25/04/2021
เพจเราไร้สาระมาก! รับความรู้กันหน่อยยยยย
"Blockchain" เทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและลือกันว่าจะมาพลิกโฉมโลกแห่งเทคโนโลยี แท้จริงมันคืออะไร? มีกี่ประเภท? ทำไมคนทั่วโลกถึงให้ความสนใจกันมาก? มาหาคำตอบกันกับ Grajarng เพจที่เสนอเรื่องราวและข้อสงสัยต่างๆ ให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
------------------------------------------------------------------------
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1991 Stuart Haber และ W. Scott Stornetta ได้คิดค้นการเก็บข้อมูลในรูปแบบของบล็อกที่ต่อกันเป็นทอดๆเหมือนห่วงโซ่ และได้ชื่อว่า "Blockchain" ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 มีบุคคล (หรืออาจจะเป็นกลุ่มบุคคล?) ที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ได้นำแนวคิดนั้นมาปรับใช้และเพิ่มระบบ hashing จนเกิดเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ปัจจุบันไม่ว่าใครก็คงต้องรู้จักกันในนามของ "Bitcoin" และด้วย Blockchain เวอร์ชั่นนี้มีความปลอดภัยมาก เนื่องจากไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลได้เลย ระบบของสกุลเงิน Bitcoin จึงกลายมาเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี Blockchain
แล้วทำไม Blockchain ถึงได้พิเศษขนาดนั้น? เนื่องจากว่า Blockchain เป็นระบบแบบ "Decentralized" หรือก็คือระบบการจายอำนาจ การเก็บข้อมูลและการประมวลผลทุกอย่างจะไม่ได้รวมอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง แต่จะกระจายไปในหลายๆ "Nodes" ซึ่งทุกคนสามารถเป็น Nodes ได้โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ ทุกๆ Nodes จะมีอำนาจเท่ากันหมด ไม่มีใครมีสิทธิเหนือกว่า จึงเกิดความโปร่งใสและปลอดภัย
มันทำงานอย่างไร? สมมติว่าในระบบ Bitcoin บัญชี A ต้องการโอน Bitcoin ไปให้ บัญชี B เพื่อความง่ายในการอธิบายเราจะแบ่งขั้นตอนมันออกเป็น 3 ขั้นตอน
1) หลายๆ Nodes จะรับและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม เช่น เจ้าของบัญชี A เป็นคนส่งคำขอจริงหรือไม่ มียอดเงินเพียงพอหรือไม่ เป็นต้น เมื่อถูกต้องจะไปยังขั้นตอนต่อไป
2) ข้อมูลการทำรายการจะถูกก็อปปี้และบันทึกกระจายไปในคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องใน Memory Pool เมื่อจำนวนธุรกรรมมากพอ จะรวมกันเป็น 1 บล็อก แต่ละบล็อกจะเก็บข้อมูลธุรกรรมโดยรวม บันทึกเวลา และอื่นๆ ในรูปแบบของ hash code โดยใน 1 บล็อกจะมี hash code ของตัวมันเองและของบล็อกก่อนหน้า เนื่องจากโค้ดพวกนี้เกิดจากข้อมูลภายในบล็อก จึงทำให้แต่ละบล็อกจะมี hash code ไม่ซ้ำกัน
3) การจะเพิ่มบล็อกใหม่เข้าไปในระบบ Blockchain เพื่อบันทึกธุรกรรมในบล็อกจะต้องมีเครื่องใดเครื่องหนึ่งที่เขียนบล็อกนี้ และการเลือกว่าเครื่องใดจะเป็นคนเขียน จึงใช้การถอดรหัสเป็นการเลือก เพราะ hash code ของแต่ละบล็อกจะมีวิธีในการหาคำตอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากเครื่องไหนที่หาคำตอบได้ก่อนก็จะได้เขียนบล็อกลงไป และได้ค่าตอบแทนไป (เป็นที่มาของการขุดเหมืองที่เราได้ยินกัน) เมื่อเขียนลงในระบบก็ถือเป็นการจบกระบวนการสร้างธุรกรรมในบล็อกๆนั้นเรียบร้อย
*ในตัวอย่างนี้เป็นเพียงหลักการของ Bitcoin หากเป็นระบบอื่นอาจแตกต่างออกไป แต่จะคล้ายๆเดิม*
ที่ว่ามันมีหลายประเภท คือมีกี่แบบและ แต่ละแบบมันต่างกันยังไง? Blockchain มีทั้งหมด 4 ประเภท คือ
1) Public Blockchain - เป็นแบบสาธารณะทุกคนสามารถเป็น Nodes ได้ อย่างที่เรารู้จักใน Bitcoin, Ethereum หรือ สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ
2) Private Blockchain - เป็นแบบส่วนตัว จะมีองค์กรหนึ่งที่เลือกว่ามีใครสามารถมาเป็น Nodes ได้บ้าง
3) Consortium Blockchain - คล้ายกับแบบที่ 2 แต่สามารถมีมากกว่าหนึ่งองค์กรที่สามารถจัดการสิทธิ์ในระบบบล็อกเชน
4) Hybrid Blockchain - เป็นการผสมระหว่างแบบที่ 1 และ 2 เป็นแบบสามารถกำหนดแยกได้ว่าจะให้เห็นข้อมูลทั้งหมดในระบบหรือแค่ส่วนหนึ่ง
จะเห็นได้ว่า Blockchain นั้นถูกพัฒนาเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยและโปร่งใส เป็นการตัดตัวกลางออกเพื่อตัดปัญหาที่เกิดจากตัวกลาง ไม่ว่าจะเป็น ความผิดพลาดหรือการโกง ทั้งนี้ Blockchain ก็ไม่ได้มีแค่แบบ Bitcoin อย่างเดียว เวลาผ่านไปก็มีผู้คนค่อยๆออกแบบ ปรับปรุ่ง และพัฒนาระบบ Blockchain ให้ดียิ่งขึ้น และแก้ปัญหาต่างๆในรุ่นก่อนๆ เพื่อสร้างสิ่งที่ใหม่ที่ดีกว่า อย่างเช่น Ethereum ที่มาต่อจาก Bitcoin อนาคตของ Blockchain จะเป็นอย่างไร เราคงต้องติดตามกันต่อไป...
------------------------------------------------------------------------
หากชอบเนื้อหาแบบนี้ สามารถกดติดตามและกดไลก์เพจ Grajarng เพื่อเป็นแรงใจให้พวกเราทำผลงานดีๆต่อไป และหากใครสงสัยเรื่องไหนประเด็นไหน สามารถนำเสนอมาได้เลยครับ!
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCTVRr7Aj1Im988npcd4ZC2Q
Blockdit : https://www.blockdit.com/grajarng
#เทคโนโลยี