09/04/2023
ฝากบทความแอดมินเอ้ด้วยค่ะ 😊😊
Stephen Curry กับ Under Armour ชะตาฟ้าลิขิต
เมื่อพูดถึงวิถีชีวิตนักกีฬาบาสอาชีพอย่าง NBA นอกจากการสร้างชื่อด้วยผลงานของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ สามารถคว้ารางวัลการันตีความสุดยอดมากมายไปจนถึงการคว้าแชมป์ในบั้นปลาย หนึ่งในเรื่องที่นักกีฬาปรารถนาอยากจะมีคือ รองเท้า Signature Shoe Series ของตัวเอง ซึ่งการมาถึงจุดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ และสำหรับบางคนมันเหมือนชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ
ย้อนกลับไปตั้งแต่ที่ดราฟต์เข้าสู่ลีคในปี 2009 อันดับที่ 7 สเตฟเฟน เคอรี่ นั้นก็ตกลงสัญญารองเท้ากับ Nike ค่ายรองเท้าที่มีอิทธิพลกับนักกีฬาและแฟนๆมากที่สุด ตัวเค้าในตอนนั้นไม่ใช่นักกีฬาที่อยู่ในระดับที่ทุกคนคิดว่าเค้าจะเป็นในปัจจุบันตอนนี้ ด้วยรูปร่างที่ผอมบางและมีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้าผ่าตัดรักษาซ้ำถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งถึงปี 2013 ปีที่สัญญารองเท้าฉบับแรกของเค้ากำลังจะหมดลง และทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
โดยในปี 2013 เป็นปีแรกที่ Under Armour (UA) ตัดสินใจที่จะเริ่มเดินหน้าลุยตลาดรองเท้าบาสและต้องการมองหานักกีฬา NBA เข้ามาสู่ค่าย แน่นอนว่าสเตฟเฟน เคอรี่ คือหนึ่งในนักกีฬาที่พวกเค้าเล็งไว้ และว่ากันว่าพวกเค้าใช้รูปแบบในการเข้าหาเคอรี่เหมือนที่ทางไนกี้ทำกับไมเคิล จอร์แดน คือไม่ได้โทรหาหรือขอติดต่อโดยตรงแต่เข้าผ่านคนที่สนิทและใกล้ชิด ของไมเคิล จอร์แดน ไนกี้นั้นเข้าผ่านคุณพ่อคุณแม่ของเค้าและทำการโน้มน้าวให้ไมเคิลมีการพูดคุยกับไนกี้ ในกรณีของ UA ใครจะเชื่อว่าเป็น เคนท์ เบสมอร์ (Kent Bazemore) เพื่อนร่วมทีมในตอนนั้น
เบสมอร์นักกีฬาที่ไม่ใช่ระดับสตาร์ของทีมหรือของลีคขนาดนั้น เซ็นสัญญากับ UA แต่ไม่ใช่สัญญาใหญ่โตแต่อย่างใด แต่ก่อนแข่งกล่องรองเท้าสินค้ากีฬาบาสมากมายที่ทาง UA นั้นเตรียมไว้ให้เบสมอร์นั้นคือเยอะมากๆ ทำให้ตัวเคอรี่นั้นเริ่มสนใจ และตัดสินใจทำการพูดคุยรับฟังข้อเสนอของทาง UA ซึ่งทาง UA นั้นบอกชัดเจนว่าจะให้สเตฟเป็นหน้าเป็นตาของค่าย จ่ายเต็มที่ มีรองเท้า Signature Shoe ของตัวเอง คือแสดงให้เห็นว่าตระหนักถึงคุณค่าของสเตฟขนาดไหน
ซึ่งสเตฟเองก็รู้สึกลึกๆในใจว่า ถ้าเค้าอยู่ไนกี้เค้าก็เหมือนปลาตัวเล็กๆที่ว่ายอยู่ในบึงน้ำที่ใหญ่เหลือเกิน เค้าก็เป็นแค่ปลาเล็กๆตัวหนึ่ง แต่ถ้าเค้ามาอยู่กับ UA เค้าจะเป็นเหมือนปลาตัวแรกที่ได้รับการดูแลและใส่ใจมีโอกาสเติบโตที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวเค้าก็เปิดโอกาสให้กับตัวเองด้วยการรับฟังข้อเสนอจากทางไนกี้เกี่ยวกับการต่อสัญญารองเท้าของตัวเค้า
และอย่างที่บอกกับเพื่อนว่านี่ราวกับเป็นชะตาฟ้าลิขิต ใครจะเชื่อว่าบริษัทระดับโลกแบบไนกี้ มีการเรียกชื่อสเตฟเฟน เคอรี่ผิด เป็น สเตฟอน (Steph-on) ในการประชุมและสุดท้ายที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจง่ายขึ้นคือทางไนกี้ที่มีสไลด์โชว์ยังมีชื่อของเควิน ดูแรนอยู่ในสไลด์แสดงให้เห็นว่าพวกเค้าก็ใช้สไลด์แบบเดียวกันนี้กับนักกีฬาคนอื่นๆ คุณพ่อของสเตฟนี่คือทั้งโกรธและผิดหวังกับการนำเสนอครั้งนี้มาก
และในท้ายที่สุดสเตฟก็ตกลงสัญญากับทาง UA เค้ากลายเป็นนักกีฬาที่เปลี่ยนแปลงโลกแห่งการเล่นบาสที่พวกเรารู้จัก ทำให้การยิงสามคะแนนนั้นสำคัญเหลือเกิน สร้างมูลค่าการตลาดให้กับ UA กว่า 14,000 ล้านเหรียญ เรียกว่าเติบโตกว่า 350% แบรนด์ UA เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกทันที ในปี 2020 มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในนาม Curry Brand เป็นผลิตภันฑ์ในชื่อของเค้าเดินหน้าแบบธุรกิจไม่ต่างกับ Air Jordan ของ Nike และก็ประสบความสำเร็จมากกว่าที่ทุกฝ่ายคาดคิด รองเท้านั้นขายดีผลิตไม่ทัน มีหลากหลายสีมาให้แฟนๆนั้นเลือกซื้อ
ล่าสุดในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเค้าได้ตกลงต่อสัญญากับ UA ต่อออกไปยาวๆ ยาวไปจนกระทั่งแม้ตัวเค้ารีไทร์เลย จะเรียกว่าสัญญาแบบตลอดชีวิตก็ว่าได้ และแม้จะไม่มีการเปิดเผยมูลค่าหรือรายละเอียดใดๆ แต่ว่ากันว่าสัญญาครั้งนี้ถือว่าเป็นสัญญาที่มีผลตอบแทนมูลค่ามากที่สุดเท่าที่นักกีฬาคนหนึ่งเคยเซ็นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะการจ่ายเงินต่อปี, สัดส่วนและมูลค่าของหุ้นที่ได้รับ, ส่วนแบ่งจากการขายผลิตภัณฑ์จาก Curry Brand, โบนัสจากการแข่งขันต่างๆที่จะให้ เรียกว่ามากมายมหาศาลเกินกว่าเงินที่เค้าทำได้จาก NBA ที่เมื่อจบฤดูกาลปี 2026 เค้าจะรับรวมอยู่ที่ 470 ล้านเหรียญด้วย
แน่นอนว่าเรื่องราวของสเตฟนี้เป็นบทเรียนถึงความใส่ใจและให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่หากมองอีกมุมมันเป็นเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต ทำให้พวกเราคิดไม่ออกจริงๆว่า UA ที่ไม่มีสเตฟเฟน เคอรี่ กับ สเตฟเฟน เคอรี่ที่ไม่มี UA จะเป็นอย่างไร? เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็เหมือนถูกสร้างขึ้นมาซึ่งกันและกันจริงๆ SC30 Curry Brand
บทความโดย: แอดมินเอ้ 23 Mania