BLAST

30/08/2024

งานนี้จบแยกย้าย แฟนคลับจัดบัตรเลย พรุ่งนี้เที่ยงตรงเริ่มขาย ขอให้โชคดี

28/08/2024

เอาแล้วไง รอดิว้าาาา !!!

27/08/2024

ไลน์อัพที่ยังมีอีกเรื่อยๆ วงไหนที่ชอบลองส่องดู

รายละเอียดงานใต้โพส

18/08/2024

"ต่อให้เราเคยอยู่ในชีวิตที่ดี แต่วันนึงก็ต้องมาอยู่ที่จุดที่แบบว่า เราเจอจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่ามันแย่เพราะมันยังตกไปได้ลึกกว่านี้อีก" --- บอน ANNALYNN เจอกันต้นเดือนกันยายนนี้ กับฉบับสาธุ 99

Photo : Phobthum Yingpaiboonsuk

17/08/2024

17/08/2024

𝐂𝐡𝐚𝐧𝐠 𝐌𝐮𝐬𝐢𝐜 𝐂𝐨𝐧𝐧𝐞𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐏𝐫𝐞𝐬𝐞𝐧𝐭𝐬
𝗦𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗟𝗼𝘃𝗲 𝗦𝗼𝗻𝗴 ครั้งที่ 𝟭𝟰
เตรียมมาฟังเพลงข้ามคืนไปกับ 15 ศิลปิน ต้อนรับฤดูหนาว
เจอกัน เสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ณ เวเนโต้ สวนผึ้ง ราชบุรี

จัดเต็มทั้งเพลงรัก เพลงร็อก จากศิลปินชั้นนำ มาในธีม ‘ MONOPOLY ’ ความสนุกล้นบนกระดานมหาสนุก การันตีความสนุกครั้งใหม่นี้ด้วย Create Intelligence หรือ CI เต็มอิ่มไปทั้งเพลงรัก เพลงร็อก
เริ่มตั้งแต่สายร็อกนำโดย BODYSLAM กับครั้งแรกในเทศกาลดนตรี SoLS, COCKTAIL ที่อาจเป็นปีสุดท้ายบนเวที SoLS, PARADOX, EBOLA, THE RICHMAN TOY เช่นเดียวกับสายรักที่ขนศิลปินชื่อดังหลากหลาย นำโดย PALMY, VIOLETTE WAUTIER, POLYCAT, BOWKYLION, THE TOYS, 4EVE, ALLY, SINGTO NUMCHOK, PURPEECH, และ YourMOOD
SoLS14 ปีนีจัดเต็ม การันตี 14 ปีของ ‘เทศกาลดนตรียืนหนึ่ง’ ในสวนผึ้ง
ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด รีบกดบัตร สำหรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ
✨Single Sheep ราคา 1,200 บาทต่อ 1 ใบ
✨Double Sheep ราคา 2,200 บาทต่อ 2 ใบ
📍เปิดจำหน่ายบัตรวันที่ 13-31 สิงหาคม 2567 เท่านั้น !!! ราคานี้พลาดแล้วพลาดเลย
สำหรับชาว SoLS ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบ VIP
✨4Ever VIP ราคา 16,000 บาทต่อ 4 ใบ
✨Double VIP ราคา 9,000 บาทต่อ 2 ใบ
✨Single VIP ราคา 5,000 บาทต่อ 1 ใบ

แอบกระซิบว่ามีจำนวนจำกัด 👉ซื้อบัตรได้ที่ Application : The Concert หรือ https://bit.ly/Sols14TicketPR

ติดตามรายละเอียด SoLS14 : https://www.facebook.com/Seasonoflovesong


ิมเต็มคำว่าเพื่อน

09/08/2024

ฉบับสาธุ 99 เดือนกันยายน นี้ BLAST MAGAZINE เราได้สัมภาษณ์พิเศษกับวง FONTAINES D.C. ไอริช โพสท์ พั้งก์ ดาวรุ่งพุ่งแรง จากสังกัด XL RECORDING เพลงของพวกเขาแม่งโคตรเท่ห์ ยิ่งซิงเกิ้ลล่าสุด Starburster ทำเอาคิดถึงรุ่นใหญ่อย่างโอเอซิส และวันที่ 23 สิงหาคม นี้ ทางวงจะปล่อยอัลบั้มเต็ม Romance ใครเป็นแฟนคลับวงรอหยิบต้นเดือนกันยายนได้เลย

08/08/2024

งานเปิดอัลบั้ม วง ASHLEY ปลายเดือนกันยายน วงเปิดเอาเรื่องนะ

08/08/2024

T SQUARE ENTERTAINMENT ร่วมกับ J-Rock Encryption เปิดโหมดเมทัลสาดความมันส์ Dexcore Live in Bangkok 2024 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา โดยมีวงเปิดสัญชาติไทย 100% นำทีมโดยวง KNO3 จากค่าย WEIRD Records และ Tragedy of Murder จาก VOM Records มาสร้างความมันส์ในครั้งนี้อีกด้วย

ติดตามความมันส์กันเพิ่มเติม:
J-Rock Encryption
https://www.facebook.com/jrockencryption

T SQUARE ENTERTAINMENT
https://www.facebook.com/profile.php?id=61563894951816&mibextid=LQQJ4d

📸 eventall_th / awlfphoto

07/08/2024

เรื่องตลกเขาเยอะ ฮาฮาฮา

04/08/2024

ใครบินไปดู Summer Sonic 2024 ที่โตเกียว หรือ โอซาก้า กลางเดือนสิงหาคมนี้ แวะดูวงสามสาว Chilli Beans ได้นะ เล่นสเตจใหญ่ขึ้น วงดังขึ้นเยอะ ล่าสุดออกงาน Live แสดงสด Welcome to My Castle at Budokan บันทึกเสียงได้โอเคเลย อ่านบทสัมภาษณ์ตรงของเธอสามคนกันเลยฮะ

BLAST SPECIAL INTERVIEW
Chilli Beans.
Translator/Writer: Chanisara Yimming

ถึงคราวบทสัมภาษณ์ของ ‘Chilli Beans.’ วงดนตรี 3 สาวจากญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับสไตล์ที่หลากหลาย ประกอบด้วยสมาชิกอย่าง Moto (ร้องนำ) Maika (เบส, ร้อง) และ Lily (กีตาร์, ร้อง) และอัลบั้มใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Welcome to My Castle’ ที่จะพาทุกคนเข้าสู่ปราสาทแห่งห้วงอารมณ์ผ่านเสียงเพลงของพวกเธอ ที่สำคัญชื่อวงยังได้ปรากฏอยู่ใน lineup ของเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ของปีนี้ ‘Summer Sonic 2024’ อีกด้วย

ที่มาที่ไปของวงและความหมายที่แท้จริงของ ‘Chilli Beans.’

ก่อนที่จะมีวง ‘Chilli Beans.’ นั้น พวกเธอทั้ง 3 คนเคยเรียนอยู่ในโรงเรียนสอนดนตรีที่เดียวกันมาก่อน จากนั้นอาจารย์ที่โรงเรียนจึงได้เริ่มชักชวนพวกเธอให้ลองทำวง 3 คนดู และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการฟอร์มวงขึ้นมา จนถึงตอนนี้พวกเธอก็เดินทางมาด้วยกันถึง 5 ปีแล้ว ส่วนชื่อวงนั้น แท้จริงไม่ได้อินสไปร์มาจากที่ไหนไกล แต่เป็นวงร็อกในตำนานอย่าง ‘Red Hot Chili Peppers’ พวกเธอประทับใจในผลงานและการแสดงของพวกเขามาก ๆ แต่ด้วยความที่ Red Hot Chili Peppers เป็นวงร็อกรุ่นใหญ่ เมื่อมองกลับมาที่ตัวพวกเธอซึ่งเพิ่งเริ่มออกเดินทางในเส้นทางสายนี้ พวกเธอจึงเปรียบตัวเองเหมือนกับเมล็ดที่ยังไม่เติบโต จนได้ชื่อมาเป็น ‘Chilli Beans.’
“ตอนนั่งคิดชื่อวง พวกเรา 3 คนนั่งดูพวกวิดีโอการแสดงสดของวงต่าง ๆ อยู่ค่ะ ตอนนั้นไปสะดุดตาเข้ากับ live ของ ‘Red Hot Chili Peppers’ พอดี สมาชิกทุกคนที่อยู่บนเวทีให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตัวเอกทุกคนเลยค่ะ พวกเขาดูอิสระมาก ๆ เราประทับใจกันมาก ๆ เลยเริ่มหยิบคำว่า ‘Chili’ มาก่อน จากนั้นก็เพิ่มตัวแอล (l) เข้าไปอีกตัวให้มันดูน่ารักขึ้นเวลาเขียนออกมา และเราเลือกใช้คำว่า ‘Beans’ เพราะพวกเราทั้ง 3 คนยังเด็กกันอยู่มาก ๆ ค่ะ สุดท้ายก็ได้ใส่จุดลงไปท้ายชื่อให้ชื่อดูเต็มมากขึ้นค่ะ” — Maika

สไตล์อันหลากหลายที่ทำให้กลายมาเป็น ‘Chilli Beans.’

เมื่อพูดถึงสไตล์และแนวดนตรีของ ‘Chilli Beans.’ หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าน่าจะเป็นแนว pop-rock แต่จริง ๆ แล้วสาว ๆ มองว่าวงของพวกเธอมีดนตรีที่ผสมผสานกันหลากหลายสไตล์ ตามรสนิยมที่แตกต่างกันของพวกเธอทั้ง 3 คน
“พวกเราชอบกันคนละแนวค่ะ อย่าง Moto จะชอบพวก dark-pop, hip-hop เธอจะให้ความสำคัญกับพวกเนื้อร้องและการสร้างโลกทัศน์ใหม่ ๆ ขึ้นมา ส่วน Maika ชอบพวก funk สไตล์การเล่นเบสของเธอก็จะแฝงด้วยคาแรกเตอร์ที่สดใสและมีพลัง เอาจริง ๆ เราสามารถสร้างสรรค์เพลงขึ้นมาได้หลายแนวเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นเวลาเล่นสด คนฟังน่าจะสัมผัสได้ถึงความเป็นร็อกอยู่พอสมควรค่ะ” — Lily

และด้วยความที่สาว ๆ นั้นสามารถแต่งเพลงเองและร้องเพลงกันได้ทุกคน ในทุก ๆ เพลงพวกเธอจึงช่วยกันแต่งขึ้นมา ไม่ได้มีใครรับผิดชอบเพลงไหนเป็นพิเศษ ทำให้เอกลักษณ์ของแต่ละคนถูกรวบรวมไว้ในแต่ละเพลง อีกทั้งสาว ๆ ยังบอกกับเราว่าหากใครได้ฟังเพลงของพวกเธอ จะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เหมาะกับคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกข์ใจ เมื่อได้ฟังเพลงจาก ‘Chilli Beans.’ ก็จะรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน

ก้าวสำคัญของวงที่มาพร้อมกับจุดเปลี่ยนจนทำให้พวกเธอเริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้าง เพลง ‘Raise’ เพลง ending ของอนิเมะที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง ‘ONE PIECE’ ก็เป็นผลงานจาก 3 สาว และเป็นเพลงที่ทำให้พวกเธอเริ่มมีฐานแฟนคลับในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเพลงนี้ถูกพัฒนามาจาก demo เก็บของ Moto ที่คิดไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนจะเริ่มตั้งวง ซึ่งพวกเธอได้ตั้งใจเรียบเรียงให้ออกมาเป็นภาพในโลกของโจรสลัด
“ตอนนั้นฉันเขียนด้วยมุมมองของตัวเองในวัย 20 ปีค่ะ จากนั้นเราทุกคนก็เริ่มเรียบเรียงด้วยกัน ภาพจินตนาการของเพลงนี้ที่ตั้งไว้คือ ‘เรือโจรสลัด’ ค่ะ เราพยายามจะรักษาบรรยากาศและคำร้องทั้งหมดในเพลงไว้ แต่สุดท้ายก็ได้มีการเปลี่ยนท่อนคอรัสจากคำว่า ‘Twenty girl’ เป็น ‘Kakageyou (掲げよう)’ เพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องของ ONE PIECE ฉันไม่แน่ใจว่าเพลงนี้เปลี่ยนชีวิตฉันหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ฉันมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ” — Moto

ทาง Lily บอกกับเราว่า ONE PIECE เป็นอนิเมะที่มีอิทธิพลกับ Moto มาก ๆ และพวกเธอ 3 คนก็ดีใจมาก ๆ ที่ได้รับโอกาสนี้ ไม่ใช่แค่การที่บทเพลงของวงดังขึ้นในตอนจบของอนิเมะเรื่องโปรดของพวกเธอเพียงเท่านั้น แต่เพลงนี้ยังเป็นเพลงที่สะท้อนเส้นทางของพวกเธอ ที่ไม่ว่าจะต้องออกเดินทางไปที่ไหน แค่มีกัน 3 คน พวกเธอก็สามารถไปได้ทุกที่ นอกจากนี้พวกเธอยังได้เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่จะได้ขึ้นแสดงในเทศกาลที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง ‘Summer Sonic 2024’ ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันจะได้ขึ้นแสดง รวมถึงสาว ๆ ทั้ง 3 คนด้วย
“Summer Sonic เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ชื่นชอบมาก ๆ ค่ะ ฉันดีใจมาก ๆ ที่ถูกเชิญไปขึ้นแสดงที่นั่น ในงาน Summer Sonic เมื่อปี 2022 เราได้มีโอกาสไปเล่น Opening Act บน Beach Stage ครั้งนี้เราได้เล่นในเวทีที่ใหญ่ขึ้น มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น อยากเห็นเหมือนกันค่ะว่าวงเราจะทำโชว์ออกมาเป็นยังไง แล้วก็อยากเห็นศิลปินท่านอื่นในงานด้วยค่ะ” — Maika

เป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนของสมาชิกทั้ง 3 คน

ในช่วงที่เริ่มตั้งวงนั้น สาว ๆ บอกกับเราว่าไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษเท่าไหร่ พวกเธอเพียงแต่เริ่มต้นออกเดินทางพร้อมหอบความรักในเสียงดนตรีและความปราถนาที่จะอยู่กับมันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนถึงตอนนี้ดูเหมือนเป้าหมายของพวกเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากจุดเริ่มต้นเลย
“ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเป็นพิเศษค่ะในตอนแรก แค่อยากแต่งเพลงแล้วก็นำเสนอออกมา จนเกิดเป็นหลากหลายบทเพลงที่มีหลากหลายความคิด แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเราเองชอบ บางทีเราแค่ต้องการอะไรที่จะมาช่วยดึงตัวเราออกจากสิ่งที่ต้องเจอ ต้องรู้สึกในทุก ๆ วัน แล้วฉันก็อยากจะทำอะไรที่ตัวเองอยากจะทำจริง ๆ โดยไม่โกหกกับตัวเองก็เท่านั้นค่ะ” — Moto
“การที่ฉันได้ทำวงออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั่นคือเป้าหมายของฉันค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องกับดนตรีเลย พอได้ทำก็อยากจะรวบรวมสไตล์และความชอบที่มีอิทธิพลต่อตัวเราใส่ลงไปในบทเพลง เอนจอยไปกับการค้นหาสไตล์ตัวตนใหม่ ๆ และหาวิธีถ่ายทอดมันออกไปค่ะ” — Lily

สาว ๆ ยังตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า พวกเธอไม่ได้คาดหวังจะเป็นวงดนตรีหรือนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่ พวกเธอมองว่าสิ่งที่พวกเธอกำลังทำคือการเติบโตอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งพวกเธออยากที่จะค่อย ๆ ก้าวเดินแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และดูเหมือนพวกเธอจะไม่เคยคิดผิดหวังกับทุกการตัดสินใจที่ผ่านมา เพราะพวกเธอเชื่อที่ว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ณ เวลานั้น ๆ
‘Welcome to My Castle’ อัลบั้มล่าสุดในคอนเซ็ปต์ปราสาทแห่งอารมณ์และความรู้สึก

อัลบั้มใหม่ของสาว ๆ อย่าง ‘Welcome to My Castle’ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่เปรียบปราสาทเหมือนกับแหล่งที่จะคอยบันทึกอารมณ์และความรู้สึก รวมถึงหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างที่ต้องเจอในแต่ละวันไว้ในห้องแต่ละห้อง โดยแต่ละเพลงจะรวบรวมคาแรกเตอร์ที่แตกต่างของแต่ละสมาชิกไว้ด้วยกัน นอกจากในอัลบั้มนี้พวกเธอจะทำเพลงกันเองแล้ว ยังได้มือกลองอย่าง ‘Yuumi’ สมาชิกวง FLiP, ‘Reiji Okamoto’ สมาชิกวง Okamoto’s และ ‘Yoshida Yusuke’ สมาชิกวง tricot มาช่วยอัดกลองในอัลบั้มนี้อีกด้วย
พวกเธอยังได้แนะนำให้ผู้ฟังที่เพิ่งได้มีโอกาสรู้จัก Chilli Beans. ได้ลองฟังเพลงจากอัลบั้มนี้กันดู โดยหวังว่าอาจจะมีเพลงที่แต่ละคนชอบอยู่ในนั้น โดยเฉพาะ Maika เธอได้แนะนำเพลงในอัลบั้มที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษอย่าง ‘Doll’ พร้อมกับเราว่า ทุกครั้งที่เธอเล่นเพลงนี้ เธอมักจะเล่นออกมาได้เป็นธรรมชาติและรู้สึกเป็นอิสระเสมอ เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าทุกเครื่องทุกไลน์ออกมาค่อนข้างนุ่มนวลและลงตัว

และทาง Lily ก็ได้แนะนำให้รอดู MV จากเพลงใหม่ล่าสุด ‘Mum’ ที่กำลังจะปล่อยในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย ส่วนตัวเพลงนั้นถูกปล่อยเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมให้ทุกคนได้ลองฟังในสตรีมมิ่งทุกแพลตฟอร์ม
มีอะไรอยากฝากถึงแฟน ๆ ชาวไทยไหม?
“ฉันจะดีใจมาก ๆ ถ้าสักวันฉันได้มีโอกาสทำการแสดงต่อหน้าทุกคนที่ไทยค่ะ ฉันอยากเจอทุกคนมาก ๆ แล้วฉันก็ชอบชาไทยมาก ๆ ในสมัยที่ยังเป็นนักเรียน ฉันเคยทำงาน part-time ที่ร้านชาด้วย แนะนำร้านชาให้ฉันได้นะคะ” — Lily
“ฉันเคยไปเที่ยวไทยครั้งนึงค่ะ ที่นั่นอาหารอร่อยมาก ๆ เลย เป็นประเทศที่ฉันจะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเราได้ทำการแสดงสดที่นั่น ไว้พบกันนะคะ” — Maika
“พวกเราอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนทุกคนที่ไทยในเร็ว ๆ นี้ แต่ฉันอยากเจอพวกคุณมาก ๆ ค่ะ ฉันหวังว่าถ้าเราได้เจอกัน เราจะได้มีช่วงเวลาสนุก ๆ ไปด้วยกันนะคะ ขอบคุณที่รับฟัง Chilli Beans. มาตลอดค่ะ ขอบคุณค่ะ” — Moto

04/08/2024

“Welcome to the MUSEUM OF OUR MESS”

งานนิทรรศการจาก mindfreakkk ที่จะชวนทุกคนมาละทิ้ง ความยุ่งเหยิงในจิตใจ และปลดปล่อยความ MESS ในตัวเอง แฟนคลับอย่าลืมแวะไปชม งานเปิดให้ชมถึงวันที่ 5 สิงหาคม นี้ที่ Palette Artspace (ติด BTS ทองหล่อ)

ส่วนอัลบั้มเต็มกดฟังได้แล้วทุกแพล็ตฟอร์ม เพลงละมุนละไมจริงๆ

01/08/2024

“ENCHANTED FEST 2024”
ครั้งแรก!! ของฮาโลวีนมิวสิกเฟสติวัลเต็มรูปแบบในไทย พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์หลอนด้วยไลน์อัพศิลปินตัวท็อป 31 ตุลาคมนี้

ฮาโลวีนปีนี้พร้อมจะหลอนไปกับงาน YUMYUM presents ENCHANTED FEST 2024 (ยำยำ พรีเซนต์ส เอ็นแช้นเท็ด เฟส 2024) งานฮาโลวีน มิวสิกเฟสติวัล เต็มรูปแบบครั้งเเรกในประเทศ ซึ่งจัดโดย บริษัท Enchanted VIP (เอ็นแช้นเท็ด วีไอพี) แล้วหรือยัง? งานฮาโลวีนมิวสิกเฟสติวัลที่เหมือนยกต้นฉบับอย่างอเมริกา มาไว้ที่ไทย โดยรวมความสนุกไว้ในที่เดียวด้วยไลน์อัพศิลปินตัวท็อประดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Jeff Satur , NONT TANONT , MILLI , PIXXIE , TIMETHAI , D GERRARD และ YOUNG OHM พร้อมเนรมิตฮอลล์ใหญ่ใจกลางเมือง เพื่อนำคุณเข้าสู่โลกแห่งความลี้ลับ ความอลังการของแสง สี เสียง รวมไปถึงการจัดเต็มของคอสตูมที่ทุกคนสามารถใส่กันมาได้อย่างไม่ยั้ง พร้อมกิจกรรมและรางวัลอีกมากมายภายในงาน เท่านั้นยังไม่พอ เพราะผู้จัดเค้าเตรียมศิลปิน รับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ที่จะมาทำให้เทศกาลฮาโลวีนปีนี้ของคุณจะไม่มีวันลืม ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยจะมีงานฮาโลวีน มิวสิกเฟสติวัลสไตล์นี้

ซึ่งหลังจากเปิดตัวก็ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจนกลายเป็น Talk Of The Town เเละเป็นอีกหนึ่งงาน เฟสติวัลที่ทุกคนรอคอย สำหรับงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ BLUEPRINT LIVE HOUSE นำทีมโดย นายชาร์ล โรเบิร์ต Head Project Director งาน ENCHANTED FEST ขึ้นกล่าวถึงที่มาและความพิเศษที่ทุกคนจะได้สัมผัสในงาน YUMYUM presents ENCHANTED FEST 2024 ในขณะที่ตัวแทนศิลปิน อย่าง TIMETHAI และ D GERRARD ก็ได้ร่วมพูดคุยถึงความน่าสนใจจนทำให้ตกลงเข้าร่วม ในฮาโลวีนมิวสิกเฟสติวัลในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่ใจดีจาก ยำยำ โดยมี คุณชินานันท์ บุญศิริยะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ขึ้นกล่าวถึงการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก ในการจัดงานนี้ ก่อนที่จะยกเวทีให้ D GERRARD มอบความสนุกเรียกน้ำย่อยให้กับทุกคนในงาน ท่ามกลาง บรรยากาศที่ตกแต่งสถานที่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในวันฮาโลวีนจริงๆ นี่ขนาดงานแถลงข่าวยังจัดเต็มขนาดนี้ แล้วงานจริงจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน..

เตรียมวอร์มนิ้วกดบัตรกันไว้ให้ดี แล้วปีนี้ไปสัมผัสประสบการณ์หลอนสุดมันในวันฮาโลวีนครั้งยิ่งใหญ่ ไปด้วยกันที่ YUMYUM presents ENCHANTED FEST 2024 ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567 ณ UOB LIVE at EMSPHERE โดยเปิดจำหน่ายบัตรทาง The Concert Application หรือ www.theconcert.com โดยรายละเอียดระยะเวลาเปิดขายบัตรช่วงต่างๆ มีดังนี้
● UOB Presale : ราคา 2,200 บาท (ผู้ซื้อต้องลงทะเบียนผ่านทางThe Concert Application หรือ www.theconcert.com เรียบร้อยแล้วเท่านั้น)
○ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 10:00 - 00:00 น.
● Early Bird : ราคา 2,200 บาท
○ วันที่ 2 สิงหาคม - 5 สิงหาคม 2567 เวลาตั้งแต่ 10:00 น. เป็นต้นไป
● Regular​: ราคา 2,800 บาท
○ วันที่ 6 สิงหาคม 2657 เวลาตั้งแต่ 10:00 น. เป็นต้นไป

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารงาน YUMYUM presents ENCHANTED FEST 2024 ได้ทาง Facebook Fanpage : Enchanted Fest , Instagram : Enchantedfestival และ X : Enchanted Fest

31/07/2024

UGOSLABIER พร้อมสร้างความโกลาหลครั้งแรกในเอเชีย

Supporting “FULL OF HELL ASIA TOUR 2024” เตรียมอาละวาด 6 ประเทศในเอเชีย!
UGOSLABIER จากค่าย VOM Reccords วงที่มีดนตรี และการเพอฟอร์มดุเดือดขึ้นชื่อ คณะดนตรีที่ผ่านการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเป็นจอมอาละวาด แห่งวงการเมทัล จากทุกสเตจ ทุกเทศกาลดนตรีที่ผ่านมา! โดยล่าสุด Slamman Booking Asia เอเจนซี่สายคอนเสิร์ตเมทัลไทยและ Tour Manager ก็ไม่ทําให้แฟนๆ ผิดหวัง นําทีมพา UGOSLABIER ร่วม
ระเบิดเวที FULL OF HELL ASIA TOUR 2024 เอเชียทัวร์ครั้งแรกของวง

FULL OF HELL วงไกรนด์คอร์/สลัดจ์เมทัล จากเพนซีลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่ง UGOSLABIER จะเป็น Support Band ที่ไปร่วมทัวร์ด้วยกัน 5 โชว์ 1 เทศกาลดนตรี ทั้ง 6 ประเทศในเอเชีย เริ่มต้นด้วยประเทศเกาหลีใต้, ประเทศฟิลิปปินส์, ประเทศสิงคโปร์, ประเทศเวียดนาม, ประเทศอินโดนีเซีย และปิดท้ายที่ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ด้วยกระแสตอบรับที่ดังสนั่น เพราะนี่ถือว่าเป็น ASIA TOUR ครั้งแรกของทั้ง FULL OF HELL และ UGOSLABIER สําหรับแฟนๆ ชาวไทยที่
สนใจร่วมความโกลาหลเตรียมตัวให้พร้อม วอร์มร่างกายไว้ให้ดี 1 กันยายนนี้ เจอกันที่ MR. FOX LIVEHOUSE ซื้อบัตรได้ที่ Ticketmelon.com

ติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่

FB/IG: Ugoslabier
FB/IG: VOM Reccords
FB/IG: Slamman Booking Asia

31/07/2024

ตำนานดูโอ้ฝรั่งเศสมาเยือนไทยแล้ว กับวง AIR วงดูโออิเล็กทรอนิกา ดาวน์เทมโปที่มีสมาชิกคือ Nicolas Godin และ Jean-Benoît Dunckel โดยพวกเขาได้เบิกเส้นทางการเป็นศิลปินระดับตำนานจากการสร้างสรรค์อัลบั้มเดบิวต์ปี 1998 อย่าง ‘Moon Safari’ อัลบั้มนี้มีเพลงคลาสสิกตลอดกาลอย่าง ‘Sexy Boy’, ‘Kelly Watch the Stars’ เเละ ‘All I Need’ ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมากมายทั้งในวงการดนตรีและวงการภาพยนตร์อย่าง Charlotte Gainsbourg, Kevin Parker (Tame Impala) โดยเฉพาะ Sofia Coppola ที่ชื่นชอบเพลงของ AIR เป็นพิเศษและได้ให้พวกเขามาทำเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘The Virgin Suicides’ จนกลายมาเป็นอีกผลงานเด่น

ความพิเศษที่เราไม่อยากให้คุณพลาดการแสดงของ AIR ที่ Maho Rasop 2024 คือนอกจากจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขามาแสดงในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในทัวร์ครบรอบ 25 ปีของอัลบั้ม ‘Moon Safari’ ที่วงกลับมาแสดงสดเป็นครั้งแรกหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 6 ปี โดยได้ประกาศรอบการแสดงหลายที่ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการหยิบทุกเพลงจากในอัลบั้มมาบรรเลง พร้อมด้วยโปรดักชันแสงสี
สุดยิ่งใหญ่ให้แฟนๆ ได้ซึมซับเพลงโปรดกันอย่างเต็มอิ่ม

รายละเอียดใต้โพส

31/07/2024

BLAST SPECIAL INTEVIEW

Aaron Marshall & Nick Johnston

Translator: Methasit Somsup / Chanisara Yimming
Writer: Chanisara Yimming
Photo : Inter Music

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับงาน "Aaron Marshall & Nick Johnston" งาน Guitar Clinic ดี ๆ ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายโดยแบรนด์กีตาร์เลื่องชื่ออย่าง ‘Schecter’ ในวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ The Rock Pub แห่งใหม่ ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าชมลงทะเบียนสำรองชื่อเข้างานครบโควตา และมี walk-in เข้ามาเพิ่มอีกนับไม่ถ้วน อีกทั้งครั้งนี้ยังเป็นครั้งพิเศษมาก ๆ สำหรับ Aaron มือกีตาร์จาก ‘Intervals’ เพราะทัวร์ครั้งนี้ทำให้เขาได้กลับมาเยือนเอเชียเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่วนทาง Nick นั้น เรียกได้ว่าเป็นเจ้าประจำ ที่มักมาทำการแสดงที่ไทยเรื่อย ๆ จนตอนนี้่เกือบครบ 10 ปีแล้ว
หากใครยังไม่ทราบ ‘Aaron Marshall (แอรอน มาร์แชลล์)’ และ ‘Nick Johnston (นิค จอนส์ตัน)’ ทั้งสองคนเป็น endorser อย่างเป็นทางการของ ‘Schecter’ กีตาร์ที่เป็นที่รู้จักในแวดวงดนตรี rock และ metal และพวกเขาได้ร่วมงานกันมานานหลายปี โดยเฉพาะ Nick ที่ร่วมงานกับทาง Schecter มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่เขายังไม่เป็นที่รู้จักเท่าปัจจุบัน ส่วนทางฝั่ง Aaron แม้จะเข้าร่วมอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2021 แต่เขาก็ดีใจมาก ๆ เพราะเป็นกีตาร์ที่มีชื่อเสียงในแนวเพลงที่เขาชื่นชอบ และคนรอบตัวเขามีทั้งใช้กีตาร์ของแบรนด์ หรือแม้แต่เป็น endorser เช่นกัน
งาน Guitar clinic ในครั้งนี้ได้จัดขึ้นมาเพื่อโปรโมทแบรนด์และพาสองมือกีตาร์มาแสดงฝีมือการเล่นแบบสด ๆ ในงาน ซึ่งก็เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ เพราะทำให้ Aaron ได้กลับมาเหยียบเอเชียอีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดที่เขาได้มาจัดคอนเสิร์ตในฐานะวง ‘Intervals’ ในปี 2018 เขาบอกกับเราว่าการมาเล่นตัวคนเดียวกับ backing track เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเขา เพราะเขามักจะคุ้นชินกับการเล่นเสียงดัง ๆ กลองลั่น ๆ มีคนดูมาวิ่งกันเยอะ ๆ พอเป็นกิจกรรมที่มีการพูดคุย แจกลายเซ็น เขาก็ได้ประสบการณ์สนุก ๆ ไปอีกแบบ ส่วน Nick นั้นไม่ต้องเป็นกังวลเลย เพราะเขาออกทัวร์ clinic แบบนี้หลายสิบรอบทั่วโลก แถมยังมาจัดที่ไทยหลายครั้งด้วย
สำหรับกีตาร์ signature ของ Nick ที่นำมาโชว์ในงานจะเป็นตัว ‘Schecter Nick Johnston Traditional Diamond Series’ เขาพยายามทำออกมาให้ราคาไม่สูงมากและ spec ใกล้ตัว USA model มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วน signature ของทาง Aaron เขาเริ่มจากออกแบบกีตาร์ Diamond Series ก่อนในช้อปที่อเมริกา ซึ่งปัจจุบันก็คือ ‘Schecter Aaron Marshall Series’ นอกจากนี้ Nick ยังเล่าความประทับใจต่อกีตาร์ Schecter อีกว่า ตอนที่เขาออกทัวร์เมืองเซี่ยงไฮ้ที่จีน สภาพอากาศ ณ ตอนนั้นมีความแปรปรวนอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่สะทกสะท้านกีตาร์แต่อย่างใด ทำให้เขายิ่งประทับใจในกีตาร์ Schecter เป็นอย่างมาก
เรื่องของซาวด์กีตาร์และการสร้างสรรค์เพลง สิ่งที่หลาย ๆ คนอยากรู้เกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังในความคิดของพวกเขาทั้งสองคน แต่หลังจากได้พูดคุยกันแล้ว แท้จริงดูจะเรียบง่ายและไม่ได้ซับซ้อนเท่าที่คิด พวกเขาทั้งสองพยายามจะทำอะไรใหม่ ๆ พร้อมกับตอบสนองความต้องการของตัวเองเป็นหลัก

“ผมมองว่าดนตรีเหมือนภาพสะท้อนว่าผมเรียนรู้อะไรจากคนรอบตัวและนักดนตรีที่ผมเล่นด้วยบ้าง อย่างผมชื่นชอบเพลง 70’s หรือ American fusion สิ่งที่ได้จากพวกเขาคือการคิด harmony ใหม่ๆ การใช้ tension ต่าง ๆ ซึ่งตอนผมยังเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ เลยรู้สึกว่ามันไม่เพราะ จึงไม่ได้สนใจ แตกต่างกับตอนนี้เลยครับ ผมค่อนข้างเห็นด้วยเลยว่าซาวด์จะเปลี่ยนไปตามอายุของเรา และผมเชื่อว่าในอนาคตผมน่าจะมีซาวด์ที่เจ๋งกว่านี้ออกมาแน่นอนครับ” — Nick

“เวลาผมทำเพลง ผมไม่ได้โฟกัสว่าต้อง key อะไร mode อะไร ผมมองเรื่อง sound design ซะเยอะ อย่างล่าสุดผมใช้พวกอะไรที่ไม่ใช่ live kits เยอะมาก ช่วงโควิดก็นั่งงม synthesizer ตลอดครับ อยากรู้ว่าจะต่อยอดกีตาร์และเพลงตัวเองให้ไปอีกขั้นยังไง มีช่วงที่ผมอยากจะเล่นคลีน ๆ ด้วยนะครับ แต่ก็ยังทำไม่ได้ ด้วยความที่ผมโตมากับเพลงหนัก ๆ จนเหมือนมันเป็น comfort zone ของผมไปแล้ว แต่ผมก็ยังพยายามปั้นซาวด์ของผมมาเรื่อย ๆ ครับ คล้ายกับ Nick แบบ ‘My best is yet to come’ ครับ” — Aaron
นอกจากนี้เรายังได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของ Nick ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากตอนแรก เขาบอกว่าสไตล์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับสไตล์ดนตรีของเขา เพราะเขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาของเขาที่ถนัดด้านแฟชั่น เธอมักจะตัดเสื้อและทำเครื่องประดับต่าง ๆ ให้ใส่อยู่เรื่อย ๆ ทำให้สไตล์ของเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ชื่นชอบและภูมิใจกับตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ เพราะเขารู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แคร์สายตาผู้คนน้อยลง และพวกเขาทั้งสองยังทำวงร่วมกันในนาม ‘Osmanthus’ อีกด้วย
ก่อนจากกันไป พวกเขายังฝากข้อความถึงแฟน ๆ ชาวไทย และบอกกับทางเราว่าเขาจะกลับมาที่นี่เป็นการส่วนตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน

“ผมมาที่นี่บ่อยมาก ๆ ครับ มาทีไรแฟน ๆ ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ตอนแรกที่ผมน่าจะมีแฟนคลับอยู่แค่ 2 คนเองมั้งครับ จนตอนนี้จำนวนแฟนคลับก็มากพอที่จะทำให้ห้องเต็มได้แล้ว ผมรู้สึกดีใจและขอบคุณมาก ๆ ครับ ผมจะมุ่งมั่นทำเพลงให้ดียิ่งขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้กับนักดนตรีในไทยทุกคนด้วยครับ” — Nick

“ส่วนผมมาไม่บ่อย แต่ก็คุ้นชินกับที่นี่เร็วมากครับ เพราะเมืองที่ผมอยู่ก็เป็นโซนที่มีคนไทยและร้านอาหารไทยเยอะเลย ทุกคนใจดีและเป็นมิตรมาก ๆ เคยมีคนบอกผมด้วยว่าถ้ามาเอเชียแล้วจะเจอ culture shock แต่ผมแทบไม่รู้สึกเลยครับ ผมดีใจมาก ๆ ที่มีกิจกรรมแบบนี้ ทำให้ผมได้เจอแฟน ๆ ชาวไทย ทุกคนน่ารักมากครับ อีกอย่างผมก็รู้จักนักดนตรีในไทยอยู่บ้าง พวกเขามีฝีมือมาก การมาไทยสำหรับผมคุ้มค่ามากเลยครับ” — Aaron
สุดท้ายนี้ เราก็แอบถามไปว่ามือกีตาร์มือโปรอย่างทั้งสองคน มีกีตาร์หลายต่อหลายตัว อยากรู้ว่าเขาทั้งสองคนได้ตั้งชื่อให้กับกีตาร์แต่ละตัวบ้างหรือเปล่า?
“ไม่ครับ ฮ่า ๆ” — Nick, Aaron
นอกจากฝีมือการเล่นกีตาร์ระดับเทพของทั้งคู่ พวกเขายังมีนิสัยที่เป็นกันเองสุด ๆ เขาทั้งสองคนพร้อมพูดคุยและตอบคำถามให้กับทุก ๆ คนที่เข้าไปหาพวกเขาแบบไม่มีกั้ก ความไม่ถือตัวของทั้งสองเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้งานนี้ดูอบอุ่นมาก ๆ รอบหน้าที่พวกเขากลับมาเมืองไทย อยากให้ทุกคนลองหาโอกาสไปเจอกับพวกเขาตัวจริงสักครั้ง รับรองเลยว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน

ขอขอบคุณ : คุณกบ อินเตอร์ มิวสิค / ปิ๊ก Loudly Prefer

26/07/2024

เราชอบผลงานพวกเขา แล้วเพลงพวกเขาดันมาตรงกับชีวิตตอนนี้พอดี HARMONICA SUNDOWN / FEEL AGAIN งานโคตรดีย์

26/07/2024

ไลน์อัพดีต้อรับลมหนาว

รายละเอียดใต้โพส

26/07/2024

BLAST SPECIAL INTERVIEW

Interview / Translator : Napasorn Ja Ngaosawangjit

หากใครเป็นวัยรุ่นยุคปลาย 1990s ถึง 2000s คงคุ้นเคยกับภาพยนตร์หนังรักไฮสคูลอย่าง “She’s all that” ฉายเมื่อปี 1999 เป็นอย่างดี ตัวหนังดำเนินตามหนังรักวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่แหละ คืออีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของยุค 90s นอกจากตัวหนังแล้ว เพลงประกอบอย่าง “Kiss Me” ได้กลายเป็นเพลงประจำชาติของวัยรุ่นยุคนั้น แถมยังส่งให้วงโนเนมอย่าง “Sixpence None The Richer” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 25 ปี บทเพลง “Kiss Me” ก็ยังไม่หายไปจากความทรงจำ เป็นความโรแมนติกของวัยรุ่นยุค 90s ที่ส่งผ่านมาถึงวัยรุ่นยุคปัจจุบันอย่างศิลปินหนุ่มสุดหล่อชาวออสซี่ขวัญใจแฟนเพลงสาวๆ ชาวไทย อย่าง “Ruel” (อ่านว่า “รูล”) เขากำลังจะเปิดตัวอัลบั้มใหม่ “Adaptations” ให้แฟนเพลงทุกคนได้ฟังกันในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ความพิเศษคือ “Kiss Me” ได้กลายเป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้มแห่งการคัฟเวอร์ของศิลปินหนุ่มวัย 21 ปีนี้

“ผมชอบเพลงนี้มานานแล้วครับ ผมพยายามคัฟเวอร์เพลงนี้อยู่หลายเวอร์ชั่นมาก แบบลองไปเรื่อยๆ มันเป็นแนวทางของผม แต่ตอนที่อยู่กับตัวเอง ผมชอบฟังเพลงแล้วเอาความเป็นตัวเองใส่เข้าไป ผมว่ามันเป็นการพักแบบหนึ่งด้วย โดยเฉพาะตอนที่ผมเขียนเพลงใหม่เยอะมาก วันละเพลงได้ พยายามเขียนวนซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้มันออกมาดี บางครั้งผมเลยอยากจะร้องเพลงที่มันดีของมันอยู่แล้ว ได้ไม่ต้องแต่งมันขึ้นมาใหม่ด้วย ผมว่ามันสนุกมากเลยครับ แล้วเพลง “Kiss Me” ก็อยู่ในความคิดผมมาตลอด ผมเลยลองเอาเพลงนี้มาคัฟเวอร์เป็นเพลงแรก เพราะว่าผมรู้สึกว่าเราไม่ต้องทำอะไรใหม่เลย ผมชอบมากที่ได้นำเพลงมาคัฟเวอร์ในสไตล์บัลลาด ผมแค่นั่งบรรเลงเปียโนหรือเล่นกีตาร์ แล้วทำให้ดนตรีมันออกมาเศร้าเท่าที่เป็นไปได้ มันเลยให้ความรู้สึกเป็นการเปลี่ยนแนวเพลงจากเพลงต้นฉบับที่แปลกใหม่ดีครับ”

Ruel เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่เลือกเพลง “Kiss Me” มาเป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม ส่วนถ้าใครได้ฟังเพลง “Kiss Me” กันแล้ว คงจะคุ้นเคยดีกับคอนเซ็ปต์อันแสนหวาน ว่าด้วยการมา “จูบฉันสิ” ซึ่งอาจทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า Ruel เคยมีประสบการณ์จูบสุดพิเศษที่อยากมาแชร์ให้เราฟังไหม

“ไม่รู้สิ ตอนเป็นเด็กคุณเคยลองฝึกจูบกับอ่างอาบน้ำไหม? นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำครับ เป็นการฝึกจูบของผม มันค่อนข้างแย่นะ แต่ตอนนั้นผมอายุแค่ 6 หรือ 7 ขวบได้ ผมรู้สึกว่าผมต้องฝึกมัน แบบมันถึงเวลาแล้ว ผมเลยฝึกด้วยการจูบอ่างอาบน้ำครับซึ่งมันน่าขนลุกมากครับ แต่นั่นแหละพอมาย้อนนึกดู ผมทำมันไปแล้วอะครับ แล้วมันก็เป็น Bad Kiss ด้วย จูบแรกของผมคือเมื่อตอนอายุ 7 ขวบ มีเด็กผู้หญิงมาจูบผม ผมว่ามันแย่มากครับ”

นอกจากจะเปิดตัว EP ใหม่ด้วยบทเพลงสุดฮิตจากยุค 90s แล้ว ตัว MV ยังได้ถ่ายทำที่โบสถ์ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งปรากฏอยู่ในฉากภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า Romeo + Juliet ฉบับปี 1996 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากความหล่อเหลาที่ใครก็ไม่อาจต้านทานได้ของ “Leonardo DiCaprio”

“มันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุด แล้วผมได้มีโอกาสไปถ่ายทำ Music Video ที่โบสถ์จากหนังเรื่องนั้นที่ประเทศเม็กซิโก แปลกมากเลยนะครับ ทุกอย่างมันง่ายไปหมด คือผมไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไง โบสถ์มันดันอยู่ใกล้กับสถานที่ที่ผมไปขึ้นโชว์พอดีและเราสามารถถ่ายทำได้ทั้งคืน แล้วค่าเช่าสถานที่ก็เป็นกันเองมาก ผมถึงกับทึ่งไปเลย กว่าจะได้ช็อตที่ผมต้องการมันก็ค่อนข้างจะติดขัดครับ แต่ว่าสุดท้ายมันก็ออกมาสมบูรณ์แบบเรียกว่าเป็นสถานที่ต้องมนต์ทั้งตัวโบสถ์และประเทศเม็กซิโก เป็นที่มหัศจรรย์มากในการถ่ายทำ ผมมีช่วงเวลาที่แสนพิเศษและทีมงานทุกคนเป็นกันเองมาก”

เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวของ Pop Culture แห่งยุค 90s ได้อย่างลงตัวทั้งจากตัวเพลงและ Music Video พูดถึงตัวภาพยนตร์ “Romeo & Juliet” แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความหล่อเหลาของ Ruel นั้นเทียบเคียงได้กับ Romeo ในเวอร์ชั่นของ “Leonardo DiCaprio” เลยก็ว่าได้ แล้ว “Romeo & Juliet” ในเวอร์ชั่นของ Ruel ละเป็นอย่างไร

“เคยได้ยินละครเวที “Romeo & Juliet” ฉบับทอม ฮอลแลนด์ ไหมครับ? ผมชอบไอเดียของเวอร์ชั่นนี้ โปรดักชั่นของมันดูดีจนผมอยากไปปรากฎตัวอยู่ในนั้นเลย ที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่า เวอร์ชั่นนี้มันดูโมเดิร์นมาก ตัวหนังยุค 90s มันก็โมเดิร์นทั้งจากการใช้ปืนและมีรถเท่ห์ๆ การดำเนินเรื่องที่เร็ว แต่ว่าเวอร์ชั่นละครเวทีมันทั้งแปลกใหม่และล้ำกว่านั้นมาก ในจินตนาการของผม Romeo & Juliet ในเวอร์ชั่นปี 2024 ผมอยากให้มันถูกนำเสนอในรูปแบบฟิล์มนัวร์ ดำเนินเนื้อเรื่องเหมือนเดิมแต่อยากให้ถ่ายทำออกมาเป็นหนังอินดี้ขาวดำประมาณนั้นครับ”

แต่ถ้าพูดถึงศิลปินยุค 90s ที่ Ruel อยากร่วมงานด้วยแล้ว เขาบอกว่า

“ถ้าย้อนกลับไปยุค 90s แล้วร่วมงานกับศิลปินคนไหนได้ ผมขอเลือกร่วมงานกับ Jeff Buckley ในทุกวันตลอดสัปดาห์เลยครับ ผมคิดว่าเขาเจ๋งมากครับ ผมไม่สามารถพูดชื่อคนอื่นได้เลย”

อย่างที่รู้กันว่า “Adaptations” เป็น EP แห่งการคัฟเวอร์ Ruel ได้นำเพลงดังจากหลายยุคมาคัฟเวอร์ นอกจากนั้นเขายังเล่าให้เราฟังอีกว่าในอนาคตเขาอยากนำเพลงฮิตอื่นๆ มาทำใหม่อีกด้วย

“แน่นอน ก็เป็น EP เพลงคัฟเวอร์น่ะครับ ผมเลยจะคัฟเวอร์หลายเพลงเลย ผมคิดว่าผมสนุกไปกับช่วงโปรดักชั่นมาก ผมได้ลองเอาเพลงมาลองคัฟเวอร์หลายแนว ไม่ใช่ว่าทุกเพลงจะถูกทำออกมาในแนวบัลลาร์ดนะครับ เรายังมีเพลงในเทมโป้สนุกๆ แล้วก็กรูฟวี่ด้วยครับ พวกเราพบว่าการเอาเพลงมาทำใหม่มันเจ๋งดี อย่างเอาเพลงบัลลาร์ดมาคัฟเวอร์เป็นเพลงเร็ว หรือเปลี่ยนเพลงจังหวะมันส์ๆ ให้กลายเป็นเพลงเศร้าเท่าที่เป็นได้ครับ
ผมลองทำเพลงจากหลายๆ ยุคเลยครับ ตั้งแต่ 60s ไปจนถึง 80s นี่คือสิ่งที่ผมพยายามทำแต่ไม่อยากพูดเยอะเท่าไร เพราะผมกลัวครับ ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นเพลงไหนบ้าง แต่ผมจะลองทำดู ถ้าตอนนี้คงเป็นเพลงอย่าง “Take on Me” หรือ “Rich Girl” พวกเพลงเก่าๆ ที่ยังไม่ได้อยู่ใน EP นี้ครับ ตอนนี้ผม happy กับเพลงที่ผมเลือกมาคัฟเวอร์ครับ”

สุดท้ายแล้ว Ruel ยังทิ้งท้ายฝากถึงแฟนเพลงชาวไทยว่า

“ผมรักแฟนๆ ชาวไทยมากครับ ผมรักประเทศไทย ผมมีช่วงเวลาแสนพิเศษที่นั่น อย่างตอนที่ผมต้องขึ้นโชว์ครั้งแรก ผมคิดว่าน่าจะเป็นในห้าง แล้วก็เปิดโล่งเลยครับไม่ใช่สถานที่ปิด แล้วกลายเป็นว่ามันเป็นโชว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมในเวลานั้นเลย เพราะว่าผมไม่รู้เลยว่าจะมีคนไทยที่รู้จักเพลงผม ผมรู้สึกประทับใจมาก และผมกลับไปเล่นที่เมืองไทยตั้งแต่ตอนนั้น ผมได้รับความรักจากทุกคนและผมอยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความรักที่ผมแสดงให้ทุกคนเช่นกัน เพราะว่า ผมรักเมืองไทยมากและแทบรอไม่ไหวในการนำเพลงมาเล่นให้ทุกคนได้ฟังกัน”

25/07/2024

24/07/2024

BLAST INTERVIEW

ผิดหวัง ไม่สมหวัง ฟังวงนี้ น้ำตาแตก

Clockwork Motionless

ด้วยเนื้อเรื่องของเพลง “ภาพฝัน” ที่ยูทูปเบอร์เป็นแฟนกันต้องไปเที่ยวต่างประเทศเขาก็เลือกประเทศเนปาลกัน เราเลือกสถานที่แบบให้ท่องเที่ยวจริงจังหน่อยแล้วเราไปนี่ถ่ายทำกัน 3 เพลงรวด แล้วประเทศเนปาลมันมีเอกลักษณืที่ได้เห็นก็จะรู้ แล้วเป็นเมืองมรดกโลกเหมือนเป็นสถานที่ที่หยุดเวลาเอาไว้ เท่าที่พวกเราไปชอบสีของเมืองเขา มันเป็นความที่เข้ากันให้ภาพรวมที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ เราไปอยู่กัน 10 วันเต็มๆ ทำเอ็มวีไป 3 เพลงที่หนักหน่วง ภาพฝัน เปลี่ยนความทรงจำ สายเกินกว่า ซึ่งเพลงสายเกินกว่าก็เพิ่งปล่อยออกมา ผลตอบรับทำให้แฮปปี้ ใจชื้นคุ้มกับการที่เราไปถ่ายทำกันถึงที่เนปาล

พวกเราชื่นชอบการเขียนเพลงของพี่ๆ ทีม Mango อยู่แล้วด้วยและได้พี่ๆ มาช่วยในหลายๆ เพลง ซึ่งเนื้อร้องบางท่อนก็ทำให้คิดถึงหลายๆ เพลงที่พี่เขาทำ กับมินิอัลบั้ม LEAVE จะมีเพลงทั้งหมด 6 เพลง เราปล่อยไปแล้วห้าก็เร็วๆ นี้จะออกเป็นดิจิทัลอัลบั้ม พวกเราตั้งใจทำเพลงให้มันอยู่ในมู้ดและบรรยากาศของ Clockwork ก็คือเราอยากให้ทุกคนอยู่ในเนื้อหาของเพลงได้เป็นอย่างที่เรารู้สึก บางเพลงมันเศร้าบีบคั้นมาก เราก็พยายามนำเสนอตรงออกไปว่าเราอยากให้มันบีบคั้นประมาณนี้และเนื้อเพลงที่เล่าเรื่องราวแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราพูดถึงความทรงจำที่ผ่านมาในอดีตเรื่องของการไม่สมหวังในหลายๆ เรื่องที่เราอยากนำเสนอให้คนฟังรู้สึกกับเราไปด้วย เหมือนมีเพลงเราอยู่ข้างความรู้สึกของเขาด้วย ซึ่งอัลบั้ม LEAVE มันเป็นการลาจากหลายรูปแบบ อย่างเพลง “วัตถุทึบแสง” คือการออกจากความเจ็บปวด

เพลง “ความทรงจำ” ที่เรานำมาคัฟเวอร์ในโปรเจคท์ซนซน แกรมมี่ 40 ปี เราก็ได้คอมเม้นท์จากการดูหนังสั้นและเอ็มวีเพลงนี้มาพอสมควร เราดีใจมากที่พี่ๆ ทีมงานผู้กำกับได้ถ่ายทอดเรื่องราวดีมากๆ เราดูครั้งแรกก็ชอบเลยเพราะวงเราก็ไม่ค่อยมีอะไรเชิงสัญลักษณ์ พวกเราดีใจมากที่ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมโปรเจคท์นี้ซึ่งเราก็เห็นมานานแล้วยิ่งได้มาอยู่กับทาง Genie Records ก็ยิ่งทำให้อยากร่วมโปรเจคท์ด้วย เพราะเมื่อก่อนเราก็เอาเพลงของวง Big Ass มาซ้อมกันเล่นๆ ในห้องซ้อม

22/07/2024

สายมืดมนต์ดำ ไม่ควรพลาด การกลับมาเยือนครั้งที่ 2 แบบโชว์เต็มๆ

22/07/2024

BLAST INTERVIEW

FlaminGam

แนะนำศิลปินใหม่พร้อมกับสังกัดใหม่ที่เพิ่งเปิดด้วยเพลงน่ารักๆ “ลัดคิว” ความรักที่ไม่อาจรอได้ถ้าถูกใจแล้วก็ขอบอกตรงๆ ความเป็นมาของศิลปินสาวน่ารักคนนี้เป็นอย่างไร บรรทัดต่อไปรอให้คุณได้อ่านแบบลัดๆ กัน

“ด้วยความที่ชอบดูรายการแร็พ แก้มเองได้ลงประกวด The Rapper เมื่อปีที่ 3 2020 Civil War แล้วแก้มเองก็เลือกใช้คำว่า “ฟามิงโก้” คือเลื่อนเปิดเจอนกชนิดนี้พอดีแล้วคลับก็ยุ โก้ดีนะ ฮาฮา ปีที่ลง Sarun เป็นแชมป์แล้วปีนี้สายแร็พโหดๆ ลงเยอะมาก จริงๆ แก้มส่งตั้งแต่ซีซั่น 2 แต่ไม่ผ่านก็เลยส่งซีซั่น 3 ซึ่งมีการเปลี่ยนกติกาให้เลือกลูกทีมได้ก่อนแล้วแก้มก็ได้อยู่กับพี่ปู่จ๋าน ซึ่งซีซั่นนี้มีผู้หญิงแค่สองคนคือแก้มกับ Aesy Red จากประเทศลาวแล้วหนูก็ถึงรอบ Battle ส่วนรายการ The Stars แก้มก็เข้าไปประกวดในปี 2022 สนุกดีมันเป็นการแข่งขันอีกบรรยากาศนึง คือมันป็อปขึ้นเน้นพาร์ทร้องเพลง บรรยกาศหลังบ้านก็แตกต่างกันมันค่อนข้างกดดันมากเพราะแต่ละคนก็เริ่มมาจากศูนย์เหมือนกันหรือเป็นคนที่เทรนมาแล้วเพื่อตามหาฝัน แก้มก็ได้วิชามาจากตรงนั้นเยอะเหมือนกันเพราะเขามีพาไปเรียนร้องการแสดงและเต้นด้วย”

“เจอกับพี่ก้อ (เจ้าของค่าย Light Yeah) ตอนเดินสายโปรโมทเพลง “Flamingo” แล้วก็ได้คุยกันว่าทำเพลงกันอีกไหมแล้วพี่เขากำลังจะทำค่าย Light Yeah Music พอดีก็ลุยเลย ซิงเกิ้ลแรก “ลัดคิว” คือมีแนวคิดจากที่ช่วงนึงที่มีสายมูเตลูไหว้พระแม่หรือองค์พ่อกันเยอะ แล้วมีกระแสว่าคิวยาวมากเลยขอลัดคิวได้ไหม ? แก้มก็เลยได้ไอเดียคำว่า “ลัดคิว” มาทำเพลงต่อมันไม่ค่อยได้ยินคำนี้มากนักแล้วเอามาเล่นกับประเด็นความรักยังไง แบบถ้าชอบใครสักคนที่มีเสน่ห์มากแล้วคนชอบเขาเยอะมากจะขอลัดคิวไปจีบเขาหน่อยได้ไหม ประมาณนี้ โดยส่วนถ้าถามว่าเชื่อเรื่องมูฯ ไหม ก็ห้าสิบห้าสิบดีกว่า ถ้าทำแล้วสบายใจก็มีบ้าง เมื่อก่อนก็ขอบ่อยนะแต่ช่วงนี้โฟกัสเรื่องงานไม่ได้ขอละ เน้นงานอย่างเดียว ฮาฮาฮา”

“หลังจากซิงเกิ้ลนี้แก้มคิดว่าสไตล์ดนตรีเท่าที่คิดอยากให้มีลาตินนิดๆ อาร์แอนด์บี เพราะชอบ เพลงถัดๆ ไปก็อาจจะมีร้องแร็พแบบไม่มีเมโลดี้บ้างเพราะมีคนอยากฟังอีกเพราะแก้มก็ไม่ได้ทำแร็พจ๋าเลย แล้วก็คงเรื่องเสียง เมโลดี้และท่อนฮุคเอาไว้ “ลัดคิว” คือเพลงที่ผสมการแร็พเข้าไปซึ่งเป็นสิ่งที่หนูชอบและเขียนเป็นเมโลดี้ทั้งหมดเลย อยากทำอะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง ยังอยากอยู่กับการแร็พไปเรื่อยๆ”