ชวนดูประกัน by Little P.

  • Home
  • ชวนดูประกัน by Little P.

ชวนดูประกัน by Little P. มาทำเรื่องประกันชีวิต & ประกันสุขภา?
(1)

30/01/2024

วางแผนการเงินให้ครบทุกมิติ
เช็คลิสต์ง่ายๆ มือใหม่ก็ทำตามได้
การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวและยังไม่จำเป็น และยังมีคนเข้าใจผิดอีกว่า การวางแผนการเงินเหมาะสำหรับคนรวยหรือคนที่มีรายได้เยอะๆ
แต่ความจริงแล้ว การวางแผนการเงินเหมาะกับทุกคน ทุกวัย ทั้งคนรวย คนจน คนโสด คนที่มีลูก หรือคนที่มีหนี้สิน
วันนี้เราเลยจะมาสอนทุกคนวางแผนการเงินกันแบบง่ายๆ มือใหม่ก็ทำตามได้ หรือใครที่วางแผนการเงินของตัวเองไว้แล้ว แนะนำให้ทบทวนและติดตามแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละครั้งนะ
- เงินสำรองฉุกเฉิน
สิ่งแรกที่เราควรมี คือ “เงินสำรองฉุกเฉิน” โดยเงินก้อนนี้จะมีไว้เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย ตกงานกะทันหัน เป็นต้น ควรจะมีอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน สำหรับฟรีแลนซ์หรือเจ้าของธุรกิจแนะนำว่าควรมีอย่างน้อย 6-12 เท่า และควรแยกไว้สำหรับใช้ฉุกเฉิน ไม่เอามารวมกับเงินออม เงินลงทุน หรือเงินส่วนอื่น
ดังนั้น เราควรสำรวจเงินสำรองฉุกเฉินของตัวเองก่อนว่ามีเพียงพอแล้วหรือไม่
- สำรวจหนี้สินในปัจจุบัน
ภาระหนี้สินเป็นเรื่องที่เราควรจะจัดการให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะหนี้สินที่ดอกเบี้ยสูง หรือหนี้ที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล โดยเราควรมีภาระหนี้ต่อเดือนรวมกันไม่เกิน 35 - 45% ของรายได้รวมต่อเดือน และภาระหนี้สินที่ไม่ใช่การจดจำนอง (หนี้อสังหาฯ) ไม่ควรเกิน 15 - 20% ของรายได้รวมต่อเดือน เพื่อให้เรายังมีเงินไว้เก็บออมและนำไปใช้จ่ายในแต่ละเดือนเพียงพอ
ดังนั้น สำหรับคนที่มีภาวะหนี้สินเยอะอาจจะต้องเริ่มระมัดระวังในการก่อหนี้อื่นๆ เพิ่มในอนาคต หรือหยุดการก่อหนี้ใหม่และพยายามปลดหนี้เก่าให้หมดเร็วที่สุด หรือถ้าอยากก่อหนี้เพิ่มอาจจะลองพิจารณาอีกทีว่าหนี้ก้อนใหม่นั้นจำเป็นมากน้อยแค่ไหน
- สำรวจความเสี่ยงเพื่ออุดรอยรั่ว และทบทวนแผนประกันที่มีอยู่
การจัดการความเสี่ยง คือ การโอนย้ายและจัดการความเสี่ยง ในส่วนนี้หมายถึง “การทำประกัน” เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ เป็นต้น โดยเราควรจะประเมินความเสี่ยงของตนเอง วางแผนซื้อประกันเพื่อปิดความเสี่ยงเหล่านั้น หากคนที่ทำประกันไว้อยู่แล้ว ควรจะทบทวนเพื่อดูว่าประกันที่มีอยู่ครอบคลุมเพียงพอแล้วหรือยัง ซึ่งเราควรจะมีประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งความเสี่ยงด้านชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของเราด้วย
- วางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี
เมื่อเรามีรายได้ สิ่งที่ต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย คือ การยื่นภาษีและเสียภาษี ดังนั้นสำหรับคนที่มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน รวมถึงคนที่คาดการณ์รายได้ทั้งปีของตัวเองได้ หากวางแผนภาษีไว้ตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้เราไม่ต้องเร่งหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี และยังช่วยให้การเงินของเราคล่องตัว มีสภาพคล่องเพียงพอตลอดทั้งปี ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถทยอยซื้อลดหย่อนภาษีระหว่างปีได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อกระจุกตอนช่วงสิ้นปี
- อัปเดตพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
การอัปเดตพอร์ตการลงทุน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเรามีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยเราควรอัปเดตสถานการณ์การลงทุนสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ก็ไม่ควรปรับพอร์ตบ่อยจนเกินไป เพราะการปรับพอร์ตส่วนใหญ่มักจะมีค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย
สำหรับคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ น่าจะพอเริ่มเข้าใจการวางแผนการเงินมากขึ้นแล้ว ซึ่งหลักสามเหลี่ยมการเงินหรือพีระมิดทางการเงินนั้นไม่ยากอย่างที่คิดไว้ ใครๆ ก็สามารถเริ่มต้นวางแผนการเงินตามได้
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวางแผนการเงิน คือ การสร้างรากฐานให้แข็งแรงก่อนแล้วค่อยไปฐานขั้นถัดไป โดยการจัดการด้านความจำเป็นพื้นฐาน มีเงินสำรองฉุกเฉินให้เพียงพอและจัดการความเสี่ยงให้ครอบคลุมก่อน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้ไม่มากระทบกับเงินที่เราตั้งใจเก็บออมนะ
#ลงทุน #รู้เท่าธัน #ออมเงิน #วางแผนการเงิน #บริหารเงิน #การเงินการลงทุน #การเงิน #วางแผนชีวิต #นักวางแผนการเงิน #ลงทุน #วางแผนการเงินส่วนบุคคล

สนใจอยากได้คำปรึกษาวางแผนการเงินส่วนบุคคล
Direct message 📩 m.me/Cashury.th

👨‍👩‍👦💝
10/11/2023

👨‍👩‍👦💝

07/11/2023
ระหว่างที่หลาย ๆ ท่านดูแลผู้สูงอายุที่เคารพรักก็อย่าลืมดูแลตัวเองไปด้วยนะคะดูแลตัวเองทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า #ประกั...
04/11/2023

ระหว่างที่หลาย ๆ ท่านดูแลผู้สูงอายุที่เคารพรัก
ก็อย่าลืมดูแลตัวเองไปด้วยนะคะ
ดูแลตัวเองทั้งในวันนี้
และในวันข้างหน้า
#ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

ช่วงนี้ที่ไม่ค่อยได้โพสเพราะ
ผมต้องพาพ่อเข้าออก รพ.อยู่ตลอด
พ่อมีสิทธิ์จ่ายตรง
ทำให้การไป รพ.แต่ละครั้ง
ไม่มีค่าใช้จ่าย
เพราะหลวงออกให้หมด
สิ่งเดียวที่ต้องจ่ายคือ “เวลา”
เราไม่มีช่องทางพิเศษ
ไม่มีการลัดคิว.สิทธิ์จ่ายตรง...สิทธิ์ประกันสังคม..
หรือ ..บัตรทอง
ก็ล้วนต้องมาเข้าคิวเดียวกัน
เมื่อปริมาณคนไข้ มากเกินกว่า
กำลังของเจ้าหน้าที่ให้บริการ
ก็ต้องทำใจว่าการมา รพ.ในแต่ละครั้ง
ใช้เวลาหมดไป
เกินครึ่งค่อนวันอย่างแน่นอน
พ่อผมอายุมากแล้ว (77 ปี)
ปีนี้ แกดูโรยราไปมาก
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาตามอายุ
คือ “โรคภัยไข้เจ็บ”
ปีนี้ ได้โรคความจำเสื่อม
ระยะเริ่มต้น เพิ่มขึ้นมา
จากของเดิมที่มี ความดันสูง
ไขมันสูง และต่อมลูกหมากโต เป็นทุนเดิม
เมื่อโรคเยอะ
ก็จำเป็นต้องมาหาหมอบ่อย
วันนี้มาเจาะเลือด
เพื่อรอพบหมอวันรุ่งขึ้นเรื่องสมอง
ก่อนหน้านี้ 3 สัปดาห์
ไปพบหมอเรื่องต่อมลูกหมาก
ย้อนไป 2 เดือนก่อน
ก็ไปปรับยาความดัน
พอครบแล้วก็ต้องวนกลับมาใหม่อีกครั้ง
เป็นลูปเดิมซ้ำๆ อยู่แบบนี้
พูดตรงๆ ว่าไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
ผมให้สัญญากับตัวเอง
ยังไงก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองตอนแก่
เข้าไปอยู่ในระบบนี้อย่างแน่นอน
สิ่งที่พอทำได้ตั้งแต่ตอนนี้
คือการวางระบบประกันสุขภาพ
ให้ตัวเองแต่เนิ่นๆ
เพื่อไม่ให้ตัวเราต้อง
ใช้เวลาในอนาคตส่วนใหญ่
ไปกับการรอคิวใน รพ.รัฐ
ผมไม่อยากใช้…
“เวลา” ไปแลกกับ “เวลา”
อยากเก็บเวลาที่มีคุณค่า
ไปใช้อย่างมีความสุข
กับคนที่เรารัก
อยากใช้เวลาไปกับ
การสร้างคุณค่าให้ผู้คน
ดีกว่าจะมาเสียเวลา
ไปกับการรอคอย
อย่างไร้จุดหมายไปวันๆ
เมื่อระบบสาธารณสุขของไทย
ไม่มีวันจะดีไปกว่านี้ได้
ทางเลือกของเรา คือ
การมองหาระบบที่เราสร้างเองได้
ให้ผมพร่ำพูดอีกกี่ครั้ง
ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า..
ได้โปรดวางแผนกันตั้งแต่ตอนนี้เถิด
ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไป
ด้วยความปรารถนาดี
#หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
#ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

14/09/2023

เมื่อวานมีดราม่าร้อนแรงในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” ว่าด้วยเรื่องการถูกปฏิเสธความคุ้มครองของลูกค้าประกันท่านหนึ่ง..
ใจความสำคัญ คือ ลูกสาวของลูกค้าท่านนี้ป่วยติดเชื้อไวรัส RSV ต้องแอดมิทใน รพ.เป็นครั้งที่สองในเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน
การเคลมในครั้งแรกจากอาการปอดอักเสบนั้นราบรื่นดี ไม่ติดอะไร..
แต่การเคลมในครั้งที่สองนี้ ปรากฎว่า บริษัทไม่อนุมัติ และขอเวลาเพื่อสืบประวัติความเจ็บป่วยย้อนหลัง จึงให้ลูกค้าสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วส่งใบเสร็จตามเบิกทีหลัง
แน่นอนว่า ลูกค้าเสียความรู้สึกมาก ถึงขนาดระบายความอัดอั้น และร่ายยาวถึงความผิดหวังของตน ลงกลุ่มที่มีสมาชิกกว่า 4 แสนคน
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ การแสดงความคิดเห็นกันอย่างเผ็ดร้อน มีทั้งการผสมโรงด่าจากลูกค้าที่เคยได้รับประสบการณ์คล้ายกัน และการเข้ามาให้ข้อมูลปกป้องบริษัทประกันจากฝั่งของตัวแทนเอง
จนถึงตอนนี้ โพสนี้มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกือบๆ 3,000 ข้อความ และมียอดแชร์มากกว่า 6,000 ครั้ง ในเวลาไม่ถึง 24 ชม.!!
ผมตามอ่าน และเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าท่านนี้ดี ตลอดการทำงานที่ผ่านมา..ผมเองก็เคยมีกรณีที่คล้ายกันอยู่ คือ ลูกค้าเด็กที่ป่วยติดต่อกันภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน บริษัทจึงขอใช้สิทธิ์ในการสืบประวัติ เพราะสงสัยว่าจะมีการปกปิดข้อมูลตั้งแต่วันแรกที่ส่งใบสมัคร..
ถามว่าสิ่งที่บริษัททำนั้น ถูกต้อง หรือไม่?
ตอบตามหลักการเลย คือ บริษัทมีสิทธิ์ทำได้ครับ และเป็นขั้นตอนปกติของการทำงานด้วย เพราะถ้ามองด้วยใจเป็นกลาง ในวันที่ส่งใบสมัครทำประกันนั้น บริษัทไม่เห็นข้อมูลอะไรมากไปกว่าที่ตัวแทน และลูกค้าส่งไปให้ และด้วยหลักสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith) บริษัทจึงเชื่อไว้ก่อนเสมอว่าข้อมูลในใบสมัครนั้นเป็นจริงทุกประการ..
แปลว่า แม้ลูกค้าจะเคยมีประวัติเจ็บป่วย แต่เลือกปกปิดข้อมูล และแจ้งในใบสมัครไปว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เคยเจ็บป่วยนอน รพ.เลย.. บริษัทก็พร้อมจะเชื่อครับ
ทีนี้ เมื่อถึงเวลาจริงที่ลูกค้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องการใช้สิทธิประกัน หากความเจ็บป่วยนั้นไม่ได้รุนแรงอะไร..บริษัทอาจจะยอมอนุมัติให้ก่อนในครั้งแรก
แต่หากความเจ็บป่วยนั้นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และมีความถี่ในการเข้า รพ.บ่อยขึ้น บริษัทเองก็มีสิทธิสงสัยว่า ลูกค้าเอง มีการปกปิดประวัติสุขภาพอะไรหรือเปล่า?.โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ที่เมื่อมีร่องรอยของความเจ็บป่วยแล้ว มักจะกลับมาเป็นซ้ำอีกเรื่อยๆ
จึงเป็นที่มาว่า บริษัทเองก็ขอเช็คให้แน่ใจว่า ที่ลูกค้าป่วยบ่อยๆ ต้องเข้า รพ.อย่างต่อเนื่องนี้ ไม่ได้เป็นภาวะที่สืบเนื่องมาจากความเจ็บป่วยที่เคยเป็นอยู่เดิมก่อนทำประกันใช่ไหม?
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าข้อมูลที่ลูกค้าและตัวแทนกรอกในใบสมัครนั้นถือเป็น “โมฆียะ” ตั้งแต่วันแรก.. แปลให้เข้าใจง่ายเข้า คือ เป็นข้อมูลเท็จ ที่ทำเพื่อหวังผลในเรื่องผลประโยชน์ความคุ้มครองที่ไม่ควรได้จากบริษัทประกัน
แบบนี้บริษัทก็มีสิทธิในการบอกเลิก หรือ บอกล้างสัญญาได้โดยชอบธรรมนะครับ เพราะถือว่าสัญญานี้ไม่ได้จัดทำขึ้นอย่างถูกต้อง สุจริตใจตั้งแต่แรก..
ในทำนองเดียวกัน หากบริษัทสืบไปแล้ว ไม่พบว่ามีข้อมูลอันเป็นเท็จใดๆ ที่ขัดแย้งกับข้อมูลที่ให้ไว้ในใบสมัคร บริษัทก็พร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ในภายหลังอย่างแน่นอน ตรงไปตรงมา และเป็นเหตุเป็นผลที่สุด
เช่นเดียวกับเคสของลูกค้าผม ที่บริษัทใช้เวลาสืบประวัติย้อนหลังประมาณ 2 สัปดาห์ ในที่สุดเมื่อไม่พบความผิดปกติอะไรในประวัติการรักษาที่ผ่านมา บริษัทก็อนุมัติความคุ้มครองให้ ยอดเงินราวๆ 8x,### บาท (ซึ่งค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ประมาณ 4x,### บาทเท่านั้น มองในมุมนี้ บริษัทขาดทุนยับนะครับ ยังไม่นับว่าต้องคุ้มครองแบบนี้ไปอีกไม่รู้กี่ปี)
เป็นที่มาว่าทำไมผมจึงเฝ้าย้ำอยู่เสมอ ว่าการให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมาตั้งแต่แรกนั้นสำคัญที่สุด ทั้งต่อตัวลูกค้า ตัวแทน หรือแม้แต่บริษัทประกันเอง..
หากลูกค้าให้ข้อมูลอย่างเปิดเผย และสุจริตใจในวันที่สมัคร ไม่ต้องกลัวเลยว่าบริษัทประกันจะปฏิเสธความคุ้มครอง ขอเพียงให้เวลากับขั้นตอนการทำงานของบริษัทซักหน่อย และอาจจำเป็นต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน
ผมเข้าใจในความรู้สึกผิดหวัง และความโกรธของลูกค้าดี เรื่องนี้เราไม่อาจตัดสินได้ในมุมของหลักการและเหตุผลเพียงเท่านั้น อารมณ์ความรู้สึกของลูกค้าก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน..
ตรงนี้อาจจะต้อง Feedback กลับไปยังบริษัทประกันว่าพอจะเปลี่ยนแนวทางในการพิจารณาให้สั้นกระชับมากกว่าที่เป็นไหม? หรือ อาจจะเพิ่มขั้นตอนของการสืบประวัติไปตั้งแต่วันที่ลูกค้ายังไม่เจ็บป่วย..เพื่อที่ถึงเวลาต้องใช้จริง จะได้ไม่ติดขัดในเรื่องนี้ และไม่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของลูกค้าและตัวแทนมากนัก
ใดๆคือ เพื่อนมิตรท่านใดมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป คอมเมนท์พูดคุยกันได้นะครับ ผมอยากได้มุมมองที่หลากหลายเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อนำไปพัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปครับ

คนมีครอบครัว อย่าลืมเหตุผลที่เริ่มสมัครทำประกันนะคะ“อยากมีมรดกไว้ให้ลูกเมีย”“ถึงตัวเราไม่อยู่แล้วลูกก็มีเงินเรียนต่อ”“รั...
14/08/2023

คนมีครอบครัว อย่าลืมเหตุผลที่เริ่มสมัครทำประกันนะคะ
“อยากมีมรดกไว้ให้ลูกเมีย”
“ถึงตัวเราไม่อยู่แล้วลูกก็มีเงินเรียนต่อ”
“รัก”
จากซีรีส์ More Than Friends
Episode 6

เงิน 4 ด้าน
15/01/2022

เงิน 4 ด้าน

เงินสี่ด้าน💰

เงินสี่ด้าน หมายถึง ช่องทางหรือแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

1.กลุ่มรายได้จากการทำงาน (Active) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อยก็คือ

-รายได้จากงานประจำ (Employee) มีสวัสดิการ โอกาสรายได้เพิ่มมากกว่าลด
-รายได้จากกิจการส่วนตัว (Self-Employed) รายได้ขึ้นอยู่กับคุณค่าและปริมาณ ไม่สม่ำเสมอ มีรายได้ขึ้นและลง

2. กลุ่มรายได้จากทรัพย์สิน (Passive) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อยก็คือ

-รายได้จากธุรกิจส่วนตัว (Business Owner) มั่งคั่งได้ถ้าสร้างระบบที่ดี มักมีรายจ่ายสูงมีโอกาสขาดทุน
-รายได้จากการลงทุน (Investor) ใช้สินทรัพย์สร้างทรัพย์สิน มีโอกาสขาดทุนจากการลงทุน

ช่องทางของรายได้ไม่มีแบบไหนดีหรือด้อยกว่ากัน แต่อาจจะมีคนนำแนวคิดนี้ไปโจมตีงานประจำว่าไม่ดีและไม่สามารถพาชีวิตเราไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้ จนชวนกันลาออกจากงานมาทำธุรกิจโดยที่ไม่ได้พร้อมและไม่ได้วางแผนทางการเงินไว้ล่วงหน้า ซึ่งใจความหลักของเงิน 4 ด้าน เป็นการชี้ให้เห็นถึงแหล่งรายได้ที่แตกต่างกัน และคนเราควรมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง

ตัวอย่างเช่น เป็นพนักงานประจำ ก็มีอิสรภาพทางด้านการเงินได้ ถ้ารู้จักออมเงินและนำเงินไปลงในทรัพย์สินที่รู้จักและเข้าใจ หรือทำงานประจำไปด้วย แล้วก็สร้างธุรกิจส่วนตัวไปด้วย ค่อยๆทำ เรียนรู้จนรายได้ทดแทนกันได้แล้วค่อยมาพิจารณาอีกที

แม้จะมีเงินจากทั้ง 4 ด้านแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรที่รักในงานประจำของตัวเองและอยากจะทำมันไปจนเกษียณ แต่ก็อย่าลืมมีรายได้จากแหล่งอื่นควบคู่กันไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเองนะครับ
ไม่ว่าจะ รวย หรือ จน เริ่มจากคิดได้เองและออกแบบได้เองว่าต้องการชีวิตแบบไหน และมีแหล่งรายได้มาจากทางใด

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ😃

11/01/2022
ประกันสังคมชดเชยกรณีเสียชีวิต
18/11/2021

ประกันสังคมชดเชยกรณีเสียชีวิต

สิทธิควรรู้! กรณีตายประกันสังคมจ่ายเท่าไหร่ ?
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสิทธิตามเงื่อนไข
เมื่อถึงแก่ความตาย สามารถรับสิทธิประโยชน์ในกรณีตายได้

29/10/2021

เวลาขับรถข้ามแยก ห้ามเปิดไฟฉุกเฉินเด็ดขาด อันตรายมาก !!

ตามพรบ.จราจร มาตรา 9 ไฟฉุกเฉินสามารถใช้ได้ในกรณีรถเสียที่จอดอยู่กับที่เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : www.kmotors.co.th/kmotors-guru/emergency-light-ไฟฉุกเฉิน-car-at-kmotors
ติดตามข่าวสาร อัพเดทโปรโมชั่นต่างๆของ โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ได้ที่
Website : http://www.kmotors.co.th/
สนใจซื้อรถ : http://bit.ly/31U5q48
สนใจซื้อประกัน : https://bit.ly/2Ga6nji

ไปดูโมเดลอิสรภาพทางการเงินกันค่ะ 👍
25/09/2021

ไปดูโมเดลอิสรภาพทางการเงินกันค่ะ 👍

โมเดลอิสรภาพทางการเงิน 🏦
ประกอบด้วยพื้นฐานสำคัญ คือ 3 คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จทางการเงิน และ 6 เสาหลักของสุขภาพการเงินที่ดี
คนที่จะมีอิสรภาพการเงิน ต้องมี 3 คุณสมบัติสำคัญ คือ
✔ มีความรับผิดชอบทางการเงิน (เลือกที่จะควบคุมอนาคตการเงินตัวเอง)
✔ มีความรู้ทางการเงินดี (ศึกษาเพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ)
✔ มีวินัยทางการเงิน (มุ่งมั่นลงมือทำเพื่อชีวิตการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง)
เลือกที่จะควบคุมการเงินตัวเอง ศึกษาหาความรู้สม่ำเสมอ และลงมือปฏิบัติใน 6 เสาหลัก ที่จะช่วยทำให้คุณถึงเป้าหมายอิสรภาพการเงิน ภายใต้หลักคิด MONEY FITNESS หรือสุขภาพการเงินที่ดี ซึ่งประกอบด้วย:
1. สภาพคล่องดี
จุดเริ่มต้นที่สำคัญของสุขภาพการเงินที่ดี บริหารการเงินให้มีเหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ อย่างน้อย 10% ของรายได้แต่ละเดือน
2. ปลอดหนี้จน
ไม่มี "หนี้จน" เป็นลาภอันประเสริฐ รู้วิธีประเมินตนก่อนสร้างหนี้ก้อนใหญ่ และหลักการเคลียร์หนี้ออกจากบัญชี
3. พร้อมชนความเสี่ยง
เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน รู้วิธีรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมาทำลายความมั่นคงทางการเงิน
4. มีเสบียงสำรอง
ต่อให้ตกงานกะทันหัน หรือเจอวิกฤตจนสูญเสียรายได้ ชีวิตก็ไม่มีสะดุด! แค่รู้วิธีเก็บเงินสำรองไว้อย่างน้อย 6 เดือน
5. สอดคล้องภาษี
เลิกอยู่แบบหลอนสรรพากร เรียนรู้วิธีวางแผนภาษีและใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆได้ถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด
6. บั้นปลายมีทุนเกษียณ
ไม่ว่าจะฝันอะไรไว้ ในบั้นปลายชีวิตยังต้องใช้เงิน เริ่มต้นวางเป้าหมายเงินเกษียณที่ตัวเองต้องการตั้งแต่วันนี้และรู้วิธีลงมือให้เป้าหมายสำเร็จ
ใครที่อยากมั่งคั่งและอยากมีความสุขทางการเงินเพียงเริ่มต้นศึกษาพัฒนาไปทีละข้อ
วันหนึ่งคุณก็จะถึงเป้าหมาย “อิสรภาพทางการเงิน” แบบที่ฝันไว้ครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับบ

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับน้องสาว😳ไปดูกันค่ะ
22/09/2021

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับน้องสาว😳
ไปดูกันค่ะ

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับน้องสาว

หลายคนคงคุ้นเคยกับอวัยวะส่วนนี้ดีนะครับ ไม่ว่าในฐานะเจ้าของหรือเพื่อนบ้าน ผู้เช่าหรือแขกแค่มาเยี่ยม แต่จริง ๆ รู้ไหมครับว่าที่เรา ๆ ท่าน ๆ เหมือนจะคุ้นเคยเนี่ยจริง ๆ มันมีสิ่งที่เราไม่รู้และเข้าใจผิดเยอะเลย และหลายครั้งเจ้าของก็มีความกังวลหน้าตาข้างล่างมากกว่าหน้าตาข้างบนด้วยซ้ำแต่ก็ไม่รู้จะถามใคร วันนี้เราเลยมาแนะนำกันนะครับ

แล้วทีนี้ส่วนใหญ่ที่มักกังวลใจกันก็เช่น

1.รูปร่างหน้าตา

หน้าตาตรงนี้เป็นจุดที่เจ้าของส่วนใหญ่ไม่สบายใจมากที่สุดนะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วจะบอกว่ามันเป็นธรรมชาติของแต่ละคนเลยครับ บางคนยื่น ๆ บางคนสั้น ๆ บางคนบาง ๆ บางคนข้างนอกปิดคลุมมิดชิด บางคนข้างนอกก็คลุมข้างในไม่หมด ซึ่งต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ปกติหมดนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้งานมากน้อยใด ๆ เป็นตามกรรมพันธุ์และเป็นมาตั้งแต่เกิด และก็ของใครของมัน ไม่ต้องไปเทียบนางแบบในหนังหรือในแอพ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปตัดแต่งเย็บเสริมใด ๆ ให้เหมือนใคร เจ็บตัวเปล่า ๆ นะครับ

2.ขนาด

อย่างที่บอกไปว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ อาจจะอวบอูมนูนต่ำคว่ำหงายต่างกันได้ในแต่ละคน บางคนซ้ายขวาก็อาจจะมีขนาดไม่เท่ากันได้อีก บางคนถึงข้างในเรียกแคมเล็กแต่ไม่เล็กสมชื่อก็ถือว่าปกติทั้งนั้นนะครับ

3.สีสัน

ตรงนี้เป็นจุดที่หลายคนคิดว่ามันต้องขาวอมชมพูเหมือนที่เห็นบ่อย ๆ ในหนัง ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่นะครับ สีของอวัยวะตรงนี้มักจะคล้ำกว่าผิวหนังปกติอยู่แล้ว หรืออาจจะคล้ำกว่ามาก ๆ ก็ได้เหมือนกัน ขึ้นกับเชื้อชาติและสีผิว ไม่เกี่ยวกับใช้งานมากน้อย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฟอกขาวหรือเอาสี supershield ใด ๆ มาทาให้เป็นสีชมพูนะครับ

สรุปไม่ว่ารูปร่างแบบไหน มันเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติที่มันแตกต่างกันได้ในแต่ละคน ไม่มีคำว่าจิ๋มในอุดมคติ ไม่ได้เกี่ยวกับผ่านศึกหนักมามากน้อย และหนุ่ม ๆ ก็ควรจะให้เกียรติสาว ๆ ไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์หรือหยอกล้อในสิ่งที่เค้ากังวลใจ ตราบใดที่จู๋ยังไม่ใช่สีชมพูก็ไม่ควรจะปากไวนะครับ ส่วนสาว ๆ ก็ควรกังวลเมื่อมีอาการผิดปกติเช่นเลือดออก ตกขาว ตุ่ม ก้อนที่ผิดแผกแปลกตาไปมากกว่าซึ่งอันนั้นก็ควรไปปรึกษาสูตินรีแพทย์ตรวจแบบจริงจัง ไม่ต้องส่งรูปหรือคลิปมาให้หมอหลังไมค์นะครับ

ด้วยความหมีปรารถนาหอจากหมอสาลิกาครับ

ว่ากันด้วยเรื่อง "เช็ค" ค่ะ✍️
07/09/2021

ว่ากันด้วยเรื่อง "เช็ค" ค่ะ
✍️

BUSINESS : รู้หรือไม่? ‘เช็ค’ ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันแล้ว
ในขณะที่บางคนมองว่าเช็คใช้แทนเงินสดไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว 'เช็ค' มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเงินและการแลกเปลี่ยนของมนุษยชาติ โดยเชื่อว่าเกิดขึ้นนับแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ตลอดจนส่งต่อมาสู่อารยธรรมอาหรับที่มีอายุมากกว่าหลายร้อยกว่าปีแล้ว
ความสำคัญของการเกิดตัวแทนแลกเปลี่ยนมูลค่าการเงินนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าพ่อค้าที่ต้องเดินทางไกลไปค้าขายกับดินแดนอื่น เพราะลำพังแค่จัดแจงสัมภาระและสินค้าสำหรับนำไปแลกเปลี่ยนค้าขายแล้วนั้นก็หนักไม่น้อย การใช้ 'เช็ค' แทนการบรรทุกเงินตราหรือหน่วยแลกเปลี่ยนอย่างทองคำหรือแร่เงินที่มีน้ำหนักมากนั้น จึงช่วยทุ่นแรงทั้งพ่อค้าและสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะได้มากทีเดียว
จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ก็พบว่าการใช้เช็คนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน ประมาณช่วงปีค.ศ.57 เรียกว่า praescriptiones ซึ่งเป็นเหมือนใบสัญญาทางการเงินที่เขียนบนกระดานไม้เป็นภาษาละตินและเคลือบด้วยขึ้ผึ้ง ซึ่งนับเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการถือกำเนิดเช็ค
จนกระทั่งช่วงราวศตวรรษที่ 12-13 ณ เมืองเวนิส คนใช้เช็คเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างนานาประเทศ โดยตัวเช็คที่ว่ามีวิวัฒนาการจากการเขียนลายมือตลอดจนนำมาถึงยุคที่เกิดนายธนาคารช่างทอง (Goldsmith Banker) ราวศตวรรษที่ 17 ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการการกู้โอนเงินจนนำมาสู่การพัฒนาเช็คเรื่อยมา
หากถามถึงเช็คแบบที่เราคุ้นตากันที่เก่าแก่ที่สุด ก็ต้องพูดถึงเช็คที่ใช้ในยุคสมัยใหม่ตอนต้นของอังกฤษ ซึ่งเป็นเช็คที่จ่ายให้กับ Mr. Delboe เป็นจำนวนเงิน 400 ปอนด์ (หรือคิดเป็นประมาณ 76,000 ปอนด์ในปัจจุบัน) โดยเช็คใบนั้นลงวันที่ 16 ก.พ. 1659
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือวิธีทำธุรกรรมออนไลน์ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากมายแค่ไหน หรืออัตราการใช้เช็คจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า 'เช็ค' ยังคงได้รับความนิยมและนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินต่างๆ อยู่ตลอด
สำหรับการใช้เช็คในไทยนั้น มีวิธีการนำไปขึ้นเงินแตกต่างกันไปตามรูปแบบการใช้งาน โดยแยกตามประเภท ดังนี้
#เช็คเช็คผู้ถือ - หรือคุ้นหูกับคำว่า 'เช็คเงินสด' โดยผู้ถือเช็คนำไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ทันที หรือนำไปฝากเข้าบัญชีตัวเองก่อนได้ในกรณีที่ไม่ต้องการขึ้นเงินตอนนั้น รวมทั้งไม่จำเป็นต้องเขียนสลักหลังในกรณีที่ต้องการโอนให้ผู้อื่น

#เช็คระบุชื่อผู้รับเงิน - ผู้สั่งจ่ายจะระบุชื่อผู้รับเงินไว้ในเช็ค โดยผู้รับเงินต้องนำไปขึ้นเงินด้วยตนเอง รวมทั้งต้องเขียนสลักหลังในกรณีที่ต้องการโอนให้ผู้อื่น

#เช็คของธนาคาร - ธนาคารออกเช็คให้แก่ลูกค้าที่นำเงินสดมาซื้อเช็คกับธนาคาร พร้อมเซ็นรับรองกำกับไว้ จะขึ้นเงินและใช้ได้กับภายในพื้นที่ท้องถิ่นของธนาคารนั้นๆ เท่านั้น

#เช็คที่ธนาคารรับ - ผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารเพียงพอที่ทางธนาคารนั้นจะประทับตราและอนุมัติว่า "ใช้ได้"

#เคาน์เตอร์เช็ค - ธนาคารจะออกเช็คนี้ในกรณีที่เจ้าของบัญชีต้องการใช้เงินทันทีแต่ไม่ได้นำสมุดบัญชีติดตัวมาด้วย ซึ่งถือเป็นเช็คชนิดพิเศษ จะใช้ได้เฉพาะภายในธนาคารเท่านั้น รวมทั้งโอนให้ผู้อื่นไม่ได้

#เช็คสำหรับผู้เดินทาง - ธนาคารเปิดให้ผู้สนใจแลกซื้อเช็คชนิดนี้ตามสาขาต่างๆ ส่วนใหญ่มักเป็นนักเดินทางที่ต้องการเดินทางโดยไม่พกเงินสดติดตัว

#ดราฟต์ธนาคาร - ธนาคารแห่งหนึ่งจะมีคำสั่งไปยังธนาคารอีกแห่ง เพื่อให้จ่ายเงินตามกำหนดแก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้บนดร๊าฟนั้น ซึ่งเช็คประเภทนี้เอาไว้ใช้สำหรับส่งเงินไปต่างพื้นที่ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
นอกจากนี้อาจมีกรณีเช็คขีดคร่อม ที่มีทั้งแบบเช็คขีดคร่อมทั่วไป ซึ่งนำไปขึ้นเงินไม่ได้ และเช็คขีดคร่อมเฉพาะ ซึ่งสามารถเพิ่มข้อความกำกับลงไปและนำไปขึ้นเงินได้
ส่วน เช็คคืน หรือเช็คเด้งนั้น เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น, ออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินอยู่ในบัญชี, ออกเช็คให้ใช้เงินในจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี หรือกรณีถอนเงินทั้งหมดหรือถอนบางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็ค จนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็ค ซึ่งทั้งหมดนี้อาจมีความผิดตามกฎหมาย
โดยผู้สั่งจ่ายและผู้รับเงินควรตรวจสอบรายละเอียดเช็คให้ละเอียดทุกครั้ง โดยดูว่าเช็คใบนั้นเป็นเช็คที่ถูกต้องของธนาคารหรือไม่ มีตัวเลขระบุว่าเป็นของธนาคารใด เลขที่เช็คเท่าไหร่ ตัวเลขจำนวนเงินถูกต้องหรือไม่ เช็คที่ใช้ได้เฉพาะสาขามีการระบุสาขาธนาคารมาเรียบร้อยหรือยัง ชื่อของผู้ถือเช็คตรงหรือไม่ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายตรงกับลายมือที่ใช้เปิดบัญชีหรือไม่ รวมทั้ง วันเดือนปีที่ออกเช็คนั้นๆ

อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://moneyweek.com/426390/16-february-1659-the-first-british-cheque-is-issued
https://www.chequeandcredit.co.uk/information-hub/history-cheque/advent-cheque
https://home.barclays/news/2016/08/evolution-of-the-cheque/
https://www.myaccount-cloud.com/Article/Detail/91009
https://moneyhub.in.th/article/check/

31/08/2021

[ประเด็นน่าสนใจ] – การซ้อมทรมานผู้ต้องหา/ผู้ต้องสงสัยผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ/หลักสากลอย่างรุนแรง

วันนี้ (24 สิงหาคม 2564) จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการสอบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดโดยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ประเด็นดังกล่าวคงจะหนีไม่พ้นการซ้อมทรมาน ซึ่งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรงในกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น แอดมินขอมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซ้อมทรมานในทางกฎหมายระหว่างประเทศกันครับ

----------------------------------------
1️⃣ กฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับการทรมาน
----------------------------------------

มีกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับซึ่งกล่าวถึงการทรมาน ซึ่งจะขอกล่าวถึงนิยามความหมายของการทรมานในทางระหว่างประเทศก่อนว่า มีกฎหมายหลัก ๆ ที่ให้นิยามไว้อย่างไรบ้าง

📌 ข้อ 5 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) ได้กล่าวไว้ว่า

“บุคคลใด ๆ จะถูกทรมาน หรือได้รับผลปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายผิดมนุษยธรรมหรือต่ำช้าไม่ได้”

📌 ข้อ 7 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) ได้กล่าวไว้ว่า

“บุคคลจะถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือต่ำช้ามิได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลจะถูกใช้ในการทดลองทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์โดยปราศจากความยินยอมอย่างเสรีของบุคคลนั้นมิได้”

📌 ข้อ 10 ของ ICCPR ได้กล่าวไว้โดยเฉพาะว่า

“บุคคลทั้งปวงที่ถูกลิดรอนเสรีภาพต้องได้รับการปฏิบัติด้วยความมีมนุษยธรรม และความเคารพในศักดิ์ศรีแต่กำเนิดแห่งความเป็นมนุษย์
(ก) ยกเว้นในสภาพการณ์พิเศษ ผู้ต้องหาต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ
(ข) ต้องแยกผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชนออกจากผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่และให้นำตัวขึ้นพิจารณาพิพากษาคดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระบบราชทัณฑ์ต้องประกอบด้วยการปฏิบัติต่อนักโทษโดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะให้นักโทษกลับตัวและฟื้นฟูทางสังคมผู้กระทาผิดที่เป็นเด็กและเยาวชนต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้กระทาผิดที่เป็นผู้ใหญ่และต้องได้รับการปฏิบัติให้เหมาะสมกับวัยและสถานะทางกฎหมาย”

📌 ข้อ 1 ของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประตับัติหรือการลงโทษอื่น ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) ได้กล่าวไว้ว่า

“การทรมาน หมายถึง การกระทำใดก็ตามโดยเจตนาที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างสาหัส (severe pain or suffering) ไม่ว่าทางกายหรือทางจิตใจต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้ได้มาซึ่งข้อสนเทศหรือคำสารภาพจากบุคคลนั้นหรือจากบุคคลที่สาม การลงโทษบุคคลนั้นสำหรับการกระทำซึ่งบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สามกระทำหรือถูกสงสัยว่าได้กระทำหรือเป็นการข่มขู่ให้กลัวหรือเป็นการบังคับขู่เข็ญบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สาม หรือเพราะเหตุผลใดบนพื้นฐาน ของการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดเมื่อความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานนั้นกระทำโดยเรือด้วยการยุยงหรือโดยความยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจของเจ้าพนักงานของรัฐหรือของบุคคลอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งการทั้งนี้รวมถึงความเจ็บปวดหรือขวา ที่เกิดจากหรือเป็นความรักหรืออันสืบเนื่องลงโทษทั้งปวงที่ชอบด้วยกฎหมาย”

ทั้งนี้ ประเทศไทยผูกพันตาม UDHR ในฐานะที่เป็นจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (ไม่ใช่ผูกพันในฐานะภาคีสนธิสัญญา) แต่ประเทศไทยผูกพัน ICCPR และ CAT ในฐานะที่เป็นรัฐสมาชิกตามความตกลงระหว่างประเทศดังกล่าว เนื่องจากไทยได้ภาคยานุวัติ ICCPR เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1996 และภาคยานุวัติ CAT เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2007 ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศข้างต้นทั้งหมด

----------------------------------------
2️⃣ หน้าที่ของประเทศไทยจากการที่เป็นรัฐสมาชิกในความตกลงข้างต้น
----------------------------------------

ประเทศไทยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ และความตกลงระหว่างประเทศข้างต้น หลายประการ แต่จะขอสรุปหลัก ๆ ดังนี้

📌 หน้าที่ต้องปกป้องบุคคลจากการประทุษร้ายใด ๆ

หน้าที่ดังกล่าวนี้เป็นหน้าที่ทั้งที่ระบุไว้ใน ICCPR และ CAT ซึ่งตามความเห็นทั่วไปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (Human Rights Committee) ที่ 20 เมื่อปี 1992 ข้อ 13 ได้ระบุไว้ชัดเจนเกี่ยวกับการห้ามทรมานและการประทุษร้ายใด ๆ ภายใต้ ICCPR นั้น รวมถึงการกระทำซึ่งเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลที่ทำในนามรัฐ หรือบุคคลทั่วไป และไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยการยั่วยุ สั่งการ หรือออกคำสั่งโดยบุคคลใดก็ตาม ดังนั้น รัฐจึงมีหน้าที่ต้องคุ้มครองบุคคลจากการกระทำที่เป็นการประทุษร้ายดังกล่าว

นอกจากนั้น ยังได้ระบุเกี่ยวกับการกระทำที่อาจถือได้ว่าเป็นการทรมาน และการประตับัติหรือการลงโทษอื่น ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ซึ่งไม่จำกัดว่าต้องเป็นการกระทำของบุคคลใด โดยอนุสัญญาดังกล่าวยังได้ระบุให้รัฐรับประกันว่า บุคคลที่ถูกที่อ้างว่าตนถูกทรมานในเขตอำนาจของรัฐนั้นมีสิทธิที่จะร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของรัฐนั้น และที่จะทำให้กรณีของตนได้รับการพิจารณาตรวจสอบโดยพลัน โดยปราศจากความลำเอียงโดยเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของรัฐนั้น และจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อรับประกันว่า ผู้ร้องทุกข์และพยานได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการประทุษร้ายหรือการข่มขู่ให้หวาดกลัวอันเป็นผลจากการที่ได้ร้องทุกข์หรือการให้พยานหลักฐานเช่นว่านั้น (ข้อ 13 ของ CAT)

📌 หน้าที่ในการสืบสวน

ทั้ง ICCPR และ CAT ได้กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้องสืบสวนการกระทำที่เป็นการทรมาน และการประตับัติหรือการลงโทษอื่น ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี

สำหรับหน้าที่ในการสืบสวนนั้น รัฐจะต้องรับประกันว่า เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของตนจะดำเนินการสืบสวนโดยพลันและปราศจากความลำเอียง เมื่อใดก็ตามที่มีมูลเหตุอันสมควรที่จะเชื่อได้ว่ามีการกระทำทรมานเกิดขึ้นในประเทศ (ข้อ 12 ของ CAT) ซึ่งข้อ 12 นี้ก็เชื่อมโยงถึงสิทธิของผู้ต้องหาตามข้อ 13 ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

นอกจากนั้น ยังมีการกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้องรับประกันสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลซึ่งถูกละเมิดตาม ICCPR ว่าจะต้องได้รับการเยียวยา และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจะต้องบังคับการให้การเยียวยานั้นเป็นผลด้วย (ข้อ 2 (1) และ (3) ของ ICCPR)

📌 หน้าที่ในการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษทางอาญาต่อผู้ที่กระทำทรมาน

สำหรับหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษทางอาญาต่อผู้ที่กระทำทรมาน ได้มีการกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้องรับประกันว่าการกระทำทรมานทั้งปวงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของตนและจะต้องใช้หลักการเดียวกันสำหรับการพยายามกระทำทรมานและการกระทำต่อบุคคลที่เป็นการสมรู้ร่วมคิดและมีส่วนร่วมในการทรมานนั้นด้วย นอกจากนั้น รัฐจะต้องทำให้ความผิดเหล่านั้นเป็นความผิดที่มีโทษ ซึ่งมีระวางโทษที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของการกระทำเหล่านั้นด้วย (ข้อ 4 ของ CAT)

นอกจากนั้น ยังได้กำหนดให้รัฐต้องรับประกันให้บุคคลที่เรียกร้องการเยียวยาดังกล่าวย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาจากฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติที่มีอำนาจ หรือจากหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดไว้ โดยระบบกฎหมายของรัฐ จะต้องพัฒนาหนทางการเยียวยาด้วยกระบวนการยุติธรรมทางศาลด้วย (ข้อ 2 (2) ของ ICCPR)

สำหรับประเด็นการห้ามทรมานนั้น ยังได้มีการกำหนดให้ความผิดการทรมานเป็นความผิดตามเขตอำนาจสากล (universal jurisdiction) ซึ่งหมายความว่า ศาลทุกศาลของรัฐสมาชิกสามารถดำเนินคดีในประเทศของคนได้ หากความผิดนั้นเกิดขึ้นในประเทศ หรือผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนชาติของรัฐนั้น หรือผู้เสียหายเป็นคนชาติของรัฐนั้นหากรัฐเห็นเป็นการสมควร โดยรัฐสามารถดำเนินมาตรการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ตนมีเขตอำนาจเหนือความผิดเช่นว่านั้นด้วย (ข้อ 5 ของ CAT)

📌 หน้าที่ในการไม่รับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยการทรมาน

รัฐยังมีหน้าที่ต้องไม่รับฟังคำให้การใด ๆ ซึ่งได้มาจากการทรมานเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีในชั้นศาล เว้นแต่จะใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาถูกกระทำการทรมาน (ข้อ 15 ของ CAT) ซึ่งหน้าที่นี้ก็ได้ระบุไว้ในสิทธิที่จะไม่ถูกบังคับให้เบิกความเป็นปรปักษ์ต่อตนเองหรือให้รับสารภาพผิด (ข้อ 14(3)(g) ของ ICCPR)

📌 หน้าที่ในการฝึกเจ้าหน้าที่และจัดอบรมให้มีขั้นตอนเกี่ยวกับการห้ามทรมาน

รัฐยังมีหน้าที่ต้องจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการห้ามทรมานเข้าไปในหลักสูตรการอบรมบุคลากรที่มีหน้าที่ใช้กฎหมาย ทั้งที่เป็นพลเรือนหรือทหาร พนักงานทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการควบคุมตัว การสอบสวน หรือการประติบัติต่อบุคคลที่ตกอยู่ภายใต้ภาวะของการถูกจับ การกักขัง หรือการจำคุก ในรูปแบบใดก็ตาม (ข้อ 10 ของ CAT) รวมทั้งจะต้องทบทวนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ คำสั่ง วิธีการ และแนวปฏิบัติในการไต่สวน ตลอดจนการจัดระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมและการประติบัติต่อบุคคลที่อยู่ภายใต้ภาวะของการจับ การกักขัง และการจำคุก ไม่ว่าในรูปแบบใด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทรมานขึ้น (ข้อ 11 ของ CAT) ทั้งนี้ หลักเกณฑ์คล้ายคลึงกันก็ได้ถูกบรรจุไว้ในข้อ 7 ของ ICCPR ด้วยเช่นกัน

📌 หน้าที่ในการชดใช้ทดแทน

นอกเหนือไปจากหน้าที่ต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว รัฐยังต้องมีหน้าที่ในการรับประกันว่า ภายใต้ระบบกฎหมายของตน ผู้ถูกทำร้ายจากการกระทำการทรมานได้รับการชดใช้ทดแทนและมีสิทธิในการบังคับคดี และได้รับสินไหมทดแทนที่เป็นธรรมและเพียงพอ รวมทั้งวิถีทางที่จะได้รับการบำบัดฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และในกรณีที่เสียชีวิตอันเนื่องมาจากการทรมานนั้น ให้ผู้อยู่ในอุปการะมีสิทธิที่จะได้รับสินไหมทดแทน (ข้อ 14 ของ CAT) ทั้งนี้ สิทธิเช่นว่านี้ ถูกระบุไว้ในข้อ 2 (3) ของ ICCPR เช่นกัน

หากใครที่สนใจประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับการทรมานในกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น ขอบเขตของการบังคับใช้กฎหมาย แนวปฏิบัติของระบบศาลอื่น ๆ เช่น ฝั่งยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมทั้งศาลระหว่างประเทศ สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “Torture in International Law: A Guide to Jurisprudence” โดย Association for the Prevention of Torture และ Center for Justice and International Law ที่https://www.corteidh.or.cr/tablas/26562.pdf

อ้างอิง:
Association for the Prevention of Torture and Center for Justice and International Law, ‘Torture in International Law: A Guide to Jurisprudence’, (2008) available at accessed 24 August 2021.

#ทรมาน #กฎหมายระหว่างประเทศ #ผู้กำกับโจ้

**********
อ่านรูปแบบเว็ปไซต์ได้ที่: https://thanapatofficial.wordpress.com/2021/08/24/thai-police-torture/

เป็นพอดแคสต์ EP ที่มีประโยชน์กับชีวิตมากค่ะ เข้าใจง่าย ฟังสนุก"ประกันอันแรก ซื้อเท่าไหร่ถึงดีพอ?"Spotify: https://open.s...
27/08/2021

เป็นพอดแคสต์ EP ที่มีประโยชน์กับชีวิตมากค่ะ เข้าใจง่าย ฟังสนุก

"ประกันอันแรก ซื้อเท่าไหร่ถึงดีพอ?"

Spotify: https://open.spotify.com/episode/2MQnGLxsTSfPGmsTHU5w9x?si=fwGccSrISoOa29Lpo18X1Q&utm_source=copy-link&dl_branch=1

ือYoung โลกของผู้ใหญ่มีเรื่องให้จัดการเยอะมากทั้งงาน ทั้งเงิน ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ในตอนที่แล้วเราพ...

"High risk, High expected return" — "ความเสี่ยงสูง ความคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนก็สูงไปด้วย"แล้วทุกท่านมีความเห็นอย่างไ...
04/08/2021

"High risk, High expected return"
— "ความเสี่ยงสูง ความคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนก็สูงไปด้วย"
แล้วทุกท่านมีความเห็นอย่างไรคะ กับคำพูดว่า "ออมเงินให้ตายก็ไม่รวย ถ้าไม่ลงทุน"

ถ้าแบ่งเงินออมแล้ว ✅
ลงทุนแล้ว ✅
ก็ต้องอย่าลืมทำประกันนะคะ ⚠️ อุดรอยรั่วทางการเงินด้วยการ #โอนย้ายความเสี่ยงไปให้บริษัทประกันรับแทน
- ประกันชีวิต
- ประกันสุขภาพ
- ประกันรถ
- ประกันบ้าน
- และประกันอื่นๆ เกี่ยวกับการทำงานและกิจกรรมต่างๆ ที่มีบริษัทประกันที่สามารถรับโอนความเสี่ยงให้

"ออมเงินให้ตายก็ไม่รวย ถ้าไม่ลงทุน" คำพูดนี้ คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ?
เจ้าของกระทู้ ได้สังเกตจากหนังสือแนวการทำธุรกิจ, นิสัยคนประสบความสำเร็จ, การทำให้เงินงอกเงย หนังสือเหล่านั้น มักจะเขียนไว้ว่า "ต่อให้คุณเก็บเงินยังไงก็ไม่รวย ประหยัดให้ตายยังไงก็ไม่รวย อยากรวยต้องทำให้ได้ตามนี้
———
สรุปประเด็นจากในกระทู้
———
1.หาเงินเก่ง
ต้องหารายได้เข้ามาในกระเป๋าหลายช่องทาง ยิ่งหาได้เยอะเท่าไหร่เงินเก็บเงินลงทุนก็จะมากตาม
2.เก็บเงินอยู่
ไม่ใช่ไม่ให้ใช้เงินเลย แต่หลังจากได้เงินจากรายได้หลายช่องทางแล้วให้เก็บเงิน 50%-80% ออมไว้ และใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่สร้างหนี้เสีย ควรซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ และสุขภาพให้ตัวเองด้วย
3.ลงทุนเป็น
ข้อนี้สำคัญที่สุดถ้าทำได้แค่ 2 ข้อแรกจะแค่มีกินมีใช้ แต่ถ้าลงทุนเป็นจะทำให้มั่งคั่งเพราะเงินจะไม่หยุดนิ่งอยู่ในบัญชี แต่เงินจะไปหาเงินให้เพิ่ม และจำไว้ว่ายิ่งหาเงินได้เยอะก็ยิ่งมีเงินไปกระจายการลงทุนได้อีกเยอะ
_____
จากการแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจ ดังนี้
-การออมเงินคือ การรับประกันว่าจะไม่ลำบาก มีเงินสำรองในชีวิต แม้ไม่รวยก็ยังดีกว่า เสี่ยงลงทุนแล้วเจ๊งหมดตัว แถมยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมา การลงทุนก็ต้องฉลาดและเก่ง ไม่ใช่เพียงอยากแต่ลงทุน
-อีกมุมมองก็ได้แชร์ถึง ทำงานเก็บเงินอย่างเดียว ถึงแม้ค่าเงินก็เสื่อมลงทุกวัน ลงเร็วกว่าดอกเบี้ย ส่วนผมไม่ลงทุน ทำมาหาเก็บอย่างเดียว มีตัวเลขในบัญชี มีเงินพร้อมใช้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
-บ้างก็แชร์ถึง ลงหุ้นซื้อตัวไหน ลงตัวนั้น ตอนนี้เลิกลงทุนแล้ว เก็บไปซื้อทองดีกว่า
-หรือเห็นด้วยว่าควรลงทุน เพราะการออมอย่างเดียวหมายถึง การสะสมเงินสด เมื่อมีสภาพคล่องมากๆ มันก็ไม่จำเป็นต้องนำเงินสดส่วนหนึ่งไปลงทุน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจคำว่าลงทุนก็การเล่นหุ้น
แต่ความจริงแล้วการลงทุนนั้นหลากหลายตามใจที่เราจะเลือก เพราะมีทั้งที่สภาพคล่องสูงอย่างทองคำ หรือสภาพคล่องต่ำอย่างบ้านที่ดิน ส่วนผลตอบแทนสูงก็ย่อมเสี่ยงสูงตามไปด้วย ดีกว่าเก็บเงินสดไว้ แล้วปล่อยให้เงินเฟ้อกินหมดครับ
แล้วคิดเห็นยังไงกันบ้างครับ กับคำพูดว่า "ออมเงินให้ตายก็ไม่รวย ถ้าไม่ลงทุน" ?
--
กระทู้ฉบับเต็ม : https://pantip.com/topic/40249092

เรียบเรียงโดย เพจ ไปให้ถึง100ล้าน


#ไปให้ถึง100ล้าน

“ธนาคารแห่งความคิด” ประเด็นดีๆ แบบสั้นๆ อ่านง่ายๆ การเงิน ธุรกิจ การลงทุน กด see first เพจ #ไปให้ถึง100ล้าน เอาไว้ และยังมีช่องทางอื่นๆ ติดตามได้ที่
Line : /https://lin.ee/gW2xe1J
IG : instagram.com/100wealth

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ชวนดูประกัน by Little P. posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to ชวนดูประกัน by Little P.:

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share