เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/102039636201257/

Waris_TK.Yala

Takraw is My life เด็กบ้าเซปัก❤️❤️
(1)

20/01/2024

จพล นราธิวาส vs มาเลเซีย

14/04/2023

“ประเสริฐ ผ่องผึ้ง”
“ตำนานตัวลอย” ตะกร้อทีมชาติไทย
ในอดีตที่ผ่านมาของ “วงการตะกร้อเมืองไทย” มี “นักตะกร้อ” ที่ฝีเท้าดีมากมายเหลือล้น ชนิดที่สามารถแบ่งนักกีฬาเพื่อส่งแข่งขันได้ถึง 2 ทีมเลยทีเดียว
แม้ว่าในอดีตการจะก้าวขึ้นมาเป็น “นักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย” นั้นจะยากกว่าในสมัยนี้หลายต่อหลายเท่า เพราะ “นักตะกร้อทีมชาติไทย” ในอดีตต้องเป็นมีทักษะชั้นเชิงตะกร้อที่เหนือกว่า “นักตะกร้อทั่วไป” โดยเฉพาะผู้เล่นในตำแหน่ง “ตัวชง” หรือ “ตัวฟาด” ที่ต้องเรื่องทักษะพื้นฐานตะกร้อที่ต้อง “ครบเครื่องต้มยำ” ชงตะกร้อดี หรือ ฟาดตะกร้อได้เฉียบคม ในคนคนเดียว
และหนึ่งใน “นักตะกร้อ” ที่ได้รับการยกย่องว่า “เก่งกาจ ครบเครื่อง ชงดี ฟาดเฉียบ” ไม่แพ้ในเมืองไทย นั้นก็คือ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” อดีตจอมฟาดจากเมือง “กรุงเก่า” พระนครศรีอยุธยา แห่งสโมสร “ราชนาวี”
“ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” เริ่มเล่นตะกร้อครั้งแรกตอนอายุได้ 10 ขวบ เพราะจากการไปวิ่งเล่นอยู่ข้างสนามตะกร้อ เพื่อเก็บตะกร้อให้กับนักตะกร้อรุ่น โรงเรียนวัดโคกมะยม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่กำลังซ้อมตะกร้อกันอยู่ในทุกๆเย็น จนทำให้เกิดความชอบและฝึกเล่นตะกร้อด้วยตัวเอง
ก่อนได้ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ตอน ม.1 อาจารย์ อานัติ ไพโรจน์ ที่เป็นโค้ชของโรงเรียน อยุธยาวิทยาลัย ได้ชักชวนมาให้เล่นตะกร้อแบบจริงจัง โดยครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเล่นตะกร้อ เล่นเป็น “ตัวเสิร์ฟ” ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเป็น “ตัวชง” เพราะอาจาร์เห็นว่าเราตัวเล็กเกินไปที่จะเป็น “ตัวเสิร์ฟ”
จากการได้เริ่มเล่นตะกร้อให้กับ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ทำให้เริ่มออกแข่งขันในรายการต่างๆ ไล่ตั้ง กีฬาโรงเรียนม กีฬาตำบล, กีฬาอำเภอ, กีฬาจังหวัด,กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ,กีฬาเยาวชนนแห่งชาติ และ กีฬาแห่งชาติ จนร่วมไปถึงงานถ้วยต่างๆ ในเมืองไทย
กระทั่งในปี 2541 ได้มีโอกาสลงเล่นตะกร้อในศึกตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ ที่ อาคาร จันทรยิ่งยง สนามกีฬาแห่งชาติ ให้ “ราชนาวี” ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในตำแหน่งหน้า ตัวทำ ได้ดวลกับ พงษ์ศักดิ์ เถาว์เจือ ซึ่งในเวลานั้นถือเป็น “ตัวฟาดดาวรุ่ง” ที่ฝีเท้าจัดจ้านที่สุดในยุคนั้น และสามารถเอาชนะ “พงษ์ศักดิ์” ได้
ทำให้ อ.กมล ตันกิมหงษ์ เห็นแววเลยเรียกเข้าเข้มไปเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย ในปี 2541 ในชุดเตรียมลุยศึกซีเกมส์ บรูไน แต่ทว่าก็ไม่ชื่อติดทีม แต่ในปีถัดมา “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” ก็ได้รับโอกาสอีกครั้งโดยถูกเรียกเข้าไปติดทีมชาติไทย ชุด บี เพื่อลงเล่นในศึกตะกร้อชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นรายการที่ ทีมชาติไทย ส่งทีมตะกร้อเข้าร่วมการแข่งขัน 2 ชุดเป็นครั้งสุดท้าย
ในศึก “คิงคัพส์” ครั้งที่ 15 “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” พร้อมพลพรรค “นักตะกร้อทีมชาติไทย ชุด บี” อาทิ สมพร ใจสิงหล, สราวุธ อินเล็ก ฯลฯ สามารถฟาดเอาชนะ “ทีมชาติไทย เอ” ลงได้แบบเซอร์ไพรส์ แฟนๆ ตะกร้อทั้งประเทศ
จากผลงานดังกล่าวทำให้ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” ถูก อ.กมล ตันกิมหงษ์ เรียกขึ้นมาติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ในทันที พร้อมได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 16 ในปี 2543 และ ซีเกมส์ ปี 2444
ทว่านับตั้งแต่ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” ก้าวไปขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ เขามักถูกจับไปเล่นตำแหน่ง “ตัวลอย” ในตำแหน่ง “หน้าซ้ายทำ” หรือ “หน้าขวาทำ” ที่จะได้ส่งลงสนามเพื่อไปแก้สถานการณ์ให้กับทีม
จากการถูกจับเป็น “ตัวลอย” บ่อยมากขึ้น ทำให้ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” เล่าให้ฟังว่า “เขาเคยมีความรู้สึกน้อยใจ อ.กมล เหมือนกัน และเคยเดินเข้าไปถาม อ.กมล แบบตรงๆ เลยว่า ทำไม ? ถึงให้ผมเล่นแต่ “ตัวลอย” ทั้งที่ผมก็ซ้อมเต็มที่เหมือนทุกคน
“อ.กมล ก็ให้คำตอบมาว่า เราไม่เหมาะที่จะเป็น ตัวจริง แต่เราเหมาะเป็น “ตัวลอย” ที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้กับทีมมากกว่า แต่นั้นไม่ใช่ว่าคุณไม่คนสำคัญ แต่เพราะคุณเป็นผู้เล่นครบเครื่อง เล่นได้ทั้งตัวชง และ ตัวทำ หากทีมมีปัญหาต้องแก้สถานการณ์ คุณ คือ ผู้เล่นที่จะช่วยทีมได้ ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของผู้เล่นตำแหน่ง “ตัวลอย” มากขึ้น”
ทำให้ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” กลับไปมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเอง ทำยังได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้เล่นตำแหน่ง “ตัวลอย” ที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งทั้ง หน้าซ้ายชง และ หน้าขวา ซึ่งนั้นทำให้กลายเป็น “ผู้เล่นคนสำคัญ” ที่ “ทีมชาติไทย” ขาดไปไม่ได้ เหมือนกับ “โอเล่ กุนนาร์โซลชา” ตำนานของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในยุค เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน เลยก็ว่าได้
ด้วยทัศนะคติที่ยอดเยี่ยม ทำให้ “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” ได้โอกาสรับใช้ชาติในฐานะ “นักตะกร้อทีมชาติไทย” ยาวนานกว่า 10 ปี และพากวาดแชมป์มาอย่างมากมาย แบ่งเป็น แชมป์ คิงส์คัพ 8 สมัย, แชมป์ ซีเกมส์ 4 สมัย และ แชมป์ เอเชี่ยนเกมส์ อีก 2 สมัย ก่อนจะปิดฉากเส้นทาง “นักตะกร้อทีมชาติไทย” ในการแข่งขันตะกร้อชายหาด ในเอเชี่ยนบีชเกมส์ 2553 ที่ ประเทศโอมาน
จากเรื่องราวทั้งหมดคงต้องบอกว่า “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” คือ “นักตะกร้อสารพัดประโยชน์” ระดับ “ตำนาน” ของ “ทีมตะกร้อชายทีมชาติไทย” อีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี “ประเสริฐ ผ่องผึ้ง” ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหม เพราะในปัจจุบันเขารับราชการสังกัดกองทัพเรือ ในยศ “นาวาตรี” และดำรงตำแหน่ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรตะกร้อราชนาวี ในปัจจุบัน

#เซียนสตอรี่
#เซียนตะกร้อ
#ประเสริฐผ่องผึ้ง