
11/01/2025
10 ความเป็นเด็กสู่ความเป็นสุข
---
1. อยู่กับปัจจุบัน:
จะว่าไปเด็กก็คล้ายแมว พวกเค้าจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า คนตรงหน้า ขนมตรงหน้า ของเล่นตรงหน้า ธรรมชาติตรงหน้า สัมผัสสิ่งเหล่านั้นอย่างเต็มเปี่ยม จึงสนุกและได้รับความรู้สึกเต็มร้อย ขณะที่ผู้ใหญ่มักเอาใจไปอยู่กับอดีตและอนาคต มีทั้งความกังวล ความรวดร้าว ความว่อกแว่ก ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ค่อยรับรู้สิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่
2. กล้าถาม:
เด็กสงสัยอะไรก็ถาม ไม่มีความกลัวแบบผู้ใหญ่ว่าจะถูกมองว่าโง่ ทำให้เด็กได้เรียนรู้อยู่ตลอด ทุกวันของเด็กคือการเรียนรู้ ขณะที่ทุกวันของผู้ใหญ่คือความกังวล เก็บคำถามไว้กับตัว นอกจากไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่อาจทำให้เข้าใจผิดจากการตีความไปเองได้ด้วย
3. มองโลกในแง่ดี:
เวลาเล่นกับเด็ก เราจะเห็นว่าเขาสามารถสนุกกับเรื่องต่างๆ ได้ มองความผิดพลาดเป็นเรื่องขำขัน ทำงานบ้านก็สนุกได้ เจอฝนตกก็ออกไปเล่น การมองในแง่ดียังทำให้กล้าจินตนาการด้วย เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ ส่วนผู้ใหญ่นั้นมักมีแนวโน้มคิดไปในทางระแวง เห็นปัญหา และทิศที่เป็นลบมากกว่า
4. เห็นความสุขจากเรื่องง่ายๆ:
เรื่องนี้ทำให้โลกของเด็กเต็มไปด้วยความสุข แต่ดอกหญ้าก็เล่นได้สนุกแล้ว แค่เห็นรุ้งก็เหมือนหลุดไปในเทพนิยาย ไอติมอร่อยก็มียิ้มปรี่ ได้เล่นกับเพื่อนก็เหมือนขึ้นสวรรค์ ผู้ใหญ่เงื่อนไขเยอะกว่าจะมีความสุขก็ต้องประสบความสำเร็จนู่นนี่เต็มไปหมด
5. ไม่กลัวล้มเหลว:
เด็กไม่มีคอนเส็ปต์ของ 'ความล้มเหลว' มันแค่เป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น แล้วเขาค่อยๆ เรียนรู้และเติบโตจากมัน อย่าตอนหัดเดิน หัดขี่จักรยาน ก็ล้มครั้งแล้วครั้งเล่า เจ็บแต่ไม่เลิก ยังพยายามต่อ เพราะไม่มีคำว่า 'ล้มเหลว' มาทำให้เจ็บใจ ในแง่หนึ่งก็มีความกล้าที่จะพยายามต่อไปเรื่อยๆ ผู้ใหญ่กลับเป็นคนที่กลัวล้มเหลวจนไม่กล้าเริ่ม หรือพอล้มลงก็ไม่อยากพยายามอีก เพราะความล้มเหลวดูเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกิน
6. ให้อภัยเร็ว:
เด็กไม่เก็บสะสมความแค้น กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ง่าย ฉะนั้นเวลาเพื่อนหรือใครทำให้โกรธ เมื่อปล่อยโฮออกมาก็สามารถกลับไปเล่นกับเพื่อนคนนั้นได้อีก ไม่สะสมบัญชีแค้น ทำให้ใจเบา ชีวิตเบา มีเพื่อนเล่นเยอะ ผู้ใหญ่บางคนสะสมความแค้นจากเหตุการณ์หนึ่งครั้งเอาไว้จนถึงลมหายใจสุดท้ายเลยทีเดียว
7. หัวเราะง่าย:
เล่นกับเด็กมีแต่เสียงหัวเราะ สะท้อนว่าเด็กมีความสุขง่าย เป็นเพราะตั้งเงื่อนไขไว้น้อย ทั้งคน เหตุการณ์ สถานที่ เด็กสามารถอารมณ์ดีได้ด้วยปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ หัวเราะร่าในแบบที่เราต้องหัวเราะตาม ผู้ใหญ่บางคนยิ่งเติมโตขึ้นยิ่งสงวนเสียงหัวเราะ แล้วสร้างเงื่อนไขมากมายให้ชีวิต
8. ยืดหยุ่น ปรับตัวเก่ง:
เด็กมีอัตตาน้อย ยึดติดความเคยชินกับเรื่องต่างๆ น้อย จึงไม่มีปัญหาเวลามีบางอย่างเซอร์ไพรส์ เช่นถ้าบอกจะไปทะเล แต่เปลี่ยนไปเที่ยวป่าโกงกาง เด็กสามารถสนุกกับสถานที่ใหม่ได้โดยไม่ยืนยันว่าต้องเป็นสิ่งที่วางแผนมา ผู้ใหญ่มักยึดติดกับสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าไว้หรือเคยชิน พอเจอความเปลี่ยนแปลงจึงไม่ยืดหยุ่นพอ
9. มีจินตนาการไร้ขีดจำกัด:
ในโลกของเด็กทุกสิ่งเป็นไปได้ กล้าฝัน กล้าจินตนาการถึงทุกอย่าง สร้างสะพานขึ้นไปดวงจันทร์ ย้อนเวลากลับไปขี่ไดโนเสาร์ ดำลงไปใต้ผิวโลก คุยกับมนุษย์ต่างดาว ฯลฯ เด็กจึงสร้างสรรค์ได้ไม่รู้จบ สนุกกับความคิด ไม่ติดกรอบความจริงอันน่าเบื่อ ผู้ใหญ่มักตีกรอบตัวเองด้วยความเป็นจริง เหตุผล งบประมาณ ความเป็นไปได้ ทำให้บางทีคิดออกแต่สิ่งเดิมๆ
10. ไม่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ:
เด็กๆ ทำทุกอย่างโดยไม่คาดหวังว่าต้องเลิศเลอ เพียงได้ลอง ได้ทำ ได้สนุกไปกับมัน ภาพวาดเด็กอาจไม่สวยสุดๆ แต่มีเสน่ห์ เป็นธรรมชาติ เขาได้ลองทุกอย่างที่อยากลอง วิ่งเล่น เตะฟุตบอล เล่นดนตรี ระบายสี กระโดดน้ำ ฯลฯ เพราะที่จริงเราสามารถทำอะไรก็ได้หากไม่คิดว่ามันจะ 'ดีที่สุด' หรือ 'ไร้ที่ติ' ผู้ใหญ่บางคนไม่กล้าทำสิ่งที่อยากทำเพราะกลัวทำได้ไม่ดี ทำแล้วมีข้อบกพร่อง สุดท้ายเลยไม่ได้เรียนรู้และลงมือทำ
เรายังสามารถปล่อยให้ 'เด็กน้อย' ในตัวออกมาวิ่งเล่นได้ในหลายช่วงเวลา เพื่อสร้างสมดุลกับความเป็นผู้ใหญ่-ซึ่งก็มีประโยชน์และจำเป็น แต่ถ้าใช้ความเป็นผู้ใหญ่มากไปชีวิตอาจจืดชืด เคร่งเครียด ไร้จินตนาการ
อยู่กับปัจจุบัน-กล้าถาม-มองโลกในแง่ดี-เห็นความสุขจากเรื่องง่ายๆ-ไม่กลัวล้มเหลว-ให้อภัยเร็ว-หัวเราะง่าย-ยืดหยุ่นและปรับตัวเก่ง-จินตนาการไร้ขีดจำกัด-ไม่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ
ลองสังเกตสิครับ ผู้ใหญ่ที่ยังรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ได้มักมีชีวิตที่เบาสบาย ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ มีเพื่อนฝูงมากมาย และมีความสุข
อย่าลืมรักษา 'เด็กน้อย' ในตัวไว้ และปล่อยให้เขาได้ออกมาวิ่งเล่นบ้างในบางเวลา
'เด็กน้อย' ในตัวอาจทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักขึ้น
#นิ้วกลมบันทึก