EV EQ

EV EQ เพจนี้เพื่อการศึกษา โปรเจคเล็กไปเท
(1)

10/02/2020
คุณมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) แค่ไหน ?
06/02/2020

คุณมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) แค่ไหน ?

28/01/2020
อย่าตัดสินคนตั้งแต่พึ่งเริ่มรู้จัก
21/01/2020

อย่าตัดสินคนตั้งแต่พึ่งเริ่มรู้จัก

21/01/2020

จงหาตัวเองเเละเป็นตัวของตัวเอง

ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ อีคิว มีเทคนิคที่หลากหลายแนวความคิด ฉะนั้นเราสามารถเลือกแนวคิดต่างๆ มาปรับปรุง ประยุกต์ใช้ให้เหมา...
21/01/2020

ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ อีคิว มีเทคนิคที่หลากหลายแนวความคิด ฉะนั้นเราสามารถเลือกแนวคิดต่างๆ มาปรับปรุง ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตประจำวันของเราเอง

ลองพิจารณา ดูเทคนิคและการพัฒนา อีคิว ในบรรทัดข้างล่างดูก่อน ว่าน่าสนใจสามารถปรับประยุกต์ใช้กับการดำรงชีวิตของตัวเอง ได้หรือไม่ อย่างไร

เทคนิคการพัฒนาอีคิว แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนคือ

1. ความสามารถในการรู้อารมณ์ตัวเอง คือรู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร สามารถติดตามความรู้สึกของตัวเองได้ เช่น ตอนนี้รู้สึกโกรธ ดีใจ หรือเสียใจ การรู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไรหรือที่เรียกว่ารู้เท่าทันอารมณ์ จะทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ชั่ววูบ ขนาดถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น ในที่สุดก็ต้องรับโทษ เพราะสาเหตุแค่ "บันดาลโทสะ" เท่านั้น

การรู้อารมณ์ตัวเองนอกจากจะทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแล้ว ทำให้เราสามารถหลุดพ้นจากอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้เร็วขึ้น คนที่ไม่รู้จัก หรือไม่รู้ถึงอารมณ์ตัวเอง หากปล่อยไว้นานๆจะไม่สามารถแสดงออกซึ่งอารมณ์ กลายเป็นคนเฉยเมย เป็นคนไม่สนุก กลายเป็นคนที่น่าเบื่อสำหรับคนอื่นได้

2. ความสามารถในการบริหารอารมณ์ตัวเอง รู้วิธีการที่จะจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม เช่น รู้จักระบายอารมณ์ รู้จักทำความเข้าใจของสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ หาวิธีผ่อนคลาย เช่น เล่นกีฬา ร้องเพลง ฟังเพลงหรือเล่นดนตรี จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขได้ โดยไม่ต้องเก็บกดอารมณ์บางสิ่งบางอย่างไว้ในใจ

3. ความสามารถในการทำตนเองให้มีพลัง สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้อยากทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต เป็นคนไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หรือความยากลำบาก

4. ความสามารถในการเข้าถึงจิตใจผู้อื่น หรือเรียกว่ามีเทคนิคในการอ่านความรู้สึกของผู้อื่นได้ดี เช่น ที่ผู้หลักผู้ใหญ่สอนว่า คนเราต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา นั่นแหละ

5. ความสามารถในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น เทคนิคนี้สำคัญมาก ไม่ใช่เก่งแต่คบกับใครไม่ได้ อยู่กับใครก็ทะเลาะกับเขาไปหมดเพราะคิดว่าตัวเองดีอยู่คนเดียว ถูกอยู่คนเดียว คนที่ได้รับการพัฒนาอีคิว มักจะเป็นคนที่รู้จักหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ที่ดีให้อยู่ต่อไปได้นานๆ เช่นรู้จักให้เกียรติ ยกย่อง เห็นผู้อื่นมีคุณค่า ฯลฯ

ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะทำให้เกิดผลทางด้านปฏิบัตินั้นยากเอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาวะที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลง ไร้ทิศทาง เด็กๆ มีโอกาสจะเพลี่ยงพล้ำต่อกระแสบริโภคนิยมที่เกินขอบเขตได้ไม่ยากนัก

การสอนให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์อย่างฉลาดและรู้ทันเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมด้วย "อีคิว" น่าจะเป็น "วัคซีน" ตัวใหม่ที่สามารถป้องกันโรคสังคมล่มสลายได้

การพัฒนา EQ

1. รู้จักอารมณ์ตนเอง : การรู้ตัวหรือการมีสติ

2. จัดการกับอารมณ์ตนเองได้และแสดงออกอย่างเหมาะสม

- ทบทวนสิ่งที่ทำลงไปเพื่อตอบสนองอารมณ์ที่เกิดขึ้นและพิจารณาผลที่ตามมา

- ฝึกสั่งตนเองว่าจะทำอะไรและไม่ทำอะไร

- ฝึกรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เราเกี่ยวข้องทั้งด้านดีและด้านไม่ดี

- สร้างโอกาสจากอุปสรรค หรือหาประโยชน์จากปัญหาโดยการเปลี่ยนมุมมอง

- ฝึกคลายความเครียด เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับตนเอง

3. สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง

- ทบทวนและจัดอันดับสิ่งสำคัญในชีวิต

- ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย

- ลดความสมบูรณ์แบบ

- ฝึกมองหาประโยชน์จากอุปสรรค

- ฝึกสร้างทัศนคติที่ดี

- นึกถึงสิ่งที่ภาคภูมิใจ ใช้ความสามารถที่มีทำประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ให้กำลังใจตนเอง คิดว่าเราทำได้ เราจะทำและลงมือทำ

4. รู้อารมณ์ผู้อื่น

- ให้ความสนใจในการแสดงออกของผู้อื่น

- อ่านอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น ทำความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกของบุคคล

- แสดงความเห็นใจ ให้กำลังใจ เมื่อผู้อื่นกำลังมีปัญหา

5. รักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

- เข้าใจ เห็นใจความรู้สึกของผู้อื่น

- ฝึกการเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี ใส่ใจในความรู้สึกของผู้ฟัง

- ฝึกการแสดงน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้และรับ

- ฝึกการให้เกียรติผู้อื่นอย่างจริงใจ รู้จักยอมรับความสามารถของผู้อื่น

- ฝึกแสดงความชื่นชม ให้กำลังใจซึ่งกันและกันตามวาระที่เหมาะสม

อ้างอิง https://www.gotoknow.org/posts/333513

ความฉลาดทางอารมณ์กับการดำรงชีวิตในปัจจุบัน

ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ ความเข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองและนำเอา...
20/01/2020

ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ ความเข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองและนำเอาพลังแห่งอารมณ์และความรู้สึกนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วย ผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะเป็นผู้ที่มีสุขภาพจิตดี มีความสุขสามารถเผชิญกับความคับข้องใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างราบรื่นควบคุมตนเองได้สามารถที่จะรอคอยและ ตอบสนองความต้องการได้ มีสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้าง เป็นผู้นำและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีพลังความสามารถในการบริหารจัดการ และสามารถขจัดความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บุคคลควรได้รับการพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ทรัพยากรบุคคลของประเทศเป็นผู้ที่เก่ง ดี และมีความสุข ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียน การทำงาน และประสบความสำเร็จในชีวิต

สังคมไทยหรือบุคคลบางประเภทยังเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแอดจึงอยากเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้องหรือไม่
09/12/2019

สังคมไทยหรือบุคคลบางประเภทยังเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแอดจึงอยากเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้องหรือไม่

19/11/2019

EQ หรือ อีคิว คืออะไร
EQ หรือ อีคิว มาจากคำว่าEmotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งมีประโยชน์และมีความสำคัญทั้งในเรื่องของชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว รวมไปถึงชีวิตการงานของลูกเมื่อเค้าโตขึ้น เช่น
• บุคลิกภาพ
EQ หรือ อีคิว ช่วยส่งเสริมให้ลูกโตขึ้นมีบุคลิกถาพที่ดี มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ดี สามารถควมคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม เข้าใจความรู้สึก และความต้องการของผู้อื่น ทำให้โตมาเป็นที่รักของบุคคลรอบข้าง และเป็นที่ยอมรับของสังคม
• การทำงาน
EQ หรือ อีคิว ช้วยให้ลูกทีความคิดสร้างสรรค์ มีแรงจูงใจ มีความพยาม ส่งผลให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• การสื่อสาร
EQ หรือ อีคิว มีส่วนให้ลูกแสดงความรู้สึก และอารมณ์ของตนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ตามกาละเทศะ
• เข้าใจชีวิตของตนเองและผู้อื่น
EQ หรือ อีคิว จะช้วยให้ลูกมีความอดทน ควบคุมตนเองได้ เเละเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

กรอบ หมายถึง ขอบเขตที่ถูกกำหนด เวลาหลายคนนึกถึงกรอบคงจะนึกถึงสี่เหลี่ยมถูกไหมไม่สี่เหลี่ยมพื้นผ้าก็สี่เหลี่ยมจัตุรัสคือก...
18/11/2019

กรอบ หมายถึง ขอบเขตที่ถูกกำหนด
เวลาหลายคนนึกถึงกรอบคงจะนึกถึงสี่เหลี่ยมถูกไหม
ไม่สี่เหลี่ยมพื้นผ้าก็สี่เหลี่ยมจัตุรัสคือกรอบในหลายคนคิด เเละถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งโรงเรียน ครอบครัวต่างก็กำหนดให้

เเต่หากรู้ไหม

เราสร้างหรือกำหนดกรอบเองได้ เเค่คิดที่ะทำหรือไม่ เเอดมินเชื่อว่าหลายๆคนนั้นคิดว่ากรอบสี่เหลี่ยมดีสุดเเล้วเพราะพ่อเเม่ไม่ก็ครูโรงเรียนเขากำหนดมาให้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนั้น

เเต่เราเคยฟังตัวเองหรือไม่ว่าเราชอบกรอบสี่เหลี่ยมหรือเปล่า บางคนก็ชอบกรอบเป็นวงกลมเเต่ไม่ก้าที่จะเสี่ยงตีกรอบใหม่เข้าไปอยู่

กลัวจะไม่เหมือนเพื่อน กลัวจะเป็นเด็กไม่ดีในสายตาคนอื่น ไม่กล้าที่จะเเตกต่าง

เเล้วความสุขเราอยู่ที่ไหนถ้าหากจะเหมือนพวกเขา

ต่อไปนี้ตาคุณเลือกเเล้วว่าจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมต่อไปหรือจะอยู่ในกรอบที่ตัวเอกำหนด🤔🤔
. กล้าที่จะเเตกต่าง

12/11/2019

นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า…

- คนเรา จะคุยกับใครไม่ได้เกิน 4 เดือน ถ้าเกิน 4 เดือน แปลว่าคือ ความรัก

- ถ้าคุณหัวเราะมากเกินไป แม้แต่เรื่องไร้สาระ
นั่นหมายความว่า คุณรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ภายในใจ

- ถ้าคุณอยากจะร้อง แต่ร้องไม่ออก
นั่นหมายความว่า คุณรู้สึกอ่อนแอ

- ถ้าคุณทานอะไรผิดปกติจากที่ทาน
นั่นหมายความว่า คุณรู้สึกเคร่งเครียด

- ถ้าคุณมัวแต่นอน ไม่ทำอะไร
นั่นหมายความว่า คุณรู้สึกเศร้า

- ถ้าคุณพูดน้อย แต่พูดเร็ว
นั่นหมายความว่า คุณมีความลับอยู่ในใจ

- ถ้าคุณโมโห หงุดหงิดง่ายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
นั่นหมายความว่า คุณต้องการความรัก

- คนที่เลิกกันแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ แปลว่า ทั้งคู่ยังรักกัน หรือไม่ก็ไม่เคยรักกันเลย

- อย่าปล่อยให้คนที่คุณรู้สึกดี มาจูบหน้าผาก เพราะมันจะเป็นการ ทำให้คุณ จดจำเค้าไปตลอดชีวิต

- นักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "สิ่งที่คุณต่อต้านจะยังคงอยู่" Carl G. Jung

- เวลาเราจีบใคร ให้จีบเป็นเวลา 21 วัน เพราะวันที่ 22 ถ้าเค้ารักคุณ เค้าจะทักคุณเอง

- คนที่เราคุยแล้วมีความสุข มีความเป็นไปได้ว่าเรารักเค้า

- เราลองก้มหน้าไปนานๆสักพัก เงยหน้าขึ้นมา มองไปรอบๆ ถ้าคุณสบตาใคร แปลว่า เค้าคนนั้นแอบมองคุณอยู่

- เวลาเราชอบใคร ให้บอกเค้าไป จะทำให้เค้ามีความรู้สึกดีๆให้เรา

- ให้ความสำคัญฝ่ายตรงข้าม ขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยความจริงใจ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นศัตรูมาก่อนก็สามารถกลายเป็นเพื่อนได้

- นักจิตวิทยากล่าว ถ้าเราฝันถึงใคร คนนั้นจะคิดถึงเรา

- เราจะเข้าใจความรักมากขึ้น
เมื่อครั้งหนึงเราเคยมีและสูญเสียมันไป

- ถ้าคุณทำเป็นเเกล้งรักใคร สักวันคุณจะตกหลุมรักเค้า...

- อย่าดูถูกพวกเด็กๆ ที่บ้าศิลปินเกาหลี หัวใจของพวกเขาบริสุทธิ์มากกว่าคนอื่นๆเขากล้าที่จะรัก และหาวิธีที่ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ

- นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า ถ้าเป็นเพื่อนกันมากกว่า7ปี จะเป็นเพื่อนกันไปจนวันตาย

- ถ้าคุณเอาแต่ไขว่คว้าตามหาความสุข คุณจะไม่มีวันพบเจอมัน

- การที่คุณรอใครบางคน
อาจทำให้คุณเสียคนดีๆ ไปแล้วหลายคน

- คนที่ชอบฟังเพลงแล้วจินตนาการไปเรื่อย ไม่ใช่คนเพ้อเจ้อ แต่จะเป็นคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดและอ่อนโยนต่อเรื่องของความรัก

- ถ้าจะดูคนที่เสียใจมากๆเป็นครั้งแรก ให้ดูตอน " ร้องไห้ " เพราะว่าจะร้องได้ฟูมฟาย และยาวนาน

- คนที่ชอบหาอะไรตลกๆดู เช่น หนังตลก คลิปขำๆ
มักจะมีเรื่องเศร้าถึงเศร้ามากอยู่ในใจ

- เวลาที่เราโกรธ คนฟังไม่รับรู้หรอกว่าเราพูดอะไร
รับรู้เพียงแค่อารมณ์ความโกรธของเรา

- ถ้าเราเอารูปใครขึ้นหน้าจอโทรศัพท์หรือโน๊ตบุ๊ค
แสดงว่าเราเริ่มตกหลุมรักเขาแล้ว

- เวลาที่โกรธใครมากๆ เราจะพิมพ์แป้นพิมพ์เร็วกว่าปกติ

- เวลาที่เราโกรธ จะไม่มีใครฟังที่เราพูด เพราะมัวแต่รับความรู้สึกของเราอยู่

- นักจิตวิทยากล่าวไว้ เราเจอใครภายใน 30 วินาที เราจะจำเค้าไปตลอดชีวิต

- นักจิตวิทยาบอกว่า คนเราสามารถจ้องตากันได้ 3.0 วิ แต่ถ้าตกหลุมรัก สามารถจ้องได้ 8.9 วิ โอ้วววว

- ความรักที่เรา รอ ชวนคุย ทำอะไรฝ่ายเดียวตลอด นั่นไม่ใช่ความรัก

ขอบคุณเจ้าของบทความ...

05/11/2019

เทคนิคการจัดการอารมณ์

1.ความรู้สึกตัว เมื่อไรก็ตามที่เกิดความรู้ตัวด้านอารมณ์ขึ้น จะส่งผลให้อารมณ์ดังกล่าวลดความรุนแรงลง ดังเช่น คนที่รู้ว่า “ฉันกำลังโกรธ” จะลดความโกรธลงได้ คนที่รู้ตัวว่า “ฉันกำลังหงุดหงิด” จะลดความหงุดหงิดลงได้ ทำให้สามารถใช้เหตุผลตัดสินใจได้ดีขึ้น

2.การหายใจ การมีสติรับรู้ลมหายใจเข้าออกถือว่าเป็นการทำสมาธิให้อารมณ์และจิตใจกลับเข้าสู่ภาวะสงบ ซึ่งควรเริ่มทำในท่านอนจนทำได้แล้ว ค่อยขยับมาทำท่านั่งและยืน จนเป็นนิสัยการหายใจที่ผ่อนคลาย เทคนิคการหายใจมีหลากหลายแตกต่างกันออกไป สำหรับวิธีง่ายๆ ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ คณนา (counting) ที่นับควบคู่ไปกับการกำหนดลมหายใจเข้าออก และใช้คำภาวนา เช่น “พุท-เข้า โธ-ออก” หรือ “พองหนอ-ยุบหนอ” เป็นต้น ซึ่งเป็นรากฐานเดียวกับการทำโยคะ หรือการนั่งสมาธินั่นเอง

3.การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ สามารถทำได้กับกล้ามเนื้อทุกส่วนที่รู้สึกเครียด โดยเริ่มจากอิริยาบถที่อวัยวะทุกส่วนผ่อนคลายและสบายมากที่สุด แล้วค่อยๆ ผ่อนกล้ามเนื้อส่วนดังกล่าวจนรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด โดยวิธีนี้จะช่วยกำจัดอาการปวดหัว อาการปวดทั่วไป และอาการนอนไม่หลับ ได้เป็นอย่างดีด้วย

4.การฝึกควบคุมประสาทอัตโนมัติ วิธีง่ายที่สุดคือการฝึกฝ่ามือร้อน ด้วยการตั้งฝ่ามือในระดับทรวงอก หันฝ่ามือเข้าหากันโดยเว้นช่วงห่างประมาณ 2-3 นิ้วฟุต หลังจากนั้นขยับฝ่ามือออกจากกันช้าๆ จนห่างพอควรแล้วขยับเข้ามาใกล้กันอีก ทำอย่างนี้เป็นจังหวะช้าๆ จับความรู้สึกของฝ่ามือทั้ง 2 ข้างด้วยสมาธิจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นบนฝ่ามือ ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดบนฝ่ามือขยายตัว ทำติดต่อกันอย่างน้อย 5-10 นาที

5.การจินตนาการ นอกจากเราสามารถจินตนาการถึงสิ่งสวยงามเพื่อคลายเครียด เราอาจประยุกต์ใช้วิธีการของจิตบำบัดซึ่งจะช่วยให้เกิดผลดีมากขึ้นอีกด้วย นั่นคือให้คิดถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการกลัวในขณะที่กำลังอยู่ในสภาพผ่อนคลาย วิธีนี้เริ่มต้นจากการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายก่อน จากนั้นค่อยนึกภาพสิ่งเร้า (สิ่งที่ทำให้เกิดความกลัว) เป็นลำดับขั้น จากระดับที่ก่อให้เกิดความกลัวน้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด ทั้งนี้การเผชิญหน้ากับความทุกข์ในสภาพผ่อนคลายช่วยทำให้เกิดอารมณ์ทางบวกและความสงบในที่สุด

6.คิดในทางที่ถูก ในทางวิทยาศาสตร์พบว่าความคิดสัมพันธ์กับสมอง เมื่อคิดอย่างหนึ่งสมองก็จะตอบสนองไปตามนั้น เช่น เมื่อคิดถึงสุขภาพภายใต้ความเครียด ความกดดัน หรือความซึมเศร้า อาการปวดจะรุนแรงที่สุด เมื่อผ่อนคลายหรือกำลังมีความสุข ความเจ็บปวดก็จะลดลง ดังนั้นความคิดสามารถกำกับกายให้เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ได้

ในทำนองเดียวกัน ด้วยวิธีคิดและการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ก็สามารถกำกับใจให้มีความสุขและผ่านพ้นทุกข์ได้ ดังเช่นคนที่เข้าใจความเป็นจริงว่ามนุษย์มีโอกาสและฐานะไม่เท่าเทียมกัน แต่เราทุกคนมีโอกาสเผชิญภาวะของความทุกข์เท่าเทียมกัน ก็ย่อมมีภูมิต้านทานในการเผชิญความทุกข์ได้ดีกว่า หรือคนที่สามารถปรับเปลี่ยนการแสวงหาความสุขบนปัจจัยภายนอกมาเป็นการหาความสุขจากปัจจัยภายในที่ยั่งยืนกว่าด้วยการพึงพอใจในตัวเองและสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ย่อมเป็นสุขได้ง่ายกว่า และเป็นทุกข์ได้ยากกว่าคนที่ฝากความสุขไว้กับสิ่งเร้าภายนอก อีกทั้งยังน่าจะป้องกันตัวจากความทุกข์ต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

7.คิดเชิงบวก ความคิดทางลบของเราเอง เช่น คิดแต่สิ่งที่สูญเสีย จมอยู่กับภาพอดีต มองโลกในร้าย กลัวการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ย่อมเป็นบ่อเกิดของความเครียด ยิ่งต้องเผชิญความกดดันต่างๆ รอบตัว ความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นสาเหตุของความทุกข์ใจร่วมด้วย เมื่อสองแรงมาผสานกัน ความเครียดกับความคิดทางลบจะสะสมกลายเป็นความวิตกกังวล หรือนานไปก็กลายเป็นความท้อแท้สิ้นหวังและซึมเศร้าในที่สุด

ดังนั้น นอกจากต้องผ่อนคลายความเครียดด้วยการจัดการทางอารมณ์ การจัดการกับความคิดก็จะช่วยขจัดทุกขภาวะระยะยาวได้ โดยวิธีการหลักก็คือปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ให้เป็นความคิดทางบวก (positive thinking) ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดพลังในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาโอกาสท่ามกลางอุปสรรค (turning obstacle into opportunity) ทำให้เรามองเห็นประโยชน์ของปัญหา ตัวอย่างเช่นเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้ที่สูญเสียฐานะและกิจการก็จะเกิดความทุกข์ใจ แทนที่จะมองแต่ด้านที่ตนสูญเสียไปแต่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ว่ายังมีสิ่งดีๆ ด้านอื่นเหลืออยู่ในชีวิต เช่น มีเวลาให้กับตนเองและครอบครัวเพิ่มขึ้น บางคนมองว่าการตกงานเป็นโอกาสที่ดีที่จะแสวงหางานหรือาชีพใหม่ หรือคนที่อกหักอาจค้นพบว่าความเข้มแข็งของตัวเองที่สามารถผ่านพ้นความเจ็บปวดได้หรือยังมีคนที่รักตัวเองอยู่มากมาย

อ้างอิงจาก thaihealth.or.th

29/10/2019
22/10/2019

เพจนี้มีไว้เพื่อการศึกษา​จร้าาาา

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when EV EQ posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share