามลำดับ ตั้งแต่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เพลง “คำถามถึงพี่ ๆ วงนั่งเล่น” โดย ปรานต์ ภัทรางกุล ที่ เอก SEASON FIVE ให้ความเห็นว่าเป็นบทเพลงที่โดดเด่นในแง่ชั้นเชิงการแต่ง โครงสร้างเรื่องร้อยเรียงผ่านอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างแนบเนียน เป็นงานเขียนที่สะท้อนความเข้าใจกลไกของบทเพลงอย่างลึกซึ้ง คณะกรรมการมองว่าเป็นผลงานที่มีศักยภาพทางภาษาสูง แต่ยังมีระยะให้พัฒนาในแง่ความเข้าถึงของกลุ่มผู้ฟังวงกว้างมากขึ้น

ในลำดับต่อมา สำหรับ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ เพลง “ผู้ชม” โดย นพรุจ ศรีม่วง feat. Khem FREEHAND ที่ แม็กซ์ The Darkest Romance มองว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ใช้ภาษาที่เฉียบคมและมีจังหวะในการวางคำอย่างชาญฉลาด เต็มไปด้วยการอุปมาอุปไมยที่แปลกใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ แม้ยังมีจุดที่อาจต้องปรับเพื่อลดชั้นเชิงในบางช่วง แต่ถือเป็นผลงานที่ฉายแววชัดเจนของนักแต่งเพลงคุณภาพ

สำหรับ รางวัลชนะเลิศ นั้น ตกเป็นของเพลง “10 Minutes Before…” โดย อริญชย์ หมัดนุรักษ์ ft. Tayuu โดย ตูน Three Man Down มองว่าเป็นบทเพลงที่สร้างสมดุลอย่างพอดีในหลายมิติ ทั้งเนื้อหาที่เรียบแต่มีชั้นเชิง การสื่อสารที่ร่วมสมัยและเชื่อมโยงกับผู้ฟังยุคปัจจุบันได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้เนื้อหาอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สามารถเล่าออกมาได้อย่างน่าสนใจ จังหวะของคำที่วางไว้ในแต่ละท่อนช่วยเสริมให้เพลงติดหูและน่าจดจำ และเห็นทิศทางที่จะสามารถต่อยอดให้เพลงนี้สมบูรณ์แบบขึ้นกว่าเดิม

หลังการประกาศผล และมอบประกาศนียบัตรให้แก่อีก 7 ท่าน ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ผู้ชมในฮอลล์และผู้ชมออนไลน์ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งแรกของการแสดงสดจากเพลงที่คว้ารางวัลทั้ง 3 เพลง ที่จะบรรเลงโดยทีมเรียบเรียงและแบ็คอัพศิลปินระดับประเทศที่ได้ทำงานให้กับ ปู Blackhead, แน็ป the nap, เอ๊ะ จิรากร, เฟย์ ฟาง แก้ว, NiceCNX, P-hot, โดม ปกรณ์ ลัม และดัง พันกร

บรรยากาศภายในฮอลล์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปรบมือ และเสียงเชียร์จากเพื่อนนักแต่งเพลง ศิลปินรุ่นพี่ และผู้ชมที่ซึมซับบทเพลงด้วยหัวใจ ก่อนจะไปถึงช่วงท้ายของการแข่งขัน ก็ยังมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ กับการกลับมาแสดงของ ปืน เนติ และ สตางค์ รัฐพล ผู้เข้าประกวดจากปีที่แล้ว ที่ใช้เวทีนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพนักแต่งเพลง โดยพวกเขานำผลงานใหม่ที่แต่งเองทั้งหมดขึ้นโชว์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าประกวดในปีนี้

‘Songwriter Thailand Showcase 2025’ อาจปิดฉากลงในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคม แต่เสียงของนักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่เปล่งออกมาในงานนี้กลับไม่จบเพียงแค่นั้น ตรงกันข้าม บทเพลงทุกท่อน ความคิดทุกถ้อยคำ และเวทีทุกช่วงเวลาคือหนึ่งในการ “เริ่มต้น” ที่แท้จริงของการขับเคลื่อนวงการนักแต่งเพลงไทยสู่อนาคต
งานนี้ คือบทพิสูจน์ว่า คนดนตรีไทยไม่ได้ขาดแคลน “ความสามารถ” หากแต่ยังต้องการ “พื้นที่” ที่เปิดรับ เปิดฟัง และเปิดโอกาสให้ได้แสดงออกอย่างแท้จริง

ในฐานะผู้จัดงาน บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ร่วมกับ The People ยืนยันเจตนารมณ์ในการสร้างระบบนิเวศที่ทำให้นักแต่งเพลงไทยสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะด้วยการส่งเสริมความรู้เรื่องลิขสิทธิ์ การประสานความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกอย่าง CISAC หรือการผลักดันให้เกิดความเข้าใจเรื่องค่าตอบแทนที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมดนตรี

ทุกบทสนทนา เวิร์กช็อป และการแสดงในวันนี้ ต่างสะท้อนเป้าหมายเดียวกัน—สร้างแรงบันดาลใจให้คนดนตรี สร้างเสียงของวันพรุ่งนี้ให้ดังกว่าที่เคย—และนี่คือเพียงก้าวแรกของการเดินทางที่ยังต้องการเสียงของทุกคนร่วมกันต่อไป

#นักแต่งเพลง #ลิขสิทธิ์เพลง #ลิขสิทธิ์ดนตรี

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าประชาสัมพันธ์ “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้ง...
11/05/2025

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าประชาสัมพันธ์ “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การตลาด เพื่อสร้างการรับรู้และเผยแพร่ข้อมูล “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 (UDON THANI International Horticultural Expo 2026)” ตลอดช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2568 ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างการรับรู้กระตุ้นความสนใจกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูล “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” ภายในประเทศ ซึ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมงานอีเว้นท์สำคัญต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกระจายข้อมูลสู่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1. การจัดกิจกรรมออกบูทและแจกสื่อประชาสัมพันธ์ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2568 จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมีการเผยแพร่ข้อมูล แนวคิด และกิจกรรมงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569ผ่านสื่อโบรชัวร์ นิทรรศการภาพ และการจัดกิจกรรมร่วมสนุก 2. การจัดกิจกรรมโปรโมทในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในงาน “Maha Songkran World Water Festival 2025” จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยเชื่อมโยงประเพณีสงกรานต์กับอัตลักษณ์ของงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569ผ่านการตกแต่งพื้นที่ในบรรยากาศสวนพฤกษชาติไทย เพื่อสะท้อนถึงความงดงามของวัฒนธรรมและธรรมชาติไทยในระดับสากล และ 3. การจัดกิจกรรมเวิร์กชอปทำธุงในงาน MICE DAY 2025 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างความจดจำ และเปิดโอกาสในการขยายเครือข่ายความร่วมมือเชิงธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมประชาสัมพันธ์ทั้ง 3 รายการนี้มีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เสริมสร้างภาพลักษณ์ของงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569ให้เป็นที่จดจำในระดับประเทศ และวางรากฐานสำหรับการประชาสัมพันธ์เชิงลึกต่อไปในระยะใกล้ช่วงจัดงานจริงในปี พ.ศ. 2569

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ โดยได้เข้าร่วมออกบูทในงาน EUROFLORA 2025 งานแสดงพรรณไม้และดอกไม้ระดับนานาชาติของยุโรป ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Nature takes its space” ระหว่างวันที่ 24 เมษายนถึง 4 พฤษภาคม 2025 ณ เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ที่กำลังจะจัดขึ้นในปีหน้านี้ รวมถึงเพื่อเชิญชวนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมจัดแสดงใน “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” สำหรับกิจกรรมที่นำไปประชาสัมพันธ์ภายในบูท ทางคณะผู้จัดงานได้เลือกกิจกรรมที่สื่อถึงอัตลักษณ์ของประเทศไทย อาทิ การทำสมุนไพรยาดม กิจกรรมทำธุงอีสาน การชิมชาสมุนไพรและชาดอกบัว รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการ Master Plan และนิทรรศการพืชสวนโลก ภายใต้แนวคิด “Diversity of life, connecting people, water and plants for sustainable living ความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต : สายสัมพันธ์แห่งผู้คน สายน้ำและพืชพรรณ สู่การดำรงชีวิตที่ยั่งยืน” นำพืชสวนของไทยที่มีความโดดเด่นมาจัดแสดงโดยเฉพาะพืชชุ่มน้ำ (Wet Land) และนับเป็นครั้งแรกของโลกที่จะมีการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกบนพื้นที่ชุ่มน้ำไปประชาสัมพันธ์

ผลตอบรับจากการเข้าร่วมออกบูทประชาสัมพันธ์งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ประเทศไทยได้รับความสนใจจากนานาประเทศโดยเฉพาะพืชชุ่มน้ำ และมีหลายประเทศให้ความสนใจแสดงความจำนงเข้าร่วมจัดแสดงงาน โดยปัจจุบันมี 3 ประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมแล้ว ได้แก่ เนปาล ปากีสถาน และภูฏาน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จึงขอเชิญคนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและนำเสนออัตลักษณ์ของจังหวัดอุดรธานีและประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก พบกับ “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 - 14 มีนาคม 2570 ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสาร “งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” (Udon Thani International Horticultural Expo 2026 ) ได้ที่

Facebook: Udon Thani International Horticultural Expo 2026
Tiktok: UITHE2026
Youtube: Udon Thani International Horticultural Expo 2026
Instagram: UdonExpo 2026

แนะนำเมนู “ไส้แก้วซอสหม่าล่า”  ที่ห้องอาหารจีนหยกห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เชิญชวนชิมเมนูแนะนำช่วงฤดูร้อนตลอ...
10/05/2025

แนะนำเมนู “ไส้แก้วซอสหม่าล่า” ที่ห้องอาหารจีนหยก

ห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เชิญชวนชิมเมนูแนะนำช่วงฤดูร้อนตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย “ไส้แก้วซอสหม่าล่า” ซึ่งเริ่มจากกระบวนการคัดเลือกไส้เป็ดที่มีความเหนียว นุ่ม ไม่ขาดตอน ล้างด้วยกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อน ทำให้ไม่มีกลิ่น ต้มในน้ำร้อนที่อุณหภูมิพอเหมาะ แล้วจึงนำมาผัดกับซอสหม่าล่า สูตรเด็ดโดยเชฟลำพูน ประพฤติธรรม พ่อครัวใหญ่จัดบริการทั้งมื้อกลางวันและเย็น เพียงที่ละ 599 บาทถ้วน พร้อมเมนูตามสั่งอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกอิ่มอร่อย

เปิดบริการทุกวัน ระหว่างเวลา 11.30 – 14.30 และ 18.00 – 22.00 น. สำรองโต๊ะล่วงหน้าที่โทร.0-2276-4567 ต่อ 8429 หรือไลน์ และเพจห้องอาหารจีนหยก www.facebook.com/yoktheemerald

Hewitt Consulting จับมือ ศศินทร์เปิดตัวโครงการ “100 Outperforming Enterprises”Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) บริษ...
30/04/2025

Hewitt Consulting จับมือ ศศินทร์เปิดตัวโครงการ “100 Outperforming Enterprises”

Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของไทย ประกาศเปิดตัวโครงการ “100 Outperforming Enterprises” อย่างเป็นทางการ ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อผลักดันองค์กรไทยให้สามารถ “Outperform” หรือก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับมาตรฐานสากล พร้อมสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้และการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวนภัส ศิริวรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทว่า “เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายแก่ทั้งองค์กรในประเทศไทยและภูมิภาค ด้วยแนวทางที่ผสานการใช้กลยุทธ์ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถก้าวไปสู่มาตรฐานใหม่ของความเป็นเลิศได้”

ในปีนี้ Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) ได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจชั้นนำ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน People, Sustainability, Digital Ability และ Strategic Foresight เปิดตัวโครงการ “100 Outperforming Enterprises” อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันยกระดับศักยภาพองค์กรไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของ Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) ในการช่วยให้องค์กรไทยสามารถพัฒนาและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยเราตั้งเป้าที่จะช่วยยกระดับศักยภาพขององค์กรชั้นนำอย่างน้อย 100 แห่งต่อปี ผ่านกระบวนการประเมินเชิงลึกและการให้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (Benchmark) เพื่อให้องค์กรเข้าใจจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุงของตนเองได้อย่างเป็นระบบ

โครงการ “100 Outperforming Enterprises” มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาองค์กร (Organization Development), ภาวะผู้นำ (Leadership), วัฒนธรรมองค์กร (Culture) และการบริหารคน (People Management) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งจากภายในและนำไปสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้องค์กรจากทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นภาคการเงิน เทคโนโลยี อุตสาหกรรมบริการ หรือภาคการผลิต ได้เข้าร่วมและยกระดับขีดความสามารถของตนเองผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับการสร้าง Ecosystem แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านการ Recognize องค์กรที่มีผลลัพธ์โดดเด่นและส่งเสริมการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) เพื่อช่วยให้องค์กรอื่น ๆ สามารถยกระดับตนเองได้ต่อไป

ทั้งนี้ Hewitt Consulting ได้ร่วมมือกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ Sasin School of Management สถาบันการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจชั้นนำ เพื่อร่วมกันยกระดับศักยภาพองค์กรไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

ศาสตราจารย์ เอียน เฟนวิค (Professor Ian Fenwick) ผู้อำนวยการศศินทร์ กล่าวว่า “โครงการนี้สอดคล้องกับพันธกิจของศศินทร์ ซึ่งได้แก่ “inspire.connect.transform for a better, smarter, sustainable world” องค์กรที่ดีต้องนำด้วยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ลงทุนในทรัพยากรบุคคล และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง”

นางสาวนภัส ศิริวรางกูร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ โครงการนี้ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CareerVisa สังคมของคนทำงานรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยคุณภาพและศักยภาพในการเติบโต และเป็นผู้นำในการให้คำปรึกษาด้านอาชีพอันดับต้น ๆ ของไทย เพื่อเสริมสร้างโอกาสและส่งต่อความสามารถในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและองค์กรในเชิงลึกคืนสู่สังคม พร้อมทั้ง HREX.asia สังคมและแพลตฟอร์มข้อมูลของนักทรัพยากรบุคคล ที่เชื่อในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อพัฒนาองค์กร โดยนำเสนอโซลูชันครบวงจรผ่าน Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบให้สามารถเลือกใช้งานภายใต้องค์ความรู้จากมุมมองของ HR People ระดับมืออาชีพทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างกลไกการเรียนรู้ร่วมกัน

“พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อภาคธุรกิจและสังคม โดยการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้โครงการ ‘100 Outperforming Enterprises’ มีมาตรฐานระดับสากล และสามารถสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรไทยได้อย่างแท้จริง”

โดยโครงการ 100 Outperforming Enterprises ไม่เพียงแค่เป็นการประเมินและการให้คำปรึกษา แต่ยังใช้การวิจัยเชิงลึก (Primary Research) ที่มุ่งเน้นการใช้ Index และตัวชี้วัดมาตรฐานเดียวกัน ในการประเมินองค์กรในทุกมิติ ด้วยการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งด้านกลยุทธ์ วัฒนธรรม และประสบการณ์พนักงาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งจากภายในองค์กรอย่างแท้จริง โครงการนี้มีแนวคิดหลักที่เน้นการสร้างความแข็งแกร่งจากภายในผ่านการประเมินการทำงานในทุกภาคส่วนขององค์กร ภายใต้แนวคิด “Strong from Within. Built to Outperform.” หรือ “แข็งแกร่งจากภายใน ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ” โดยการวิเคราะห์เชิงลึกจะมุ่งเน้นไปที่ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ พนักงาน, HR, และ CEO เพื่อดูความสอดคล้องและการประสานงานภายในองค์กร

สำหรับเกณฑ์การพิจารณาองค์กรที่ “Outperform” องค์กรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการประเมินอย่างละเอียดผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ครอบคลุมทุกมิติของความเป็นเลิศ โดยเริ่มจากการวัดระดับความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement Score) ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับองค์กร และต่อยอดด้วย 9 Core Experiences หรือประสบการณ์สำคัญที่พนักงานได้รับ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการสร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจในการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประเมินผ่านเครื่องมือ People Outperform Index ซึ่งเป็นแนวทางวิเคราะห์ด้านทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นระบบ โดยครอบคลุม 7 มิติสำคัญ การวิเคราะห์เชิงลึกในแต่ละด้านช่วยให้องค์กรเข้าใจโครงสร้างและระบบภายในของตนเองอย่างรอบด้าน พร้อมระบุโอกาสในการปรับปรุงเพื่อยกระดับศักยภาพด้านทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร

นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับ Psychological Safety หรือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยทางจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเติบโต การเรียนรู้ และนวัตกรรม ขณะเดียวกัน Holistic Well-being ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลในชีวิตการทำงาน โดยพิจารณาทั้งสุขภาพกาย จิตใจ และสังคมของพนักงาน และสุดท้าย องค์กรจะได้รับการประเมินในภาพรวมผ่านแนวคิด Organizational Vitality ซึ่งสะท้อนถึงความสมดุลระหว่างโครงสร้าง วัฒนธรรม การบริหารจัดการ และความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ การวิเคราะห์เชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถมองเห็นศักยภาพของตนเอง และวางกลยุทธ์ในการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของไทย ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างผู้นำ พัฒนาวัฒนธรรมองค์กร และยกระดับประสบการณ์พนักงาน โดยทีมที่ปรึกษามากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษาองค์กรชั้นนำของไทยและองค์กรระดับโลก เพื่อช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกใน ทุกด้านของการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล โดยช่วยองค์กร “OutPerform” อย่างยั่งยืนใน 4 ด้านสำคัญได้แก่

• Leadership Solution: เสริมสร้างผู้นำแห่งอนาคตที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
• Culture Solution: ปรับปรุงและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรให้ทันสมัย และสอดคล้องกับความต้องการในยุคปัจจุบัน
• Employee Experience Solution: ออกแบบประสบการณ์พนักงานให้มีความหมาย นำสู่ความผูกพันและประสิทธิภาพ พร้อมใช้ Generative AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
• HR Advisory Solution: ให้คำปรึกษาครอบคลุมด้านโครงสร้าง การวัดผลการปฏิบัติงานและการบริหารคนเชิงกลยุทธ์
Hewitt Consulting (ฮิววิท คอนซัลติ้ง) เชื่อว่า องค์กรที่แข็งแกร่งจากภายในจะสามารถก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างแท้จริง โครงการ "100 Outperforming Enterprises" จะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

Address


Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Highlight Hot News posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to Highlight Hot News:

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share