19/09/2023
'กิตติพงษ์ ณ ระนอง'
ราชฑูตผู้ไม่ยอมค้อมหัวให้นักการเมืองอธรรม
“ เป็นข้าราชการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะไปอยู่ที่ไหน ก็ทำประโยชน์ ให้กับแผ่นดินได้”
แต่อย่ายอมสยบนักการเมืองแบบไร้ศักดิ์ศรี
“รู้สึกเสียใจแทนคนต้นตระกูล ที่มีแต่คนทำประโยชน์เพื่อประเทศมาตลอด แต่กลับมีลูกหลานคนหนึ่งรับใช้ระบอบทักษิณ ที่ผ่านมาพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง) อดีตผู้ว่าราชการเมืองระนองได้ทำคุมงามความดีมาตลอด ไม่มีใครทรยศต่อประเทศชาติ มีเพียงคนเดียวคือนายกิตติรัตน์ ที่ทำเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จึงไม่อยากนับญาติด้วย”
เมื่อครั้งคนในตระกูล "ณ ระนอง" ลูกหลานของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ประกาศ ขอตัดญาติขาดมิตรกับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยเหตุผลดังที่ว่า
จึงมีเสียงเซ็งแซ่อย่างกว้างขวางในสังคมอยากรู้ว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นใครมาจากไหน และพี่น้องร่วมบิดามารดาเป็นใครประกอบสัมมาอาชีพอย่างไร
กิตติรัตน์ ณ ระนอง มีพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันผู้หนึ่งชื่อ กิตติพงษ์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ สมาพันธรัฐสวืสในปัจจุบัน
กิตติพงษ์ ณ ระนอง เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นบุตรชายของ นายเก่ง และนางวิลัดดา ณ ระนอง นายเก่ง ณ ระนอง เป็นหลานปู่ของ คอยู่สอง ณ ระนอง บุตรชายคนหนึ่งของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง) ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ผู้เป็นต้นตระกูล ณ ระนอง
กิตติพงษ์ ณ ระนอง เกิดเมื่อปี 2499 ที่กรุงเทพ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบ Master of Arts in Law and Diplomacy, Fletcher School of Law and Diplomacy, Tufts University
เข้ารับราชการครั้งแรก ในปี 2526 ที่กองวิทยุกระจายเสียง กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ปี 2530 เป็นเลขานุการโท เลขานุการเอก คณะทูตถาวร ณ นครเจนีวา ปี 2534 เป็นเลขานุการกรมสารนิเทศ และหัวหน้าฝ่ายเวียดนาม กองเอเชียตะวันออก 1 กรมเอเชียตะวันออก ในปี 2536 เป็นหัวหน้าฝ่ายพม่าและฝ่ายมาเลเซีย กองเอเชียตะวันออก 2 อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 2 กรมเอเชียตะวันออก เป็นรองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ในปี 2543 เป็นรองอธิบดีกรมอาเซียน ในปี 2545 เป็นอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ปี 2546 เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในปี 2549 แล้วเป็นอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเพียงปี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเอกอัตรทูต ณ กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา
กิตติพงษ์ ณ ระนอง เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญไม่เคยอ่อนข้อให้กับอำนาจการเมืองใด ๆ มีเกียรติยศศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจในชาติเชื้อวงศ์ตระกูล ดำรงตนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียตนาม กิตติพงษ์เป็นเอกอัครราชทูตเพียงผู้เดียวที่มีความกล้าหาญออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช
ต่อมาเมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มี กิตติรัตน์ ณ ระนองเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กิตติพงษ์ ณ ระนอง ก็ถูกคำสั่งย้ายจากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำเกาหลีใต้
เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำด้วยงบประมาณมหาศาล ก่อนที่จะได้บริษัท เค วอเตอร์ เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมดำเนินการนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เคยเดินทางไปศึกษาดูงานและเจรจาเรื่องน้ำที่เกาหลีให้ 2-3 ครั้ง และไม่ประทับใจในการต้อนรับของเอกอัครราชทูต กิตติพงษ์ ณ ระนอง ที่มิได้ให้ความสำคัญกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ โดย สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ จึงมีคำสั่งย้าย กิตติพงษ์ ณ ระนอง พี่ชายของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีการคลัง จากเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงทริโปลิ รัฐลิเบีย
กาารที่นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เคยเป็นเอกอัคราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ อเมริกาในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อมาถูกย้ายไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ทั้งนี้ถือว่ามีการลดชั้นในระดับหนึ่งเพราะโดยทั่วไปแล้วทูตดีซีมักจะกลับเข้ามาเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือไปเป็นออท.ในประเทศที่มีระดับใกล้เคียงกันหรือไม่เช่นนั้นก็เกษียณราชการ
ดังเช่นเหตุการณ์เคยเกิดขึ้นกับนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ออท. ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนมีนาคม 2547 ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้รับโอนและแต่งตั้งให้ นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัคร ราชทูต (เจ้าหน้าที่การทูต 10) ณ กรุงวอชิงตัน กระทรวงการต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เป็นเหตุให้นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ไม่ยินยอม เพราะถือว่ามีการลดชั้นจากทูตอันดับ 1 ของโลกมานั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายศักดิ์ทิพย์เห็นว่าอย่างน้อยตนจะต้องได้ซี 11 ระดับปลัดกระทรวง
จนกระทั่งรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรต้องแต่งตั้งให้นายศักดิ์ทิพย์เป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงแก้ปัญหาได้
นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ เป็นบุตร นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพระราชวัง และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ต่อมาในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนายกิตติพงษ์ถูกโยกย้ายอีกเนื่องจากมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปดูการบริหารจัดงานน้ำที่เกาหลีใต้ แต่ไม่รู้สึกประทับทูตที่ให้การต้อนรับ เป็นเหตุผลถูกโยกย้ายไปประจำการประเทศที่มีภารกิจหนัก ทำหน้าที่เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย หรือเป็นประเทศที่ทูตใหม่หรือทูตฝึกงานไปประจำ
ในช่วงที่ประเทศลิเบียกำลังมีสงคราม ถือเป็นการ “ลงโทษ”หรือกลั่นแกล้งกันอีกระลอกโดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
มีรายงานว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์น้องชายของนายกิตติพงษ์ไปกดดันให้พี่ชายของตนไปกราบขอโทษนายสุรพงษ์ แต่นายกิตติพงษ์ตอบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดอะไรแล้วจะไปขอโทษทำไม อย่าไปก้มหัวยอมเป็นข้ารับใช้นักการเมืองแบบไร้ศักดิ์ศรี
“ เป็นข้าราชการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะไปอยู่ที่ไหน ก็ทำประโยชน์ ให้กับแผ่นดินได้” นายกิตติพงษ์กล่าว
ต่อมาในสมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้คืนความชอบธรรม โยกย้ายนายกิตติพงษ์ มาเป็นเอกอัครราชฑูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จนเกษียณราชการ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1934769310239165&id=100011183431579&mibextid=Nif5oz