มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง

  • Home
  • มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง

มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง Contact information, map and directions, contact form, opening hours, services, ratings, photos, videos and announcements from มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง, .

📚ให้ประสบการณ์พูดแทนกำลังนั่งให้คีโมครั้งที่ 8 ของการรักษาโรคมะเร็งครั้งที่ 2 จะมาแชร์อีกด้านที่คุณอาจไม่เคยสัมผัส หากคุ...
25/05/2024

📚ให้ประสบการณ์พูดแทน
กำลังนั่งให้คีโมครั้งที่ 8 ของการรักษาโรคมะเร็งครั้งที่ 2 จะมาแชร์อีกด้านที่คุณอาจไม่เคยสัมผัส หากคุณเป็นคนนอกวงการแพทย์

✍️มุมมองของครูผู้ทำงานในวงการแพทย์ในอเมริกามา 12 ปี และป่วยเป็นมะเร็งเอง 2 หน
ถึงกลายเป็นคนอยากเห็น พระพุทธองค์ผู้ซึ่งตรัสรู้ได้โดยพระองค์ 👉คนใดเห็นธรรม -ปฏิบัติธรรม ผู้นั้นเห็น 🙏🙏🙏พระตถาคต👈

คุณหมอเขาเรียนหนัก pre อนุบาล- อนุบาล-ประถม-มัธยม - เขียน pre-med -เรียนหมอ 8-13 และเรียนหลายปีมากๆ คือครึ่งต่อครึ่งชีวิต ของชีวิตการทำงานของพวกท่านเลย

กว่าจะเป็นผู้เชียวชาญเฉพาะทางได้ เสียสละเวลาแห่งความสุขของการเสพกิเลส เวลาเสพกิเลสแทบไม่มี ก่อนท่านๆจะออกมารักษามวลมนุษย์ได้

แม้แต่เห็นหน้าและอาการ และอารมณ์ ( ลบ ) ของผู้ป่วยแล้ว บางโรคที่เกิดใหม่ (โควิด ) สมัยเค้าเป็นนักเรียน ไม่มีโรคเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์ ลักษณะอาการของคนไข้แปลกๆ สรีระร่างกายของคนไข้แปลกแตกต่างกัน ตามเพศ วัย และเชื้อชาติ ไม่ใช่ทุกยาที่จะใช้ได้กับคนชาติใดชาติหนึ่ง บางครั้งกลุ่มทดลองต้องใช้เฉพาะเชื้อชาติ และช่วงอายุ( เช่น สแปนนิช )

🦠🦠ศูนย์รวมโรคขนาดมหึมา เวลาเห็นคนไข้ ในลักษณะนี้ ทั้งหมอทั้งทีมงานก็ต้องถอนหายใจสักครึ่งนาทีในการหายใจก่อน 👇สัญญาทำงานการจำได้หมายรู้ ( นึกถึงหรือจำจากประสบการณ์เก่าๆ ของคนไขที่อ้วนๆ เอ้าวกเข้าพักในธรรมะซะงั้น ) ธรรมะคือธรรมชาติเกี่ยวดองกับทุกศาสตร์บนโลกใบนี้ 

คนอ้วนๆ ( นี้พูดในอเมริกา คิดเอง ) เตียงผ่าตัดก็เล็กไขมันก็เยอะ หมอเขาก็ผ่าตัดลำบาก คนไข้ลักษณะนี้ต้องใช้อุปกรณ์ชุดยาวพิเศษ ชนิดแปลกๆเยอะมาก
ถ้าเจอคนไข้แบบเนี่ย บางครั้งหมอๆที่รักษาคนไข้ก็เหมือนอยู่ในสนามรบ เพราะหมอต้องรบลาฆ่าฟันกับเชื้อโรคและอาการของคนไข้เพื่อรักษาคนไขัไว้ ไม่ต่างกับนักรบที่รักษาบ้านเมืองของตน

คุณหมอเขาไม่ปฏิเสธคนไข้ แม้แต่ ยาจก-จน-รวย-สวย-เหม็นๆ- สกปรก-มีโรคติดต่อถึงตาย เช่นในช่วงโควิด ใครๆก็อยู่บ้าน หมอพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ต้องเฝ้าโรงบาลน่ะ หมอก็ไม่ปฏิเสธคนไข้ หมอและพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ตายมาเท่าไหร่ ในช่วงโรคติดต่อ

ไม่ต่างกับองค์พระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงที่ท่านไม่ปฏิเสธนักบวช ท่านจับต้องทุกชีวิตที่เปื้อนกิเลส จากคนทุกชั้นวรรณะ หมอก็ไม่ต่างกันตรงนี้ ปฏิเสธคนไข้ไม่ได้ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐในอเมริกานะ เพราะคนไข้ในแผนกที่ครูทำอยู่ถูกส่งมาจากทุกที่ในเมกา เพราะโรงพยาบาลที่ครูทำอยู่ติดลำดับต้นๆในอเมริกาอยู่ทางเหนือ

หากคุณทำงานในออฟฟิศคุณอยากลุกไปกินกาแฟตอนไหนก็ได้ คุณอยากออกไปยืดเส้นยืดสายตอนไหนก็ได้ หากหมอเค้าอยู่กับคนไข้หรืออยู่ในห้องผ่าตัด หรือกำลังทำอะไรที่ต้องใช้เวลาเขาไปไหนไม่ได้ อย่างน้อยเห็นคุณค่าของหมอที่เค้าทำด้วยใจบ้างก็ยังดี

มหาเศรษฐีบางครั้งอยากจะซื้อคฤหาสน์ หรือบริจาคทรัพย์ก้อนใหญ่ให้กับคุณหมอด้วยซ้ำถ้าคุณหมอรักษาชีวิตเขาได้ แต่กฎของโรงบาลเค้าไม่ให้คุณหมอรับ ยกเว้นว่ามหาเศรษฐีต้องบริจาคให้กับโรงบางไปเลย  เหมือนกันกับชาวพุทธที่เป็น มหาเศรษฐีมีที่เยอะมีเงินเยอะเค้าก็สละบริจาคที่ให้กับวัด สร้างวิหารให้กับวัด

ภาระของหมอทั้งที่รู้ว่าเวลาและอาการของผู้ป่วยไม่รอดแน่ๆ( นึกในใจ นึกดังไม่ได้ ว่า ยา เวลา ทีมงาน ฝืนทำไปก็ไม่ได้อะไกลับมา ) แต่ต้องทำตามกฏของมนุษย์ธรรม ปล่อยให้เขาไปไม่ได้จนเขาจะสิ้นลมหายใจไปเอง
แต่โรงพยาบาลของรัฐ ปฏิเสธคนไข้ไม่ได้เหมือน รพ. เอกชนเขา เคสง่ายเบาสบายรพ.เอกชนรับไป คนไข้หนัก รพ. รัฐรับมาเต็มๆ

🧑‍⚕️กว่าจะมาเป็นนักเรียนหมอและเป็นหมอได้ ขอกราบความอดทนและความเสียสละของพวกเขาก่อนนะ 🙇‍♀️
เขาตรวจสอบคุณสมบัติตั้งใบสมัครขึ้นไป เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการเป็นบุคลากรของวงการแทพย์ โดยเฉพาะด้านผู้เชี่ยวชาญ เวลาคัดเลือกนักเรียนหมอจากผู้สมัครประมาณ 100-200 คน เลือกไว้แค่คนเดียวเท่านั่น มาจากต่างประเทศอีกเป็นตัน ไม่ใช่เฉพาะในประเทศเมกานะเจ้าค่ะ

💁‍♀️ตามคิวเจ้าข้า
(เหมือนบรรทัดฐานของการขึ้นทำเนียบรอในการกลับมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าของแต่ละพระองค์เลยใช่ไหม 👈👉แต่พวกท่านจะยากกว่าเยอะ) แค่เปรียบเทียบข้อมูลในทางโลกและธรรมที่แตกต่างกัน แต่ทำงานเหมือนกัน)

พวกหมอๆเขารักษาคนไข้ตามความรู้และประสบการณ์ที่เค้าเรียนมา 👉ตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี👉และตามผลของการค้นคว้าวิจัย ที่เขาเรียนมาบวกกับกรรมพันธุ์ของผู้ป่วยเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการรักษาผู้ป่วย  กรรมพันธุ์เป็นสิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้  เหมือนความตายเป๊ะ 

คนไข้แต่ละคนมีกรรมพันธุ์มีสรีระร่างกายที่แตกต่าง มีระยะมีอาการเป็นโรคที่แตกต่าง อย่าเปรียบเทียบระหว่างคนไข้สองคน ระหว่างหมอสองคน ระหว่างสองโรงบาล ทั้งในและต่างประเทศ แต่ละโรงเรียนที่สอนพวกหมอ เขามีวิธีรักษาคนไข้ที่แตกต่าง เหมือนกับแต่ละวัดแต่ละสำนักที่สอนคนปฎิบัติธรรมนี่แหละ มีวิธี ที่แตกต่างแต่จุดหมายเดียวกัน 

🙅‍♀️อย่าอาศัยแต่วิวัฒนาการทางโลกและยาว่าไปแล้ว
โปรดอาศัยวิวัฒนาการทางจิตของตนด้วย จะช่วยหมอในการรักษาอาการของโรคได้ง่าย หากใจของคุณถูกรักษาด้วยตัวคุณเองอย่างดี สุขภาพจิตสมบูรณ์ ร่างกายมันจะไปไหนเสีย  ยกเว้นว่าสังขารมันหมดเวลา

 รักษาจิตโดยการคิดบวกหากไม่อยากเข้าธรรมะ หากอยากรักษาจิตในทางบวกแถมยังสงบและปล่อยวางลงปลงด้วยสัจธรรม ดูจากกฏธรรมชาติ จงเลือกทางธรรมมะ ควบคู่ไปกับทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เห็นผลจริงๆจิตคุณจะไม่กังวลกับอาการของร่างกายแล้ว คุณอาจจะขนขวายหาความรู้ทางธรรมเพื่อทางหลุดพ้นมากกว่า  เสียเวลามาวิ่งหานู่นหานี่มารักษากาย  อย่าใส่ใจมันมากนักนะคะถ้าคุณอายุมากแล้ว วิ่งเข้าไปวัดเพื่อรักษาจิตและใจของเราดีกว่า 

🙏หากจิตคุณเข้าวัดไม่ได้เพราะอัตตาตัวตนใหญ่เกินไป ก็ต้องรอเวลาฟ้าจะเปิดให้คุณเอง  หากบารมีเก่าของคุณยังมีตายเป็นผีท่านก็จับคุณไปในที่ดีได้  อย่าไปกังวลมากกับกาย  ก็กายนี้นั่นแหละคือโรงผลิตความทุกข์ในกาย 

🙏จิตที่ไม่รู้ จิตที่ไม่มีปัญญาโดยธรรมชาติที่ไม่ผ่านการขัดเกลาจากธรรมะขององค์พุทธมาสัมพุทธเจ้า มักจะอยู่ในโรงผลิตความสุขความเศร้าแบบสั้นๆ ลวกๆ โลกๆ ลวงๆ เพื่อสร้างความสุขๆดิบ ๆในเวลาเดียวกันสั้นๆยาวๆ

ครูไม่อยากลบเครดิตของใคร งานในวงการแพทย์ คุณหมอแต่ละคนหัวหมุนต่อวินาที วิ่งไปวิ่งมา เพราะคนไข้มากมาย เวลาเขาจะหายใจหรือจะกินยังไม่พอ

😷ขนาดปลดทุกข์ในห้องน้ำ โทรศัพท์ทั้งของฝ่ายประชาสัมพันธ์ และจากผู้ช่วยหมอ จากพยาบาล ประมาณสามสี่สายดังสนั่นในห้องน้ำ  บอกว่าคุณต้องมาเดี๋ยวนี้ไม่งั้นคนไข้คุณจะไม่อยู่แล้ว  คุณเคยมีแบบนี้มั้ยคะขนาดปลดทุกข์ตัวเองในห้องน้ำหมอยังไม่มีเวลา
ส่วนเวลาให้ครอบครัวไม่ต้องพูดถึงแทบไม่มี วันเกิดลูก วันเทศกาล วันแต่งงานลืมไปได้เลย หมอบางคนถูกลูกถามว่า “ อ้าว พ่อ! ยังอาศัยอยู่บ้านนี้อยู่หรอ “ เจ็บไหมคะ ?

🦠หมอรักษามะเร็ง เป็นผู้เชียวชาญด้วยก็ยังเป็นมะเร็งเอง ( กรรมพันธุ์อยู่เหนือเหตุผลที่จะธิบาย ) และให้คีโมด้วยก็มีมากมาย ค้นได้ในออนไลน์

🌎 โลกเราเป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร ก่อนที่คุณจะเสพสื่อหรือข้อมูลอะไร หากไม่แน่ใจ ในข้อมูลทางโลกว่ามันมีมาตรฐานพอไหม โปรดใช้การพิสูจน์ข้อมูลขององค์พระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อ 2500 ปีก่อน หรือในครั้งพุทธกาล ค้นคำว่า( กาลามสูตร) 

📍📍เป็นหมอเองสักวันดูไหม คงจะไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับวงการแพทย์เลยสินะ ? ยกเว้นคุณมีใจนะ

😷ไปดูหรือ เดินไปเฉียดห้องอิเมอร์เจนซี่ดูสักนาทีไหม? ไปดูที่ห้อง ER/ED ต่อชั่วโมงซะก่อนไม่ต้องต่อวันหรอก แผ่นดินจะเดินแทบไม่มี อากาศหายใจแทบไม่พอ คนป่วยมากกว่าแมลงวันทั้งหัวดำ หัวขาว และหัวแดง

☝️โปรดเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานก่อนและหลังมีการรักษาโรคมะเร็งด้วยครีโม กับสมัยโบราณที่ไม่มีคีโมดูก่อน ยอดของคนตายก่อนไม่มีคีโมมากมายก่วา มีการรักษาด้วยคีโมซะอีก สรุปเองตรงนี้

👩🏻‍🎓ใช้ปัญญา 
อย่าอ่านด้วยสายตาแล้วปล่อยมันวิ่งขึ้นสมองโดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง ความรู้ก่อน 

🔐คือหลังจากรักษาด้วยคีโม เราต้องดูแลร่างกายของเราอย่างไรนี้คือประเด็น คุณดูแลร่างกายของคุณอย่างไรผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครปลูกมะขามได้มะม่วงหรอก หากมีพาไปดูหน่อยนะ😉

🙅‍♀️ครูไม่เคยโทษใครในการป่วยเป็นมะเร็งของตัวเอง ครูไม่เปลี่ยนการกิน ครูไม่เปลี่ยนการนอน ครูไม่เปลี่ยนการดำเนินชีวิต  แล้วครูก็รู้ว่าสังขารมันมีวันเสื่อมถอยด้วย  รักษาไว้ให้ตายเหอะพวกที่อ่านอยู่เนี่ย  ยังไงๆสังขารมันก็ไม่คงอยู่กับเราหรอก ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยและสามารถขนาดไหน คุณก็รักษาสังขารของคุณให้อยู่เหมือนเดิมไม่ได้  ยกเว้นว่าคุณจะไปให้สินบนกับธรรมชาติ 

แต่ข่าวร้าย! ธรรมชาติเค้าไม่รู้จักคุณหรอกเค้าทำงานตามหน้าที่ ฉะนั้นคุณรู้แล้วใช่ไหมธรรมชาติของคุณมันทำงานตามธรรมชาติ  รักษาไปตามหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ เช่นเราป่วยเป็นโรคมะเร็ง ธรรมชาติของการรักษาโรคมะเร็งก็คือการให้คีโม รักษาไม่ได้ก็ปล่อยมันตายไปตามกฎธรรมชาติ  เพราะสังขารมันร่วมกันเกิดจากธาตุอันยิ่งใหญ่ ( ดินน้ำไฟลม )  ตามจิตสุดท้ายของเราปรารถนาให้มันมีภพ แล้วก็มีชาติ จึงได้มีมรณะตามมา

และให้รู้ด้วยว่ากรรมพันธุ์  มันก็ไม่รับสินบนเหมือนกัน  มันก็จะเกิดต่อไปหากมีปัจจัยให้มันเกิด  เพราะว่ามันอยู่ในสังขารมาแล้ว

เพราะมีคนในครอบครัวของครูก็เป็นเหมือนกัน ประกอบกับตัวเองเป็นบุคคลที่ทำงานเยอะ แล้วก็ชอบทำงานด้วย เวลาจะกินจะนอนก็น้อยเพราะตัวเองต้องเข้าเวรต้องช่วยหมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจนู่นนี่นั่น

แปรงฟันอาบน้ำกินข้าวไปทำงาน ช่วยหมอผ่าตัดรักษาคนไข้โรคหัวใจ  กลับไปกลับมาในวัฏสงสาร โดยที่เราเรียกมันว่ากิจวัตรประจำวันนี่แหละ
แต่ละเคสก็ยาวๆ แถมงานก็ยุ่งยากเครียดๆ แต่ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า ”ความตายคือการเกษียณ หากตายก่อน 62 ปี “

จิตดวงนี้ไม่กลัวความตาย เพราะความตายคือของฟรีที่มีในชีวิตของทุกสรรพสิ่ง ความตายนอนมือก่ายหน้าผาก ขาไขว่ห้าง และกระดิกนิ้วรอเวลาของมันมาตั้งแต่เราลืมตามาดูโลกแล้ว ในสังขารเรามีการเสื่อมและตายแล้วเกิดใหม่ขึ้นทุกขณะ เช่น การตาย-เกิดของเชลล์ต่างๆ เชลล์ในร่างกายถ้ามันมี ภพ -ชาติ-มันก็มีมรณะได้ เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิต มันก็ต้องดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติ

💁‍♀️ส่วนคนไข้ก็ใส่ใจแต่ตัวเองก็คิดว่าตนสำคัญสุดๆ แค่ตัวเองคนเดียวยังรับตัวเองไม่ไหว หมอมีคนไข้ต่อวันเป็น 100 คน เสียดายเวลามีแค่ 24 ชั่วโมงต่อวัน
อย่าไปนั่งโทษแต่หมอ หรือสิ่งแวดล้อม หรือดินฟ้าอากาศ ทุกปัญหาที่เรามีทุกข์ - หรือแบกทุกข์อยู่ เราทุกข์เพราะเราคิดเห็นแต่ตัวเองก่อนเสมอ ถ้าเราเรียนที่จะจะรักคนอื่น เราก็จะทำอะไรได้เยอะแบบมีความสุข แก้การเห็นแก่ตัวซะ หากอยากเห็นความสุขบนดิน

🔐เราคนเดียวที่สร้างทุกข์  และทุกข์เกิดมาจากเราสร้าง อยากให้ทุกข์มันสว่างๆศึกษาธรรมะ หัวใจของธรรมะ คือ
- อริยสัจ4 ( ทุกข์- สมุทัย-นิโรธ-มรรคX 8)
-ขันธ์ 5 ( รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ) —สังขาร ปรุงแต่งด้วย มหาธาตทั้ง 4 ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม)
-วงจรการเกิดทุกข์ ( ปฏิจจสมุปบาท x 12 )

✍️ส่วนคนเขียนคนวิจารณ์ ก็คิดว่าข้อมูลขอตนถูกสุดๆ เหรียญมีสองด้าน โลกนี้กว้างใหญ่นัก ข้อมูลมีมากมาย ไม่ใช่ว่าข้อมูลของใครจะถูกเสียทีเดียว หรือผิดทั้งหมด

หากเราใช้กฎของธรรมชาติ มาใช้ชีวิตแบบธรรมชาติของชีวิต เราจะไม่เห็นทุกข์เราจะไม่เปรียบเทียบทุกข์หรือสุขกับผู้ใด อย่ายกมือชี้นิ้วออกนอกตัวไปเพื่อชี้ออกไปหาคนผิด คนผิดคือคนกำลังที่จะชี้มือออกไป หากหาคนผิดไม่ได้ โปรดเดินไปที่กระจกซัก 1 นาที… นั่นแหละคนนั้นแหละ บอกเค้ามั่งศึกษาความทุกข์ก่อนถ้าอยากหายทุกข์ ( ดำเนินมรรค ) ของพระอาจารย์ ต้น ( ธรรมนาวา )

🧑‍⚕️หมอค่ะ มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
มีคนไข้เยอะมาก แต่เขาแค่คนเดียว หนึ่งสมอง สองแขน และหนึ่งปัญญา ที่มากไปกว่านั้น ปัญญาคิดได้ทีละหนึ่งครั้ง หมอรักษาคนไข้ได้ครั้งละหนึ่งคน เหมือนดวงจิตเป๊ะเลยคิดได้แค่หนึ่งอย่างต่อครั้ง  ธรรมชาติของจิตกับชีวิตจริงก็เกี่ยวดองกันทั้งนั้น หาความรู้ทางธรรมชาติมาแก้ไขชีวิตในปัจจุบัน ดีกว่าที่เราจะมานั่งชี้นิ้วออกไปจากตัวเองเพื่อให้ตัวพ้นผิด  ทั้งที่ตัวเราเองก็รู้อยู่ว่าเราเป็นผู้ก่อว่าเราเป็นผู้ผิด สร้างทุกข์เท่าตัว 

พวกหมอลำบากมาก โดยเฉพาะเข้าเวร หมอแทบตาย ตัวอย่างประสบการณ์ของครูเองผ่านมาแล้ว 12 ชั่วโมงรวด ทำงานในช่วงเสาร์-อาทิตย์ บางครั้งคนไข้รอผ่าตัดแต่ยังไม่ไดย้ายขึ้นเตียงผ่าตัด เราต้องหยุดคนไข้ที่เขาพอไหวไว้ก่อน เลือกเอาคนไข้ขั้นโคม่าเข้ามาก่อน เช่น เลือกตามอาการไวต่อความตาย วัดจากพวกความดันเลือด จากออกซิเจน จากชีพจร อุณหภูมิ อื่นๆ เป็นบรรทัดฐาน ( มอร์นิเตอร์อาการของคนไข้)

หากมาทางเฮลิคอปเตอร์ก็เข้ามาก่อน ต่อมาก็ทางรถพยาบาล เราก็ต้องวิ่งจากหัวตึกไปท้ายตึกเวลามีเคสฉุกเฉิน วิ่งไปหายใจเองยังไม่ทันเลย เพราะต้องไปรักษาลมหายใจของคนอื่นก่อน โปรดเข้าใจคนในสายงานทางการแพทย์เสีย

อย่ามองแต่ความคิดของตัวเอง ตัวเองคิดยังไงก็คิดว่าคนอื่นจะเป็น ตัวเองชอบเงินจะคิดแต่คนอื่นชอบด้วย ตัวเองชอบความรื่นเริงใช่ว่าคนอื่นจะชอบตาม มองเหรียญให้ครบ 2 ด้าน มองทิศทางให้ครบสี่ทิศ มองกระจกให้ครบหกด้าน แล้วจะเข้าใจคำว่าชีวิตคือทุกข์โดยธรรมชาติของมันแล้ว

เวลาส่องกระจกยืนอยู่คนเดียวมันก็เห็นแต่ตนเอง ลองเอากระจกไปส่องคนสักเป็น 1,000,000 คนซิ จะเห็นกี่คน ?

เราทำทุกวิถีทางทำด้วยใจทำด้วยความว่องไวเพื่อรักษาชีวิตของคนอื่น ไม่ใช่คนในวงการแพทย์ทุกคนจะเห็นแก่เงิน เงินไม่ใช่ว่าจะช่วยให้คนทำงานได้ไปจนกว่าตัวเองจะตายหรอก
เงินอย่างเดียวยึดใครไม่ได้หรอก เงินๆเนี่ยใครอยากได้มันก็ไปอยู่ด้วย ใครรักรักษามันมันก็อยู่ด้วย เพราะนิสัยของเงินมันเป็นอย่างนั้น 

สิ่งที่จะทำให้คนทำงานหรือทำอะไรๆได้นานๆ
ตายไม่ใช่ปัญหา เงินเป็นเรื่องกลางๆ กินไม่ใช่เรื่องใหญ่ คือ”ใจเค้าชอบที่จะทำ “ใหญ่โตมโหฬาร
ใจต่างหากที่ทำให้คนทำอะไรได้มากมาย และประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และมีประสิทธิภาพด้วย

โปรดเอาจิตใจของคนอื่นๆขึ้นตาชั่งวัดในความคิด เพราะไม่อยากลบเครดิตของผู้ใด

ไม่ใช่หมอทุกคนหน้าเลือด (เงิน ) แต่หน้ามืดจะเป็นลม เพราะคนไข่เยอะกว่าเงินที่ได้รับพระเจ้าข้า
ตามนั้น
ครูดิอร

ครูดิอร ณ อเมริกา

📚อีกทางเลือกของการรักษาโรคมะเร็ง ( ขอบคุณ นิกกี้ที่แชร์ ) คีโม คือธุรกิจเลือดเย็น ของโรงพยาบาลแบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เ...
25/05/2024

📚อีกทางเลือกของการรักษาโรคมะเร็ง
( ขอบคุณ นิกกี้ที่แชร์ )

คีโม คือธุรกิจเลือดเย็น ของโรงพยาบาล
แบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เจ้ามือรวย

มะเร็งไม่ได้พรากใครไป คีโมต่างหาก

✍️ความคิดของครูดิอร 👇👇
คนที่ไม่รักษาด้วยคีโมก็ตาย ( คุณแม่ชี ศันสนีย์ ) ผู้แชร์อยากให้มองเรียญ 2 ด้าน ธรรมชาติสร้างสรรพสิ่งมาเป็นคู่ สังขารประกอบด้วย ขันธ์ 5 ( 1รูป 4 นาม ) เสื่อมถอยได้ตามลมหายใจที่เพิ่มขึ้นจนจบลง✍️

โปรดอ่าน สำคัญมาก

ดร. รุ่ง จาก รพ. จุฬา
บทความนี้ น่าสนใจมาก

Shafin de Zane presents: What is Cancer?

นี่คือ สิ่งที่คุณไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ (Cancer is Natural)
มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหากเซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของเซลล์ จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ

เป็นที่น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย -คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่าตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม - เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า ต่อไปอีก -ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก
จากมุมมองของเซลล์ หากมันไม่ผ่าเหล่า มันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ

✍️มุมมองของครูดิอรผู้ทำงานในวงการแพทย์ในอเมริกา และป่วยเป็นมะเร็งเอง 2 หน
คุณหมอเขาเรียนมาหลายปีกว่าจะเป็นผู้เชียวชาญเฉพาะทาง เขารักษาตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและการค้นคว้าวิจัย รวมถึงกรรมพันธุ์ของผู้ป่วย ไม่อยากลบเครดิตใคร งานในวงการแพทย์ คุณหมอแต่ละคนหัวหมุน วิ่งไปวิ่งมา เพราะคนไข้มากมาย เวลาเขาจะกินยังไม่พอ ส่วนเวลาให้ครอบครัวไม่ต้องพูดถึง แทบไม่มี หมอรักษามะเร็งเป็นมะเร็งให้คีโมเองก็มีมากมาย

📍📍เป็นหมอเองสักวันดูไหมล่ะ จะได้เข้าใจ? ไปดูห้อง ER ต่อชั่วโมงซะก่อน แผ่นดินจะเดินแทบไม่มี คนป่วยมากกว่าแมลงวันทั้งหัวดำแดง ประสบการณ์ตรงเข้าอิเมอร์เจนซี่มาแล้ว รอ 6 ชั่วโมงในอเมริกานะคะ คนไข้มากกว่าห้องและหมอที่มี หมอตั้งโต๊ะตรวจตามทางเดินในบริเวณห้องอิเมอร์เจนซี่ เขาตรวจตามอาการของคนไข้ ใกล้ตายได้ตรวจก่อน แกล้งอาการไม่ได้เพราะ Vital signs and symptoms คนคือบรรทัดฐาน เห็นกับตา จะรักษาคนที่อาการพอไหว แต่มีคนที่มีอาการใกล้ตาย หมอเค้าก็ต้องไป เพราะร่างกายของคุณมันบอกมันฟ้องอยู่แล้วว่ารอได้
☝️เปรียบเทียบข้อมูลก่อนมีคีโมกับไม่มีคีโม คนตายก่อนไม่มีคีโมมากมายก่าวมีคีโม ✍️

มะเร็งแท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม รอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ - ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่แท้จริง

มะเร็ง คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป

เอาละ คุณจะลงมืออย่างฉับพลัน - เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร

มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธี คือ :

👉วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ
สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน
เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจนต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิตอยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับออกซิเจนต่ำ

- วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจน ให้กับเลือด

-- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ
- หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจ แล้วนับ 1 ถึง4
- หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน
ทำอย่างนี้ครับ

>>>> 1-2-3-4 > 1-2-3-4 >
กลั้นใจ แล้วนับ 1-2-3-4
หายใจออกทางปาก

21/05/2024

สวัสดีค่ะ

18/05/2024

ฝันดีค่ะ

📣Halfway Through my Chemotherapy Treatment. It's the 6th chemotherapy today! Having breast cancer forced me to see what ...
07/05/2024

📣Halfway Through my Chemotherapy Treatment.
It's the 6th chemotherapy today!
Having breast cancer forced me to see what I have not seen in my well-being of living life yet. Now, I experience the downside instead of the upside of my life. It’s definitely not my favorite position to be in. But what I’ve got to do is what I’ve got to do. I cannot fix my own karma either nor fight against my faith. I'm neither stupid nor naive enough to pick a fight that I will never win or try to control whatever situation that I can't control. I'm sitting pretty, it is what it is.

การรักษาด้วยเคมีบำบัดของฉันผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว
วันนี้เป็นเคมีบำบัดครั้งที่ 6 แล้วนะ!
การเป็นมะเร็งเต้านมทำให้ฉันต้องมองเห็นในสิ่งที่ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนในความเป็นอยู่ที่ดีของชีวิต ตอนนี้มันเป็นขาลงแทนที่ขาขึ้ตของชีวิต ตำแหน่งที่ฉันชอบที่สุดไม่ใช่ตำแหน่งของการเป็นผู้ป่วยมะเร็งระที่ 4 แน่นอน แต่สิ่งที่ฉันต้องทำคือสิ่งที่ฉันต้องทำหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันไม่สามารถแก้ไขกรรมของตัวเองหรือต่อสู้กับชะตากรรมของฉันได้ ฉันไม่โง่หรือไร้เดียงสาพอที่จะเลือกการต่อสู้ที่ไม่มีวันจะชนะหรือพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ใดๆก็ตามที่ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้ ฉันจะนั่งสบายๆอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

In the same manner, I’m not dumb enough to fight against the nature of Inheritance by defining 4 main factors which are being born, growing old, getting sick, and finally dying. These are an absolute that we don't want in our lives, but only these 4 facts have their own equality to all kinds of living things on earth. Sad but true.

ในทำนองเดียวกัน ฉันไม่โง่พอที่จะต่อสู้กับมรดกตกทอดโดยธรรมชาติกำหนดด้วยปัจจัยหลัก 4 ประการเหล่านี้ คือ เกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราแน่นอน แต่มีเพียง 4 ข้อเท็จจริงนี้เท่านั้นที่มีความเท่าเทียมกันที่ธรรมชาติได้มอบให้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ มันเศร้าแต่มันเป็นความจริงที่ใครปฏิเสธมันไม่ได้ ( ยกเว้นเข้าสู่นิพพาน )

I am brilliant enough to take this opportunity of medical leave to study and do lots of research and do what I can to retrieve my resources to lead me to the term “it is OKAY to die” with no fear.
ฉันฉลาดพอที่จะใช้โอกาสในการลาป่วยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลให้มากมายเท่าที่จะมากได้ และทำเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและองค์กรความรู้ เพื่อนำฉันไปสู่คำว่า “ไม่เป็นไรที่จะตาย” โดยไม่ต้องกลัว

Even though, I was born unprepared; but trust me, I'm going to die well-prepared and to have a perfect death like a scholar. Dying with pride and bravery is my go-to.
แม้ว่าจะไม่ได้เตรียมตัวมาเกิด แต่เชื่อฉันเถอะ ฉันจะตายโดยเตรียมตัวมาอย่างดี และจะตายอย่างสมบูรณ์แบบเหมือนนักปราชญ์มืออาชีพ การตายของฉันจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความกล้าหาญ คือสิ่งที่ฉันต้องการ

Soon after my bowel resection surgery , the pathologist defined the specimens as positive metastatic breast cancer in the early stages of stage 4 for the second time.
Trust me, it didn't matter if I had breast cancer before or not, I still freaked out. After I hung up the phone with my general surgeon, “death” stood up in my poor mind suddenly.
ไม่นานหลังจากการผ่าตัดลำไส้ของฉัน นักพยาธิวิทยาได้วินิจฉัยว่าชิ้นเนื้อที่ส่งมาตรวจ เป็นมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายในระยะแรกของระยะที่ 4 และนี้เป็นครั้งที่สองของการเป็นมะเร็งของฉัน
เชื่อฉันเถอะ ไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อนหรือไม่ แต่ฉันก็ยังตกใจเอามากๆ หลังจากที่ฉันวางสายโทรศัพท์กับศัลยแพทย์ทั่วไป “ความตาย” ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจที่น่าสงสารของฉันทันทีทันใด

In terms of cancer itself, it is powerful enough to crash and close people's world rapidly. I made an unofficial living will for my husband to go by right away. I started searching for how to cope with this deadly disease for a second round.
แค่คำว่ามะเร็งเนี่ย มันก็มีพลังมหาศาลพอที่จะทำลายและดับโลกของผู้คนได้ในพริบตาเดียว ฉันทำพินัยกรรมคราวๆอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้สามีของฉันใช้เป็นแนวทาง แล้วฉันก็เริ่มออกค้นหาวิธีการรับมือกับโรคร้ายแรงนี้อีกครั้ง

Here is what I found, my Buddha’s morality, special meditation and practice, and precepts that he had found after he was suffering in his mind. Even though he was a prince, he left his luxurious materialistic life behind him like pieces of trash to seek the awakening and peacefulness of his mind. Then, he had been helping others to see internal peace in the same manner. It is well-known as Buddhism which has Buddha as the master.
นี้ไปนี้คือสิ่งที่ฉันได้ค้นพบ มันคือศีลของพระพุทธเจ้า กับการฝึกสมาธิแแบพิเศษ และศีลที่ข้อปฏิบัติ ที่พระองค์ท่านได้ค้นพบภายหลังความทุกข์ภายในใจแล้ว แม้ว่าพระองค์ท่านจะเป็นถึงเจ้าชาย แต่พระองค์ท่าน ได้ทิ้งชีวิตกับวัตถุที่หรูหราไว้เบื้องหลัง เหมือนกับว่าภพวกมันเป็นแค่เศษขยะที่น่าขยะแขยงที่สุดเท่านั้น เพื่อแสวงหาความเป็นผู้ตื่นผู้เบิกบาน และความสงบสุขในจิตใจของพระองค์ท่าน จากนั้นพระองค์ท่านก็ได้ช่วยเหลือผู้อื่นให้มองเห็นความสงบภายใน ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามของพระพุทธศาสนาซึ่งมีพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์พระศาสดา

Likewise, cancer draws the line and adds the force of having the last stage of metastatic breast cancer to my health for the second time. Of course, whatever I had done and learned about the previous cancer obviously wasn't enough to get through my life. Here I am studying and researching my Bhuddhist teaching like crazy in order to free my spirit and soul from being a victim.
ในทำนองเดียวกัน มะเร็งมันได้ขีดเส้นและบีบบังคับโดยการให้ฉันเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ต่อสุขภาพของฉันเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าสิ่งที่ฉันได้ทำและเรียนรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งครั้งก่อนนั้นไม่เพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตอนนี้ฉันกำลังศึกษาและค้นคว้าคำสอนของชาวพุทธอย่างบ้าคลั่ง เพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณของฉันจากการตกเป็นเหยื่อของมะเร็ง

Now, I have found whatever it takes as my prerequisite to die as an honors in dyingness Ph.D. through the Buddha’s phenomena which has been passed on from one generation to the next generation for 2,600 years.
ตอนนี้ ฉันมีทุกสิ่งที่ต้องใช้เป็นข้อกำหนดในเบื้องต้นของฉัน ในการตายในฐานะปริญญาเอกเกียรตินิยมในความตาย ผ่านปรากฏการณ์ของพระธรรมคำสอนของพระองค์พระสัมมาสัทพุทธเจ้า ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลา 2,600 ปี

Overall, cancer has its own way of shaping us, it depends on how to see and take it. For me, cancer has opened my internal eyes to see my true inner peace. It is my second round of wake-up calls for me to have a good and closer look at whether it is okay to die young with no fear but peaceful. I used to think, I fought cancer in these terms “I'm in it to win it.” This is my egocentric representation.
มองโดยรวมแล้ว มะเร็งมีวิธีที่จะทำควบคุมเราได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีวิธีคิดและรับกับมันอย่างไร สำหรับฉัน มะเร็งได้เปิดดวงตาภายในของฉันให้มองเห็นความสงบภายในที่แท้จริงของฉัน นี่เป็นการปลุกโดยมะเร็งรอบที่สองของฉัน เพื่อให้ฉันได้หยุดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า การตายตั้งแต่ยังอายุยังไม่มากนัก โดยไม่ต้อกลัวแต่สงบสุขที่จะตาย ฉันเคยคิดว่าฉันต่อสู้กับโรคมะเร็งด้วยเงื่อนไขที่ว่า “ฉันสู้เพื่อชนะมันเท่านั้น” นี่คือการนำเสนอโดยยึดถือด้วยอัตตาของฉันล้วนๆ

Nowadays, I let my full consciousness speak for me.
Regardless if I live or die, it will be like a pro. It's a win-win situation. If I were to live I have the skill set to live my life to the fullest.
Conversely, if I die, I also have my ducks in a row to get the show on the road and make a beeline straight to the goal.
ทุกวันนี้ฉันปล่อยให้สติสัมปชัญญะของฉันพูดแทนฉัน
ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือตายมันก็จะเป็นไปอย่างมืออาชีพ มันเป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าฉันจะมีชีวิตอยู่ ฉันก็มีทักษะในการใช้ชีวิตให้สุขอย่างเต็มที่ได้
ในทางกลับกัน ถ้าฉันจะตายฉันก็พร้อมที่จะตายแล้ว และการตายของฉันก็จะมุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่ฉัยวางเอาไว้ที่ใครๆเรียกว่า “ มรณสติ ” นั้นเอง

It's a win-win situation for me because I'm well prepared for either way. Keeping this in mind, we all will die regardless whether we like it or not. It's the painful and loyal truth that, we as human beings have to face. It‘s just a matter of time and how!
มันเป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้งขึ้นทั้งล่อง สำหรับฉันเพราะฉันเตรียมตัวมาอย่างดีไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ เราทุกคนจะต้องตายไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความจริงอันแสนจะเจ็บปวดและแสนจะเทียงตรง ที่เราในฐานะเป็นมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับมัน ซึ่งมันเป็นเรื่องของกาลเวลาและ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายอย่างไรเท่านั้นจริงๆ

Last, but not least, I'm completely done with my materialistic and greedy ways in terms of enough, and I am seeking for my inner peace of mind or wakening mind you name it. This is what I think my cancer came to me for.
สุดท้ายนี้แต่ก็สำคัญไม่แพ้กัน ฉันมาถึงจุดจบสิ้นแล้วกับวิถีชีวิตทางวัตถุและความละโมบโลภมากของฉันในแง่มุมของความเพียงพอ และฉันกำลังมองหาความสงบภายในจิตใจหรือจิตใจที่ตื่นขึ้น หรือแล้วแต่คุณจะเรียก นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่ามันคือเป้าหมายของมะเร็งที่มาเกิดกับฉัน เพื่อจะมาเตือนและบอกใบ้ให้ได้คิด…ก่อนจะสายเกิดไป
รัก
🇺🇸 ครูดิอร ณ อเมริกา 🇺🇸

ผลและแผลนการรักษามะเร็ง HER2 -ก่อนอื่นขอให้ทุกคนตะหนัก ทุกการรักษามะเร็งจะต่างกันไปตามชนิดและความรุนแรงของมะเร็ง การรักษ...
11/04/2024

ผลและแผลนการรักษามะเร็ง HER2

-ก่อนอื่นขอให้ทุกคนตะหนัก ทุกการรักษามะเร็งจะต่างกันไปตามชนิดและความรุนแรงของมะเร็ง การรักษาจะถูกพิจารณาจากอายุ น้ำหนักและความสูง สภาวะของร่างกายของผู้ป่วยเป็นหลักอีกด้วย

🌻สถานที่รักษาก็มีผล
รักษาที่อื่นๆ เช่นในไทยหรืออเมริกา วิวัฒนาการเทคโนโลยีย่อมแตกต่างกันออกไป ความชำนาญของหมอ เครื่องไม้เครื่องมือ ยาที่ทันสมัย ล้วนมีผลในการรักษาทั้งนั้น

❌อย่าเอาตัวอย่างของการเป็นมะเร็งของใครมาเป็นบรรทัดฐาน ในการรักษาหรือในการดำเนินชีวิต อย่ารอความเห็นอกเห็นใจ หรือการปลอบโยนจากผู้อื่น หากตนยังปลอบโยนตนไม่เป็น ตนนี้แหละคือนักจิตวิทยาที่เก่งกาจที่สุด อ่านใจตนให้ออกบอกใจตนให้เป็น รักษาใจตนเองได้เป็นดีที่สุด หากมั่วรอความเห็นอกเห็นใจจากใครๆ เวลาเขาจากไปใจเราก็จะโหยหาและอ่อนแรงแล้วสุดท้ายก็อ่อนแอ่ ฉะนั้นจงเรียนที่ยืนด้วยตัวเองให้ได้ ไม่หิวความเห็นอกเห็นใจจากใครๆ

🌻มีหลายคนบอกว่าใช้การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด คุณเชื่ออย่างไรก็เลือกเอาแบบนั้นนะคะ
ส่วนครูยังเชื่อในระบบการรักษาทางวิทยาศาสตร์ เพราะมันเป็นข้อมูลที่สำคัญเค้าจะได้นำไปรักษา และนำไปวิจัยเพื่อพัฒนาให้มันก้าวหน้า เพื่อจะได้นำไปรักษาเพื่อนมนุษย์ได้มากมายต่อไปในภายหน้า อันนี้คือจุดประสงค์ของการรักษาแบบวิทยาศาสตร์ของครูดิอร ครูพี่อรไม่ได้มาใส่ใจร่างกายตัวเองมากเท่าไหร่ หากร่างกายจะเป็นผลดีและมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ในภายภาคหน้า ก็ยินดีที่จะรักษาแบบวิทยาศาสตร์ต่อไป

ความตายไม่ใช่ปัญหาไม่ใช่ประเด็นไม่เป็นอุปสรรค ไม่นำมาเป็นความกลัว เพราะถึงอย่างไรไม่ตายวันนี้ วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนนี้ ปีนี้ ปีหน้า ปีถัดไป มันก็ต้องตาย 👉เพราะมันคือสัจธรรม👈

-🙏ขอบคุณในความห่วงใย แต่อยากให้ทุกคนมองทุกอย่างเป็นขบวนการของชีวิต 👉เกิด👉แก่👉เจ็บ🗣ตาย 👈 เป็นสิ่งที่เราทุกคนได้มาโดยชอบธรรม และก็ยุติธรรมโดยการเกิด

⚠️⚠️⚠️อย่าตกใจว่า 👉การตาย เป็นของแปลกใหม่ จะตกใจและร้องไห้ทุกทีที่ได้ยินได้เจอ เหมือนกับว่าการ ‘ตาย’ มันเป็นของแปลกใหม่ที่สุดบนโลกใบนี้ มนุษย์มีการเกิดและการตายมาตั้งหลายๆร้อยพันปีแล้ว

✅ส่วนของแปลกและวิเศษสุดๆคือคนที่ไม่เกิดอีกต่อไปเท่านั่น ( ขึ้นนิพพาน ) ที่แปลก เพราะว่ามีจำนวนน้อยมากๆ น้อยเท่ากับเม็ดทรายในปลายเล็บของพระตถาคดเท่านั้น ( ฟังพระเทศน์ ) ส่วนเม็ดทรายที่เหลือคือผู้ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏกันต่อไป

🧘🏻‍♀️ส่วนตัวครูพี่ดิอรก็ฝึก สมถะสมาธิ และ กำลังเรียน อานาปานสติอยู่ 🧘🏻‍♀️จะสอบผ่านถึงขั้นนิพพาน หรือไม่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะอย่างน้อยก็ได้คิดได้เริ่มได้เรียนได้ฝึก ต่อให้ไปไม่ถึง อย่างน้อยก็ได้ขึ้นทำเนียบเพื่อรอรอบหน้า หรือรอบต่อๆไปจะฝึกไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็จะสอบผ่านเอง การลงทุนเพื่อทำบุญจะมากน้อยเท่าไหร่ ทำอย่างไรก็ไม่มีขาดทุน

🗣ข้อห้าม
อย่าแสดงอาการตกใจเป็นห่วงเป็นใย อย่า! มันบาปจงปล่อยวาง คิดเสียว่านี้แหละกลไกของการทํางานของขบวนการ ‘เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป’ ของเป็นมนุษย์

⚠️คิดง่ายๆตื้นๆ
อย่าตื่นตูมเมื่อเห็นความเจ็บไข้ตายป่วย อย่าคิดว่าเป็นของใหม่ทุกครั้งที่ได้ยิน มนุษย์มี เกิด แก่ เจ็บ ตายทุกวินาทีทั่วโลก

⚠️ครูเห็นการเกิดแก่เจ็บตายเป็นอาชีพในสายงาน มันไม่ใช่เรื่องใหม่และควรจะคุ้นเคยกันได้แล้ว วัดบ้านทุกวัดมีเมนเผ่าผี คิดอีกทีหากคิดว่าเจ็บป่วยตายเป็นของใหม่

👉ผลตรวจของ PET scan
- เจอ 2 เซ็นท์ในตับ หมอจะให้ยารักษาเฉพาะจุด โชคดีเป็นคนตับใหญ่

- ที่อื่นๆสะอาดสะอ้าน แม้แต่กระดูก

👉สรุป เป็นมะเร็งระยะที่ 4 ช่วงเริ่มแรก ผลการรักษาคือควบคุม อาจไม่ใช่หายขาด

🗣ขั้นตอนการรักษา
1. คีโมทุกอาทิตย์ รวม 12 อาทิตย์ เป็นโดสยาที่ต่ำกว่าครั้งที่แล้วเยอะมาก

2. ให้ยาร่วมกับคีโม เพื่อรักษาเฉพาะที่อีก 2 ตัว

⚠️ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคือหมอที่จะช่วยหมอและยาในการรักษาตนเอง 👇👇👇
👉อาหารการกิน เน้นผักผลไม้ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ( ค้นคว้าตามภูมิประเทศ )
👉เลิกกินเนื้อแดง
👉พักผ่อน
👉ออกกำลังกาย

🙇‍♀️ที่สำคัญที่สุดคือ ให้ทาน ศีล สวดมนต์ นั่งภวนา ( บวชจิต ) แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร 👆👆👆นี้คือหน้าที่ของเรา

🙇‍♀️🙇‍♀️🙇‍♀️ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเบื้องบน

🙇‍♀️🙇‍♀️🙇‍♀️นี้คือความโชคดีที่เจอมะเร็งในลำไส้ เพราะหากเป็นที่ตับก่อนอาจลำบาก 🙏🙏🙏ขอบคุณฟ้าที่ยังเมตตาให้เวลาในการทำบุญเพื่อเป็นทุนต่อไปในภายหน้า 🙏🙏🙏🙇‍♀️🙇‍♀️🙇‍♀️

⚠️ทุกอย่างเป็นเรื่องของกาลเวลาและกรรมดีและไม่ดี ที่สำคัญคือปัญญา แหล่งปัญญาที่ดีเยี่ยมคือ ศีล👉สมาธิ
✅หากคุณมีศีล คุณมีทุกอย่าง 🙏🙏🙏

⚠️หากอยากตายแบบมืออาชีพ
กำหนดวันเวลาของการตายได้อย่างแม่นยำ ก่อนตายพวกท่านจะสบายใจ ไม่กลัวไม่กังวลต่อความตายอย่างมืออาชีพ เช่น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า และอริยะบุคคล👈 นี้คือผู้ไม่มีบาป ท่านไม่กลัวความตาย เพราะท่านไม่มีอะไรจะให้กลัว ความดีมีความหมายในตัวมันเอง ท่านดีใจเพราะการตายคือการเกิดใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ใดๆทั้งสิ้นบทดินแดนที่เรียกว่า “ นิพพาน ” ( ฟังเทศน์มา )

⚠️รีบทำบุญ 👉ทาน👉ศีล👉ภาวนา ปัญญาคือ ผลลัพธ์ แล้วคุณจะกล้าอ้าแขนรับความตายอย่างมืออาชีพ หากบุญของคุณมากพอ

🙏🙏🙏 อย่าคิดว่าคุณมีเวลาอีกมากมายทำเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ รีบทำบุญให้มากๆซะนะคะ พอถึงเวลาที่ต้องประเชิญกับความตายเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าคุณคือผู้มีชัยในความตายอย่างมืออาชีพ

📣ว่าไปแล้วพรุ่งคือวันพระใหญ่ คือวันมาฆบูชาค่ะ 📣ไปเตรียมซื้อของไปทำบุญก่อนนะคะ

⚠️ความเจ็บป่วย มีพระอรหันต์หลายๆท่านบอกว่ามันคือความโชคดี เพราะในยามที่คนมีทุกข์มากจะเห็นกิเลสมาก อยากจะพ้นทุกข์จึงพร้อมจะภวนารักษาศีล มากกว่าคนที่มีแต่ความสุข ที่ไม่มีสาเหตุให้นึกถึงทางพ้นสุข ( ฟังพระเทศน์ )

แต่จงใช้ปัญญา อย่าให้อารมณ์ และความรู้สึกของตน ปนความเกลียดชังในซะตากรรม โปรดใช้ปัญญาที่ปราศจากอารมณ์ แล้วคุณจะเห็นสัจธรรม

ด้วยความปรารถนาดี
❤️
ครูดิอร

Address


30230

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to มะเร็งเร่งบุญของครูดิอรสอนน้อง:

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share