Acducate News

  • Home
  • Acducate News

Acducate News หนังสือพิมพ์แอ็คดิวเคท | หนังสือพิม?

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา กำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่ง...
26/05/2020

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา กำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2563 โดยการตราพระราชกฤษฎีกานี้ จัดทำขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กิจการที่ยังไม่พร้อม ได้มีระยะเวลาในการเตรียมตัวและปรับเปลี่ยนวิธีการที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ตราขึ้นไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีรายละเอียดมาก ซับซ้อน อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสมดังเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทให้ผู้ควบคุม โดยประกาศการยกเว้นฉบับดังกล่าวระบุว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา 4 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า“พระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562 พ.ศ. 2563”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2563 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

มาตรา 3 มิให้นำบทบัญญัติในหมวด 2 หมวด3 หมวด 5 หมวด6 และหมวด 7 และมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานหรือกิจการตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนด

มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตาม พระราชกฤษฎีกานี้

พร้อมแนบบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2563
1.หน่วยงานของรัฐ
2.หน่วยงานของรัฐต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ
3.มูลนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา และองค์กรไม่แสวงหากำไร
4.กิจการด้านการเกษตรกรรม
5.กิจการด้านอุตสาหกรรม
6.กิจการด้านพาณิชยกรรม
7.กิจการด้านการแพทย์และสาธารณะสุข
8.กิจการด้านพลังงาน ไอน้ำ น้ำ และการกำจัดของเสีย รวมทั้งกิจการที่เกี่ยวข้อง
9.กิจการด้านการก่อสร้าง
10.กิจการด้านการซ่อมและการบำรุงรักษา
11.กิจการด้านการคมนาคม ขนส่งและการเก็บสินค้า
12.กิจการด้านการท่องเที่ยว
13.กิจการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ และดิจิทัล
14.กิจการด้านการเงิน การธนาคารและการประกันภัย
15.กิจการด้านอสังหาริมทรัพย์
16.กิจการด้านการประกอบวิชาชีพ
17.กิจการด้านการบริหารและบริการสนับสนุน
18.กิจการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาการ สังมสงเคราะห์และศิลปะ
19.กิจการด้านการศึกษา
20.กิจการด้านความบันเทิงและนันทนาการ
21.กิจการด้านการรักษาความปลอดภัย
22.กิจการในครัวเรือนและวิสาหกิจชุมชน ซึ่งไม่สามารถจำแนกกิจกรรมได้อย่างชัดเจน

และในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการจัดประเภทหน่วยงานของตนเองว่าเป็นของกิจการที่เข้าข่ายกิจการที่ได้รับยกเว้นทั้ง 22 ประเภทข้างต้น ให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้วินิจฉัย

Acducate News 🚩acducate.com
หนังสือพิมพ์ แอ็คดิวเคท นิวส์
รับลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพียง 3️⃣9️⃣ บาท‼️
ทำง่าย ทำได้ 24 ชั่วโมง ใช้ได้ตามกฎหมาย ทั่วประเทศ!!!

จากผลของวิกฤตที่สะสมและยาวนาน โดยคาดว่าปี 2563 นี้ การบินไทย จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ล้านบาท โดยรัฐไม่สามารถนำเ...
25/05/2020

จากผลของวิกฤตที่สะสมและยาวนาน โดยคาดว่าปี 2563 นี้ การบินไทย จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ล้านบาท โดยรัฐไม่สามารถนำเงินจำนวนมากมาอุ้มสายการบินหลักของชาติ อย่างการบินไทยได้อีกต่อไป จึงมีมติจากครม. กำหนดให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการภายใต้คำสั่งศาล เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินงานได้ตามปกติและสามารถกลับมาเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
ซึ่งแผนการฟื้นฟูการบินไทย จะประกอบไปด้วย 10 ขั้นตอน ซึ่งดำเนินการคู่ขนานกับการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง เพื่อให้พ้นสภาพการรัฐวิสาหกิจ และแต่งตั้งผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการกิจการด้านการบินอย่างแท้จริงเข้ามาทำการฟื้นฟูกิจการโดยเร็ว พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายในทุกด้าน รวมทั้งการปลดและปรับลดเงินเดือนพนักงาน
วันนี้เราจึงอยากพาคุณย้อนรอยไปดูประวัติความเป็นมาที่สำคัญของสายการบินระดับชาติที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปี
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2503 โดยรัฐบาลไทยเป็นผู้ดำเนินการให้ บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด กับ สายการบินสแกนดิเนเวียน หรือ เอส เอ เอส ทำสัญญาร่วมทุนระหว่างกัน ด้วยทุนจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยมีเที่ยวบินแรกมีขึ้นในปีเดียวกัน
ปี 2520 บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด ได้ซื้อหุ้นคืนจาก เอส เอ เอส แล้วโอนหุ้นการบินไทย ให้แก่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรี พนักงานคนแรกได้แก่ กัปตัน พร้อม ณ ถลาง อีกทั้งยังเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของการบินไทยในปี 2522 - 2523 อีกด้วย
ปี 2531 บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสายการบินภายในประเทศก็ควบกิจการเข้ากับ บริษัท การบินไทย จำกัด เพื่อให้สายการบินแห่งชาติเป็นหนึ่งเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรี
ปี 2534 การบินไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี และมีสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน เมื่อปี 2537
ปี 2540 การบินไทย ร่วมกับสายการบินลุฟต์ ฮันซา, แอร์ แคนาดา, เอส เอ เอส, และ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ก่อตั้งพันธมิตรการบินแห่งแรกและใหญ่ที่สุด ซึ่งมีชื่อว่า สตาร์อัลไลแอนซ์ ขึ้น จากนั้นจึงเริ่มขยายเส้นทางบินใหม่ไปยัง เฉิงตู, ปูซาน, เชนไน, เซียะเหมิน, มิลาน, มอสโก, อิสลามาบาด, ไฮเดอราบัด และ ออสโล
ปี 2545 การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่ เส้นทาง กรุงเทพ-กรุงเจนีวา โดยพักที่กรุงเอเธนส์
ปี 2548 การบินไทยได้เปิดเที่ยวบิน กรุงเทพ–นิวยอร์ก ด้วยเครื่องบินแบบ แอร์บัส A340-500 ถือเป็นเที่ยวบินตรงเส้นทางแรกสู่สหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเที่ยวบินไปยังลอสแอนเจลิสแทน แต่เนื่องด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ใช้น้ำมันมากจึงได้ระงับไปในปี 2551 แม้จะมีผู้โดยสารจองที่นั่งกว่าร้อยละ 80 ก็ตาม
ปี 2549 การบินไทยย้ายฐานการปฏิบัติการไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และมีการปรับภาพลักษณ์ของสายการบินใหม่ ตั้งแต่การเปลี่ยนมาใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ ปรับปรุงที่นั่งให้ทันสมัย ปรับเปลี่ยนการให้บริการภาคพื้นและบนเครื่องบิน และเปิดเส้นทางใหม่ไป โจฮันเนสเบิร์ก
ปี 2553 การบินไทยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงสายการบินให้ทันสมัยและมีการบริการที่ดียิ่งขึ้น จึงวางแผนในการนำฝูงบินใหม่มาทดแทนฝูงบินเก่า โดยซื้อเครื่องบินแบบ Boeing787 และ Airbus350 รวมไปถึงการนำเครื่องบินแบบ Boeing747 และ 777 มาปรับปรุงห้องโดยสารใหม่อีกด้วย
ปี 2558 การบินไทยและการบินไทยสมายล์มีเครื่องบินรวมกัน 102 ลำ ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีปลดประจำการเครื่องบิน และมีการยกเลิกเที่ยวบินบางเส้นทาง เช่น ปลดประจำการ เครื่องบิน 747-400BCF, 747-400BCF, A340-600 ยกเลิกเส้นทาง มาดริด – กรุงเทพฯ, ยกเลิกเส้นทาง ลอสแอนเจลลิส – กรุงเทพฯ เป็นต้น
ปี 2560 เปิดเที่ยวบินเส้นทาง กรุงเทพฯ - อัลมะดีนะฮ์ และ กรุงเทพฯ - เจดดาห์ เป็นครั้งแรกเพื่อบริการผู้โดยสารที่ไปทำพิธีฮัจญ์
ปี 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการ และได้มีการเสนอคณะรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติเห็นชอบให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 โดยยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งมีผลให้การบินไทยในฐานะลูกหนี้สามารถหยุดพักชำระหนี้ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อเริ่มต้นขั้นตอนเจรจาเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีการดำเนินการรวมทั้งหมด 10 ขั้นตอน โดยกองทุนวายุภักษ์ได้เข้าซื้อหุ้นของกระทรวงการคลังที่เคยถือหุ้นแก่การบินไทยในสัดส่วน 3.17 เปอร์เซ็นต์เป็นการทดแทน ทำให้กระทรวงการคลังสามารถลดการถือหุ้นได้เหลือเพียงแค่ 48 เปอร์เซ็นต์ และจะส่งผลทำให้การบินไทย สิ้นสุดความเป็นรัฐวิสาหกิจทันที
ที่มา: wikipedia

Acducate News 🚩acducate.com
หนังสือพิมพ์ แอ็คดิวเคท นิวส์
รับลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพียง 3️⃣9️⃣ บาท‼️
ทำง่าย ทำได้ 24 ชั่วโมง ใช้ได้ตามกฎหมาย ทั่วประเทศ!!!

พานาโซนิค บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่จากญี่ปุ่นประกาศปิดโรงงานในประเทศไทย เพื่อเตรียมย้ายฐานไปเวียดนามต...
23/05/2020

พานาโซนิค บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่จากญี่ปุ่นประกาศปิดโรงงานในประเทศไทย เพื่อเตรียมย้ายฐานไปเวียดนามตามแผนการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

นิคเคอิ เอเชียน รายงานว่า บริษัท พานาโซนิค จะปิดโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยเพื่อผนวกฐานการผลิตเข้ากับโรงงานในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานดียิ่งขึ้น

โดยโรงงานผลิตในไทยจะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายน ส่วนโรงงานผลิตตู้เย็นจะยุติการผลิตในเดือนตุลาคม และตัวอาคารโรงงานผลิตจะปิดตัวลงในเดือนมีนาคมปี 2564 พร้อมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ใกล้เคียง
สำหรับพนักงานราว 800 คนที่ทำงานกรุงเทพฯ จะได้รับความช่วยเหลือในการค้นหาตำแหน่งที่แตกต่างออกไปภายในองค์กร

การย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามนี้ พานาโซนิค ต้องการลดต้นทุนผ่านกระบวนการจัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนประกอบที่ผนวกรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งโรงงานในเวียดนามที่ตั้งอยู่นอกกรุงฮานอยนับเป็นศูนย์กลางการผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัท และในปัจจุบันก็ยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่

นิคเคอิ เอเชียน มองว่าการย้ายโรงงานดังกล่าวสะท้อนถึงเฟสใหม่ในอุตสาหกรรมภาคการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ที่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นโยกย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมายังสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อหนีผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นและทำให้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นไม่สามารถแข่งขันด้านราคา และหลังจากนั้นมา ฐานการผลิตก็โยกย้ายเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น ประเทศไทย เนื่องจากค่าจ้างแรงงานที่แพงขึ้นสิงคโปร์เริ่มเป็นปัญหา แต่ปัจจุบันผู้ผลิตเริ่มมองหาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำลงอีก ขณะเดียวกันก็ต้องการนำสินค้าประเภทตู้เย็น เครื่องซักผ้า รวมทั้งเตาไมโครเวฟ เจาะตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นไปยังประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือเวียดนาม โดยในประเทศไทยนั้น พานาโซนิคเข้ามาตั้งโรงงานตั้งแต่ปี 2522 รายงานยังระบุอีกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่ทำให้กำลังการผลิตของพานาโซนิคลดลง

ปัจจุบันบริษัทมีการจ้างงานในเวียดนามราว 8,000 คน นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้ว บริษัทยังผลิตสินค้าอื่นๆ ในเวียดนาม เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์ไร้สาย เครื่องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ในอุตสาหกรรม

พานาโซนิคกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร โดยมีเป้าหมายที่จะการลดต้นทุนลงประมาณ 100,000 ล้านเยน หรือราว 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2565 ทำให้มีการปรับเปลี่ยน-โยกย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และปีที่ผ่านมาบริษัทเพิ่มการผลิตเครื่องซักผ้าและตู้เย็นแบรนด์ “SHARP” ในประเทศอินโดนีเซีย 30% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดังกล่าว

Acducate News 🚩acducate.com
หนังสือพิมพ์ แอ็คดิวเคท นิวส์
รับลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพียง 3️⃣9️⃣ บาท‼️
ทำง่าย ทำได้ 24 ชั่วโมง ใช้ได้ตามกฎหมาย ทั่วประเทศ!!!

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่าคณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง...
22/05/2020

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่าคณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี ขณะที่ 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี

การระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบ อย่างไรก็ดี ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพตลาดการเงินได้เริ่มกลับมาทำงานปกติ นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการระบาดของ COVID-19 ในระยะข้างหน้ายังมีความรุนแรง รวมทั้งจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในภาวะเช่นนี้คณะกรรมการฯ สนับสนุนมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปแล้ว รวมทั้งจะต้องดำเนินการช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องและเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลชัดเจนเป็นรูปธรรมเพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนัดพิเศษที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ เห็นพ้องว่าต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุด กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกร้อยละ 0.25 เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวแรง

คณะกรรมการฯ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวแรงเนื่องจากการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของ COVID-19 การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตในหลายประเทศ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจและครัวเรือนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้น เป็นผลให้อุปสงค์ภายในประเทศทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว ในสถานการณ์เช่นนี้ มาตรการด้านการคลังจะต้องเป็นกลไกหลักในการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกหนี้ และช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวในปี 2564 หากสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบตามราคาพลังงานที่ลดลงและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มหดตัว ทั้งนี้ คณะกรรมการจะติดตามความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ประสิทธิผลของมาตรการดูแลและเยียวยาของภาครัฐ รวมถึงการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด

เสถียรภาพของตลาดการเงินไทยโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ปรับดีขึ้นหลัง ธปท. ออกมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดการเงิน แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาซึ่งมีส่วนช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งโดยเฉพาะสกุลเงินหลักและมีแนวโน้มผันผวน ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในเกณฑ์เข้มแข็งสะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดท่ามกลางความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูง

ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ดี ระบบการเงินมีความเปราะบางมากขึ้นในบางจุด โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ที่อาจด้อยลงในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวแรง ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประสานมาตรการทั้งทางการเงินและการคลังเพื่อดูแลครัวเรือนและธุรกิจ SMEs

มองไปข้างหน้า คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายเพิ่มเติมทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการการเงินอื่นที่จะช่วยเสริมกลไกการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยและการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์

Acducate News 🚩acducate.com
หนังสือพิมพ์ แอ็คดิวเคท นิวส์
รับลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพียง 3️⃣9️⃣ บาท‼️
ทำง่าย ทำได้ 24 ชั่วโมง ใช้ได้ตามกฎหมาย ทั่วประเทศ!!!

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Facebook Shops เพื่อใช้เป็นช่องทางให้ธุรกิจขนาดเล็กจ...
21/05/2020

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Facebook Shops เพื่อใช้เป็นช่องทางให้ธุรกิจขนาดเล็กจำหน่ายสินค้าได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ในขณะนี้

โดยมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ผมเพิ่งประกาศว่าเรากำลังเปิดตัว Facebook Shops ในวันนี้ ด้วยแนวคิดพื้นฐานคือการให้ธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ เพื่อขายสินค้าได้โดยตรงผ่านแอปต่างๆ ของเรา

หากคุณเยี่ยมชมร้านของใครบางคน คุณจะสามารถเห็นเรื่องราวของธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น และสามารถซื้อสินค้าได้ผ่านแอปต่างๆ ของเรา

ผมคิดว่าสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากในช่วงเวลานี้ เนื่องจากธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากได้ก้าวเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ในสถานการณ์ที่ผู้คนไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้ ร้านค้ากำลังประสบความยากลำบากในการเปิดให้บริการ และผู้คนหลายล้านคนสูญเสียงานของพวกเขา ผมได้ทำงานร่วมกับทีมงานของเราในการพัฒนา Facebook Shops ทุกวันมาเป็นเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถเร่งการเปิดตัว เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวได้แล้วในขณะนี้

Facebook Shops สามารถใช้งานได้ง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อคุณตั้งค่าหน้าร้านค้าของคุณ มันจะเริ่มปรากฎในบัญชีผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ของคุณ รวมถึง Messenger และ WhatsApp ด้วย โดยร้านค้าเหล่านั้นจะเป็นร้านค้าท้องถิ่นและมีความรวดเร็ว ซึ่งคุณไม่ต้องสลับแอปไปยังหน้าเว็บเบราว์เซอร์ในโทรศัพท์ที่มีความช้า เมื่อคุณแตะสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในหน้าฟีด และไม่ต้องป้อนข้อมูลบัตรเครดิตของคุณอีกครั้ง

นอกจากนี้ เรายังทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น Shopify, BigCommerce, WooCommerce, Channel Advisor, CedCommerce, Cafe24, Tienda Nube และ Feedonomics เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารเข้าร่วมกับระบบที่แข็งแกร่งและเปิดกว้าง เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับความต้องการของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ยังขึ้นอยู่กับธุรกิจเองที่จะตัดสินใจว่าต้องการเข้าร่วมในระดับใด

เหนือสิ่งอื่นใด เรากำลังสร้างฟีเจอร์มากมายในแอปต่างๆ ของเรา เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถค้นพบสินค้าที่เขาอาจจะต้องการซื้อได้จากธุรกิจขนาดเล็ก เรากำลังสร้างแท็บการช้อปปิ้งโดยเฉพาะใน Instagram และปลายทางการสำรวจที่คุณสามารถค้นหาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่คุณอาจจะสนใจในเร็วๆ นี้ เรายังจะเปิดตัวฟีเจอร์ Live shopping ใน Facebook และ Instagram ซึ่งช่วยให้คุณสามารถช๊อปปิ้งแบบเรียลไทม์ในไลฟ์สดได้ทันที

สุดท้ายนี้ ในอนาคตอันใกล้ร้านค้ายังจะสามารถใช้เทคโนโลยี AI และ Augmented Reality ของเรา ในการเสริมสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วย เราจะระบุและติดแท็กผลิตภัณฑ์ในฟีดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้คนสามารถกดสั่งซื้อได้อย่างง่ายดาย เมื่อพวกเขาพบสิ่งที่ชื่นชอบ ธุรกิจขนาดเล็กยังจะสามารถปรับเปลี่ยนหน้าร้านของพวกเขา ให้แสดงสินค้าที่ตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด และใช้เทคโนโลยี Augmented Reality ให้คุณสามารถทดลองใช้งานสินค้าต่างๆ ได้ เช่น แว่นตากันแดด ลิปสติก และเครื่องสำอาง เพื่อทดลองว่าเหมาะกับรูปลักษณ์ของตนหรือไม่ หรือทดลองเฟอร์นิเจอร์ว่าเหมาะหรือไม่กับห้องของคุณที่จะตัดสินใจซื้อ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก หากคุณประกอบธุรกิจขนาดเล็กหรือกำลังคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจ แม้จะอยู่ในห้องนั่งเล่นของคุณ ตอนนี้คุณมีชุดเครื่องมือที่เพียบพร้อม ซึ่งสามารถช่วยคุณในการให้บริการแก่ผู้คนได้ คุณสามารถสร้างธุรกิจออนไลน์ได้ทั้งใน Facebook และ Instagram และยังสามารถใช้ Messenger และ WhatsApp เพื่อติดต่อกับลูกค้าของคุณ และยังสามารถหาลูกค้าใหม่ได้จากแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ ของเรา ขณะนี้คุณสามารถสร้างประสบการณ์ร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบได้กับ Facebook Shops เครื่องมือทั้งหมดเหล่านี้เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปิดหน้าร้านได้จริงๆ ในขณะนี้ หวังว่าสิ่งนี้จะช่วยลดแรงกดดันที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ และช่วยให้พวกเขาเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของโลกออนไลน์มากขึ้น ผมคาดหวังว่าร้านค้าจะสามารถเข้าถึงโลกที่กว้างขึ้น โปรดบอกเราว่าคุณคิดเห็นอย่างไร!”

Acducate News 🚩acducate.com
หนังสือพิมพ์ แอ็คดิวเคท นิวส์
รับลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพียง 3️⃣9️⃣ บาท‼️
ทำง่าย ทำได้ 24 ชั่วโมง ใช้ได้ตามกฎหมาย ทั่วประเทศ!!!

16/05/2020

✴️ แอ็คดิวเคท นิวส์ ✴️ | หนังสือพิมพ์สำหรับผู้ประกอบการ
🚩 เชิญประชุมผู้ถือหุ้น
🚩 ประกาศต่างๆ
เพียงกรอบละ 3️⃣9️⃣ บาท ‼️
ลงโฆษณาได้ 24 ชั่วโมงที่ acducate.com

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Acducate News posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share