Birdsworld Magazine Online

  • Home
  • Birdsworld Magazine Online

Birdsworld Magazine Online สื่อ/เผยแพร่ข้อมูลและข่าวสาร
ในวงก?

อิคเล็กตัสคึกคัก คนแห่เลี้ยง หลังเกรย์เงื่อนไขเยอะ     มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด  เกี่ยวกับตลาดนกลูกป้อนอิคเล็กตัส ที...
16/02/2024

อิคเล็กตัสคึกคัก
คนแห่เลี้ยง หลังเกรย์เงื่อนไขเยอะ
มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เกี่ยวกับตลาดนกลูกป้อนอิคเล็กตัส ที่กลับมาคึกคักเป็นพิเศษในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ความต้องต้องการสินค้า และราคาได้ขยับเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
อาจกล่าวได้ว่า ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุด ใกล้เคียงกับที่เคยมีมากก่อนหน้านี้เลยก็ว่าได้ แต่จะขยับขึ้นไปสูงกว่านี้หรือไม ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันราคาไข่ฟองละ 5,000-6,000 บาท ลูกป้อนแรกเกิดตัวละ 6,000-7,000 บาท อายุ 40วัน 10,000-13,000 บาท นกโตพร้อมทำพันธุ์คู่ละ 30,000-35,000 บาท ราคา พ่อแม่พันธุ์คู่ละไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท
นอกจากราคาที่ขยับขึ้น กระแสนิยม ความต้องการ ยังจัดว่ามีอยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับนกขนาดเดียวกันหลายๆชนิด ทั้งนี้มีเหตุผลหนึ่ง ที่เป็นตัวผลักดันสำคัญคือ
ความยุ่งยากในการนำอัฟริกันเกรย์เข้าไปเลี้ยง ที่ปัจจุบันผู้สนใจ นอกจากจะพบข้อจำกัดด้านราคาที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกินกำลังทำให้ถอดใจออกไป
และปัจจุบันการนำเข้าไปเลี้ยงต้องมีการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับใบครองครองที่ต้องทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีขั้นตอน ต้องใช้เวลา มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เนื่องเพราะอัฟริกันเกรย์ถูกยกระดับความเสี่ยง เป็นนกใกล้สูญพันธุ์ เป็นนกบัญชี 1 ที่ต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ ไม่สามารถทำได้ ตามใจชอบเหมือนที่ผ่านมา จึงกลายเป็นปัญหา และข้อจำกัด
อัฟริกันเกรย์ เป็นนกแก้วที่ได้การยอมรับและเป็นที่รู้จัก กันอย่างดีว่าเป็นนกพูดเก่งที่สุด จะด้อยกว่าก็คงเป็นอเมซอนบางสายพันธุ์ การพูดความฉลาด แม้อิคเล็กตัสจะสามารถ ฝึกสอนให้ใกล้เคียงกับเกรย์ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เหตือกว่า
แต่ด้วยความสวยงามของอิคเล็กตัส ที่มีอย่างโดดเด่น ราคาที่เบากว่าเกรย์แบบที่เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอิคเล็กตัสเป็นนกบัญชี 2 ที่สามารถเพาะเลี้ยงและค้าขายได้ อย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ต้องทำเอกสารที่ยุ่งยาก
จึงทำให้ผู้ที่เคยสนใจเกรย์ เทใจมาเลี้ยงอิคเล็กตัสมากขึ้น โดยมองข้ามจุดด้อยหลายอย่างที่เคยเป็นข้อจำกัดของอิคเล็กตัส ไปอย่างสินเชิง ไม่ว่าจะเป็นความยากในการเลี้ยง ความฉลาดที่มีน้อยกว่า เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การจะกู้คืนสถานการณ์เกรย์ให้กลับมาได้รับความนิยมอย่างเดิม สามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยการสร้างความคล่องตัวในการนำเข้าเลี้ยง
ให้สามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก จนเป็นภาระ และที่สำคัญต้องควบคุมราคาให้มีความเหมาะสม เหมาะกับความสามารถของนก และเป็นราคาที่สามารถแข่งขันกับนกชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันได้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด

12/02/2024

นกตระกูลไคท์
กำลังเข้าสู่โหมดแท้จริง
น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนกตระกูลไคท์หลายๆราย กับการที่ราคาค่าตัวในปัจจุบัน กำลังปรับตัวเข้าสู่โหมดที่แท้จริง หลังจากคงความร้อนแรงมายาวนาน
แรงจนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ไวท์เบลลี่ไคท์ลูกป้อนอายุ 40-50 วัน ขยับขึ้นไปตัวละ 35,000 -40,000 บาท แบล็คเฮดไคท์ ตัวละ 17,000-20,000 บาท
ซึ่งความร้อนแรงดังกล่าว ได้เอื้อให้เกิดการนำเข้า ไข่นกนอกมาเป็นลำดับ ทำให้ปริมาณลูกนกในระบบเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดรองรับภายในไม่ร้อนแรงอย่างสอดคล้อง และไม่มีตลาดส่งออกรองรับ ส่งผลให้ราคาภาพรวมอ่อนตัวลงมา กลับมาสู่โหมดที่แท้จริง ตามกำลังซื้อที่แท้จริง
ปัจจุบันราคาไข่แบล็กเฮดไคท์อยู่ที่ฟองละ 4000-5000บาท ราคาไข่ไวท์เบลลี่ไคท์ฟองละ 8000-10,000 บาท ราคาดังกล่าวนี้น่าจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับไข่นำเข้า ถ้าคงราคาไว้ระดับนี้โอกาสไข่นอกเข้ามาสร้างปัญหาจะทำได้ยาก
ราคาไข่ระดับดังกล่าว จะสะท้อนให้เห็นราคานกลูกป้อนในระบบได้ค่อนข้างชัดเจน โดย ราคาแบล็กเฮดไคท์น่าจะอยู่ประมาณ 9000-10000 บาทส่วนไวท์เบลลี่ไคท์ 16,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
การอ่อนตัวของราคานกในตลาด ถือว่าเกิดประโยชน์โดยตรงกับผู้เลี้ยงสวยงามทั่วไป คือจะได้สินค้าในราคาไม่สูง สามารถเข้ามาเลี้ยงนกชนิดนี้ได้ง่ายขึ้น
แต่ที่สร้างความเจ็บช้ำให้ไม่น้อยคือผู้ผลิต หรือฟาร์มพันธุ์ ที่จะขายสินค้าได้ในราคาถูกลง แต่ก็เลือกไม่ได้ เพราะหากไม่ปรับราคาไข่ลงก็จะไม่มีตลาด และยังมีไข่นอกเข้ามาทดแทน ถือเป็นความขมขื่นที่ต้องพบเจอในช่วงนี้
อย่างไรก็ดีเพื่อหลีกเลี่ยงจากความสูญเสีย หรือการเสียโอกาส ในส่วนนี้ ฟาร์มสามารถไม่ขายไข่ โดยหันฟักออกเป็นตัวขายลูกปัอนเอง ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่า
เพราะยังมีช่องว่างทางการตลาด ระหว่างไข่ไปถึงลูกปัอนอีกไม่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟาร์มต้องปรับตัว เพื่อความมั่นคงและยังยืนในระยะยาว ซึ่งสามารถทำได้กับนกทุกชนิด ที่มีปัญหาตลาดไข่ส่งออกชะลอตัว

09/02/2024

อัฟริกันเกรย์
นกพูดเก่ง ที่กำลังจะถูกลืม ?
ด้วยข้อจำกัดหลายๆประการ เกี่ยวกับการเข้าถึงนกแก้วอัฟริกันเกรย์ ในปัจจุบันและในอนาคต ที่ทำได้ยากขึ้นเป็นลำดับ จนมีความเป็นไปได้ว่า จะทำให้นกชนิดนี้ ถูกลืมไปในที่สุด
แม้ว่าอัฟริกันเกรย์จะมีจุดขาย เป็นที่ประจักษ์และยอมรับในแง่เป็นนกที่ฉลาดและพูดเก่ง สามารถนำมาฝึกให้เชื่อง และสอนให้ทำกิจกรรมร่วมกับคนได้อย่างดี จนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
แต่ด้วยข้อจำกัดที่สำคัญหลายๆประการ ที่มีเกิดขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่ราคาที่ขยับขึ้นจนเกินกำลังซื้อของผู้ที่กำลังสนใจ เกิดลังเล หันไปเลี้ยงนกชนิดอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันทดแทน
ประกอบกับในปัจจุบัน อัฟริกันเกรย์ ถูกยกระดับให้เป็นนกแก้วที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เป็นนกบัญชี 1 ท่ีต้องมีการควบคุมและดูแลเป็นพิเศษ การจะนำไปเลี้ยงหรือครอบครอง ต้องขออนุญาต ซึ่งมีขั้นตอน ต้องใช้เวลาดำเนินการ ต้องมีค่าใช่จ่าย ทำให้ผู้สนใจอีกจำนวนไม่น้อย ต้องถอดใจไป
ซึ่งทั้งสองข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้กลไกที่เกี่ยวข้องบางส่วนต้องปรับตัวตามให้สอดคล้อง ทำให้การเข้าถึงนกชนิดนี้ค่อนข้างยากขึ้น สามารถพบเห็นตัวเป็นๆได้ยากขึ้น
จากก่อนหน้านี้ที่สามารถพบเห็นได้อย่างแพร่ หลาย ตามตลาดสัตว์เลี้ยง หรือร้านนกสวยงามในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วไป ปัจจุบันพบเห็นได้น้อยลง หรือไม่มีให้เห็นเลย
ซึ่งมั่นใจว่าหากปล่อยสถานการณ์ให้เป็นไปเช่นนี้ โดยไม่ได้รับการแก้ไข เป็นไปได้ว่าจะทำให้นกชนิดนี้ถูกลืมเลือนไปและมีนกชนิดอื่นๆที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน เข้ามาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นอิคเล็กตัส อเมซอน กระตั้ว ที่ความนิยมและความต้องการ เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
ปัจจุบันราคาลูกป้อนอัฟกันเกรย์อายุ 40-50 วัน หน้าร้านขายอยู่ตัวละ 23,000 -25,000 บาท พร้อมใบครอบครอง โดยราคาไข่อยู่ที่ฟองละ 12,000-13,000 บาท แรงผลักดันราคาที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือ ตลาดส่งออกไข่และลูกป้อน ที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันการส่งออกไข่และผลิตภัณฑ์ชะลอตัวลงในบางตลาด จากข้อจำกัดและปัจจัยลบหลายส่วน จึงคาดว่าจะทำให้มีปริมาณสินค้าอยู่ในระบบ มากขึ้น และมีผลกับราคาตามมาหากไม่มีมาตรการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ

08/02/2024

ไข่นกส่งออกสะดุด
กับผลกระทบ
เป็นวลาเกือบหนึ่งเดือน ที่การส่งออกไข่นกสวยงามสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดใหญ่ อยู่ในภาวะชะลอตัวและหยุดชะงัก ตามปัจจัยลบหลายๆส่วน รวมถึงเทศกาลสำคัญ ที่ทำให้ประเทศเป้าหมายที่เป็นกำลังซื้อสำคัญ ลดความร้อนแรงงไป
นั้นหมายความว่าจะทำให้ปริมาณไข่นก เกิดการสะสมภายในประเทศ และจะออกมาเป็นลูกนกเพิ่มขึ้นมาในระบบบ ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนนี้ ลูกนกหลายชนิดที่เคยมีน้อย ไม่เคยเห็นในท้องตลาด ก็จะได้พบเห็นมากขึ้น
แต่จะส่งผลกระทบกับราคาไข่ และราคาลูกนกเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กำลังซื้อ กำลังการเก็บกู้ หรือความสามารถในการดูดซับส่วนเกิน จากกลไกที่เกี่ยวข้องหลายๆส่วน ว่าจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
กลไกการดูดซับที่สำคัญ ในที่นี้ที่ต้องเป็นกำลังหลัก คงต้องเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ รวมถึงโรงเพาะฟักที่รับซื้อไข่มาทำไซด์ ป้อนตลาด ว่าจะมึประสิทธิภาพ มากน้อยเพียงใด
เพราะว่าหากมีประสิทธิภาพล้ำเลิศ มีกำลังมหาศาล มีความสามารถในการดูซับไข่ส่วนเกินไว้ได้ ผลตอบแทนที่ได้กลับมา ก็จะมีอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน
จากช่องว่าของผลกำไรที่จะมีมากขึ้น จากต้นทุนที่ลดลงไป จากราคาไข่ ที่อ่อนตัวลง ในขณะที่ราคาลูกป้อนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง หรือมีแนวโน้มขยับขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากดูดซับไม่ไหว โดยปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาด ราคาก็จะอ่อนตัวลงมา ตามปริมาณสินค้าที่มากขึ้น จากกำลังซื้อทึ่มีเท่าเดิม หรือน้อยลงไปตามกระแสความมั่นใจทึ่มึน้อยลง และในขณะที่จะทำให้ความอยากขายของผู้ที่มีสินค้าอยู่ในมือ มีมาก ขึ้น จะทำให้เกิดการอ่อนตัวอย่างรุนแรง
การอ่อนตัวของราคาไข่และลูกป้อนหากเกิดขึ้น คิดว่าอยู่ในระดับ 20-30 % จากราคาปกติ เพราะเป็นระดับที่หลายส่วนที่เกี่ยวข้องยังพอรับได้ โดยที่ยังทำให้กลไกต่างๆดำเนินต่อไปได้
นกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกไข่ชะลอตัว มากที่สุดน่าจะเป็น ซันคอนัวร์ อัฟฟริกันเกรย์ มาคอว์บลูแอนด์โกลด์ อิคเล็กตัส เพราะนกเหล่านี้กำลังการผลิตมึค่อนมาก ซึ่งกำลังซื้อภายในประเทศรับไม่หมดอย่างแน่นอน
ส่วนนกอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาการส่งออก เช่น กระตั้ว มาคอว์ อเมซอน และอีกหลายสายพันธุ์ที่ปริมาณมีไม่มาก คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
แต่มีสิ่งที่น่ากลัวของนกในกลุ่มนี้ คือ มักจะได้รับปัญหา จากการนำไข่จากนอก เข้ามาแทรกแซงในระบบ แต่ก็ เป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น เพราะราคาภายในสูงเกินไป จึงเอื้อให้เกิดการนำเข้า ซึ่งที่สุดแล้ว ประโยชน์จะตกอยู่กับผู้บริโภค
****

Red tail eclectus อิคเล็กตัสสีใหม่ ที่ควรพัฒนา อิคเล็กตัสหางแดง อีกหนึ่งความท้าทาย ของคนรักนกในด้านการปรับปรุงและพัฒนาพั...
05/02/2024

Red tail eclectus
อิคเล็กตัสสีใหม่ ที่ควรพัฒนา

อิคเล็กตัสหางแดง อีกหนึ่งความท้าทาย ของคนรักนกในด้านการปรับปรุงและพัฒนาพันธุกรรมนกแก้วอิคเล็กตัส ให้มีสีสันสวยงามแปลกแตกต่างออกไปจากเดิม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือความงดงามที่มีเพิ่มขึ้น

Red tail eclectus ถือว่าเป็นอีกหนี่งความหลากหลายทางพันธุกรรม ที่ไม่น่าจะมีความซับซ้อนด้านการพัฒนา เพื่อให้นกแก้วอิคเล็กตัสสีเขียวมีหางสีแดง อย่างได้สัดส่วน สวยงาม เฉกเช่นเดียวกับนกแก้วอิคเล็กตัสสีแดงหางสีเหลือง
ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ที่ว่าการพัฒนาไม่น่าจะซับซ้อนเนื่องเพราะว่า พันธุกรรมนกที่จะนำมาใช้ เป็นต้นแบบในการพัฒนา เพื่อให้ได้นกสีตามเป้าหมาย พอมีให้เห็นเป็นลำดับ เพียงแต่ขาดการให้ความสำคัญในการคัดเลือกมาจับคู่ผสมพันธุ์ เพี่อให้ได้นกสีในฝัน ตามจิตนาการที่ไร้ขอบเขต ของนักปรับปรุงพันธุ์

น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ของคนที่รักและชื่นชอบนกแก้วอิคเล็กตัสได้บ้าง ในแง่การพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้นก สีใหม่ๆ ที่สวยงามแปลกตาออกไป ได้ไม่ยากนัก และที่สำคัญไม่ต้องลงทุนมากมาย

เพราะมีพันธุกรรมราคาเหมาะสมให้เลือกใช้ได้ไม่ยาก ต่างจากการพัฒนานกบางสีแปลกใหม่ ที่ต้องพึ่งพันธุกรรมราคาสูงลิบลิ่วที่ตัองนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งต้องลงทุนมากมายและมีความเสี่ยง

ไข่นกขยับขึ้น ลูกป้อนจะขยับตามได้ไหม?     ปัจจุบันราคาไข่นกหลายชนิดได้ขยับตัวขึ้นเป็นลำดับ ตามแรงซื้อที่พ่อค้าแม่ค้าไข่ร...
12/10/2022

ไข่นกขยับขึ้น
ลูกป้อนจะขยับตามได้ไหม?
ปัจจุบันราคาไข่นกหลายชนิดได้ขยับตัวขึ้นเป็นลำดับ ตามแรงซื้อที่พ่อค้าแม่ค้าไข่รายสำคัญในระบบ ซึ่งมีอยู่ไม่น่าจะเกิน 5-6 ราย เทราคาให้ เพราะต้องการสินค้าเอาไปต่อยอดต่อในกลไกลอื่นๆที่ต่อเนื่อง
เช่นป้อนตลาดส่งออกที่มีออเดอร์อยู่ในมือ หรือป้อนตลาดภายในให้กับลูกค้าที่ซื้อไปทำไซด์ เพื่อผลิตลูกป้อนออกมาสู่ระบบ หรือ ซื้อไปเข้าตู้ฟักเพื่อผลิตลูกป้อนออกมาสู่ระบบเอง
การรองรับปริมาณไข่นก ของตลาดทั้ง 3 ส่วน ส่งผลถึงราคาลูกป้อนที่จะออกมาสู่ระบบในอนาคตที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลถึงความมั่นคงและยังยืนของราคาลูกทีไม่เท่ากัน
ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าวันนี้ราคาไข่หลายๆชนิดจะปรับ ราคาลูกป้อนอาจปรับขึ้นตาม หรือไม่ปรับขึ้น หรืออาจปรับราคาลงก็เกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่อีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งหากมองอย่างผิวเผิน หรือดูตามเนื้อผ้า สินค้าอะไรก็ตาม หากต้นทุนต้นทางปรับขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องปรับตัวขึ้นตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากสินค้า
นั้นมีความจำเป็น
โดยเฉพาะการปรับขึ้นของต้นทุนที่มีเหตุผลรองรับ คือเป็นไปตามกลไกการตลาดอย่างแท้จริง ไม่ได้เกิดจากการบิดเบือน
เป็นไปตามดีมานด์และซัพพลายด์และจะเป็นการขึ้นที่ยั่งยืนและมั่นคง กลับมาเข้าประเด็นถ้าการปรับขึ้นของราคาไข่ที่เกิดจากการกว้านซื้อ เพื่อระบายสู่ตลาดลต่างประเทศ
กรณีนี้ถือว่าเป็นการตัดวงจรสินค้าออกไปจากระบบได้อย่างดีเยี่ยม จะทำให้ปริมาณลูกป้อนหายไปจากระบบอย่างแท้จริง ราคาลูกป้อนมีโอกาสปรับขึ้นได้ ในสัดส่วนเดี่ยวกับไข่ หรือมากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับกำลังซื้อภายใน เข้ามาเป็นตัวเสริมอีกส่วนที่สำคัญ
สำหรับการปรับขึ้นของไข่ในกรณี ที่มีการแข่งกันซื้อเพื่อป้อนตลาดภายใน เพื่อเข้าตู้ฟักเพื่อผลิตลูกนกออกมาทำไซด์จำหน่าย ซึ่งไม่ได้มีการตัดงวงจรออกไปจากระบบ ประเด็นนี้ราคาลูกป้อน มีโอกาสปรับขึ้นตามหรือไม่ขึ้นตามก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการนกลูกป้อนของตลาดภายใน และตลาดต่างประเทศด้วย
เพราะแม้ว่าความต้องการของตลาดภายในยังมี ตลาดต่างประเทศยังส่งออกไปได้ ราคาลูกป้อนจะสามารถขยับขึ้นตามไข่ไปได้อย่างไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ดีหากความต้องการนกลูกป้อนภายใน หรือตลาดต่างประเทศ มีน้อยลงอันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่รับไม่ได้ อันเป็นผลมาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จากการปรับขึ้นของราคาไข่ ตลาดลูกป้อนภายในก็จะไปต่อไม่ได้ ตลาดภายนอกก็จะไปไม่ไหว เพราะราคาที่ดิวส์กันไว้ก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่า
ที่สุดแล้วจะทำให้ปริมาณสินค้าในระบบมีเหลือมากกว่าความต้องการ ในขณะที่กลไกที่เกี่ยวข้องที่ซื้อไข่เข้าฟักและทำไซด์ กักเก็บ ไว้ไม่ไหว ในขณะที่ของใหม่ก็ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนของเก่าก็ยังระบายไม่ได้ จะทำให้เกิดการอ่อนตัวอย่างรุนแรง ถ้าเป็นกรณีนี้จะมีโอกาสได้เห็นราคาลูกนกถูกกว่าไข่
โดยสรุปราคาลูกป้อนในระบบมีโอกาสปรับขึ้นตามไข่ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสม หากการปรับขึ้นของราคาไข่ เป็นไปตามกลไกลการตลาดอย่างแท้จริง และจะขยับขึ้นไปอยู่ใยระดับที่เหมาะสม มีความมั่นคง ยังยืน และยาวนาน ตรงกันข้ามหากการขยับขึ้นของไข่ เกิดจากการบิดเบือน กลไกอื่นๆก็จะถูกบิดเบือนตามไปด้วย

09/02/2022

“นกป่วย “ ควรจัดการอย่างไร
“เก็บตังส์ไว้ซื้อนกใหม่
หรือพาไปหาหมอ “
เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของผู้เลี้ยงนกหลายราย ที่ประสบปัญหาน้องนกสุดที่รัก เกิดมีปัญหาด้านสุขภาพ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ
โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประสบการณ์ที่เลวร้าย จากการพานกไปหาหมอ (สัตวแพทย์) และไม่ประสบความสำเร็จในการรักษา จึงเกิดเป็นคำถามค้างคาใจทุกครั้งเมื่อมีนกป่วย ว่าจะเอาไงดี ?
จะพาไปหาหมอ หรือรักษาเองตามอาการ เพราะไม่มั่นใจว่าเมื่อไปหาหมอแล้วจะหาย ที่สุดแล้วอาจตาย โดยที่เสียเงินเสียทองไปอีกมากมาย มากกว่ามูลค่านกเสียอีกวัน
ใครที่คิดแบบนี้ หลายคนอาจมองว่าจะใจร้ายใจดำเกินไป เพราะถือว่าเป็นหนึ่งชีวิตเหมือนกัน เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก รักเหมือนลูก เหมือนเพื่อน เป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
ที่สุดแล้ว เท่าไรก็ยอม ทุ่มเทเสียเงินเสียทอง เพื่อยื้อชีวิตให้อยู่รอดด้วยกันไปให้ยาวนานที่สุด แต่ความจริงที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ แม้จะเสียเงินมากมาย ก็ไม่ได้เป็นหลักประกัน เรื่องความสูญเสีย ซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ ในเมืองไทย
สาเหตุของปัญหามาจากหลายส่วนประการแรก ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพนกของหมอนกในเมืองไทย มีอยู่จำกัด
ไม่มีข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องโรค การวินิจฉัยโรคในนกสวยงามอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพบปัญหาแล้ว เห็นอาการ ยังมองไม่ขาด ยังไม่แม่นยำ
ทำให้การกำหนด แนวทางรักษา เป็นไปอย่างล่าช้า และมีขั้นตอน ในการตรวจสอบ เพื่อให้รู้จริงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าจริงแล้วเป็นอะไรกันแน่ ซึ่งแต่ละขั้นตอน บางอย่างทำไม่ได้
เพราะทำแล้ว จะทำให้นกเกิดความเครียดเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดการสูญเสียมากขึ้น หลายครั้งจึงพบปัญหา นกที่ส่งไปรักษา อาการไม่รุนแรงมาก แต่กลับทรุดลง และเสียหายไปในที่สุด
จึงกลายเป็นความหวาดระแวง เกือบทุกครั้ง ที่นกมีปัญหาสุขภาพ กับการพานกไปหาหมอ. สำหรับคนที่มีประสบการณ์ ที่เลวร้ายมาก่อน
แต่สำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่ นกป่วยคงไม่มีใครเป็นที่พึ่ง นอกจากพาไปหาหมอ
และด้วยความที่เป็นมือใหม่ ได้รับข้อมูลมาเยี่ยงไร มักจะให้ความสำคัญและใสใจอย่างมากมาย
โดยขาดการไตรตรอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูล ความเป็นไปได้ในแง่มุมต่าง ๆ ทำให้ในบ้างปัญหา เกิดความคลาดเคลื่อน เข้าใจผิดกันไปอีก
ปัญหาในนกลูกป้อน เกิดการติดเชื้อ มีเขื้อแบคทีเรีย มีเชื้อรา มีเชื้อโปรโตซัวร์ในกระเพาะ เป็นปัญหาที่ผู้เลี้ยงที่นำนกไปหาหมอพบบ่อยๆ ได้รับข้อมูลกลับมา
ซึ่งปกติเขื้อเหล่านี้ ถ้าตรวจสุขภาพนก นกปกติ นกดีๆ นกไม่ป่วย ก็สามารถตรวจพบได้ เพราะเชื้อมีอยู่ในร่างกายนกอยู่แล้ว แต่อยู่ในระดับที่ไม่สูงเพียงพอ จะทำให้ก่อให้เกิดอาการของโรค
เพราะถูก กดทับ สกัดกั้นไว้ จากภูมิคุ้มโรค หรือยาปฏิชีวนะ ทำให้ไม่เกิดปัญหา แต่ตราบใดที่ภูมิคุ้มโรคตำ่ลง ปัญหาจะแสดงออกมาให้เห็น ทั้งเป็นหวัด ท้องเสีย เชื้อราในกระเพาะ บิด หรืออื่นๆ
เมื่อเกิดปัญหาต่างๆเหล่านี้ ถ้าพบตั้งแต่เริ่มต้น จะไม่มีความสูญเสียเลยเพราะอาการยังไม่รุนแรง สามารถรักษาได้ หากมองออก และอาจไม่ต้องใช้ยาด้วยซ้ำ สามารถใส่การจัดการดูแลที่ถูกต้องให้ไป ก็สามารถดึงสุขภาพให้กลับมาปกติได้
อย่างไรก็ดีปัญหาสุขภาพในนกสวยงาม หากอาการรุนแรงมาก รุนแรงเกินเยียวยา ก็ยากที่จะทำให้กลับมาเป็นปกติได้ ถ้าไม่ได้เป็นผู้เขียวชาญในเรื่องนี้อย่างแท้จริง ซี่งในเมืองไทยมีน้อยมาก ภาพความเสียหาย ไปพร้อมกับการสูญเสียเงินค่ารักษาจำนวนมากจึงพบได้บ่อย ๆ
ย้อนกลับไป ที่สาเหตุหลักของความเสียหายของนกต่างๆ ส่วนสำคัญเกิดจากความเครียด ถ้าเช่นนั้นหากหาทางป้องกันไม่ให้นกเกิดความเครียดได้ ก็มีโอกาส ลดความสูญเสียได้ โดยไม่ต้องเสียเงินไปหาหมอ
สำหรับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดในนกสวยงามมีหลายส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย การเคลื่อนย้าย การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ การเปลี่ยนอาหาร การถูกคุกคาม การจัดการดูแลที่ผิดพลาด เป็นต้น
หากสามารถคุมปัจจัยทีมีความเสี่ยงเหล่านี้ได้ โอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากโรค ก็มีน้อยลง แต่การคุมสาเหตุดังกล่าว มันทำได้ไม่ง่าย หากไม่รู้จริง และไม่มีความจริงจัง
ยกตัวอย่างในกรณีการซื้อนกลูกป้อนไปเลี้ยงแน่นอน ลูกนกเป็นเด็ก บอบบาง ยังไม่แข็งแรงและทนทาน การจัดการดูแลต้องดีเป็นพิเศษมาก ไม่เข่นนั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะมือใหม่ ที่มีความความมั่นใจสูง
การจัดการที่คลาดเคลื่อน หรือผิดพลาด เพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลกับสุขภาพนกมากมาย หากผิดพลาดแล้ว ไม่รู้ว่าผิดยิ่งกระหน่ำความรุนแรงเข้าไปใหญ่ กลายเป็นความสูญเสียตามมา นกป่วยติดเชื้อมากมาย
อย่างไรก็ดี เพื่อลดการสูญเสีย การสร้างภูมิความรู้ที่ถูกต้องและมีอย่างเพียงพอ เกี่ยวกับเรื่องนกแต่ละชนิดที่เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญ ที่คนรักนกทั้งหลายต้องพึ่งมี เพื่อคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพนกที่รัก ให้สูงส่งอยู่เสมอ
ควรให้ความสำคัญ และไม่ควรมองข้าม หรือมองว่าเป็นเพียงหนึ่งชีวิตเล็กๆ แล้วจะจัดการเลี้ยงดูเขาอย่างไรก็ได้ เมื่อเกิดปัญหาค่อยหาทางแก้ไข
ซึ่งปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาความแข็งแรงของลูกนก ปัญหาเรื่องโรค เมื่อเกิดขึ้นแล้วแก้ไขไม่ง่าย โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง
การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด

“อิคเล็กตัส” เตรียมขยับตามอัฟริกัน เกรย์      ก็จะให้ยื่นอ่อนแบบไรทิศทาง แบบไร้อนาคตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่ความสวยงามมีอย...
01/07/2021

“อิคเล็กตัส” เตรียมขยับ
ตามอัฟริกัน เกรย์
ก็จะให้ยื่นอ่อนแบบไรทิศทาง แบบไร้อนาคตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่ความสวยงามมีอยู่อย่างโดดเด่น ล้ำหน้าอัฟริกันเกรย์เสียอีก
มีทั้งสีเขียวและสีแดง อีกทั้งสามารถรู้เพศได้เลยตั้งแต่เริ่มเห็นขนขึ้น หรืออายุ 20 วันขึ้นไป ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินตรวจแยกเพศให้ยุ่งยาก
โครงสร้างขนาด ความสง่างาม ก็ไม่น้อยหน้า หรือบางสายสีจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ และที่สำคัญในตัวมีหลายเฉดสี และยังสีหลายสี หลายแบบในนกกลุ่มนี้
ประมาณได้ว่ารวมแล้วมีมากกว่า 10 ชนิด โดยมีความต่างที่สีสัน ขนาดของรูปร่าง ซี่งในเมืองไทย ที่ได้รับความนิยม หรือเป็นที่ต้องการ และพบเห็นได้บ่อยมี2 ชนิดด้วยกัน
คือแกรนด์อิคเล็กตัส จุดเด่นสำคัญคือโครงสร้างมีขนาดใหญ่ ทั้งเพศผู้และเพศเมีย สีสวยสดใส อีกชนิด คือ อิคเล็กตัสหางเหลือง หรือ วอสแมรี่
จุดเด่นคือ โครงสร้างใหญ่ หางมีสีเหลืองในเพศเมีย ลำตัวมีสีแดงสด อกสีม่วงเข้ม จุดสังเกตุในเพศผู้วงตามีสีเหลืองเมื่ออายุมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีอิคเล็กตัสสีอื่นๆอีกหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและไม่สามารถแยกความแตกต่าง ออกจากกันได้อย่างชัดเจน
เพราะมีความแตกต่างกันไม่มาก อีกทั้งผู้ผลืตส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักนำไปผสมข้าม จับคู่ข้ามชนิด ทำให้ไม่เห็นความแตกต่างของตัวแท้ และส่วนใหญ่มีลักษณะใกล้เคียงกัน หรือกลืนกันไปหมด
“เปรียบเทียบอิคเล็กตัสกับเกรย์ เรื่องขนาดและความสง่างามใกล้เคียงกัน ความสวยของสีสัน อิคเล็กตัสกินขาด ส่วนเรื่องความฉลาด พูดเก่ง อัฟริกันเกรย์โด่ดเด่นกว่ามาก แต่อิคเล็กตัสก็พูดได้ แต่ช้ากว่า ส่วนราคาค่าตัวอัฟริกันเกรย์สูงกว่า อิคเล็กตัสหลายพัน ใครเหมาะหรือพร้อมแบบไหน ก็เอาที่สบายใจ”
อย่างไรก็ดี สำหรับอิคเล็กตัสการผลิตหรือพัฒนาพันธุกรรม ที่จะให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่สำคัญนั้น โครงสร้างต้องใหญ่ สีสวยงามสดใส
ซึ่งคงต้องเป็นสองชนิด ที่มีอยู่ในขณะนี้คือ แกรนด์อิคเล็กตัส และอิคเล็กตัสหางเหลือง เพราะมีจุดเด่นที่ค่อนข้างชัดเจนทั้งโครงสร้างและสีสัน ที่งดงาม
และที่สำคัญในอนาคต หากใครมีความสามารถที่จะพัฒนาอิคเล็กตัสให้เป็นนกที่แข็งแรงทนทาน ป้อนง่าย เสียหายยาก น่าจะพัฒนาตลาดได้อีกมาก
เพราะจะทำให้ผู้สนใจ โดยเฉพาะมือใหม่ สามารถเอาไปเลี้ยงได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่ยังเป็นลูกป้อน โดยไม่มีความเสียหาย เพราะปัจจุบัน อิคเล็กตัสกล่าวได้ว่าเป็นนกปราบเซียนอีกชนิด
โดยเฉพาะการที่ซื้อลูกป้อนไปเลี้ยง มักพบกับปัญหาและความเสียหาย ทำให้ผู้ที่สนใจจำนวนไม่น้อยเกิดความลังเล ทั้งที่มีสีสันที่งดงาม และราคาไม่แรงสามารถ สร้างการยอมรับให้กับผู้ที่สนใจได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบัน ทำให้ผู้สนใจนกชนิดนี้ เปลี่ยนใจจากที่คิดจะเลี้ยงนกลูกป้อน หันมาเน้นนกโตแต่เชื่องเพิ่มขึ้น แม้จะต้องลงทุนมากกว่าก็ตาม
เพราะสามารถลดความยุ่งยากในการจัดการเลี้ยงลูกนก ลดความเสี่ยงจากความเสียหายลงไปได้ ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งมองว่าคุ้มค่า กับการเสียเงินเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีกับการอ่อนแอของลูกนกอิคเล็กตัสที่ดูเหมือนว่าจะมีมากกว่านกชนิดอื่นๆ มาจากหลายส่วนด้วยกันคือ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นลักษณะเฉพาะประจำสายพันธุ์
นอกจากนั้นยังมาจากเรื่องของการจัดการ เกี่ยวกับการจับคู่ผสมพันธุ์ ที่ผู้เลี้ยงจำนวนไม่น้อย มีการผสมเลือดชิด เพราะขาดข้อมูล และขาดวัตถุดิบ มีการจับคู่ผสมในสายเลือด
และลักษณะประจำพันธุ์ของ นกชนิดนี้ให้ไข่ครั้งละ 2ฟองเป็นหลัก และมักเกิดเป็นตัวผู้และตัวเมีย บางคนจับคู่ทำพันธุ์หรือขายออกไปทั้งคู่
ผู้ที่ไม่มีข้อมูล มักจับคู่ผสมพันธุ์ลูกที่ได้ออกมา บางส่วนจะอ่อนแอตัวเล็ก เลี้ยงยาก บางส่วนจะได้ลูกที่สมบูรณ์เหมือนพ่อแม่ หรือดีกว่าพ่อแม่
พร้อมกันนี้ในระยะหลัง มีการเอาไข่เข้าตู้ฟักเพิ่มขึ้น เน้นล้วงไข่ แม่นกพ่อนกให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสมบูรณ์ของไข่ คุณภาพเชื้อ คุณภาพลูกนกด้อยลงไป อ่อนแอ เลี้ยงยากขึ้น
ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นถ้าเป็นในธรรมชาติ ที่พ่อแม่เลี้ยงลูกเอง จะมีการคัดทิ้งปล่อยให้ตายไป แต่ด้วยเทคโนโลยี การฟักไข่ การจัดการป้อน คุณภาพอาหาร ประสิทธิภาพของยา ทำให้รอดมาได้ แบบต้องดูแลดีเป็นพิเศษ
ทำให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ หรือมือใหม่เอาไปเลี้ยงมักจะมีปัญหาตามมาสร้างความเสียหาย ทำให้เกิดดวาดระแวง กับการนำนกชนิดนี้ไปเลี้ยง
ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการพัฒนาตลาด แต่ก็ทำให้นกทึ่มีความเสี่ยงน้อยกว่า คือรุ่นที่โตขึ้นมาเล็กน้อยเป็นนกที่เชื่อง กินอาหารเป็นแล้ว เป็นที่สนใจมากขึ้น และราคาขยับขึ้นอย่างแตกต่าง
เพราะคนที่มีประสบการณ์ความเสียหาย และไม่มั่นใจในฝีมือการป้อนของตัวเอง แต่ชื่นชอบและหลงไหลในความงามของนกพันธุ์นี้ มักจะหาทางออกด้วยการ เลี้ยงนกโตเชื่อง. กินอาหารเป็นแล้ว ปลอดภัยแล้ว มีความเสี่ยงไม่มากแล้ว
ด้วยความยุ่งยากและซับซ้อนในการดูแลนกลูกป้อนชนิดนี้ หากสังเกตจะเห็นว่าไม่ค่อยมีร้านนกสวยงามนำนกชนิดนี้มาขายอย่างจริงจังนัก โดยเฉพาะหากต้องเอามาดูแลกันยายาวๆ ไม่ได้เป็นการผ่านมือ
เพราะมีความเสี่ยงกับความสูญเสีย หากไม่รู้จริงด้านการเลี้ยงการจัดการ ไม่มีข้อมูลเพียงพอในการเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางที่ถูกต้องในการดูแลให้ลูกค้า
ปัจจุบันราคาลูกป้อนอิคเล็กตัสสีเขียวหน้าร้าน ตัวละ 7000-9000 บาท สีแดง ตัวละ 8000-10,000 บาท นกเชื่องกินอาหารเป็นสีเขียว 9000-12000บาท สี12000-15000 บาท นกโตพร้อมทำพันธุ์คู่ละ 30,000-35,000 บาท
อย่างไรก็ดีด้วยวิกฤตืของโควิท-19 ที่นับวันจะะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต แม้ว่าจะเป็นตัวเลขน้อยนิด เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่เลวร้ายทั้งหลาย
แต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ลดการตื่นตระหนกลงไปได้ เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้จะมีความพยายามแก้ปัญหา ด้วยการงัดมาตรการที่หลากหลายเข้ามาใช้
จึงส่งผลถึงความร้อนแรงของตลาดนกสวยงามในช่วงนี้ลดลงไป ซี่งก็เป็นเช่นเดียว หรือทิศทางเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนกันอย่างทั่วหน้า
แต่ธุรกิจก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป การปรับเพื่อให้อยู่รอด สอดรับในทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ที่มาของภาพจากเว็ปไซด์นกสวยงามทั้งในและต่างประเทศ

เกิดอะไรขึ้น “ อัฟริกัน เกรย์”ทำไม ? จึงแรงสวนกระแส     ในช่วงจังหวะเวลานี้ นาทีนี้ ในวงการนกสวยงาม คงไม่มีอะไรร้อนแรงเท...
15/06/2021

เกิดอะไรขึ้น “ อัฟริกัน เกรย์”
ทำไม ? จึงแรงสวนกระแส
ในช่วงจังหวะเวลานี้ นาทีนี้ ในวงการนกสวยงาม คงไม่มีอะไรร้อนแรงเท่า นกอัฟริกันเกรย์ นกขี้เหร่แต่มีเสน่ห์เรื่องความฉลาดพูดเก่ง
จึงเป็นที่ต้องตาต้องใจ ของคนรักนกจำนวนมาก ต่างต้องการ และ ไฝฝัน อยากจะได้มาครอบครองตามโอกาสและจังหวะที่พอมี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมีการรีวิวถึงความรู้ความสามารถของนกชนิดนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านพระเอกและนางเอกหลายๆรูปแบบ ยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำ ถึงความสามารถให้โดดเด่นขึ้นไปอีก
ทำให้เกิดความมั่นใจ เกิดความต้องการ ขยายวงกว้าง ออกไป ในกลุ่มคนทั่วไป ที่เลี้ยงเพื่อความสวยงาม ซึ่งถือเป็นตลาดที่แท้จริง เป็นตลาดที่ใหญ่ กำลังซื้อมีมาก ทั้งมูลค่าและปริมาณ
ตลาดที่แท้จริงในเมืองไทยมันหมายถึงกลุ่มคน 70 กว่าล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้บริโภคหรือผู้ใข้ ไม่ใช่ ตลาดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะที่ซื้อไปเลี้ยงเพื่อทำพันธุ์
ตลาดที่แท้จริงวันนี้มองหานกเชื่อง ฉลาดพูดเก่ง สามารถเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นสมาชิกในครอบครัวได้ ซึ่งนกชนิดนี้ถือว่าสามารถตอบโจทย์ได้อย่างดี ทั้งราคาและความรู้ความสามารถที่มี ซี่งได้การยอมรับ
แม้จะมีนกชนิดอื่นๆที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือบางลักษณะ บางความสามารถ ดีกว่า แต่ไม่มีตัวชูโรงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่มีรีวิวความสามารถออกมาย้ำๆ ซำ้ๆ เข้าไปในกลุ่มผู้บิโภคเป้าหมาย จนเกิดการยอมรับ
กระทั่งเข้าไปอยู่ในใจของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย จนที่สุดแล้ววันนี้ หากให้เอ่ยถึงนกสวยงามที่ฉลาด และพูดเก่ง เบอร์ 1 คงไม่มีใครไม่นึกถึงนกชนิดนี้ สำหรับคนรักนกชาวไทย
“ ตัวชูโรงของนกอัฟริกันเกรย์ในเมืองไทยช่วงที่ผ่านมามีเฮงๆ ออกมากระหน่ำความสามารถหลายรูปแบบอย่างงต่อเนื่อง จนเป็นที่ติดตาตรึงใจ และอยู่ในใจ เรื่อยมา ล่าสุดมีจัสติเเข้ามาเสริมเข้าไปอีก โชว์ความฉลาด ความสามารถ หลายรูปแบบ ทำให้เกิดเป็นกระแสที่ร้อนแรงอย่างมากมายในช่วงนี้”
ความร้อนแรงของนกอัฟริกันเกรย์ในช่วงนี่ ส่งผลให้นกลูกป้อน และนกโตที่เขื่อง เป็นที่ต้องการ ทำให้สินค้าหาได้ยากขึ้น มีน้อยลง ส่งผลให้ราคาขยับขึ้นตามมา
โดยก่อนหน้านี้เดือนเศษราคาหน้าร้านนกอายุ 40-45 วัน ราคาตัวละ 12000-13000 บาท ขยับขึ้นมาตัวละ 14,000-16,000 บาท
ส่วนนกเชื่องกินอาหารเป็นก่อนกน้านี้ราคาตัวละ 15000-16000 บาทขยับเป็นละ 18000-19000 บาท เมื่อเปรียบเทียบช่วงที่เคยสูงสุด ก่อนหน้านี้ ราคาไม่ได้ต่างกันมากแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี อัฟรืกันเกรย์ถือว่าเป็นนกใหญ่ชนิดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิท-19 ที่ไม่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้
ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดเหมือนกับนกใหญ่ชนิดอื่นๆ ทำให้สินค้าเหลือสะสม และเกินกำลังซื้อภายในและราคาอ่อนตัวลงมาในที่สุด
แต่เกรย์กลับดีดตัวขึ้นมาได้ เพราะกระแสความต้องการที่มากขึ้น จากความพยายามพัฒนาตลาด ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างตรงใจผู้บริโภคที่แท้จริง
ประกอบกับเลยฤดูการผลิต ที่เคยพีคสุดไปแล้ว ทำให้ปริมาณออกมาน้อยลง และส่งผลให้ราคาขยับขึ้นมาในที่สุด และการขยับในครั้งก็เป็นไปอย่างมั่นคง เพราะมีตลาดที่แท้จริงรองรับ
และการจะขยายตลาดนกในกลุ่มนี้ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากปริมาณมีมาก ขยับราคาลงมา กลไกจะถูกช้อนเก็บดูดซับ
โดยผู้บริโภคไปโดยปริยาย เพราะเป็นนกที่เป็นที่รูจัก เป็นที่ต้องการอยู่แล้ว เพียงแต่บางช่วงจังหวะราคายังแรง หลายคนอาจยังไม่พร้อม
การผลิตนกอัฟริกันเกรย์ในเมืองไทยซึ่งทำได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าอีกไม่นาน ปริมาณจะมีมากมาย ไม่น้อยหน้าซันคอนัวร์
ปริมาณที่ออกมามากดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างปัญกากับตลาดแต่อย่างใด แต่เป็นปริมาณที่มากแบบมีความต้องการ แบบมีความนิยม เพราะเป็นนกที่มีจุดขายในตัว คือมีมาก ผลิตออกมามาก ก็ขายได้ตลอด ราคาขยับขี้นลง เหมือนซันคอนัวร์ในขณะนี้
แต่เกรย์ผลิตได้ยากกว่า ใช้เวลาสมบูรณ์พันธุ์นานกว่า ความสม่ำเสมอในการให้ผลผลิตมีน้อยกว่า กว่าจะทำให้ได้ปริมาณต้องใช้เวลา และยิ่งมีการพัฒนาตลาดรองรับเป็นลำดับ
อัฟริกันเกรย์ เมื่อปริมาณมีมาก โอกาสที่จะถูกปลดจากบัญชี1 ก็มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้น สามารถเพาะเลี้ยงค้าขาย ครอบครอง ได้อย่างสบายใจ
ข้อจำกัดตรงนี้หลายคนกังวล กับการนำลูกนกอัฟริกันเกรย์ไปเลี้ยง เกิดความกวาดระแวง ลังเล หวาดกลัว มีความผิด
เพราะเป็นนกคุ้มครองบัญชี 1 ที่ห้ามครอบครองและค้าขาย ซึ่งมันมีความละเอียดอ่อน และซับซ้อน และอีกอย่างเป็นนกของต่างประเทศ
ที่นำเข้ามาในเมืองไทยมาช้านานตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ถูกยกระดับเป็นบัญชี 1 มีการนำเข้ามามากมาย มาอย่าต่อเนื่อง มาจากประเทศต้นทาง ที่มีโควต้สให้จับจากป่าอออกมาขาย
เพราะปริมาณมีมากเกินไป เพื่อคงไว้ซึ่งความสมดุลย์ของระบบนิเวศน์ จนมีน้อยลง และมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงถูกปรับเป็นบัญขี 1
ไม่ให้จับจากป่ามาขาย หรือทำได้ต้องเป็นไปอย่างมีเงื่อนไข การจับนกอัฟริกันเกรย์จากป่าต้นทาง จนมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ คาดว่ามาอยู่ในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 50% หรือมากกว่านั้น
นั้นหมายความว่าในเมืองไทยมีพ่อแม่อัฟริกันเกรย์น่าจะรวมกันแล้วหลายพันคู่ ซึ่งจะมีผลผลิตออกมาอย่างต่อเนือง ความเสี่ยงต่อการสูพันธุ์ของนกชนิดนี้ ในอนาคตจึงเป็นไปได้ยาก
และโดยสาระของกฎหมาย ในต่างประเทศที่ออกมานั้น มีเป้าหมายหลักคือ ป้องกันคุ้มครอง ห้ามไว้ ไม่ให้นำนกจากป่าที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ ออกมาเลี้ยง และทำการค้า
ส่วนลูกนกที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ จึงไม่มีเหตุผลที่อยู่ในขอบข่ายต้องห้ามแต่อย่างใด อีกอย่าง พรบ ที่จะกำหนดเป็นเงื่อนไขให้ผู้เกี่ยวข้อง ต้องปฎิบัติตาม ยังไม่มีตวามชัดเจน ยังไม่เป็นรูปร่าง
ฉะนั้นการนำลูกนกอัฟริกันเกรย์ที่เกิดจากการเพาะเลี่ยง ไม่ได้จับออกมาจากป่า ไปเลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือการเพาะเลี้ยงเพื่อขยายปริมาณ จึงไม่มีเเหตุผลที่ไม่สามารถทำได้
ที่มาของภาพจากเว็ปไซด์นกสวยงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การทำนกมิวฯ ยุคใหม่ ต้องสวยใช้ประโชน์ได้ และราคามีเหตุผล     การทำนกมิวเตชั่นในอนาคต  แม้ว่าจะเป็นคำตอบของการสร้างความต่...
09/06/2021

การทำนกมิวฯ ยุคใหม่
ต้องสวยใช้ประโชน์ได้
และราคามีเหตุผล
การทำนกมิวเตชั่นในอนาคต แม้ว่าจะเป็นคำตอบของการสร้างความต่างในด้านพันธุกรรม และการสร้างมูลค่าเพิ่มของนกที่ผลิตได้ ให้เหนือกว่าปกติธรรมดาที่ทำกันมาช้านาน
แต่นกมิวเตชั่น ที่จะผลิตออกมานั้น คุณสมบัติที่สำคัญต้อง เป็นสินค้าใหม่ สวยงาม ใช้ประโยชน์ได้ และราคาเป็นไปอย่างมีเหตุผล จึงจะประสบความสำเร็จในการทำตลาดยุคใหม่
ยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ที่สามารถส่งต่อถึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยุคที่ข้อมูล สามารถตรวจสอบย้อนกลับ ถึงความถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว
อะไรที่ไม่ใช่ ถูกบิดเบือน ไปจากความเป็นจริง หรือไม่มีเหตุผลรองรับอย่างเพียงพอ จะไม่ได้การยอมรับ และถูกคัดกรองออกไปในที่สุด
นกมิวฯที่มาแบบ แปลก หายาก มีน้อย และราคาแพงเพียงอย่างเดียว แต่ขาดความสวยงาม ที่เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดเป็นอย่างดี ในหลายชนิดนก ในอนาคต จะเป็นไปได้ยากขึ้น
การทำนกมิวฯ เพื่อมุ่งเน้นการทำตลาดพันธุกรรมนก การมุ่งเน้นไปในส่วนของนกยอดนิยม ที่มีการเลี้ยงแพร่หลาย กว้างขวาง
ปริมาณมีมาก พันธุกรรมยังพัฒนาไม่สุด หรือต่อยอดได้อีก เป็นนกขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีวงจรขีวิตและการให้ผลผลิตไม่นานมาก จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและเห็นความคุ้มค่ามากกว่า
ซึ่งนกในกลุ่มที่ว่าในเมืองไทย คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ เลิฟเบิร์ด ซันคอนัวร์ กรีนชีคคอนัวร์ ซับร้าฟื้นซ์ เป็นต้น
เพราะนกเหล่านี้เป็นนกตลาด มีการเลี้ยงอย่างแพร่หลาย ได้รับความนิยม ปริมาณมีมาก เป็นที่รู้จัก วงจรการให้ผลผลิตไม่ยาว และที่สำคัญพันธุกรรม ยังสามารถพัฒนาต่อยอดได้อีกเยอะ
การให้ความวสำคัญกับตลาดพันธุกรรมนก ในเมืองไทยมีไม่มาก แต่หลายรายก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้นเป็นลำดับ ใครที่ให้ความสำคัญ
จะสังเกตุได้ว่ามีนกคุณภาพดีกว่าออกมาสู่ตลาด เป็นลำดับ ทั้งเรื่องของความสวยงาม จากสีสัน และโตรงสร้าง และหากสังเกตุอีก
นกที่มีการพัฒนามาจากฟาร์มที่ให้ความสำคัญ ด้านพันธุกรรม ราคาก็จะสูงกว่าปกติทั่วไป แม้ว่าจะเป็นนกชนิดเดียวกัน สีเดียวกันกับนกทั่วไป
เพราะมันไม่เหมือนกัน. มันมีความแตกต่างกันด้านรายละเอียด ที่สามารถเห็นด้วยตาจากภายนอก และคุณภาพของพันธุกรรม ที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่สืบค้นที่มาที่ไป และเอาไปใช้ประโยชน์ได้
ส่วนหนึ่งจึงเป็นคำตอบได้อย่างดี สำหรับหลายคำถามของผู้เลี้ยงหลายราย เกี่ยวกับราคานก ทั้งที่เป็นชนิดเดียวกัน สีแดียวกัน
ทำไมฟาร์มนั้นขายแพง ฟาร์มนี้ขายถูก ร้านนั้นขายถูก ร้านนั้นขายแพง เพราะนกเป็นสิ่งมีชีวิต คุณภาพแต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน ทั้งที่เป็นชนิดเดียวกัน และสีเดียวกัน
เพราะการจัดการเลี้ยงดู การใส่ใจ ตลอดกระบวนการผลิตไม่เหมือนกัน และจะทำให้คุณคุณภาพนกที่ได้ต่างกันแม้หากมองผิวเผินจะเหมือนกัน
ทุกวันนี้การเลือกซื้อนกสวยงามจากตลาดหรือจากผู้ผลิตโดยตรง ผู้บริโภตไม่ได้ใส่ใจด้านคุณภาพสินค้าแต่อย่างใด เอาราคาเป็นที่ตั้ง ราคาต้องถูกไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ทำให้ผู้ผลิตและกลไกที่เกี่ยวข้อง ขาดกำลังใจ ขาดแรงผลักดัน ที่จะผลิตสินค้าดีมีคุณภาพออกมา เพราะทำแล้วแข่งขันไม่ได้ ต้นทุนสูงกว่า
ในอนาคตถ้าตลาดมีการพัฒนา ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้ามากกว่าราคา จะทำให้ตลาดพันธุกรรมพัฒนาและเติบโตได้
ที่มาของภาพจากเว็ปไซท์นกสวยงงามต่างประเทศและในประเทศ

Sable lutino Lutino opaline Sable double yellowสีอมตะของนกเลิฟเบิร์ด      ลำตัวสีเหลืองสดๆ หัวสีส้มแดงเข้มแบบแน่นๆครอบทั...
04/06/2021

Sable lutino
Lutino opaline
Sable double yellow
สีอมตะของนกเลิฟเบิร์ด
ลำตัวสีเหลืองสดๆ หัวสีส้มแดงเข้มแบบแน่นๆครอบทั้งหัว ลึกลงมาถึงหน้าอก เห็นขอบตัดอย่างชัดเจน ลัมพ์หางสีเข้มๆสัมพันธ์กับสีหัว โครงสร้างใหญ่ แข็งแรง ยืนเด่นเป็นสง่า
โดยเฉพาะหากมีการพัฒนามาได้สุดขีด มีขีดความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้เหมือนกับตัวเอง คือให้ลักษณะของพีโนไทป์ ตรงกับจีโนไทป์
คิดว่าหากใครได้พบเห็น คงยากปฏิเสธ เพราะนอกจากได้ความงดงาม แล้ว ยังสามารถนำพันธุกรรมไปใช้ประโยชน์ในแง่ปรับปรุงพันธุ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟีโนไทป์หมายถึงลักษณะภายนอกของนกที่แสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีสันรูปร่าง ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ส่วน จีโนไทป์ คือลักษณะทางพันธุกรรม ที่อยู่ในร่างกาย มองไม่เห็น แต่เป็นตัวควบคุมหรือกำหนด สีสัน หรือลักษณะที่แสดงออกมาบนตัวนก
ปกตินกที่ยังไม่พัฒนาได้ขีดสุดจนเป็นพันธุ์แท้ ความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะน้อย มีความหลากหลากทางพันธุกรรมสูง เช่น คอกหนึ่ง ให้ลูก หลากหลายสี ได้สีที่ต้องการเพียงตัวเดียว หรือไม่ได้เลย ในขณะที่ซื้อมาในราคาสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบเห็นได้บ่อย
นกเลิฟเบิร์ด ทั้ง3 ชนิดทีกล่าว เป็นนกสวยงามในอดีต เป็นนกที่เคยได้รับความนิยมอย่างร้อนแรง แต่ระยะหลังถูกมองข้ามไป เพราะมีสีใหม่ที่ไม่ได้สวยกว่า แต่แปลกกว่าเข้ามาแทนที
ซึ่งในระยะหลัง ผู้เลี้ยงหลายรายที่รักจริง ซุ่มพัฒนาพันธุกรรมมา อย่างต่อเนื่อง จนมีตุณสมบัติที่สวยสุดขีด สะดุดตา และเป็นพันธุ์แท้ ที่มีความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การทำพันธุ์แท้ สีแท้ ในนกเลิฟเบิร์ดทำไม่ยาก เพราะปริมาณมีมาก สามารถเลือกสีที่ต้องการมาให้ประโยชน์ได้ และอายุสมบูรณ์พันธุ์ใช้เวลาไม่นาน สามารถเห็นความสำเร็จได้ ภายใน 2-3 ปี
ต่างจากนกพันธุ์ใหญ่ ที่มีอายุสมบูรณ์ยาวนาน การพัฒนาหรือทำสีกว่าจะได้ตามเป้าหมาย ต้องใช้เวลานับสิบปี สังเกตุได้ ในกลุ่มของมาคอว์ สีใหม่ที่พัฒนาได้
ส่วนใหญ่เป็นนกไฮบรีด หรือลูกผสม เพราะกว่าจะไล่สายทำลูกผสมที่สวย และมีเลือดที่นิ่ง ต้องใช้เวลา 10-20 ปี ยิ่งพันธุกรรมมีให้เลือกน้อย ยิ่งจำกัดไปอีก
ฉะนั้นใครจะเลือกเล่น และลงทุนพัฒนาแบบไหน ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและความพร้อม แต่รับรองว่าหากทำได้ตามเป้าหมาย จะให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
ที่มาของภาพ จากเว็ปไซท์นกสวยงามทั้งในและต่างประเทศ

Address

89/450 หมู่ 1 ซอย 24 หมู่บ้านพฤกษ์ลดาสาย 5
ต. บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม

Telephone

0817438088

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Birdsworld Magazine Online posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share