Peek-A-Life ชีวิตติดพีค

  • Home
  • Peek-A-Life ชีวิตติดพีค

Peek-A-Life ชีวิตติดพีค เดอะก๊อดเดส ฟอลแล้วหัวใจจะเบิกบาน
?

ครบหนึ่งปีแล้วสินะที่ม้วนเสื่อมาอยู่ออสเตรเลียแบบฉายเดี่ยว ยิ่งมานั่งย้อนดูสิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีนี้แล้วยิ่งภูมิใจ หลา...
19/02/2023

ครบหนึ่งปีแล้วสินะที่ม้วนเสื่อมาอยู่ออสเตรเลียแบบฉายเดี่ยว ยิ่งมานั่งย้อนดูสิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีนี้แล้วยิ่งภูมิใจ หลายครั้งที่มองตัวเองในกระจกแล้วพูดในใจว่า

“ที่ผ่านมาแกพยายามมามากเลยนะ”
“แกทุ่มเททำดีหวังดีกับคนอื่นมามากพอละ”
“ตั้งแต่นี้ไป ถึงเวลาที่แกสมควรจะได้ใช้ชีวิตดีๆ แบบนี้เป็นรางวัลตอบแทนแล้วล่ะ”

แด่ 1 ปี anniversary และปีต่อๆ ไปแบบไม่มีสิ้นสุด

2nd Day with The New Team!
21/10/2022

2nd Day with The New Team!

ความภูมิใจเล็กๆ ในเดือนที่ 8เปลี่ยนงานเก๊งงงงง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รู้ตัวอีกทีเข้ามาอยู่ Gucci แล้วจ้าย้อนความไปตอนเด็กๆ ...
30/09/2022

ความภูมิใจเล็กๆ ในเดือนที่ 8

เปลี่ยนงานเก๊งงงงง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รู้ตัวอีกทีเข้ามาอยู่ Gucci แล้วจ้า

ย้อนความไปตอนเด็กๆ สมัยสิบกว่าปีที่แล้ว พี่สาวเราไปเที่ยวฝรั่งเศส นางซื้อกระเป๋าถือ Louis Vuitton Neverfull MM กับกระเป๋าสตางค์อีกใบกลับมาใช้ที่ไทย พอแม่ถามราคาเท่าไหร่ ไอเราที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ก็อึ้งเลยว่า ถามจริง? เอาอะไรมาแพงก๊อนนน! เราเริ่มเอาชื่อยี่ห้อไปเสิจบนกูเกิล นั่งอ่านไปเรื่อยๆ ด้วยความสงสัยอ่านไปอ่านมาเริ่มลามไปแบรนด์อื่นอย่าง Chanel, Dior, Hermes, Mulberry, Balenciaga จากประวัติแบรนด์ ก็ซอกแซกดู material ที่เค้าใช้ผลิตสินค้าแต่ละชิ้น รวมไปถึงวิธีดู catch fake

และนี่คือจุดเริ่มต้นของการหลงใหลในแฟชั่น เราคอยอัพเดทของจากแต่ละแบรนด์บนเว็บไซต์แทบทุกซีซั่นจนซึมซับมาเรื่อยๆ (ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินซื้อก็เถอะ ก็ยังอยากดูอยู่ดี 55555) ช่วงใกล้จบมหาลัยมีหลายแว้บที่คิดว่าอุ้ยยย! นึกออกละ ว่าเรียนจบแล้วไปขายกระเป๋าดีกว่าคงจะมีความสุขดีได้ล้อมรอบด้วยของสวยๆ งามๆ แล้วยังรายได้ดีอีก

งานแรกที่โดนเรียกสัมภาษณ์ตอนอายุ 22 หลังกลับมาจากเมกาคือ Chanel เราไปด้วยความซื่อๆ ตอบคำถามด้วย personal preference ล้วน แถมยังโดน HR ยิงคำถามเชิงจิตวิทยาปลายเปิดแต่รู้เลยว่าถ้าตอบผิดทางจะแย่แน่นอน ตอนนั้นคิดในใจ นี่คุณพรี่เป็น HR Director หรือจิตแพทย์เอ่ย ออกมาจากห้องสัมภาษณ์เรานี่เบลอไปเลยเหมือนโดน Knock Out ในสนามมวย

หลังจากพลาดงานที่อยากทำ เราก็ไปทำงาน Hospitality ใน รร. อยู่พักนึง แล้วก็ไปทำงานเกี่ยวกับการสร้าง tour itinerary ท่องเที่ยวในแถบยุโรป ต่อด้วยงาน e-commerce BD บริษัทสิงคโปร์สีส้ม แต่เชื่อเถอะเรายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทุก gap ในการเปลี่ยนงานก็ช่างหาทำ

เราเคยไป Prada สัมภาษณ์จนเข้ามาถึงรอบสุดท้าย เมเนเจอร์สามคนยิงคำถามพร้อมกัน อัดจนน่วม ให้ present สินค้าเป็นภาษาจีนอีกแหนะ มั่นใจมากว่าตอบดีได้งานแน่นอน แต่ failed เพราะช่วงนั้นเค้ารับแค่คนเดียว แล้ว candidate อีกคนก็ดันมีประสบการณ์ด้านนี้มา 2 ปี แพ้เห็นๆ

ต่อมากับ Saint Laurent ตกอีกหนึ่งรอบจนชิน

จนล่าสุดก่อนมาออสเตรเลีย เราสัมภาษณ์กับ Louis Vuitton เป็นแบรนด์แรกที่เรารู้จักในชีวิต รู้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวะประวัติ ตอบคำถาม พรีเซ้นท์ตั้งแต่เสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า, น้ำหอม ยันนาฬิกา และได้เข้ามาถึง Final interview จนเราคิดว่าผ่านแน่นอน กรรมการดูแฮ้ปปี้และเอ็นจอยมากในการคุยกับเรา ปักธงไว้ในใจเลยว่าถ้าได้งานนี้ชั้นจะไม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศละ

บุญมีแต่กรรมบัง🙄 สองวันถัดมากรุงเทพประกาศล็อคดาวน์ห้าง ไร้วี่แววอีเมล์จาก HR จนต้องโทรไปถาม คำตอบคือ เนื่องจากล็อคดาวน์ฉุกเฉินบริษัทเลยต้องหยุดการ recruit staff เพราะ staff ที่เข้ามาใหม่ไม่สามารถ make money ในบริษัทได้ค่ะ

และนี่คือความพยามที่ผ่านมา

โอ๊เครรรรรรร ในเมื่อเงินเดือนอันน้อยนิดที่ไทยมันไม่แมชกับ lifestyle ร้อยล้านของชั้น คงถึงเวลาแล้วสินะที่ต้องไปอยู่ในที่ๆ แต่ละอาชีพเท่าเทียมกัน… หาคอร์สเรียน ยื่นวีซ่าผ่านปุ้ปจองตั๋วบินเลย

ภายใน 2 เดือนแรก อยากกลับบ้านเลยอะเหนื่อยชิบๆ น้ำตาจะไหล เพราะอยากลองทำมันทุกอาชีพ นี่ทำขับ Uber ส่งอาหารตามบ้าน, ทำร้านอาหารไทยกึ่ง fine dining, ทำงานออฟฟิศ educational agency, ทำร้านอาหารอิตาเลี่ยน, ฝึกงานร้านชานมไข่มุก, ฝึกงานร้านนวดทั้งเป็น reception และฝึกนวดลูกค้า

เดือน 3-7 โยนทุกงานที่มีทิ้ง ได้โอกาสมาทำกับ Dior เป็นงาน Retail Beauty Consultant/ Makeup Artist ที่สังคมดีต่อใจสุดๆ ทุกคน support ซึ่งกันและกันทั้ง physically & mentally ซึ่งใครที่อยากได้ connection คุณภาพดีๆ อยากก้าวออกมาจาก comfort zone เราแนะนำให้เข้ามาทำงาน Retail จากใจจริง งานสบาย เงินดี สนุก ได้ฝึกษาภาษา ฝึก soft skills ในหลายๆ ด้าน แถมมีเพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้นอีก 3 โหล

เดือนที่ 8 หลังจากสั่งสมประสบการณ์จนเชี่ยว จนเยี่ยว! ด้านการตอบคำถามแบบนางงามตามโลกความเป็นจริง + sense of fashion ที่เคยอ่านและเคยดูผ่านตามา + ประสบการณ์ในการทำงาน retail, ดีลลูกค้าเจ้าปัญหา, เทคนิคการขายที่ชอบฝึกขายกับเพื่อนตัวเองเป็นประจำให้เหมือนต้องมนต์โดนป้ายยา และร้อยล้านงานในอดีต สุดท้ายก็ส่งผลให้วันนี้ตำแหน่ง Full-time Client Advisor ที่ Gucci ตกเป็นของเรา! เย้ 🎉 🥳

ตอนนี้ชั้นเห็นภาพตัวเองเป็นคุณรุจ ในเรื่องเนื้อคู่ประตูถัดไป หลายบทบาทเหลื้อเกิน

เอาจริงนะ เรายังเชื่อว่าความพยายามไม่เคยทรยศใคร มีแต่จะทำให้คุณเก่งขึ้นด้วยซ้ำ และอย่า underestimate ลิมิตความสามารถของตัวเองเลย ยิ่งมาอยู่ต่างประเทศ ยิ่งต้องเซ็ทเป้าหมายให้สูงเข้าไว้จะได้เป็นแรงผลักดัน ถึงพลาดตกลงมาก็ลุกขึ้นมาเริ่มใหม่ให้ไว และหาทางเลือกทางอาชีพให้ตัวเองไว้หลายๆ ทาง นี่คือสิ่งที่เราคิดตอนที่เครื่องบินกำลัง take off จากสนามบินสุวรรณภูมิ

ว่าต่อจากนี้ ชีวิตของเรากำลังจะเปลี่ยนไป

เลย์ตัน

whd stands for wet hair day!💦แอบโดดเรียนมา hiking ในป่าครับวันนี้ 555Alfred Nicholas Gardens เป็นอีกสถานที่นึงที่สวยมากๆ...
16/05/2022

whd stands for wet hair day!💦
แอบโดดเรียนมา hiking ในป่าครับวันนี้ 555
Alfred Nicholas Gardens เป็นอีกสถานที่นึงที่สวยมากๆ ยิ่งเวลาฝนตก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี บรรยากาศดี๊ดี 11 องศาบนเขาพร้อมกับลมเย็นเจี๊ยบ

08/05/2022

“สมัครงานบริษัทใหญ่ยังไงให้เค้าเรียกสัมภาษณ์”

เนื้อหาด้านล่างเราจะแชร์ถึงทริคที่ทำให้หลายๆ อย่างสมูทขึ้นในวันที่สัมภาษณ์งาน ก็หวังว่าโพสต์นี้จะช่วยทุกคนได้บ้าง… บ้างแบบบ้างงง 😆

“พาร์ทเรซูเม่”

1. เราสมัครผ่านแอพ SEEK หรือ เอเจ็นซี่จัดหางาน
2. สมัครซ้ำอีกรอบใน Official Website (ถ้ามี)
3. เรซูเม่ดูดี Professional มีชัยไปกว่าครึ่งเนื้อหาไม่น้อยแต่ก็ไม่เขียนวนเยิ่นเย้อจนเกินไปเพื่อจะทำให้มันเต็มหน้ากระดาษ และจุดสำคัญในประวัติของเราควรจะต้องมีข้อที่แมชกับ requirements ของนายจ้างนั้นๆ ว่าเค้ากำลังตามหาคนแบบไหนอยู่ เพราะฉะนั้นเทอจะเอาเรซูเม่อันเดียวแบบเดิม ไล่สมัครงานทั้วราชอาณาจักรไม่ด้ายยยยยยยยยย
3.1 อายุ เพศ รูปถ่าย น้ำหนัก ส่วนสูง ขอให้ตัดทิ้งไปได้เลย จะสวยมากสวยน้อยก็ไม่ต้องบอก
3.2 ใครยังทำใน Microsoft Word อยู่ขอตีมือหน่อย! กดเข้าเว็บ CANVA เดี๋ยวนี้ แล้วจะเจอทางสว่างในการทำเรซูเม่นะครับ 😌

ขอย้ำทุกอย่างมีขั้นมีตอน ดังนั้นถ้าเทอแค่เอาเรซูเม่ไปยื่นทื่อๆ แล้วพูดว่า ”Hi, I’m looking for a job. Are you hiring? กระดาษแผ่นนั้นจะลงถังขยะจนทำให้เทอนึกถึงละครเรื่องอย่าลืมฉันของแอนทองแน่นอน

“พาร์ทก่อนสัมภาษณ์”

ปกติจะมีอีเมล์จากบริษัทเพื่อทำนัดสัมภาษณ์ส่งมาให้เรา ถ้าแวะดูวิธีการตอบอีเมล์ซักนิดซักหน่อยว่าควรขึ้นต้นลงท้ายยังไง ข้อมูลแต่ละส่วนต้องเว้นกี่บรรทัด เทอจะดูเป็นคนมีความรู้ และมันยังเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นได้อีกเยอะ เพราะในหลายๆ บริษัทคนที่ตอบอีเมล ก็มานั่งสัมภาษณ์เราด้วยเช่นกัน

สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่น Crown Casino เค้ามีเอกสารออนไลน์มาให้หลายชุด เราจะต้องเข้าไปอ่านทุกไฟล์นะ ดูว่าอันไหนต้องปริ้นและเซ็นต์ไว้ก่อนวันสัมภาษณ์ เอกสารส่วนตัวใช้จะต้องพกอะไรไปบ้าง จะได้ไม่ต้องมาล่กหน้างานแบบเราที่เพิ่งมาช็อคตอนปริ้นเอกสารตอนเช้า คือยืนกรอกฟอร์ม 10 หน้า บนแทรมก็ทำมาแล้ว 😵‍💫 555

Dress Code ขอให้ตรงโจทย์ บางที่ขอ Smart Casual ก็ไม่ใช่ว่าใส่เต็มยศเหมือนไปงาน Met Gala หรือบางที่ขอ Professional Look แล้วเสื้อยับ, ใส่ถุงเท้าข้อสั้นจนเห็นข้อเท้า, ใส่คาดิแกนแทนที่จะใส่ blazer หรือสูท, ผูกผมด้วยหนังยางสีๆ ไม่ปาดเจลเก็บลูกผมปล่อยให้รุงรัง ก็ไม่ได้หน่าา โปรดทำให้ตรงโจทย์ด้วย

ทำการบ้านดูประวัติบริษัทซะหน่อย ฝนฟ้าอากาศ ความรู้รอบตัวต้องมีติดไว้บ้าง ห้ามปล่อยสมอง blank เด็ดขาด เพราะถ้า interviewer ถามข้อมูลที่ general แล้วเราตอบโต้ไม่ได้หรือบทสนทนาไม่ smooth เท่าที่ควร เค้าจะ turn off กับเราทันที

ฝึกยิ้ม กล้ามเนื้อจะได้ไม่เกร็งแบบตึงโบเวลานั่งคุยนานๆ ลองเสิจหาและฝึกพูดประโยคทักทาย-ตอบรับใหม่ๆ ให้ชินปาก ที่ไม่ใช่ I’m fine thank you and you เพื่อสร้าง first impression ตอนที่เดินเข้าไปทักทายกรรมการด้วยเน้ออ

“พาร์ทวันสัมภาษณ์”
ขอให้พกเอเนอจี้พลังบวกไปเยอะๆ มีไหวพริบตื่นตัวอยู่ตลอด คอยทักทายชวน candidate คนอื่นๆ คุย สิ่งนี้จะช่วยลดความเกร็งกังวลลงไปได้บ้าง และมันจะเป็นแต้มบุญให้เราตอนทำ group discussion กับเพื่อนๆ ได้อย่างลื่นไหลขึ้นอย่างน่าแปลกใจเลยล่ะ
________________

เอาจริงพิมพ์มาถึงตรงนี้ เหมือนเราจะหาที่ลงให้การเขียนโพสต์นี้ไม่เจอเลยอ่ะ 55555 อาจเป็นเพราะเทคนิคการสัมภาษณ์งานมันไม่ได้มีอะไรตายตัว หรือมีเคล็ดลับพิชิตใจ HR ฉบับ101 ให้อ่าน ถ้าจะให้เขียนเต็มๆ คงจะยาวไปถึงเชียงใหม่แน่เบย

ตัวเราเองเคยไปนั่งคุยกับ Crown Casino, LVMH และ Uniqlo ยังไงถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ หรือจะมาขอสืบคำถามที่กรรมการถามก็ DM มาละกันนะครับ เรายินดีช่วยเต็มที่เพื่อให้เพื่อนๆ คนไทยได้งานที่ดีทำกันนะฮะ✌🏻

“ในวันที่ผมอยากลองเป็น Massage Therapist”ช่วงที่เริ่มทะยอยลาออกจากร้านอาหารไทยอันแสนทรหด, ร้านอิตาเลี่ยนที่มีเจ้าที่ชอบช...
04/05/2022

“ในวันที่ผมอยากลองเป็น Massage Therapist”

ช่วงที่เริ่มทะยอยลาออกจากร้านอาหารไทยอันแสนทรหด, ร้านอิตาเลี่ยนที่มีเจ้าที่ชอบชี้นิ้วสั่งและงานออฟฟิศที่อาจจะน่าเบื่อไปซักหน่อย พอเดินเตะฝุ่นอยู่ซักพักนึง เราก็มองหางานนวดนี่แหละเพราะรู้ว่ารายได้ต่อชั่วโมงอยู่ที่ 900 ~ 1,000 บาท แล้วถ้าเป็นหมอนวดผู้ชายยิ่งจะได้เยอะกว่านี้อีก ปังมากแอนนา!

เราเลยไล่สมัครร้านนู้นร้านนี้จนเจอร้านที่เจ้าของเค้ายินดีสอนให้ฟรี และใจดีกับเรามากๆ ระหว่างเทรนก็ เอ้อสนุกดี ทำได้แหละไม่ยาก มีขนมน้ำกับอาหารไทยให้กินเลยแฮ้ปปี้ตามประสา แค่แอบมีความตกใจเบาๆ ว่า อุ๊! ทำไมนวดไทยที่ต่างประเทศเค้าถอดผ้าผ่อนออกหมดเลยเนอะเหลือแค่ กกน. เรียนจนจำท่าได้หมด กำลังจะเริ่มงานในวันถัดไป แต่บุญบาปยังไม่ทันได้ลงลูกค้าจริง ก็ดั๊นนนนได้งานที่อยากทำพอดี เลยต้องขอโทษพี่เจ้าของร้าน แล้วอำลาวงการนวดไปซะก่อน…

ประสบการณ์จริง จากการสัมภาษณ์เพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักมา แม้ว่าจะเคลมว่าเป็นร้านคลีน 100% พวกนางก็เจอลูกค้าตัวจี๊ดอย่างเลี่ยงไม่ได้กันมาแล้วทั้งนั้น!

(นามสมมุติ)

เอเวอลีน: คนไหนหล่อกล้ามแน่นหนูก็นวดด้วยความรักอ่ะค่ะ นวดแบบโอบอู้มมมม อย่างละมุนทะนุถนอม นวดวนๆ ไป พอได้เห็น ผช. มีความสุขหนูก็มีความสุข

โอลิเวีย: ตอนนวดน้ำมันนะ โอ้โหเอาผ้าปิดจู้ให้มันแล้ว มั้นก็ยังกระตุกผ้าออกเอง ละไม่ยอมใส่กางเกงในด้วย พอเอาขึ้นมาปิดให้ก็ขยับยุกยิกๆ จนผ้าหล่นอีกบอกร้อน ชั้นก็โอเคอยากโชว์ใช่มั้ย ก็โชว์ไปสิจ๊ะเจ้าแหนมตุ้มจิ๋ว

เอมิลี่: แม่งขึ้นเตียงหันตูดส่ายๆ ให้กูแล้วก็ทำเสียงแปลกๆ อู้ววววอ้าาาาา โอ๋วๆ เอ๋งๆ อะมึ้งง แล้วกูต้องทนนวดมันตั้ง 90 นาที จะบ้าตายยย เนี่ยละรอบหน้าแม่งบุ๊คคิวขอนวดกับกูอี้กกกก

จีน่า: ตอนพี่นวดไทยแล้วเข้าไปใกล้ลูกค้า ลูกค้าโน้มหน้ามาใกล้ๆ กระซิบข้างหูพี่ว่า “You’re so beautiful” พี่เห็นแล้วว่าไอนั่นมันตั้ง ซักพักพอนวดไปถึงขาหนีบ อิลูกค้าจับมือพี่ไปรูดให้มันเลยอ่ะ คือหล่อนะแต่พี่ไม่ไหวว่ะจะอ้วกกกก พี่เลยแกล้งเดินไปเอาของแต่จริงๆ ไปบอกเจ้าของร้าน สิ่งที่เข้าของร้านทำได้อย่างเดียวคือ เดินมาเคาะห้องแง้มประตูแล้วถามว่า เอวรี่ติงโอเค๊? แล้วปิดประตูกลับไป แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยูริ: ลูกค้ามันร้องโอ้วฟ้าคคๆๆๆๆ อู้วอ้าาาเสียงดังมากเลยอะ ก็ไม่เข้าใจว่าอะไรจะขนาดนั้น แล้วร้องเสียงดังจนชั้นเดินออกมาข้างนอกลูกค้าคนอื่นถาม นี่ร้านเทอมีบริการเสริมด้วยหรอ … เอิ่ม ไม่มีค่าาาาาา! ชั้นเดินก้มหน้าแล้วรีบเดินเข้าห้องเลย

มีย่า: รายได้ดีจริงไม่จกตาแต่ก็ต้องนั่ง สแตนบายสิบโมงยันสามทุ่มอะ ไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้วนะวันไหนลูกค้าน้อยก็ได้เงินน้อยตามนั้น ทำไปซักพักแกจะรู้สึกเหมือนโดนสูบวิญญาณ หลังก็ปวด นิ้วก็เจ็บ ทั้งเบื่อทั้งอึดอัดที่ต้องอยู่ในห้องมืดๆ สี่เหลี่ยมเป็นชั่วโมงๆ แต่จะมาลองทำก็ได้นะจะได้รู้ว่าชอบมั้ย

อ่านจนมาถึงตรงนี้ มีใครรู้สึกว่าตัวเองสามารถรับและดีลกับเหตุการณ์ข้างบนนี้ได้มั้ยครับ 😂

ถ้าคำตอบคือ ”ได้”
ยินดีด้วย! คุณพรี่คือผู้ผ่านเข้ารอบถัดไป

(เหตุการณ์ที่เขียนรวบรวมมาจากหลายๆ ร้าน ส่วนรูปห้องแดงเป็นเพียงภาพประกอบ)

ข้อดีของอาชีพนี้ก็มี เหมือนกับที่หลายๆ คนรู้กันอยู่แล้ว โพสต์นี้เป็นเพียงอีกมุมมองของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ก้าวเข้าไปทำในอาชีพนี้เท่านั้น โนดราม่าา

03/05/2022

ออสการ์ ไอต้าวน้อนน

ออสการ์ เป็นเพื่อนใหม่ในคลาสตัดผมที่เพิ่งเข้ามาเรียนด้วยกันได้หนึ่งอาทิตย์ ประเดิม First day ด้วยลุคที่โดดเด่นแต่งตัวคลุมโทนสีเขียวหม่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ไว้ผมยาวสไตล์นิปปอนบอย + หน้าตา cute cute ตามสไตล์เด็กเทรนนีเกาหลีและสำเนียงอินเตอร์ของมันทำให้ดูเท่ห์น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด

ลต: เตงๆๆ ชื่อออสการ์ใช่มั้ยมาจากประเทศอะไรหรอ?
อก: ใช่ ผมออสการ์ มาจากมาเลเชีย แล้วนายอะ?
ลต: เราเลย์ตัน เป็นคนไทย ยินดีที่ได้รู้จักน้า
อก: อ๋อคนไทย เดี๋ยวก่อน! ทำไมเสียงไม่เหมือน ส่วนหน้าตานายนี่คนจีนชัดๆ หยั่มมาาาา
ลต: อะไรไม่เหมือนนะ? คนไทยจ่ะเพิ่งบินมาจากกรุงเทพได้สองเดือน
อก: หรอ… (นิ่งไปซักพักเหมือนคิดอยู่ในใจคนเดียว)

ทันใดนั้นมันก็พูดสำเนียงแปลกๆ ขึ้นมาพร้อมทำหน้าท้าทาย ยกคิ้วเบะปาก

ออสการ์: โอ้ววว เลต๊านนน ยูโนแด๊ดเลสสะเตอลอนอี๊ดโซเก๊ด เดแฮ้บไล๊ซาปาเก้ดตี้ แอนเมนี่ติงๆ โซดีลีเชี้ยดน้าาา ดูยูอันเด้อสะแตนว้อดไอแอมเซอิ้ง?
ลต: อ๊อดก้าาาา ไออันเด้อสะแตนออว้อดอายูทอกกิ้งอะเบ๊าาาา คู้ดยูพี้ดช้าดเดอะฟ้าคอ้าบ… นี่มึงพรูฟความเป็นไทยของกูด้วยการมู่ลี่สำเนียงอยู่หรออิออสการ์!!
ออสการ์: 55555555555555 (ขำพุ่ง) ก็มึงหน้าตาไม่เหมือนเพื่อนกูอะ อ่ะแต่พรูฟสำเนียงแล้วไทยแท้นี่เนอะ โทดทีนะโบรรรรรร๋ เนี่ยผมอยู่มาสามปี มีเพื่อนไทยตั้งหลายคนแหนะ เวลาพูดเค้าจะพูดเสียงแบบนี้ผมว่าน่ารักดีออก (พร้อมทำหน้าแบ๊วปากแจ๋ว พูดเป็นเสียงไทยว่า “น๊าร้ากกกกกกกก”)
ลต: ว้อดดดดเอ๊เวอออออออ🙄 (เดินหนี)

encourage ให้ทุกคนมั่นใจในสำเนียงของตัวเองนะครับ ฝึกบ่อยๆ และขอแค่สื่อสารเข้าใจก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ขนาดคนต่างชาติเค้ายังเอ็นดูและหลงเสน่ห์สำเนียงไทยๆ เลย เราว่าอะไรที่ออกมาโดยธรรมชาติ ไม่ฝืนเกินไป มันล้วนสง่างามเสมอครับ

ตอนพักเที่ยงชวนนางไปกินข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยกัน ก็พบว่า อหหหหหหหหห. มึงนี่เป็นคนกวนตีนจังรี้จังไรระดับ 10 เกิน expectation ไปหลายเวลอยู่เหมือนกันนะออสการ์ 55555555

และจากวันนี้ไป my class จะบันเทิงแน่นอน

Uber Eats อาชีพที่ขับจนหน้าชาลมพัดตึ้ง จะได้เงินเยอะฝันๆ อย่างคนอื่นมั้ยนะ?วันแรกที่ได้ลองจักรยานในสวนสาธารณะนี่มันฟีลดี...
02/05/2022

Uber Eats อาชีพที่ขับจนหน้าชาลมพัดตึ้ง จะได้เงินเยอะฝันๆ อย่างคนอื่นมั้ยนะ?

วันแรกที่ได้ลองจักรยานในสวนสาธารณะนี่มันฟีลดีจริงๆ เลยเว้ย หัวเราะอิ๊อ๊ะกับเพื่อนว่าหวานหมูแน่นอนงานนี้ วันรุ่งขึ้นตัดสินใจควักเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่ในบัญชี ซื้อจักรยานแบตหมวกกระเป๋าที่ล็อคล้อ ตีกลม 40,000 บาท ซึ่งก็เป็นตามที่คิด เราคืนทุนกลับมาภายใน 2-3 อาทิตย์แม้ไม่ได้ขับทุกวัน มาดูกันว่ารายได้ของอูเบอร์มาจากส่วนไหนกันบ้าง

1. เงินอัดฉีด ~18,000 บาทเมื่อสมัครผ่านและขับไปส่งครบ 30 บ้าน

2. ภารกิจประจำวัน เช่น ส่งครบ 5 บ้าน ได้เพิ่ม 600, ส่งครบอีก 10 บ้าน ได้เพิ่ม 1,200 ภารกิจจะไล่จำนวนเงินขึ้นไปเป็นขั้นบันได

3. มาจากการ Boost ในแต่ละพื้นที่ก็คูณไปสิตั้งแต่ x1.2 จนถึง 2.0 โซนไหนให้เยอะก็ไปขับโซนนั้น

ตัวเราเองเคยทำได้สูงสุด 7,600 ต่อวัน (รวม mission + boost) ขับ 11 โมงถึงบ่ายสอง กลับมาพักแล้วไปอีกรอบ 5 โมงถึงสามทุ่ม totally 7 ชั่วโมง!

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงตาลุกวาวกับเงินที่ได้ในแต่ละวันลองคิดดูสิ ถ้าทำได้แบบนี้ทุกวันจะดีขนาดไหน แต่ในโพสต์นี้เราขอพูดถึงความจริงหน่อยได้มั้ยพี่จี้ว่าาาาา…

1. เงินที่ได้ไม่ STABLE เพราะภารกิจประจำวันไม่ได้มีให้ตลอดทั้งเดือน

2. ยิ่งรอบขับเยอะโปรโมชั่นที่คุณได้จะหินขึ้นเรื่อยๆ ระยะทางที่ได้ก็ไกลขึ้นๆ จนท้อใจเลยแหละ

3. ต้องคอยดูฟ้าดูอากาศ เพราะวันฝนตกจะเป็นโชคร้ายของเทอแน่นอน ถนนลื่นกว่าครีมนวดซันซิลค์ยิ่งขับผ่านรางรถแทรมนะขอให้ระวังเพราะมีเพื่อนลื่นรถล้มจนได้แผลมาแล้ว แถมน้ำฝนไหลเข้ากระเป๋าอาหารอีก

4. ออเดอร์ไม่ได้เด้งตลอดบางทีขับวนข้างนอก 30 นาที ยันกลับมานั่งในบ้านอีก 20 นาที 0 ออเดอร์ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

5. ทำเป็นงานเสริมถือว่าโอเค แต่ถ้าชอบพบปะผู้คนฝึกอัพสกิลให้ตัวเองอยู่เรื่อยๆ แนะนำหาทำอย่างอื่นเป็นงานหลักอาจจะตอบโจทย์ชีวิตมากกว่า

และทุกวันนี้น้องได้กลายเป็นจักรยานพ่อบ้านไปแล้ว ส่วนมากก็ไว้ซื้อของหนักๆ ตามตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต มีออกขับบ้างประปรายตามจังหวะที่ร้อนเงิน 55555555

โน้ตเต็ด: ฝากถึงอีกประเด็นที่มีคนโพสต์รายได้อู้ฟู่จากอูเบอร์แล้วชวนคนใหม่ๆ เข้ากลุ่มไลน์กลุ่มเฟสเพื่อช่วยเหลือตอนสมัครครั้งแรก จะบอกว่ารายได้ที่เห็นนั้น ส่วนมากมาจากการ refer friends เค้าได้กันหัวละ 6-7 พันบาท และมันก็จะโชว์อยู่ในรายได้รวมนั่นแหละ ก็ถือว่าเป็นอีกอาชีพรายได้ปังที่เกิดขึ้นในวงการอูเบอร์ละกันเนอะ 😂

มารีรีเท่านี้ บรัยยยยยยยยยยยยยยย

ฝากกดติดตามเพจเป็นกำลังใจหน่อยนะค้าบ 🤍

01/05/2022

บรรยากาศทำงานวันแรกในห้างออสเตรเลียย!

30/04/2022

“เมื่อผมได้งานดิออร์”

เชื่อว่าโอกาสในต่างประเทศมีอยู่เต็มไปหมดเหมือนกับฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ ถ้าขยันปัดขยันคว้ายังไงก็ต้องโดน!!

หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด 2 เดือนในออสเตรเลียในที่สุดก็ได้งานที่ดีซักทีคร้าบบบ

จริงๆ นี่เป็นคนที่ทำได้หลายอย่างแต่ยังไม่สุดซักทางนะ 55555 ตั้งแต่เด็กทุกครั้งที่เห็นคนอื่นพยายามในเลเวล 1 แล้วสำเร็จเลย จะคิดในใจเสมอว่าชั้นต้องพยายามทำให้ถึงเลเวล 5 อีกแล้วหรอเพื่อจะเก่งให้ได้เท่าเค้าอะ ซึ่งเหนื่อยมาก ท้อและโคตรเซ็ง แต่ยิ่งโตขึ้นสิ่งที่เราเคยทำมามันเห็นผลว่ะ เหมือนเราเอา 10 ล้านสกิลที่เคยหยิบจับและจำจากคนนี้นิดคนนั้นหน่อยมาปรับและผสมกันจนกลายเป็นเราในทุกวันนี้

เมื่อปีสองปีก่อนเราเคยฟัง podcast ของ The Standard (ข้อความอาจจะไม่เป๊ะ แต่ใจความประมาณนี้ล่ะ) มีพี่คนนึงเค้าพูดว่าถ้าจะให้เลือกคนมาทำงานด้วย 1 คน นั่งสัมภาษณ์คนสองคนในเวลาเดียวกันแล้วพบว่า นาย A เป็นคนที่เก่งอะไรเฉพาะทางมากๆ เพียงอย่างเดียวตรงตามที่เค้าตามหา กับนาย B ที่เก่งไม่เท่า ทำได้หลายอย่างนะแต่ยังไม่สุดซักทาง เค้าจะเลือกนาย B ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะโลกหมุนไปตลอดไม่มีอะไรแน่นอน ซึ่งเค้าเห็น fluidity ในตัวคนๆ นั้นและเชื่อว่าวันนึงนาย B จะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพราะอาจมีสกิลอยู่ในมือถึง 10 อย่างที่สามารถจับมาพัฒนาต่อได้หมดเลย

พอมาอยู่ที่นี่ชั้นก็ตั้งใจจะพิสูจน์ความเป็นนาย B ของตัวเอง ด้วยการสมัครงานล้านแปดทั่วเมลเบริ์นแล้วไปนั่งสัมภาษณ์กับ HR ของแต่ละบริษัทเพื่อ observe สิ่งที่เค้าต้องการในตัวเรา ท่ามกลาง this competitive time อะยู คนสมัครออนไลน์เป็นหลายร้อยคนแล้วสุดท้ายเค้าต้องการอะไรจากตัวกูวะ? นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ระหว่างทางก็เอ็นจอยมากกับ group discussion/activity ที่บริษัทจัดขึ้นเพื่อคัดคน คือบรรยากาศแต่ละที่ชั้นนึกว่าสัมภาษณ์ลูกเรือ จริงจังมากก เมื่อก่อนกลัวนะแต่ตอนนี้สนุกเพราะอยากไปสืบทริคของคนอื่น 55555 สืบไปสืบมาก็สรุปได้ว่าชั้นภูมิใจในการเป็นนาย B แบบนี้ของชั้นเนี่ยแหละ ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณตัวเองที่ยังมีสติ handle กับสถานการณ์แย่ๆ ที่ผ่านมาได้อยู่

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ บรัยยยยยยย

แวะมาย้อนรอยกันหน่อยเพิ่งจะมีเพจเป็นของตัวเอง 55555555 เราเคยโพสต์ไปในกลุ่มทีมออสเตรเลียตอนเพิ่งได้วีซ่าสดๆ ร้อนๆ ขอแปะไ...
30/04/2022

แวะมาย้อนรอยกันหน่อยเพิ่งจะมีเพจเป็นของตัวเอง 55555555 เราเคยโพสต์ไปในกลุ่มทีมออสเตรเลียตอนเพิ่งได้วีซ่าสดๆ ร้อนๆ ขอแปะไว้หนึ่ง!

ช่วงนี้วีซ่าออกกันรัวๆ ของเราก็เพิ่งผ่านเลย✨👏🏻
4 มกรา ยื่นวีซ่า
10 มกรา ตรวจสุขภาพและสแกนนิ้ว
4 กุมภา GRANTED!
คุณอาเป็นคนสปอนเซอร์ให้ ยื่นแค่ Bank Guarantee 900K
หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายทุกขั้นตอนเราเป็นคนออกเอง 100% ซึ่งบางช่วงบางตอนอาจจะดูเขียมไปบ้างก็อย่าว่ากันนะครับ🤪
🧘🏻 มาตั้งสติไปพร้อมกัน แล้วลองบวกค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่เป็น A MUST ก่อนเข้าเรียนนะครับจะได้เห็นภาพชัดๆ (ว่าแล้วก็หายใจเข้าลึ้กกกกกๆ)
- มัดจำค่าเรียน 66K
- วีซ่า 16K
- GTE 5K (เขียนเอง) เอเจ้นจะให้บูลเล็ทพ้อยมาครับว่าต้องเขียนอะไรบ้างเราแค่เขียนตามสิ่งที่สถานทูตเค้าอยากรู้ครับ (งดขอตัวอย่างน้า) เอเจ้นไล่เราให้ไปแก้เพิ่มเกือบสิบรอบครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากสบายจ้างเลยครับ เราเขียนมาเกือบถึงตอนจบแล้วกลับตัวไม่ทัน 555
- ประกันสองปี 30K
- อุปกรณ์การเรียนมีเฉพาะปีแรก 42K
- มัดจำบ้าน 20K
- ตั๋วเครื่องบิน 10K - 25Kขึ้นอยู่กับสายการบิน
- ค่าเช่าบ้านเดือนแรก 20K
ทั้งหมดประมาณ 220K~
(ยังไม่รวม pocket money)
รีวิวนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยน้า
มาๆ ขอเล่าเรื่อง
เริ่มจากเราแพลนมาอย่างดีตั้งแต่ปลายปี 2019 เพื่อจะแข่งกดโควต้า Work and Holiday Visa แต่ก็โดนโควิดทำพิษก่อนที่ ดย. จะเปิดรับซักเดือนสองเดือน ตอนนั้นจำได้ว่าเศร้ามากเลยครับ นั่งเซ็งกันอยู่กับเพื่อนสองคน หลังจากทำนายทายทักสถานการณ์ที่ย่ำแย่แล้ว เราก็เลยต้องหาแพลน B นั่นก็คือการไปเรียนนั่นเองงงง 😂
แต่การไปเรียนครั้งนี้เราต้องหาคอร์สเพื่อไปให้ถึงอาชีพในลิสต์ที่ออสเตรเลียต้องการให้ได้ ในหัวเราที่นึกออกและคิดว่าน่าจะทำได้คือมีแค่เรียนเชฟ เรียนอิ้ง เรียนผู้ช่วยทันตแพทย์ เรียนแลนด์สเคปอาคิเทค เรียนช่างซ่อมเครื่องบิน เรียนเนิร์ส และเรียนทำผม
ประวัติของเราคร่าวๆ
- อายุ 25 เรียนจบมาแล้ว 3 ปีกว่าๆ ย้ายงานทุก 1 ปี เพื่อค้นหาตัวเองว่าเราชอบทำงานจากความรู้ที่เคยเรียนมาจากมหาลัย หรือจริงๆ แล้วต้องการทำงานจากที่เริ่มจากความชอบความถนัดกันแน่
- ตอนนี้ทำงานบริษัทแอพช้อปปิ้งสีส้มชื่อดังแห่งหนึ่งที่ทุกคนมีโหลดติดมือถือ ด้าน E-Commerce Business Development ก่อนหน้านั้นทำบริษัทสัญชาติ SWISS เกี่ยวกับทัวร์ท่องเที่ยวในโซนยุโรป และก่อนหน้านั้นอีกทำงานโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทมา
- จบจากเอแบคด้าน Business
- ภาษามียื่น TOEIC 825 และ HSK4 ไป
- เคยไป work & travel ที่อเมริกา
- เคยทำงาน part-time งานเบเกอรี่และงานครัวร้อนในโรงแรมตอนปิดเทอม
จากอาชีพที่เราลิสต์มา
❌ เชฟ ตอนทำ part-time แทบไม่ได้พบปะคนข้างนอก เมื่อยขามากยืนก้มจนปวดหลังร้าวทั้งตัว ไม่หนุกเหมือนตอนดูมาสเตอร์เชฟ SS2 หรือตอนควงตะหลิวทำอาหารเองที่บ้าน 😮‍💨 อยากเจอเชฟป้อมมมม!!!
❌ อิ้ง พูดได้แล้ว ถ้าจะไปเรียนซ้ำก็เสียดายเงินและเวลา
❌ ผู้ช่วยทันตแพทย์ แอบแพงกลัวหาค่าเรียนไม่ทันและเรียนนานสามปีกว่าจะจบหลักสูตร
❌ อาคิเทค ถึงจินตนาการในหัวจะสวยงามดั่ง backyard ของราชวังแวร์ซาย แต่เราวาดรูปห่วยแตกมาก คุณครูเห็นแล้วต้องกุมขมับ วิชาเขียนแบบเราได้ 6 เต็ม 10 ประจำ
❌ ช่างซ่อมเครื่องบิน ยอมตัดทิ้งเพราะกลัวจะไปเป็นดาวในหมู่พี่ช่าง 55555555หยอกๆ🤪 จริงๆ แล้วคอร์สนี้แพงเกินบัทเจ็ทหลายแสน รวมถึงที่เรียนอยู่ไกลเกิน
❌ ป. ตรี / ป. โท คือพักกกก พักก่อน กว่าฉันจะหลุดมาจากมหาลัยได้นั้นทรมานเหลือเกิน ชั่วโมงเรียนเยอะการบ้านเยอะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองไม่พอแน่ๆ เห็นค่าเทอมแล้วถึงกับผงะ อีกอย่างเราไม่อยากไปอยู่ใน environment ที่เป็น Academic ขนาดนั้นอีกแล้ว
ระหว่างทางก็เก็บเงินก้อนแรก + ศึกษาหาข้อมูลคอร์สอื่นๆ เพิ่มเติม จนปลายปี 2020 ก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าไอ้เราก็ชอบด้านบิวตี้ตั้งแต่เด็กนี่นา มาแนวนี้น่าจะแฮ้ปปี้ดี พอดีเรามีเพื่อนสมัยมัธยมทำงานเป็นช่างแต่งหน้า เคยไปวิ่งเล่นในกองถ่ายนางบ้าง ถึงค่อยไม่ได้เจอหน้าก็ชอบแซวเล่นกันตามไอจีสตอรี่เป็นประจำ เราเลยขอไปช่วยบ้างบางโอกาสเพื่อถ่ายรูปตัวเองตอนจับๆ ผมให้นางแบบแล้วเก็บใส่พอร์ต พร้อมเรียนคอร์สตัดผมออนไลน์ที่ซื้อในเว็บ Reeds.co.uk ราคา £10 เพื่อเอาใบประกาศมายื่นประกอบวีซ่าให้ดูมีแรงจูงใจและหนักแน่นมากขึ้น
สรุปคอร์สที่เราลงคือ Cer III of Hairdressing + Diploma of Salon Management ที่ TMG College ในเมืองอาร์ทตึกเก่าๆ ฟีลผสมยุโรป มีคาเฟ่ปุ้กปิ้กทั่วเมืองและมีแทรมฟรีอย่างเมลเบิร์นเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งคอร์สนี้ค่อนข้างจะขัดกับประวัติที่ผ่านมาของเรามากๆ เลยครับ แต่ก็ต้อง make it happen อะเนอะ😋 ***ขอย้ำว่า GTE เป็นจุดสำคัญมากแม้ว่าจะจ้างเอเจ้นเขียน ก็ต้องจำรายละเอียดทั้งหมดให้ได้ และรีเช็คด้วยตัวเองว่าจุดไหนที่ข้อมูลเราตกหล่นนะครับ
รร. นี้ไม่ต้องเสียเงินสอบไอเอลน้า เค้ามีข้อสอบของสถาบันให้เทสระดับภาษา หรือถ้าใครมีแล้วก็ยื่น ielts 5.5 ได้ครับ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้อยากทุกคนให้เลือกในสิ่งที่ชอบจริงๆ นะครับ เพราะมันจะกลายเป็นอาชีพที่อยู่ติดตัวกับเราไปอีกหลายปี หรือถ้าใครยังไม่แน่ใจกับความต้องการหรือความชอบของตัวเอง การไปเรียน Business 1 ปี หรือ English 6 เดือนเพื่อลองใช้ชีวิตที่นั่นก่อนว่าชอบมั้ย เราว่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันครับ
ฝากไว้อีกเรื่องในการเลือกเอเจ้น เราคุยประมาณ 10 เอเจ้นโทรคุยเป็นชั่วโมงแทบทุกที่ เจอเหวี่ยงบ้าง ตอบส่งๆ บ้าง ราคาเวอร์บ้าง รู้ไม่จริงบ้าง ขอให้ทุกคนเลือกที่ๆ ดูแลใส่ใจเราดีให้ข้อมูลชัดเจนและถูกชะตา ถ้าได้ตามนี้ก็จะทำให้ลดความกังวลและความเหนื่อยลงไปได้มากเลยครับ
wishing both you guys and I have best luck
โชคดีนะครับ ขอให้วีซ่าผ่านแล้วตามกันมาเยอะๆ น้าาา
♥️

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Peek-A-Life ชีวิตติดพีค posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share