06/11/2022
ทำความรู้จักเทรนด์ Waithood
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้ 30 ยังโสด
เดินไปไหนมาไหน ป้าข้างบ้านก็เอาแต่ถามว่า “สามสิบแล้วเมื่อไหร่จะแต่งงาน ?” ไอ้ลำพังแค่ทำงานก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว แต่พอต้องแบกภาระความโสดเป็นป้ายคล้องคอไปไหนมาไหนด้วยก็ยิ่งเฟลเข้าไปใหญ่ ปกติอยู่แบบโสด ๆ ทำตัวชิลล์ ๆ ก็รู้สึกโอเคกับตัวเองแต่ทำไม๊...กลับรู้สึกแบกความหวังของใครต่อใครติดตัวไปด้วยตลอดจนกลายเป็นความกดดันที่จะตอบคำถามว่า “ป่านนี้แล้วทำไมยังโสด”
จริง ๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่รู้สึกอย่างนั้น แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับคนโสดทั่วโลกโดยเฉพาะผู้หญิง จนความโสดกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนทั้งโลกที่เรียกว่า ‘Waithood’ ที่อธิบายถึงสถานการณ์ชองคนหนุ่มสาวทั่วโลกที่ยังไม่แต่งงานและรอคอยการมีคนรักจากคนที่ใช่ ซึ่งมีนัยสำคัญจากปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการเงิน
คำว่า ‘Waithood’ เริ่มใช้ครั้งแรกโดยนักรัฐศาสตร์ ไดแอน ซิงเกอร์แมน (Diane Singerman) ในปี 2007 เพื่ออธิบายถึงระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นของวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่ ‘รอคอย’ ทั้งเรื่องการงานที่มั่นคง รวมไปถึงการแต่งงาน ซึ่งคำนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกลงในหนังสือ Generation in Waiting ในปี 2009 โดยอธิบายคำนี้ว่าภาวะ ‘Waithood’ มักเกิดขึ้นผ่านปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเงิน และอีกปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่งคือ แนวคิดและมุมมองเรื่องการเป็นโสดว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และสามารถวางแผนชีวิตการอยู่คนเดียวได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคู่ครอง และที่สำคัญคือความรู้สึกที่ว่าการแต่งงานอาจเป็นการผูกมัดชีวิตและสร้างภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นทั้งที่อาจยังไม่พร้อม ซึ่งเป็นผลมาจากสถานะทางเศรษฐกิจของสังคมที่ไม่สู้ดี
จากการวิจัยโดยการทำการสำรวจของ Nancy Smith-Hefner ในนักศึกษามหาวิทยาในอินโดนีเซียเพื่อศึกษาว่า “ทำไมปัจจุบันคนส่วนใหญ่ถึงเลือกที่จะแต่งงานช้าลง” จึงพบว่า สภาวะ Waithood นั้นมักจะเกิดความเปลี่ยนแปลงกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งเรื่องการศึกษา การทำงาน ที่ผู้หญิงมีโอกาสมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงมุ่งเน้นไปที่การประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าการค้นคว้าหาความรัก
Waithood มักสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ เพราะผู้หญิงยุคใหม่สามารถมีสิทธิ์ในหลายอย่างเทียบเท่ากับผู้ชาย สามารถมีการศึกษาที่สูง และทำงานหาเงินเก่ง จนผู้ชายบางคนอาจเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่างจากสมัยก่อนที่ผู้หญิงมักได้เรียนในระดับไม่สูงมาก ต้องออกเรือนเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกและให้ผู้ชายเป็นหัวหน้าครอบครัว การแต่งงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผู้หญิงยุคใหม่ให้คุณค่ากับประสบการณ์ชีวิต การงาน การเงิน การท่องเที่ยวแบบอิสระ มากกว่าการเป็นแม่บ้านเพียงอย่างเดียว รูปแบบของการมีความสัมพันธ์และมีครอบครัวจึงเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้จำกัดเพียงการแต่งงานแล้วมีลูกเท่านั้น จึงทำให้ Waithood ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นทั่วโลก
เทรนด์นี้ยังทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่า การมีคนรักในวัยผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้มีความสุข ในทางกลับกัน ความสุขในวัยนี้ มันก็ยังมาจากหลายๆ ทาง อย่างเช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ทำอาหาร ท่องเที่ยว หรือเล่นเกม เป็นต้น
ในอดีตเรามักถูกสั่งสอนว่าหากทำบุญมาดี เราจะได้คู่ครองที่ดีและมีความสุขร่วมกันไปตลอดชีวิต ถ้าไม่มีคู่ครองสุดท้ายก็จะเฉา และใช้ชีวิตวัยชราอย่างเดียวดาย ซึ่งแนวคิดนี้ แต่ในวันนี้เมื่อผู้คนมีอิสระในการค้นหาตัวตน ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง จึงเลือกที่จะอยู่เป็นโสดเพื่อรอเจอ ‘คนที่ใช่’ มากกว่าจะต้องรีบเร่งให้ ‘ใครก็ได้’ เข้ามาในชีวิต เพราะการเลือกคู่ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ การให้เวลาได้ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล
ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะอายุสามสิบ สี่สิบ ห้าสิบ หรือเท่าไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงตัวเลข และจะมีคู่ครองหรือพบรักแท้หรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา หากคุณมีแผนการสำหรับชีวิตที่วางไว้อย่างชัดเจน และสามารถหาความสุขจากสิ่งรอบข้างได้ การอยู่คนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือผิดบาปแต่อย่างใด
#ไม้บรรทัดก้าวหน้า #30ยังโสด #เป็นโสด #แต่งงาน #คนรัก #ความรัก #คู่ชีวิต #เทรนด์