BrandThink

BrandThink Creative Change: Empowering, Diversity, Positive impact
(259)

BrandThink คือพื้นที่ที่ร่วมส่งต่อและผลักดันให้สังคมเกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก พร้อมเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นคนที่ดีกว่า เพราะเราเชื่อว่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องราวเล็ก ๆ เสมอ

SOCIETY: ปารีสเดือด หลังนายกเทศมนตรีเล็งแขวนวงแหวนโอลิมปิกไว้บนหอไอเฟลถาวร ทำชาวเมือง-องค์กรท้องถิ่น ต่อต้านอย่างหนัก ชี...
03/09/2024

SOCIETY: ปารีสเดือด หลังนายกเทศมนตรี
เล็งแขวนวงแหวนโอลิมปิกไว้บนหอไอเฟลถาวร
ทำชาวเมือง-องค์กรท้องถิ่น ต่อต้านอย่างหนัก
ชี้ผิดที่ผิดทาง ไม่สวย
เป็นประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรุงปารีสเล็งแขวน ‘วงแหวนโอลิมปิก’ ไว้บนหอไอเฟลอย่างถาวร จากเดิมทีที่จะนำออก หลังจากการแข่งขันพาราลิมปิกจบลงในวันที่ 8 กันยายน 2024 ดราม่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ อานน์ อิดาลโก (Anne Hidalgo) นายกเทศมนตรีของปารีสออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสอย่าง Ouest-France ในวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า
เธอได้ตัดสินใจให้วงแหวนโอลิมปิกนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหอไอเฟลอย่างถาวร หลังจากได้พูดคุยทำข้อตกลงกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เนื่องจากคิดว่าวงแหวนนี้ทำให้ชาวเมืองหลงรัก และได้สร้างความหมายให้กับปารีสรวมถึงฝรั่งเศส ก่อนจะชี้ว่า วงแหวนปัจจุบันที่มีขนาดยาวเกือบ 30 เมตรสูง 13 เมตรนั้นมันหนักเกินไป ดังนั้นมันจะถูกถอดลงมาและแทนที่ใหม่เข้าไปด้วยวงแหวนที่เบากว่า
อย่างไรก็ตาม ตามข้อตกลงของ IOC วงแหวนอันใหม่นี้จะต้องสามารถถูกซ่อนหรือ พรางตาได้ ในกรณีที่หอไอเฟลต้องการแสดงสัญลักษณ์บางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับนโยบาย ‘ความเป็นกลาง’ ของคณะกรรมการโอลิมปิก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่อิดาลโกให้สัมภาษณ์ ก็มีชาวปารีสหลายคน (และดูเหมือนจะเป็นส่วนมาก) ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของอิดาลโกอย่างมาก พร้อมกับระบุว่า ดีไซน์ของวงแหวนนั้นไม่เข้ากับหอไอเฟลเอาเสียเลย หรือจะเป็นบางคนบอกที่ว่า นี่มันไม่ต่างอะไรจากการเก็บของตกแต่งวันคริสต์มาสไว้ในบ้านหลังจบเทศกาล
ในขณะที่บางคนไปถึงขั้นที่ว่า อิดาลโกไม่ต่างอะไรจากพวกที่ชอบเอาแม็กเน็ตมาติดไว้ที่ตู้เย็น แต่ปัญหาก็คือ ตู้เย็นนี้ไม่ใช่ของเธอ พร้อมกับชี้ว่า หอไอเฟลเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝรั่งเศส มาตั้งแต่ปี 1889 และเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ มันได้ผ่านเรื่องอื้อฉาว ความเพ้อเจ้อ ความไร้สาระ และเหตุการณ์สยองขวัญ ต่างๆ นานา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่อิดาลโกจะมาตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว ที่จะทำสิ่งต่างๆ กับหอไอเฟลประหนึ่งเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
และไม่เพียงเสียงบ่นอุบอิบจากประชาชน องค์กรท้องถิ่นอย่างสมาคม SOS PARIS หรือ Société pour la Sauvegarde du Paris สมาคมที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 เพื่อปกป้องและอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมของกรุงปารีส ก็ได้ออกมาประณามการกระทำนี้ของอิดาลโก พร้อมกับล่ารายชื่อผ่านแคมเปญรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ที่แพลตฟอร์ม Change.org อีกด้วย ซึ่งดราม่านี้จะจบลงอย่างไรนั้นคงจะต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ดราม่านี้ถือเป็นอีกครั้งที่คนปารีสจะได้ถกเถียงกันเรื่องสุนทรียศาสตร์ ความสวยงามของบ้านเมือง อันเป็นหนึ่งในคุณค่าที่ชาวปารีสยึดถือมาอย่างยาวนาน

PHOTO STORY: DORAEMON is All Around.วันที่ 3 กันยายน ในอีกราว 90 ปีข้างหน้า จะเป็นวันเกิดของเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าตัวกลมๆ ...
03/09/2024

PHOTO STORY: DORAEMON is All Around.
วันที่ 3 กันยายน ในอีกราว 90 ปีข้างหน้า จะเป็นวันเกิดของเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าตัวกลมๆ อย่าง ‘โดราเอมอน’ ตัวละครเอกของการ์ตูนในชื่อเดียวกัน
แม้ว่าจะเป็นตัวละครในโลกของการ์ตูน แต่ก็ผูกพันเสมือนดังเพื่อนผู้น่ารักของผู้คนในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งในประเทศไทย เจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้ามีความคุ้นเคยกันมานานนับราวๆ 40 ได้แล้ว
จึงไม่แปลกที่โดราเอมอนจะปรากฏไปทั่วทุกหนแห่งนอกเหนือไปจากหน้าหนังสือและหน้าจอแก้ว-จอเงิน ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนที่ล้วนเติบโตมากับโดราเอมอน
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ ‘ของวิเศษ’ แต่การมีเจ้าหุ่นยนต์สีฟ้าปรากฏตัวอยู่นั้น ก็แสนวิเศษเพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ในความทรงจำ…
ภาพ: station 1-1
#วันเกิดโดเรม่อน

SOCIETY: อังกฤษเริ่ม 'ควบคุมการเลี้ยง'สุนัขอเมริกันบูลลี่ไซซ์ XL ตั้งแต่ต้นปี 2024ปัจจุบันมีผู้รอใบอนุญาตราว 50,000 รายแ...
03/09/2024

SOCIETY: อังกฤษเริ่ม 'ควบคุมการเลี้ยง'
สุนัขอเมริกันบูลลี่ไซซ์ XL ตั้งแต่ต้นปี 2024
ปัจจุบันมีผู้รอใบอนุญาตราว 50,000 ราย
และมีราว 400 รายเลือก 'การุณยฆาต'
พร้อมรับเงินชดเชยแทน
ทุกครั้งที่มีเหตุ 'หมาทำร้ายคนจนเสียชีวิต' สังคมก็จะวนเข้าสู่ข้อถกเถียงเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘การโทษคนเลี้ยง’ และ ‘การโทษที่ตัวสุนัข’
อย่างไรก็ดี ถ้าเราจะให้ 'ข้อถกเถียง' นี้กลายเป็น 'ทางออก' บางประการให้สังคม เราอาจต้องเรียนรู้จากสังคมอื่นว่าเขา 'จัดการ' ปัญหาแบบนี้อย่างไร และกรณีนี้คืออังกฤษ ซึ่งเพิ่งมีมาตรการบังคับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ 'XL Bully’ เมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา โดยห้ามทำการเพาะเลี้ยงและซื้อขายเด็ดขาด ส่วนใครจะเลี้ยงต้องมีใบอนุญาตและต้องทำตามข้อกำหนดต่างๆ เช่น ทำหมัน ฝังชิป และการต้องใส่ตะกร้อครอบปากและใส่สายจูงตลอดเวลาที่พามาในที่สาธารณะแบบไม่มีเงื่อนไข หากทำไม่ได้ รัฐก็มีตัวเลือกว่าให้เอามันมาทำการุณยฆาตได้ โดยรัฐจะจ่ายค่าชดเชยให้สูงสุดประมาณ 9,000 บาท
ในกรณีที่อังกฤษ การแบนสุนัขไม่ใช่เรื่องใหม่ และสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2023 ก็เป็นเพียงแค่การเพิ่มสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ไซซ์ XL หรือ XL Bully เข้าไปเพิ่มในลิสต์สุนัข 4 สายพันธุ์ที่ถูกควบคุมการเลี้ยงอยู่แล้ว ภายใต้ Dangerous Dogs Act 1991 ที่บังคับใช้มากว่า 30 ปีแล้ว
ดังนั้นอังกฤษมี 'กรอบกฎหมาย' ในการควบคุมการเลี้ยงสุนัขอยู่แล้ว โดยมี 4 สายพันธุ์ที่ถูกควบคุมการเลี้ยงภายใต้กฎหมายเก่า คือ อเมริกันพิตบูลเทอร์เรีย, โทสะอินุ, โดโกอาร์เจนติโน และ ฟิลาบราซิเลโร
โดยที่สายพันธุ์เหล่านี้ถูกควบคุมก็เพราะมันเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ได้ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง และมันมีขนาดใหญ่มากระดับก่ออันตรายกับมนุษย์จนถึงชีวิตได้ อเมริกันพิตบูลเทอร์เรียและโทสะอินุคือสุนัขที่มนุษย์เพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเอามากัดกันเพื่อดูเป็นกีฬา โดโกอาร์เจนติโนและฟิลาบราซิเลโรเป็นสุนัขพันธุ์ที่ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อใช้ล่าสัตว์ใหญ่อย่างหมูป่าและเสือ รวมถึงเอาไว้ใช้ล่าทาสที่หนีไปในยุคที่มีการค้าทาสอยู่
ดังนั้นแม้ว่าในทางวิทยาศาสตร์จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า 'สายพันธุ์' ส่งผลต่อความดุร้ายของสุนัขจริงหรือไม่ แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน สุนัขพวกนี้สามารถทำรายมนุษย์ให้ถึงแก่ชีวิตได้ และมันมีประวัติการทำร้ายมนุษย์จริงๆ ดังนั้นกฎหมายนี้จึงเกิดขึ้น
แล้วสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ไซซ์ XL ไปทำอะไรถึงโดนเพิ่มเข้าไปในลิสต์ของสุนัขที่ถูกควบคุม?
คำถามที่น่าจะดีกว่าก็คือ ทำไมมนุษย์ถึงเริ่มเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมา เพราะมันเป็นพันธุ์ที่เกิดใหม่แบบอายุไม่เกิน 40 ปี และบรรดาสมาคมเพาะพันธุ์สุนัขระดับนานาชาติและระดับประเทศ ก็ยังไม่ได้รองรับสายพันธุ์นี้ด้วยซ้ำ
ถ้าจะพูดในกรอบใหญ่ ไม่มีประวัติว่าใครเป็นคนเพาะพันธุ์ 'อเมริกันบูลลี่' ขึ้นมาครั้งแรก แต่คอนเซ็ปต์ในการเพาะพันธุ์อเมริกันบูลลี่ คือการต้องการ 'พิตบูล' ที่ตัวใหญ่ขึ้น ดูน่าเกรงขามขึ้น เลยเอามาผสมกับบูลด็อก ผลก็คือ ได้สุนัขอเมริกันพิตบูลที่ตัวใหญ่ขึ้น หัวโตขึ้น และกล้ามเป็นมัดๆ โดยไซซ์ใหญ่ๆ ของสุนัขพันธุ์นี้โตเต็มวัยอาจสูงถึงครึ่งเมตร (วัดจากเท้าหน้ามายังไหล่ตอนยืน) และหนักถึง 50 กิโลกรัม
โดยถ้าเป็นนิยามที่รัฐบาลอังกฤษใช้ในกฎหมายควบคุมการเลี้ยงสุนัข เขาจะใช้เกณฑ์ว่า 'Bully XL’ ที่คนเลี้ยงต้องมีใบอนุญาต คือหมาที่มีลักษณะแบบพิตบูลแต่หัวโตๆ ตันๆ กล้ามเป็นมัดๆ และสูงไม่ต่ำกว่า 48 เซนติเมตร
คำถามแรกคือ แล้วคนกลุ่มไหนถึงจะอยากเลี้ยงหมาในกลุ่มนี้ และคำถามที่สองถ้าอังกฤษแบนพิตบูลไปแล้ว จะต้องแบนอเมริกันบูลลี่ซ้ำไปอีกทำไม?
คำถามแรก เราต้องย้อนไปที่อเมริกา ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ และเป็นประเทศแห่งเสรีภาพจึงไม่เคยมีการแบนการเพาะพันธุ์สุนัขใดๆ คือเราต้องเข้าใจก่อนว่า หลายแหล่งยืนยันตรงกันว่าในอเมริกา 'สุนัขประจำวัฒนธรรมฮิปฮอป' คืออเมริกันพิตบูลเทอร์เรีย หรือ พิตบูล โดยร่องรอยว่าสุนัขพิตบูลผูกพันกับวัฒนธรรมฮิปฮอปแค่ไหนก็มีตั้งแต่แร็ปเปอร์ชื่อดังจากฟลอริดาที่ใช้ 'สเตจเนม' ว่า Pitbull ไปจนถึงการที่สุนัขตระกูลนี้เป็นสุนัขยอดนิยมของแร็ปเปอร์มากมายทั้งมีชื่อเสียงและไม่มี โดยสุนัขพันธุ์นี้ก็ไปโผล่ในมิวสิกวิดีโอฮิปฮอปอเมริกันบ่อยๆ และในป็อปคัลเจอร์ฝั่งอเมริกันก็จะฉายภาพสุนัขพันธุ์นี้ว่าเป็นสุนัขที่พวก 'ชาวแก๊ง' ชอบเลี้ยงกัน
หรือพูดอีกแบบ การเลี้ยงพิตบูลจำนวนไม่น้อย เป็นการ 'เลี้ยงเอาภาพลักษณ์' มาตั้งแต่โลกชาวแก๊งฮิปฮอปอเมริกันแล้ว ซึ่งจะบอกว่ามันไม่ต่างจากการใส่สร้อยทองเส้นใหญ่ๆ หรืองัดปืนมาโชว์ของคนในวัฒนธรรมนี้ก็ไม่ผิด โดยนักวิจัยก็ชี้ว่าการเลี้ยงพิตบูลเป็นการแสดงภาพความเป็นชายที่ล้นเกินออกมา
โดยกลุ่มนี้มักจะนิยมเอาสุนัขมากัดกันเพื่อเป็นกีฬาด้วย เพราะแม้ว่าจะผิดกฎหมาย แต่ก็ผิดน้อยกว่าการค้ายาเสพติดของพวกชาวแก๊งแน่ๆ
ในแง่นี้ มันไม่แปลกที่คนกลุ่มนี้และคนกลุ่มที่นิยมวัฒนธรรมฮิปฮอปสายอเมริกันจะต้องการพิตบูลที่ตัวใหญ่ขึ้น กล้ามเป็นมัดมากขึ้น และสิ่งที่เรียกว่า 'อเมริกันบูลลี่' ก็คือความพยายามจะเพาะพันธุ์พิตบูลให้ตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง และถ้าสังเกต พวกแร็ปเปอร์รุ่นหลังๆ ก็จะไม่เลี้ยงพิตบูลกันแล้ว แต่จะเลี้ยงพิตบูลเวอร์ชันที่น่าเกรงขามกว่าอย่างอเมริกันบูลลี่แทน
มาสู่คำถามต่อมา ทำไมกฎหมายอังกฤษถึงไม่แบนอเมริกันบูลลี่ รวมไปกับพิตบูล ตามตัวบทที่มีอยู่แล้ว?
คำตอบเร็วๆ คือ ในทศวรรษ 2010 ผู้เพาะพันธุ์อเมริกันบูลลี่ในอังกฤษ พยายามจะอ้างว่า อเมริกันบูลลี่เป็นคนละสายพันธุ์กับพิตบูล และอ้างว่าถึงจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่มีความก้าวร้าวน้อยกว่า ดังนั้นกฎหมายที่ห้ามเลี้ยงพิตบูลนั้นไม่ควรใช้กับอเมริกันบูลลี่ ซึ่งหลังจากการต่อสู้ในชั้นศาลหลายครั้ง ศาลก็ยืนยันว่า อเมริกันบูลลี่ไม่ใช่พิตบูล ตามนิยามของกฎหมาย ดังนั้นก็คือเพาะเลี้ยงได้ และสุนัขพันธุ์นี้ก็เริ่มมีแพร่หลายในอังกฤษ โดยในปัจจุบันน่าจะมีอย่างต่ำ 50,000-60,000 ตัว โดยบางสำนักก็ประเมินว่าจริงๆ อาจมีถึง 100,000 ตัว
แต่การที่ 'อเมริกันบูลลี่' ถูกกฎหมาย มันอาจนำไปสู่เรื่องน่าเศร้า
ถ้าใครตามข่าวอังกฤษในช่วง 2-3 ปีก่อน จะพบว่ามีข่าวใหญ่ๆ เรื่องสุนัขกัดคนตายบ่อยมาก แบบแทบจะมีทุกเดือน โดยถ้าจะสรุปสั้นๆ ตามสื่ออังกฤษอย่าง inews แล้ว 3 ใน 4 ของกรณีสุนัขกัดคนตายในอังกฤษนับแต่ปี 2021 เป็นฝีมือของอเมริกันบูลลี่ ซึ่งสายพันธุ์นี้คิดเป็นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรสุนัขในอังกฤษเท่านั้น
และถ้าเรากลับไปอ่านข่าวอังกฤษกลางปี 2023 เราก็จะเห็นข้อถกเถียงหนักมากว่า 'ควรจะแบน' อเมริกันบูลลี่หรือไม่? แต่สุดท้าย เนื่องจากกฎหมายอังกฤษมีการควบคุมการเลี้ยงพิตบูลอยู่แล้ว และอเมริกันบูลลี่ดั้งเดิมก็คือสายพันธุ์ย่อยของพิตบูล ซึ่งพอมันมีเรื่องมีราวมาให้สาธารณชนตื่นกลัว และไปเช็กสถิติก็มีมูล เงื่อนไขก็ครบถ้วนพอ รัฐบาลอังกฤษก็เลยเพิ่ม 'XL Bully’ เข้าไปในลิสต์ของสุนัขที่มีการควบคุมการเลี้ยงรวมถึงการเพาะพันธุ์และซื้อขาย และที่เขาใช้คำนี้ เขาก็เน้นว่าเฉพาะพวกไซซ์ใหญ่ๆ เท่านั้นถึงจะเข้าข่าย และมันก็แฟร์พอ เพราะถ้าเป็นไซซ์เล็ก สุนัขพวกนี้ก็ไม่ได้มีระดับความอันตรายเท่าพวกไซซ์ใหญ่
แต่ถามว่าเหตุ อเมริกันบูลลี่กัดคนจนถึงแก่ชีวิต หมดลงหรือไม่? คำตอบคือไม่หมด เพราะในปี 2024 ที่กฎหมายบังคับใช้แล้ว ก็ยังมีคนโดนพวกมันกัดจนเสียชีวิตอยู่
โดยในอังกฤษทุกวันนี้ก็ยังเป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกัน มีกลุ่มสิทธิสัตว์พยายามล่ารายชื่อให้ยุติการแบนอเมริกันบูลลี่ และมีกลุ่มคนที่ท้าทายกฎหมายด้วยการเอาอเมริกันบูลลี่ที่ตนเลี้ยงมาเดินบนถนนโดยไม่ใส่ที่ครอบปาก เป็นต้น
สุดท้าย ที่น่าสนใจคือ ถ้าเราจะเรียนรู้จากอังกฤษ เราก็ไม่ควรจะมองข้อถกเถียงเรื่องพวกนี้เป็นเพียงแค่ข้อถกเถียงระหว่าง 'คนรักหมา' กับ 'คนไม่รักหมา' เพราะในอังกฤษเอง ตอนที่ถกเถียงกันหนักๆ ก่อนกฎหมายจะออก สื่อก็ได้ไปสัมภาษณ์คนเลี้ยง 'หมาตัวเล็ก' ที่โดนหมาพันธุ์อเมริกันบูลลี่กัดตายไปหลายคน และ 'คนเลี้ยงหมา' เหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เรียกร้องให้มีการแบนอเมริกันบูลลี่ก่อนที่หมาพันธุ์นี้จะไปกัดหมาพันธุ์เล็กที่มาเดินตามท้องถนนตายเพิ่มไปอีก

02/09/2024

ขอ 1 เหตุการณ์ปวดใจ
ที่เปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล?
มาทบทวนตัวเอง พร้อมสร้างภูมิคุ้มใจกันที่ MIND DAY❣️
(รายละเอียดในคอมเมนต์)

PHOTO STORY: COCKTAIL, YOURS EVER, LIFETIME EXHIBITIONนิทรรศการที่จะพาทุกคนไปสำรวจการเดินทางของวง COCKTAIL ตลอดระยะเวลา ...
02/09/2024

PHOTO STORY: COCKTAIL, YOURS EVER, LIFETIME EXHIBITION
นิทรรศการที่จะพาทุกคนไปสำรวจการเดินทางของวง COCKTAIL ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี สู่อัลบั้ม 'YOURS EVER' อัลบั้มสุดท้าย ผ่านนิทรรศการเชิงประสบการณ์ (Experiential Exhibition) ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเดินทางผ่านห้วงความคิดทั้ง 5 เรื่องราวที่เป็นเสมือนแรงบันดาลใจในบทเพลงทั้งหลายของ COCKTAIL ที่ประกอบไปด้วย รักแท้, ความผิดหวัง, ความคิดถึง, การก้าวผ่าน, การเริ่มใหม่ และยังมี ‘Epilogue’ ที่เป็นบทสรุปการเดินทางของผู้ชมและเรื่องราวของวง COCKTAIL
ร่วมเฉลิมฉลองสตูดิโออัลบั้มสุดท้ายของวง COCKTAIL ได้ที่ RCB Galleria 1 และ 2 ที่ชั้น 2 ของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ตั้งแต่วันที่ 1-21 กันยายน 2567 โดยเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดียของ GMMMusic, River City Bangkok และช่องทางของวง COCKTAIL
ภาพ: ภรัณยู วรรณศรีพิศุทธิ์


QUOTE MIND:  “เมื่อสบตากับความตายจริงๆ อาจทำให้กลับมาเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นจากเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เช่น บางคนอาจเลี้ยง...
02/09/2024

QUOTE MIND: “เมื่อสบตากับความตายจริงๆ อาจทำให้กลับมาเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นจากเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เช่น บางคนอาจเลี้ยงแมว สุดท้ายก็อยากมีชีวิตอยู่เพื่อแมวของเขา” - กอเตย - ปิญชาดา ผ่องนพคุณ Death Planner - Baojai Family, Peaceful Death
ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติที่หลายคนอาจมีความคิดเรื่องความตายผลุบๆ โผล่ๆ เข้ามาในหัว แต่สำหรับบางคนอาจตกอยู่ในภาวะที่สภาพจิตใจอ่อนแอจากปัจจัยหลายอย่างในชีวิตจนใจรับไม่ไหว จึงคิดอาจอยากจากไป
ทว่าเมื่อได้ทบทวนอีกทีคุณอาจมองเห็นเหตุผลการมีชีวิตอยู่อีกครั้งก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ แค่ได้ตื่นมาเห็นหน้าแมวที่เลี้ยงไว้ ดื่มกาแฟในตอนเช้า ก็อาจเพียงพอแล้ว
-------------------
❤️พบกับ ‘MIND DAY ภูมิคุ้มใจ PRESENTED BY SHISEIDO’ งานอีเวนต์ฮีลใจ ที่จะชวนคุณมาสร้างความเข้มแข็งจากภายในต่อยอดสู่ภูมิคุ้มใจ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจากสิ่งที่เรียนรู้และตกตะกอนของ 13 Speakers​ ชื่อดังจากหลากหลายวงการ ในวิธีการที่หลากหลายไปด้วยกัน!
🗓️ DATE: 29 กันยายน 2567
📌 LOCATION: SPHERE HALL 5M FLOOR |
💥 เปิดขายบัตร EARLY BIRD
ราคา 899 บาท (จำนวนจำกัด)
🎫 กดบัตรได้เลยที่:https://www.ticketmelon.com/brandthink/mindday
#ภูมิคุ้มใจ


SOCIETY: รู้จัก ‘จอนนี คิม’ นักบินอวกาศนาซาสุดยอดมนุษย์ เคยเป็นหน่วยซีลร่วมรบ 100 สมรภูมิจบแพทย์ฮาร์วาร์ด คณิตศาสตร์เกีย...
02/09/2024

SOCIETY: รู้จัก ‘จอนนี คิม’ นักบินอวกาศนาซา
สุดยอดมนุษย์ เคยเป็นหน่วยซีลร่วมรบ 100 สมรภูมิ
จบแพทย์ฮาร์วาร์ด คณิตศาสตร์เกียรตินิยม
และกำลังได้เดินทางไปอวกาศในภารกิจแรก
นาซา (NASA) ประกาศต้อนรับ จอนนี คิม (Jonny Kim) นักบินอวกาศชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเตรียมตัวเดินทางเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักบินอวกาศประจำสถานีอวกาศนานาชาติ ISS ในฐานะวิศวกรการบิน และสมาชิกประจำภารกิจ Expedition 72/73
นอกจากจะผ่านการคัดเลือกนักบินอวกาศสุดโหดหินของนาซาได้แล้ว จอนนี คิมคนนี้ยังมีประวัติที่ไม่ธรรมดาจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อเขาเคยเป็นถึงอดีตหน่วยซีล และนักเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการคัดเลือกและการฝึกฝนที่ยากไม่แพ้นักบินอวกาศของนาซา และไม่น่าเกิดขึ้นได้ในชีวิตคนคนเดียว
แม้ว่าจะถือเป็นชาวอเมริกันที่เกิดและเติบในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่จอนนี คิม นั้นมีเชื้อสายเกาหลีแท้ๆ จากคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ย้ายถิ่นฐานจากเกาหลีใต้มายังสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 1980 โดยคุณพ่อทำธุรกิจร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคุณแม่เป็นพยาบาล
หลังจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียน Santa Monica High School ในปี 2002 เขาก็ได้สมัครเข้าเป็นพลทหารเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ และได้รับการฝึกฝนทั้งด้านการรบและการแพทย์จนได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมหน่วยซีล ทีม 3 ในตำแหน่งเจ้าหน้าปฏิบัติการพิเศษ (Special Warfare Operator) อีกทั้งยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหน่วยแพทย์ต่อสู้ปฏิบัติการพิเศษ และพลแม่นปืนในการปฏิบัติการรบมากกว่า 100 ครั้ง ได้รับเหรียญแห่งเกียรติยศทั้งซิลเวอร์สตาร์ และบรอนซ์สตาร์
และในปี 2012 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่คิมได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยซานดิเอโก (University of San Diego) ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็นนายทหารทางเรือผ่านโครงการ Seaman to Admiral-21 ประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ
แม้จะได้ใบปริญญาแล้วหนึ่งใบ พร้อมกับตำแหน่งหน้าที่การงานในกองทัพ คิมยังเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสำเร็จการฝึกงานที่โรงพยาบาลทั่วไปในรัฐแมสซาชูเซตส์ และโรงพยาบาลสตรีบริกแฮม จนสำเร็จการศึกษาในปี 2016
นอกจากนี้เขายังได้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรแพทย์การบิน จากสถาบันการแพทย์อวกาศประจำกองทัพเรือ (Naval Aerospace Medical Institute) อีกทั้งยังเสร็จสิ้นการฝึกบินเบื้องต้นที่สถานีการบินนาวี Corpus Christi, รัฐเท็กซัส และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทั้งนักบินและแพทย์การบินประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ
และในปี 2017 เส้นทางการเป็นนักบินอวกาศของจอนนี คิม ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาได้ผ่านการคัดเลือกเป็น 1 ใน 11 นักบินอวกาศที่จะได้เข้าร่วมโปรเจกต์ Artemis จากผู้สมัครทั้งหมด 18,000 ชีวิต หลังจากสำเร็จขั้นตอนการฝึกฝนขั้นพื้นฐานที่ใช้เวลานานกว่า 2 ปี เขาก็ได้รับหน้าที่สนับสนุนภารกิจและการปฏิบัติงานต่างๆ ในโครงการของนาซา เช่น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำภารกิจ Expedition 65 เจ้าหน้าที่ประสานงานการปฏิบัติการ T-38 และหัวหน้าวิศวกรประจำสถานีอวกาศภาคพื้นโลก
โดยจอนนี คิม และสมาชิกร่วมภารกิจอีก 2 คน ได้แก่ เซอเกย์ ริซีคอฟ และ อเล็กซี ซูบริตสกี จะเดินทางออกสู่ชั้นบรรยากาศโดย Roscosmos Soyuz MS-27 ยานอวกาศสัญชาติรัสเซีย ในเดือนมีนาคม 2025 และปฏิบัติภารกิจการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ และสาธิตวิทยาการและเทคโนโลยีเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 8 เดือน
ในปัจจุบันเงื่อนไขทางกายภาพของมนุษย์ยังคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการค้นคว้าในอวกาศ ดังนั้นภารกิจการปฏิบัติงานในสถานีอวกาศนานาชาติครั้งแรกของจอนนี คิม มีความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษาเพื่อเตรียมร่างกายมนุษย์ให้สามารถรับมือกับการอยู่อาศัยในอวกาศที่ยาวนานมากขึ้น เพื่อจุดประสงค์ทั้งด้านการพาณิชย์ และการค้นคว้าทางดาราศาสตร์ในภารกิจต่อๆ ไปของนาซา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารก็ตาม
เส้นทางการศึกษาและอาชีพที่สุดแสนจะไม่ธรรมดา และอาจเป็นความฝันของคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน ทำให้หลายคนทั้งประหลาดใจและโล่งใจในคราวเดียวกันที่ไม่ได้มีคิมเป็นเพื่อนข้างบ้าน ไม่เช่นนั้นคงไม่พ้นต้องถูกนำไปเปรียบเทียบไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่

SOCIETY : โซเชียลแห่ชื่นชม ครูสาวถักตุ๊กตากว่า 30 ตัว ให้เหมือนกับนักเรียนทุกคนในคลาส เพื่อเป็นของขวัญให้กับหนูๆ ในวันปิ...
02/09/2024

SOCIETY : โซเชียลแห่ชื่นชม ครูสาวถักตุ๊กตากว่า 30 ตัว
ให้เหมือนกับนักเรียนทุกคนในคลาส
เพื่อเป็นของขวัญให้กับหนูๆ ในวันปิดภาคเรียน
กลายเป็นกระแสชื่นชมในหมู่ชาวเน็ตจากโลกตะวันตกในช่วงที่ผ่านมา เมื่อคุณครูโรงเรียนประถมคนหนึ่ง ได้ตัดสินใจถักตุ๊กตาโครเชต์ให้เหมือนกับนักเรียนในคลาสของตนเองทุกคน เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับหนูๆ ในวันสิ้นสุดปีการศึกษา
คุณครูมีชื่อว่า ‘ซารา ชาบีร์’ (Sara Shabir) เธอเป็นคุณครูวัย 32 ปี จากโรงเรียน Tyndale Community School ในเมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดยได้เริ่มโปรเจกต์ถักตุ๊กตาโครเชต์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และแล้วเสร็จทันเวลาปิดภาคการศึกษาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024
ครูชาบีร์เล่าว่า ตุ๊กตาที่เธอต้องถักทั้งหมดนี้มีจำนวนถึง 30 ตัว และแต่ละตัวใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ทำให้ในการถักทั้งหมดเธอต้องใช้เวลาร่วมกว่า 240 ชั่วโมง ก่อนเล่าเสริมว่า ตัวเธอนั้นเริ่มหัดถักโครเชต์ในช่วงล็อกดาวน์ขณะที่ไวรัสโควิดกำลังระบาดหนักๆ และพอโรงเรียนกลับมาเปิดอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจถักตุ๊กตาให้กับเด็กๆเนื่องจากเธอรู้สึกเอ็นดูนักเรียนของเธอ จึงอยากมอบบางอย่างที่พิเศษจริงๆ ให้กับพวกเขาเพื่อให้ได้จดจำช่วงเวลาดีๆ ที่เคยได้อยู่ด้วยกัน
เธอยังเล่าว่าความท้าทายของโปรเจกต์นี้ก็คือ จะทำอย่างไรให้ตุ๊กตาออกมาเหมือนจริงมากที่สุด ทั้งสีผิว สีผม และทรงผมที่ถูกต้องสำหรับนักเรียนแต่ละคน ซึ่งเธอจะพิจารณารายละเอียดทั้งหมดนี้ ก่อนจะทำข้อมูลลงในสเปรดชีตอย่างจริงๆ จังๆ เพื่อความแม่นยำสูงสุด และผลที่ออกมาก็ทำให้เธอพอใจ เนื่องจากเด็กนักเรียนสามารถจำได้ว่าตุ๊กตาตัวไหนคือเพื่อนคนใดในชั้นเรียน
และแน่นอนว่าหลังจากที่เธอได้มอบตุ๊กตาให้นักเรียนแล้ว ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ปกครองของนักเรียนในคลาสทันที อย่าง ‘โจแอนนา โบรยัก’ (Joanna Borysiak) ได้แชร์รูปตุ๊กตาของลูกสาวเธอผ่าน X พร้อมกับแคปชันว่า “เธอถักตุ๊กตาตัวจิ๋วที่เหมือนกับนักเรียนทุกคนในชั้นเรียนด้วยตัวเอง แม้แต่ทรงผมและเสื้อผ้าก็เหมือนเป๊ะ นี่มันตำนานชัดๆ” ก่อนจะกล่าวว่าชาบีร์เป็น ‘GOAT’ หรือ Greatest of All Time (คุณครูนัมเบอร์วันตลอดกาล) ซึ่งโพสต์นี้ก็ได้กลายเป็นไวรัลทันทีและมีชาวเน็ตหลายคนตบเท้าเข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงชื่นชม
เช่นชาวเน็ตรายหนึ่งกล่าวว่า “โอ้พระเจ้า นี่มันน่ารักเกินไป เธอทำได้ดีมาก! โลกนี้ต้องการครูอย่างเธอมากจริง ๆ ฉันไม่สงสัยเลยว่าความหลงใหลในการสอนของเธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ หลายคนให้ทำเพื่อผู้อื่นในแบบที่เธอทำเพื่อพวกเขา เธอคือครูที่พวกเขา (เด็กๆ) จะจดจำด้วยความรักเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น” หรือจะเป็นชาวเน็ตรายนี้ที่กล่าวว่า “คุณครูช่างเป็นคนที่พิเศษและทุ่มเทมาก!ๆ ถ้าโลกนี้มีคนแบบคุณครูชาบีร์มากกว่านี้ โลกของเราก็คงจะน่าอยู่ขึ้นมากๆ แน่นอน”
และหลังจากเรื่องราวของครูชาบีร์กลายเป็นไวรัล เธอก็ได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมของตนเองว่า “ฉันรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างยิ่งที่ได้ทำโครงการนี้ และความสุขที่เด็กๆ ได้แสดงออกมาเมื่อพวกเขาเห็นตุ๊กตา มันคุ้มค่ากับทุกอย่างจริงๆ ค่ะ”

MIND: แม้จะตลก แต่อาจไม่ตลอดเพราะการไถหน้าจอดูคลิปขึ้นลงไปมายิ่งทำให้รู้สึก ‘เบื่อ’ มากกว่าเดิมเชื่อว่าหลายคนกำลังมีพฤติ...
02/09/2024

MIND: แม้จะตลก แต่อาจไม่ตลอด
เพราะการไถหน้าจอดูคลิปขึ้นลงไปมา
ยิ่งทำให้รู้สึก ‘เบื่อ’ มากกว่าเดิม
เชื่อว่าหลายคนกำลังมีพฤติกรรมเช่นนี้ นั่งไถหน้าจอดูคลิปขึ้นๆ ลงๆ ไปมา ขณะที่ผลการวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต สการ์โบโรห์ ประเทศแคนาดา
ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Experimental Psychology: General กลับชี้ให้เห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้เรารู้สึก ‘เบื่อหน่าย’ มากขึ้น อีกทั้งเชื่อมโยงกับความรู้สึกพึงพอใจในชีวิตที่ต่ำลง
ดร.เคที แทม (Dr. Katy Tam) หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ผู้คนจะเลื่อนคลิปไปข้างหน้า หรือกดข้ามคลิป เพื่อหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความเบื่อหน่าย แต่แท้จริงกลับยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลงกว่าเดิม รวมทั้งทำให้ประสบการณ์การดูคลิปของพวกเขา ไม่น่าพอใจ มีส่วนร่วมน้อยลง ตลอดจนมีความหมายน้อยลงด้วย นอกจากนี้เรื่องที่น่ากังวลคือ ‘ความเบื่อมีความเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์เชิงลบต่อสุขภาพจิต’
ทั้งนี้งานวิจัยดังกล่าว เริ่มต้นศึกษาว่าการกรอคลิปไปข้างหน้า กับการสลับไปมาระหว่างคลิป ส่งผลต่อความเบื่อหน่ายอย่างไรบ้าง จึงทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างประมาณ 1,200 คนถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกกลุ่มตัวอย่างจะได้ดูคลิป 2 แบบ แบบแรกคือคลิปยาว 10​ นาที แบบไม่มีตัวเลือกในการสลับหรือกรอคลิปไปมา
ส่วนแบบที่สอง คือคลิป 10 นาทีสลับกับคลิป 5 นาทีเป็นจำนวนทั้งหมด 7 คลิป จากนั้นก็ทำการทดลองอีกครั้ง โดยกลุ่มตัวอย่างจะได้ดูคลิป 10 นาทีในรอบแรก และดูคลิปยาว 50 นาทีในรอบสอง ซึ่งจะสามารถกรอได้
แล้วก็ให้กลุ่มตัวอย่างได้ระบุถึงความรู้สึกของพวกเขาหลังจากจบกิจกรรมทุกอย่าง ซึ่งทีมวิจัยพบว่าการดูวิดีโอหนึ่งจนจบนั้นน่าสนใจ น่าพอใจ และรู้สึกมีคุณค่ามากกว่า ขณะที่การสลับไปมากลับรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น
ดร.แทม ยังกล่าวว่า ความรู้สึกเบื่อมีความใกล้ชิดกับความสนใจของเรา เราจะรู้สึกเบื่อเมื่อมีช่องว่างระหว่างความสนใจของเรา และความสนใจที่เราต้องการ เมื่อผู้คนเลื่อนดูวิดีโอไปเรื่อยๆ ก็แสดงว่าพวกเขาไม่ได้สนใจคลิปใดคลิปหนึ่งอย่างเต็มที่ และกำลังมองหาสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าแทน
“ความน่าเบื่อนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับปัญหาสุขภาพจิต การเรียนรู้ และพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาการซึมเศร้า เกรดเฉลี่ยที่ลดลง และแม้แต่ความก้าวร้าวก็มีความสัมพันธ์กับความรู้สึกเบื่อส่วนบุคคล แน่นอนว่ามันคือความรู้สึกเชิงลบที่ไม่มีใครอยากเจอ” ดร.แทม กล่าวเพิ่มเติม
แน่นอนว่าอีกด้านหนึ่ง ดร.พาเมลา รัตเลดจ์ (Dr.Pamela Rutledge) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยจิตวิทยาสื่อ ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระ แม้ไม่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้ แต่ก็ระบุว่า ความเบื่อหน่ายสามารถส่งผลทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เพราะความรู้สึกนี้ก็สามารถเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้แตกต่างออกไป
“อีกนัยหนึ่งหมายถึงการนำความรู้สึกเบื่อมาเป็นแรงจูงใจในการทำสิ่งใหม่ๆ ได้
มันอาจกระตุ้นให้เราตรวจสอบสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และคิดว่ากิจกรรมใดที่มีความหมายและคุ้มค่าอย่างแท้จริง” ดร.รัตเลดจ์ กล่าว
พร้อมให้แนะนำต่อไปว่า หากต้องการหลุดพ้นจากวังวนความเบื่อหน่าย ความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญ ใช้เวลาดูให้เต็มที่ หาวิธีที่จะจดจ่อกับคลิปนั้นๆ ได้มีประสบการณ์ในการดื่มด่ำความสนุกสนาน จากการมีส่วนร่วมกับเนื้อหามากกว่าการปัดไถมันให้ผ่านไป
“นอกจากนี้ให้ใส่ใจอารมณ์ตนเองให้มากขึ้น เกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้กับสื่อทุกประเภท เพื่อจะระบุได้ว่าเมื่อใดที่ประสบการณ์เชิงบวกกลายเป็นประสบการณ์เชิงลบ ซึ่งการดูคลิปแมวตลกๆ เพียงไม่กี่นาที เพื่อฟื้นฟูอารมณ์ อาจกลายเป็นความไม่มั่นใจในตัวเองได้เช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยข้างต้นมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติม เนื่องด้วยเงื่อนไข่ที่ว่าอาจมีช่วงวัย พฤติกรรมการใช้สื่อในการดูคลิปสลับไปมาที่ต่างกัน จึงอาจเกิดผลกระทบที่แตกต่างกันออกไปได้นั่นเอง

MIND: สับสน ว่างเปล่าและเหี่ยวเฉา ทำไมบางครั้ง ‘การเป็นผู้ใหญ่’ถึงยากและไม่เคยคุ้นชินเลยสักครั้งรู้จักคำว่า  ‘QUARTER LI...
01/09/2024

MIND: สับสน ว่างเปล่าและเหี่ยวเฉา
ทำไมบางครั้ง ‘การเป็นผู้ใหญ่’
ถึงยากและไม่เคยคุ้นชินเลยสักครั้ง
รู้จักคำว่า ‘QUARTER LIFE CRISIS’ กันหรือเปล่า?
นี่คือภาวะที่ช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นหลายคนกำลังประสบอยู่ ‘QUARTER LIFE CRISIS’ หรือ ‘วิกฤตเศษหนึ่งส่วนสี่ของชีวิต’ เป็นคำที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของช่วงอายุ 20-30 ปี หรือช่วงวัยหลังเรียนจบและช่วงแรกของการตั้งตัวนั่นเอง ซึ่งเราอาจจะต้องยอมรับตามตรงว่า ช่วงวัยดังกล่าวเป็นช่วงวัยที่เราเริ่มพิจารณาความสัมพันธ์ที่จริงจังมากขึ้น ต้องเริ่มดูแลตัวเอง เริ่มหางานหาเงินเอง รวมถึงการเปรียบเทียบที่ต้องเจอในที่ทำงาน โดยเฉพาะภาพชีวิตอันสวยงามของคนอื่นผ่านโลกโซเชียลมีเดียอีกด้วย
นั่นทำให้เราอาจจะรู้สึกไม่เก่งแบบใครเขา ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ที่ดี ชีวิตไม่สุขสม รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง และท้อแท้ไปกับชีวิต โดยนักบำบัดอย่าง CARRIE HOWAR เคยระบุเอาไว้ว่าช่วงวัยหนุ่มสาวหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น เป็นช่วงวัยที่ต้องเจอกับความกดดันมหาศาลที่เกิดจากสังคม ผู้ปกครอง รวมถึงแรงกดดันที่มาจากตัวพวกเขาเอง
พวกเขาต้องเผชิญกับความกังวลในเรื่องของสังคม การเงิน การลงหลักปักฐาน การสร้างครอบครัว และการเจริญก้าวหน้าในสาขาอาชีพ แล้วความรู้สึกแย่กับตัวเองดูเหมือนจะยิ่งทวีคูณความรุนแรง หากอยู่ในจังหวะเวลาที่อะไรๆ ก็ยังดูไม่ก้าวหน้า หรือยังคงสับสนกับเส้นทางของชีวิตตัวเองที่กำลังดำเนินไป หรืออาจเรียกว่ายังหาตัวเองไม่เจอ
ส่งผลให้หนุ่มสาวในช่วงวัยดังกล่าวอาจเกิดความรู้สึก ไร้เป้าหมาย ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ ไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน เครียดในความสัมพันธ์ กลัวตามคนอื่นเขาไม่ทัน ตัดสินอะไรก็ไม่ได้ โดดเดี่ยว หรือแม้กระทั่งเหี่ยวเฉาหมดไฟในบางเวลา จนอาจลุกลามไปถึงกลายเป็นโรคซึมเศร้า วิตกกังวล และอื่นๆ อีกมากมาย หากไม่สามารถหาทางออกให้ตัวเองได้
คำถามก็คือ เราจะก้าวผ่านความรู้สึกนี้อย่างไรไ? ซึ่งทางเว็บไซต์ด้านจิตวิทยาอย่าง verywellmind แนะนำไว้ดังนี้
1 - ทำความเข้าใจ: ว่าการเปลี่ยนผ่านเป็นช่วงเวลาปกติของชีวิตที่มนุษย์ทุกคนต่างพบเจอ
2 - ยอมรับ: ว่าทุกคนสามารถตกอยู่ในภาวะควมรู้สึกเหล่านั้นได้
3 - ทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น: เมื่อเราตระหนักรู้ว่าไม่ว่าเราหรือใครก็ตามต่างมีช่วง QUARTER LIFE CRISIS เป็นของตัวเอง โอกาสนี้เองที่เราควรกลับมาใช้เวลาสำรวจตัวเองให้มากขึ้น เมื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น ความสับสน ความรู้สึกว่างเปล่าและเหี่ยวเฉานั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น
4 - ปล่อยวางความคาดหวัง: เพราะบางทีเราใช้ความคาดหวังของตัวเองที่ได้รับอิทธิพลจากสังคมมากดดันตัวเองมากเกินไป จึงทำให้มองเห็นความเป็นจริงรอบตัวแคบลง แต่หากปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นแล้วใช้ชีวิตไปตามกระแสคลื่นของตัวเอง สิ่งที่กำลังวุ่นวายอยู่ในใจก็อาจคลายลงได้
5 - ลด ละ เลิกการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น: เพราะภาพที่เราเห็นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งของชีวิตคนๆ หนึ่งเท่านั้น เพราะความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครที่สุขสมหวังเสมอไป เราต่างผิดพลาด ผิดหวัง และล้มเหลวกันเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้น ไม่เป็นไรเลยหากเราจะมีวันที่ปห่อเหี่ยวบ้าง แค่อย่าลืมว่าจะหาทางกลับมาเบ่งบานได้อย่างไรก็พอ อย่างที่นักคิดนักเขียนนักปรัชญาหลายคนกล่าวไว้ว่า คนเราต่างมีช่วงผลิบานเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่เราไม่เหมือนดอกไม้ตามธรรมชาติก็คือ มนุษย์เราสามารถมีช่วงเวลาผลิบานและห่อเหี่ยวได้หลายครั้ง ตามประสบการณ์ที่พบเจอ
-------------------
❤️แต่หากไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถผลิบานได้อย่างยั่งยืนลองมาหาวิธีการใน ‘MIND DAY ภูมิคุ้มใจ PRESENTED BY SHISEIDO’ งานอีเวนต์ฮีลใจ ที่จะชวนคุณมาสร้างความเข้มแข็งจากภายในต่อยอดสู่ภูมิคุ้มใจ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจากสิ่งที่เรียนรู้และตกตะกอนของ 13 Speakers​ ชื่อดังจากหลากหลายวงการ ในวิธีการที่หลากหลายไปด้วยกัน!
🗓️ DATE: 29 กันยายน 2567
📌 LOCATION: SPHERE HALL 5M FLOOR |
💥 เปิดขายบัตร EARLY BIRD
ราคา 899 บาท (จำนวนจำกัด)
🎫 กดบัตรได้เลยที่: https://www.ticketmelon.com/brandthink/mindday
#ภูมิคุ้มใจ


SOCIETY: สืบสว่างกลางใจป่า ศิลปะ ดนตรี บทกวี หนังสือ และหัวใจป่าในวาระ 34 ปี การจากไปของ สืบ นาคะเสถียรงานรำลึก ‘สืบ นาค...
01/09/2024

SOCIETY: สืบสว่างกลางใจป่า
ศิลปะ ดนตรี บทกวี หนังสือ และหัวใจป่า
ในวาระ 34 ปี การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร
งานรำลึก ‘สืบ นาคะเสถียร’ ในวาระ 34 ปี นอกจากกิจกรรมที่จัดกันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นประจำแล้ว ยังมีอีกงานที่น่าสนใจ ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 7-8 กันยายน กับกิจกรรม ‘สืบสว่าง กลางใจป่า’ จัดขึ้นที่สวนป่า พญาไม้ รีสอร์ต จังหวัดอุทัยธานี เพื่อสานเจตนารมณ์ของ สืบ นาคะเสถียร สร้างแรงบันดาลใจและปลูกจิตสำนึกให้เยาวชน บุคคลทั่วไป ทั้งในเขตจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดใกล้เคียง
อีเวนต์นี้มีกิจกรรมให้ร่วมหลากหลาย ตั้งแต่การพาชมศึกษาธรรมชาติ ฝึกสเก็ตซ์ภาพนก ต้นไม้ ชมนิทรรศการศิลปะและภาพถ่าย การแสดงจากนักเรียนโรงเรียนวัดผาทั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีเวทีดนตรี บทกวี และพูดคุยเรื่องราวสิ่งแวดล้อมจากคนในวงการอนุรักษ์ ศิลปิน และนักแสดง เช่น ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์, เป้ สีน้ำ ศิลปินนักร้อง, สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ, มาโนช พุฒตาล, พจนาถ พจนาพิทักษ์, ดีเจซี้ด-นรเศรษฐ หมัดคง และ โน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ
รวมถึงยังมีการออกร้านจากองค์กร หน่วยงานร้านค้าที่ร่วมกันจัดงาน เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยแข้ง มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, ร้านหนังสือบุ๊คโทเปีย, เส้นสิทีฟสเปซ เชียงใหม่, เขียน เซรามิก กรุงเทพฯ, ป๊อปอาร์ต กรุงเทพฯ และกลุ่มคนรักป่าห้วยขาแข้งอีกหลากหลายกลุ่มมากกว่า 20 บูธ เช่น บูธเสื้อ กระเป๋า งานคราฟต์ งานศิลปะ ภาพวาด โปสเตอร์ โปสต์การ์ด สมุดทำมือ หนังสือ กาแฟ ขนม อาหาร ข้าว ต้นไม้ ฯลฯ
สามารถเข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือช่วยกันอุดหนุนของที่ระลึกที่จัดทำโดยผู้จัด ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย มอบเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าห้วยขาแข้ง
สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ https://www.seub.or.th/bloging/work/2024-261/ หรือสอบถามทางผู้จัดโดยตรงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081 532 6387 และไลน์ไอดี Booktopia917

QUOTE MIND: “เราขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราได้คิดและรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ทุกการตัดสินใจของเราในทุกๆ อย่างที่มันเข้ามา ล้วนเป...
01/09/2024

QUOTE MIND: “เราขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราได้คิดและรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ทุกการตัดสินใจของเราในทุกๆ อย่างที่มันเข้ามา ล้วนเป็นประสบการณ์ของเรา” - พลอย-สโรชา กิตติสิริพันธุ์ นักเขียนและนักจิตวิทยาการปรึกษา
ไม่ว่าสิ่งที่เข้ามาจะดีหรือร้าย แต่ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถเป็นบทเรียนให้เราพัฒนาตัวเองได้เสมอ เพราะฉะนั้นหากผิดพลาดอย่าได้โทษตัวเองนักเลย แต่ลองเรียนรู้ประสบการณ์นั้นให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองดีกว่านะ
-------------------
❤️ พบกับ ‘MIND DAY ภูมิคุ้มใจ PRESENTED BY SHISEIDO’ งานอีเวนต์ฮีลใจ ที่จะชวนคุณมาสร้างความเข้มแข็งจากภายในต่อยอดสู่ภูมิคุ้มใจ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจากสิ่งที่เรียนรู้และตกตะกอนของ 13 Speakers​ ชื่อดังจากหลากหลายวงการ ในวิธีการที่หลากหลายไปด้วยกัน!
🗓️ DATE: 29 กันยายน 2567
📌 LOCATION: SPHERE HALL 5M FLOOR |
💥 เปิดขายบัตร EARLY BIRD
ราคา 899 บาท (จำนวนจำกัด)
🎫 กดบัตรได้เลยที่: https://www.ticketmelon.com/brandthink/mindday
#ภูมิคุ้มใจ


SOCIETY: รำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร กับ 8 เรื่องราวใน 8 เดือนสุดท้ายที่ป่าห้วยขาแข้งวันที่ 1 กันยายน ปีนี้ ครบรอบ 34 ปี ...
01/09/2024

SOCIETY: รำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร
กับ 8 เรื่องราวใน 8 เดือนสุดท้ายที่ป่าห้วยขาแข้ง
วันที่ 1 กันยายน ปีนี้ ครบรอบ 34 ปี การจากไปของ ‘สืบ นาคะเสถียร’ นักอนุรักษ์ที่อุทิศชีวิตเพื่อการปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่า เท่าที่ชีวิตคนคนหนึ่งจะลงมือทำได้ หรือบางคนอาจจำชายผู้นี้ในฐานะอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตามที่เขียนไว้ในเนื้อเพลง “สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนของกรมป่าไม้ หัวหน้ารักษาพงไพร จังหวัดอุทัย ณ ห้วยขาแข้ง”
อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาของการเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สืบดำรงตำแหน่งอยู่เพียง 8 เดือน แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ 8 เดือนสุดท้ายของการทำงานก็เต็มไปด้วยเรื่องราวและความยากลำบากในหน้าที่การงาน และแสดงให้เห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับผืนป่าที่หนึ่งปีต่อมาได้รับการประกาศเป็นมรดกทางธรรมชาติของโลก จากการทำงานอย่างมิรู้เหนื่อย
และนี่คือ 8 เรื่องราวในช่วง 8 เดือนสุดท้ายของ สืบ นาคะเสถียร ที่นำมาสู่การวางรากฐานและยกระดับงานอนุรักษ์ให้กับป่าห้วยขาแข้งตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
1. สืบ นาคะเสถียร รับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2532 แทนการรับทุนไปเรียนต่อระดับปริญญาเอก ที่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ปฏิเสธความก้าวหน้าที่จะตามมาในอนาคต ทั้งๆ ที่ตอนนั้นห้วยขาแข้งไม่ได้มีชื่อเสียงเช่นปัจจุบัน แถมยังมากด้วยปัญหาการล่าสัตว์ตัดไม้ แต่มันก็เป็นปณิธานหนึ่งที่สืบเคยลั่นวาจาไว้ว่า หากมีโอกาสไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาขอเลือกสองแห่งคือ ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง
2. ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง สืบออกลุยจับไม้เถื่อนในทันที ไปดูพื้นที่ในป่าประดู่ที่ถูกโค่นกว่า 200 ต้น สืบไม่พูดอะไร เดินก้าวยาวๆ ออกมาดูท่อนไม้ตามทางในป่า เดินอย่างไม่กลัวหลง ไม่กลัวถูกลอบทำร้าย วันที่สองของการทำงาน มีประชาชนมาค้างแรมในห้วยขาแข้ง สืบถามนักท่องเที่ยวว่าอยากดูธรรมชาติ ป่าไม้ สัตว์ป่าในห้วยขาแข้งจากสไลด์หรือไม่ เมื่อมีคนสนใจ สืบฉายและบรรยายด้วยตัวเอง แลกเปลี่ยนพูดคุยกับคนเหล่านี้ถึงเที่ยงคืน ไม่เคยท้อถอยต่องานอันหนักหนาทุกรูปแบบ
3. เวลานั้นงบดูแลป่าห้วยขาแข้ง ได้รับเพียง 2 ล้านบาทต่อปี เมื่อคำนวณกับพื้นที่กว่าหนึ่งล้านหกแสนไร่ เท่ากับมีงบดูแลป่าแค่ไร่ละแปดสิบสตางค์ต่อปี อีกทั้งเงินเดือนของลูกน้องยังมีช่วงตกเบิกของปีงบประมาณ ทำให้สืบต้องขอยืมทางบ้านเดือนละ 20,000 บาท ไปจ่ายให้กับลูกน้องก่อน สืบพยายามวิ่งเต้นหาแหล่งเงินทุนมาเพื่อเป็นสวัสดิการและประกันชีวิตให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับล่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจการทำงานที่เสี่ยงได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากทางการเลย
4. สืบพบว่าปัญหาการล่าสัตว์ตัดไม้ มีกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นทั้งในและนอกเครื่องแบบเกี่ยวข้อง แม้จะจับได้คาหนังคาเขา แต่ผู้ต้องหาก็ได้รับความช่วยเหลือจนคดีหลุดเกือบทุกครั้ง สืบอึดอัดใจกับเรื่องนี้มาก เขาเคยระบายด้วยความแค้นใจว่า “ลูกน้องของผมเดินลาดตระเวนในป่าเจอนายพรานถูกยิงตายสองคน เจ้าหน้าที่ยิงก่อนก็ไม่ได้ ถือว่าเกินกว่าเหตุ ผู้ต้องหามันเห็นหน้าเรา มันยิงใส่ เราก็ตาย เรามีค่าเหรอ ตายไปอย่างดีก็เอาชื่อมาติดที่อนุสาวรีย์หน้ากรมป่าไม้”
5. สืบได้ตระหนักว่า ปัญหาในห้วยขาแข้งใหญ่โตและซับซ้อนมากกว่าที่ประเมินไว้แต่แรก จึงพยายามขอความร่วมมือจากหน่วยราชการนอกป่าห้วยขาแข้ง ในการช่วยกันป้องกันการล่าสัตว์ตัดไม้ โดยเฉพาะบริเวณป่าสงวนรอบๆ ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของสืบ แต่ทุกๆ การประสานกลับมีเพียงความนิ่งเงียบในระบบราชการไทยเป็นคำตอบ ทุกครั้งผู้ใหญ่ในกรมป่าไม้ได้แต่พูดว่า “เอาเลยสืบ คุณทำโครงการมา” แต่ทุกอย่างก็หายเงียบ
6. เดือนพฤษภาคม 2533 รัฐมนตรีคนหนึ่งได้ไปตรวจพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี แล้วได้รับแจ้งจากบริษัททำไม้ชื่อดังแห่งหนึ่งว่ามีการลักลอบตัดไม้ในห้วยขาแข้ง สืบจึงถูกรัฐมนตรีผู้นั้นเรียกพบ ซึ่งสืบรู้ดีว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เขาเตรียมข้อมูลอย่างดีเพื่อชี้แจงและอธิบายถึงปัญหาอันยุ่งยากที่เขาและลูกน้องต้องประสบ แต่กลับโดนผู้มีอำนาจโยนแฟ้มใส่หน้า พร้อมคำบอกสั้นๆ ว่า “คุณต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมอีก” สืบโกรธมากและตอบกลับไปว่า “ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากว่าท่านจะยืดเวลาหนึ่งวันให้ยาวไปกว่านี้ และผมไม่อาจบอกคนของผมให้ทำงานหนักกว่านี้ได้อีกแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”
7. เมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้ ทุกเย็นหลังกินอาหารเสร็จ สืบจะเริ่มเขียนรายงานทางวิชาการเกี่ยวกับคุณค่าความสำคัญของป่าห้วยขาแข้งรวมถึงทุ่งใหญ่นเรศวร พอถึงสี่ทุ่มในเขตฯ จะปิดเครื่องปั่นไฟเพื่อประหยัดน้ำมัน หลังจากไฟดับแล้วบ้านพักของหัวหน้าเขตยังมีแสงสว่างจากเทียนที่ถูกจุดขึ้นเพื่อเขียนหนังสือจนดึกดื่นค่อนคืน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำรายงานให้ป่าห้วยขาแข้งได้รับประกาศเป็นมรดกโลก (ได้รับการประกาศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 หรือกว่าหนึ่งปี หลังสืบเสียชีวิต)
8. หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม ลูกน้องของสืบคนหนึ่งถูกลอบยิง เหตุการณ์นั้นทำสืบโมโหจนหน้าแดงและพูดออกมาเสียงดังว่า “ทำไมมึงไม่มายิงกู แน่จริงมายิงกูดีกว่า ลูกน้องกูต้องไม่ตาย” และในวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจับคนล่าสัตว์พร้อมซากสัตว์ที่แยกชิ้นส่วนอวัยวะ สืบเห็นก็นิ่งอึ้ง น้ำตาไหลอาบสองข้าง แล้วพูดกับคนล่าสัตว์ด้วยความโมโหสุดขีดว่า “ไปล่ามันทำไม”
ที่กล่าวมา เป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนหนึ่งที่สืบต้องเผชิญระหว่างทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในความเป็นไปแต่ละวันคงมีรายละเอียดปลีกย่อยที่อธิบายถึงความยากลำบาก แรงกดดัน และปัญหาสารพันที่ต้องแก้ไขมากกว่านั้น และบางเรื่องคงอยู่เหนือจินตนาการที่จะคิดแทนถึงการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของ สืบ นาคะเสถียร
ร่วมรำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร ตลอดช่วงเดือนกันยายน ได้กับ 2 กิจกรรมใหญ่ ในช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้
วันที่ 7-8 กันยายน 2567 พบกับงาน ‘สืบสว่าง กลางใจป่า’ ที่สวนป่า พญาไม้ รีสอร์ต จ.อุทัยธานี ดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมที่ https://www.seub.or.th/bloging/work/2024-261/
และวันที่ 14-15 กันยายน 2567 กับงาน ‘รำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร A Journey Through Coordinates’ ณ ห้องอเนกประสงค์ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมที่ https://www.seub.or.th/34thseub/

Address


Opening Hours

Monday 10:00 - 19:00
Tuesday 10:00 - 19:00
Wednesday 10:00 - 19:00
Thursday 10:00 - 19:00
Friday 10:00 - 19:00

Telephone

+66968964594

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when BrandThink posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to BrandThink:

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Opening Hours
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share