The Principia

  • Home
  • The Principia

The Principia "ส่งเสริมสังคมสร้างสรรค์ ด้วยการสื่อสารวิทยาศาสตร์"

ไหนใครบ้างเรื่องวิวัฒนาการบ้าง ? 🤔🤓เป็นเวลากว่าหลายแสนปีที่ลิงไร้หางกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะลงจากต้นไม้และเดินบนทุ่งหญ้ารกสู...
30/08/2024

ไหนใครบ้างเรื่องวิวัฒนาการบ้าง ? 🤔🤓

เป็นเวลากว่าหลายแสนปีที่ลิงไร้หางกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะลงจากต้นไม้และเดินบนทุ่งหญ้ารกสูง ลิงกลุ่มนั้นต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นมนุษย์ตระกูล Homo ต่าง ๆ และเป็นลิงไร้หางกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่อย่างกระจัดจายไปทั่วโลก

"จากลิงไร้หางที่ไม่รู้จักการใช้เครื่องมือกลายมามนุษย์ผู้เดิน 2 ขา ผู้เปี่ยมด้วยสติปัญญาและเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร"ได้อย่างไร นี่คือคำถามที่เหล่าผู้เชื่อในพระเจ้าและศาสนจักรตั้งคำถามต่อชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน ผู้ที่เสนอทฤษฎีการวิวัฒนาการ ซึ่งปฎิเสธการสร้างสรรสิ่งมีชีวิตโดยพระเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาในขณะนั้น

วันที่ 31 สิงหาคมนี้ เตรียมพบกับรายการวิดยงวิทยา EP.5 กับหัวข้อ "วิวัฒนาการ เกิดขึ้นจริงไหม?" โดย พี่เอก เอกราช ประกอบกิจจากช่อง Curiosity Channel คนช่างสงสัย ที่พาทุกคนไปรู้จักว่าวิวัฒนาการคืออะไร และวิวัฒนาการเกิดขึ้นจริงหรอ ?

📌แล้วพบกันพรุ่งนี้ 12.00 น.ทางเพจและช่องยูทูป The Principia

ติดตามรายการวิดยงวิทยาได้ทาง : https://www.youtube.com/

หากชอบคอนเทนต์แบบนี้ ฝากกด Subscribe ให้กับช่อง The Principia
และช่วยติดตามคอนเทนต์วิทยาศาสตร์จากพวกเราในทุกช่องทาออนไลน์
Website: https://theprincipia.co
Facebook: https://www.facebook.com/theprincipiaco
Instagram: https://www.instagram.com/theprincipia.co/
TikTok: https://www.tiktok.com/.co
X: https://x.com/theprincipiaco

________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

#นักสื่อสารวิทยาศสตร์ #วิดยงวิทยา

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในช่วงปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านการใช้ชีวิตของมนุษย์ให้เ...
30/08/2024

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในช่วงปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านการใช้ชีวิตของมนุษย์ให้เข้ากับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มากขึ้น ยุคสมัยนี้มนุษย์ได้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาอยู่กับชีวิตประจำวันมากมายอาทิ การพัฒนาคมนาคมอย่าง การขุดคลอง ทำถนน และระบบรางรถไฟ หรือการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมอย่างอุตสาหกรรมสิ่งทอและอุตสาหกรรมโลหะ ทั้งนี้ หลายอย่างที่มีการพัฒนาขึ้นมาได้มีการใช้เชื้อเพลิงที่เรียกว่า ถ่านหิน
ถ่านหินเป็นหินที่เมื่อสามารถติดไฟและให้ความร้อนได้ดี จึงนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความร้อนและเครื่องจักรไอน้ำในช่วงแรก จนมาถึงการนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในหลังจากนั้น
ถ่านหินเกิดจากการทับถมและตกตะกอนของซากสิ่งมีชีวิตต่างๆ เป็นเวลาหลายล้านปี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 + 1 ประเภทตามองค์ประกอบและคุณสมบัติดังนี้
ลิกไนต์ (Lignite) มีองค์ประกอบของคาร์บอนอยู่ที่ร้อยละ 60 -75 มีความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 30 - 70 นิยมใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า บ่มใบยาสูบ
ซับบิทูมินัส (Subbituminous) มีองค์ประกอบของคาร์บอนอยู่ที่ร้อยละ 60 - 70 มีความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 15 - 30 นิยมใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า งานอุตสาหกรรม
บิทูมินัส (Bituminous) มีองค์ประกอบของคาร์บอนอยู่ที่ร้อยละ 60 - 80 มีความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 30 - 35 นิยมใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการถลุงโลหะ
แอนทราไซต์ (Anthracite) มีองค์ประกอบของคาร์บอนอยู่ที่ร้อยละ 90 - 98 มีความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 2 - 5 นิยมใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมต่างๆ
พีต (Peat) เป็นเชื้อเพลิงที่อยู่ในขั้นก่อนจะเป็นถ่านหิน มีองค์ประกอบของคาร์บอนอยู่ที่ร้อยละ 50 - 60 มีความชื้นสูงมาก สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคครัวเรือนได้
การมาของถ่านหินนั้นถูกใช้อย่างแพร่หลาย รวดเร็วและยาวนานมาถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่หาได้ง่าย ราคาถูกและไม่ผันผวน จัดเก็บและขนส่งได้ง่ายกว่าเชื้อเพลิงตัวอื่นๆ แต่กลับสร้างมลพิษสูงกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆเช่นกัน ทั้งการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงมากๆ และยังมีการปลดปล่อยสารพิษอื่นๆอีกอย่าง การซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ปรอท สารหนู แมงกานีส ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง แคดเมียม โครเมียม และอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพของมนุษย์และสัตว์บริเวณใกล้เคียง ทำลายพื้นที่เกษตรกรรมและการประมง รวมถึงการทำลายชั้นบรรยากาศที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกอีกด้วยอีกด้วย
เขียนโดย : แพนด้า
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 064771133

#พลังงาน #พลังงานถ่านหิน

[The Principia X Sum up]ภาษีคาร์บอนเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบันที่ทุกธุรกิจต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความ...
29/08/2024

[The Principia X Sum up]
ภาษีคาร์บอนเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบันที่ทุกธุรกิจต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิตต่าง ๆ ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ดังนั้น "ภาษีคาร์บอน" จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ทราบว่า ธุรกิจนั้นปลดปล่อยก๊าซออกมามากน้อยแค่ไหน
แล้วภาษีคาร์บอนคืออะไร? วัดจากอะไร? แล้วทำไมต้องมีเพื่อจุดประสงค์อะไร? สามารถติดตามหาคำตอบได้ในบทความนี่
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 064771133

[SUM UP x The Principia]
พร้อมรับมือภาษีคาร์บอนกันรึยัง?
ภาษีใหม่กู้วิกฤตโลกเดือด สู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2065
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในทุกวันนี้มนุษยชาติกำลังเผชิญกับสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) อันเป็นผลจากภาวะโลกร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกิดจากการปล่อยแก๊สเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่เผ่าพันธุ์ของเราเริ่มปฏิวัติอุตสหกรรมมาตั้งแต่ 200 กว่าปีที่แล้ว โดยประเทศไทยของเรานั้นปล่อยแก๊สเรือนกระจกมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก จากประเทศมากกว่า 194 ประเทศ คิดเป็นปริมาณ 0.8% แต่ทว่าเรากลับต้องได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนหนักเป็นอันดับ 9 ของโลก
สาเหตุก็เพราะว่าประเทศไทยของเรามีแรงงานกว่า 1 ใน 3 อยู่ในภาคการเกษตร และเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวจากความงดงามของธรรมชาติสูงถึง 18% ของ GDP หรือผลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงนี้ล้วนเป็นต้นตอของภัยธรรมชาติมากมายที่สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ฤดูแล้งที่ยาวนาน ฝนตกน้ำหลากผิดฤดูกาล หรือแม้แต่พายุรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นก็ตาม
แต่ทว่ามนุษย์ก็ไม่สามารถหยุดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยทันที แม้ว่าเราจะรู้ถึงต้นตอของปัญหาแล้วก็ตาม เนื่องจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากขึ้นนั้นต่างปล่อยแก๊สเรือนกระจกออกมาเป็นของเสียแทบทั้งหมด เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน รถยนต์สันดาป เครื่องบินโดยสาร และการทำปศุสัตว์
ด้วยเหตุนี้ เดวิด วิลสัน (David Wilson) อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ จึงได้คิดค้นระบบกลไก ‘ภาษีคาร์บอน’ (Carbon Tax) ในปี ค.ศ. 1973 เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับภาคธุรกิจที่มีอัตราการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสูง และสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเริ่มหันมาใช้เทคโลยีสีเขียวมากขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อนไป ในขณะที่ไม่ได้ไปรบกวนกับระบบเศรษฐกิจแบบกะทันหันมากจนเกินไป โดยในปัจจุบันมีประเทศทั่วโลกมากกว่า 40 ประเทศที่ได้นำระบบกลไกภาษีคาร์บอนเข้าไปใช้แล้ว
สำหรับประเทศไทยเองก็กำลังมีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนเช่นกันภายใต้ พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พรบ.โลกร้อน พ.ศ. 2567 เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย ‘เน็ตซีโร่’ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 หรือก็คือ การปล่อยแก๊สเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามที่ประเทศได้ให้คำมั่นไว้ในงานประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรืองาน COP ครั้งที่ 27 ซึ่งกำลังจะมีการเสนอร่าง พรบ.โลกร้อน เข้าในสภาผู้แทนราษฎรภายในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2024 นี้
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศจะบรรลุเป้าหมาย ‘เน็ตซีโร่’ ได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดปล่อยแก๊สเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศทั้งหมดเสียทีเดียว เนื่องจากบางอุตสาหกรรมนั้นยังไม่มีเทคโลยีที่สามารถกำจัดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้ 100% หรือมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจไม่มากพอที่จะนำมาประยุกต์ใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบิน การทำคอนกรีต และการผลิตเหล็กกล้า
ดังนั้นเราจึงสามารถใช้วิธีการดูดซับแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศกลับมาเพื่อสร้างสภาวะสมดุลได้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกป่า หรือการใช้เครื่องดักจับคาร์บอนก็ตาม ผ่านกลไกที่เรียกว่า ‘คาร์บอนเครดิต’ (Carbon Credit) ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาด กล่าวคือหากบริษัทใดปล่อยแก๊สเรือนกระจกเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ บริษัทนั้น ๆ ก็สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงานที่ดูดซับคาร์บอนกลับจากชั้นบรรยากาศมาหักล้างกับแก๊สที่ตัวเองปล่อยออกไปได้ แทนที่จะต้องจ่ายภาษีคาร์บอนราคาแพง นอกจากนี้บริษัทหรือหน่วยงานที่สามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้เมื่อเทียบกับกรณีการดำเนินธุรกิจตามปกติ ก็สามารถรับคาร์บอนเครดิตเพื่อไปขายต่อได้เช่นกัน
โดยมีหน่วยงานองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคอยรับรอง บริหารจัดการ ซึ่งในปัจจุบันตลาดคาร์บอนเครดิตไทยนั้นเป็นตลาดภาคสมัครใจ แต่ก็กลับมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 68 ล้านบาทในปี ค.ศ. 2023 เนื่องจากบริษัทที่มีการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสุทธิต่ำนั้นจะช่วยลดต้นทุนในการจ่ายค่าปรับในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอื่นตามมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ทั้งยังรวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย
หาก พรบ.โลกร้อน มีการบังคับใช้จริงขึ้นมา บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยทั้งหมดจะต้องจัดทำบัญชีรายงานปริมาณการปล่อยแก๊สเรือนกระจก หรือ ‘คาร์บอนฟุตพริ้นท์’ (Carbon Footprint) ในทุก ๆ ปี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเดิมที่มีบริษัทเพียง 1 ใน 3 ของตลาดทำรายงานด้วยความสมัครใจเท่านั้น ซึ่งการจัดทำบัญชีนั้นก็มีความจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาประเมิน แนะนำ และวางแผนเป้าหมายเน็ตซีโร่ให้กับบริษัทนั้น ๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ที่กลไกใหม่นี้ได้ช่วยสร้างโอกาสให้ธุรกิจบริการตรวจวัดคาร์บอนฟรุตพริ้นท์ถือกำเนิดขึ้นมา
โดยผลพลอยได้ของการทำบัญชีรายงานคาร์บอนฟุตปริ้นท์ที่วัดผลได้ชัดเจนนั้น ก็คือช่วยให้องค์กรพร้อมวางแผนการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อลดต้นทุนจากการจ่ายภาษีคาร์บอนให้ได้มากที่สุด ทั้งยังช่วยย่นระยะเวลาในการเข้าถึงมาตรฐานสีเขียวต่าง ๆ ในระดับสากลได้อีกด้วย
ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET นั้นก็ได้วางแผนเปิดตัวระบบการจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก (SET Carbon) ร่วมกับ คาร์บอนไวซ์ (Carbonwize) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ชั้นนำของประเทศไทย ภายในไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2025 เพื่อให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยื่นเอกสารรายงานการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้ง่ายขึ้น
เรียกได้ว่าการเข้ามาของวิกฤตสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงนั้น ได้ทำให้ภาคธุรกิจทั่วโลกต้องปรับตัวขนานใหญ่ผ่านการคิดค้นกลไกต่าง ๆ เข้ามาช่วยลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกของมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องช่วยกันอย่างสุดความสามารถ มิฉะนั้นดาวเคราะห์สีฟ้าดวงเล็ก ๆ เองก็คงไม่อาจอยู่อาศัยได้อีกต่อไป
เรื่อง : ชินะพงษ์ เลี่ยนพานิช (นิก The Principia/SPACETH.CO)
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
ติดตาม SUM UP บนช่องทางต่าง ๆ https://linktr.ee/sumup.th
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#ภาษีคาร์บอน


#ก๊าซเรือนกระจก
#ภาวะโลกร้อน
#ภาวะโลกเดือด
#วิกฤตโลกเดือด



ค้างคาวเป็นสัตว์หากินเวลากลางคืนชนิดหนึ่งที่ใช้คลื่นเสียงเพื่อระบุตำแหน่ง แต่จากการศึกษาใหม่พบว่าสัตว์หากินเวลากลางคืนมี...
29/08/2024

ค้างคาวเป็นสัตว์หากินเวลากลางคืนชนิดหนึ่งที่ใช้คลื่นเสียงเพื่อระบุตำแหน่ง แต่จากการศึกษาใหม่พบว่าสัตว์หากินเวลากลางคืนมีความสามารถในการเรืองแสงได้ในรังสี UV เพื่อส่งสัญญาณให้สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ทราบตำแหน่งของมัน
ความสามารถเรืองแสงนี่เราสามารถพบได้ในฉลาม, ปลาและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเรากลับพบได้ในตุ่นปากเป็ดและกระรอกบิน โดยนักวิทยาศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าค้างคาวน่าจะมีความสามารถแบบนี่อยู่
ทีมวิจัยจึงจับค้างคาวหางอิสระเม็กซิโก (𝘛𝘢𝘥𝘢𝘳𝘪𝘥𝘢 𝘣𝘳𝘢𝘴𝘪𝘭𝘪𝘦𝘯𝘴𝘪𝘴) จำนวน 24 ตัวมาทดลองหาตำแหน่งที่จะเรือนแสงใต้แสง UV พบขนบริเวณเท้าของพวกมันมีการตอบสนองต่อแสง UV เพื่อยืนยันสมมุติฐานนี่ทีมวิจัยจึงได้ไปจับตัวอย่างเพิ่มที่อยู่ห่างไกลจากจุดที่จับค้างคาวเดิมประมาณ 700 กิโลเมตร พวกเขาพบว่าค้างคาวทั้งสองแห่งมีการเรืองแสงแบบเดียวกันแต่ค้างคาว 4 ตัวในสกุล 𝘔𝘺𝘰𝘵𝘪𝘴 𝘷𝘦𝘭𝘪𝘧𝘦𝘳 ไม่เรืองแสงภายใต้แสงยูวี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเพียงค้างคาวบางชนิดเท่านั้นที่มีลักษณะดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการออกหากินเวลากลางคืนของค้างคาวเป็นสิ่งที่น่าฉงนเนื่องจากเวลากลางคืนไม่น่ามีแหล่งของรังสี UV ที่เพียงพอที่จะให้พวกมันเรืองแสงได้ ลักษณะนี่พวกมันจะมีไปเพื่ออะไร? ถึงยังงั้นทีมวิจัยได้เห็นแย้งว่าการเรืองแสงอาจเกิดในช่วงพลบค่ำเพื่อระบุตำแหน่งของเพื่อน ๆ มันในถ้ำก่อนออกไปหากินก็ได้
อ้างอิง : https://www.science.org/content/article/some-bats-may-use-ultraviolet-glowing-toes-communicate-their-kin
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

พลาสติก เป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการปิโตรเคมีที่สำคัญของมนุษย์ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากความทนทานและอรรถประโยชน...
28/08/2024

พลาสติก เป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการปิโตรเคมีที่สำคัญของมนุษย์ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากความทนทานและอรรถประโยชน์ที่หลากหลาย แต่ทว่าความต้องการพลาสติกที่สูงขึ้นนั้นนำมาสู่ปริมาณขยะพลาสติกจำนวนมาก รวมทั้งไมโครพลาสติกที่เกิดจากการย่อยสลายของพลาสติก ดังนั้นนักวิจัยจากทั่วโลกจึงพยยายามหาทางแก้ปัญหาหนึ่ในนั้นคือการผลิตพลาสติกที่ย่อยสลายได้และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ทีมนักวิจัยจากเกาหลีได้ร่วมกันพัฒนาสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่สามารถผลิตโพลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาหนึ่งที่ทีมวิจัยต้องเผชิญคือ โพลิเมอร์นี่มีความเป็นอันตรายต่อตัวเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นทีมวิจัยจึงต้องสร้างกระบวนการเผาผลาญสารอาหารใหม่ให้แบคทีเรียสามารถผลิตและทนทานต่อการสะสมโพลิเมอร์และสารองค์ประกอบ
นอกจากนี่ทีมวิจัยต้องทำให้เชื้อสามารถผลิตสารที่มีโครงสร้างรูปวงแหวนหรืออะโรมาติก เพื่อให้โพลิเมอร์ที่ผลิตได้นี่มีความคล้ายคลึงและทนทานเหมือนกับพลาสติกที่ใช้ในปัจจุบัน ด้วยความต้องการที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ ทีมวิจัยจึงได้สร้างกระบวนการโดยอาศัยเอ็มไซม์จากแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อสังเคราะห์โมโนเมอร์อะโรมาติกที่เรียกว่าฟีนิลแลกเตต และนำเอ็มไซม์โพลิเมอร์เลสที่ได้จากการจำลองทางคอมพิวเตอร์เพื่อสังเคราะห์โพลีเมอร์ โดยทีมวิจัยคาดว่าโพลิเมอร์ที่ผลิตนี่มีความเหมาะสมต่องานทางการแพทย์เป็นอย่างยิ่ง
ภายหลังจากการสังเคราะห์โพลิเมอร์จากเชื้อ E. coli สำเร็จ ทีมวิจัยได้ทดลองนำถังหมักขนาด 6.6 ลิตร เพื่อทดลองประสิทธิภาพและอัตราการผลิตโพลิเมอร์ของแบคทีเรีย พบว่าแบคทีเรียสามารถผลิตโพลิเมอร์ได้ 12.3 กรัมต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าความต้องการของทีมวิจัยที่ต้องการ 100 กรัมต่อลิตรเพื่อนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด
ในอนาคต นักวิจัยวางแผนที่จะพัฒนาโมโนเมอร์อะโรมาติกและพอลิเมอร์ประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมที่มีคุณสมบัติทางเคมีและทางกายภาพที่หลากหลาย เพื่อใช้ในงานด้านอื่น ๆและมีความหลากหลายที่มากขึ้น เช่น พอลิเมอร์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงขึ้นซึ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ พวกเขายังทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการของตนให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถขยายขนาดการผลิตได้
อ้างอิง :
https://doi.org/10.1016/j.tibtech.2024.06.001
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 (Thailand Research Expo 2024)” ซึ่งเป็นเวทีระดับชาติท...
27/08/2024

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 (Thailand Research Expo 2024)” ซึ่งเป็นเวทีระดับชาติที่นำเสนอความก้าวหน้าผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีคุณภาพ เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการองค์ความรู้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ทั้งในมิติเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม/ชุมชน และพาณิชย์/อุตสาหกรรม โดยปีนี่จัดขึ้นเป็นปีที่ 19 ภายใต้แนวคิด "สานพลังวิจัย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน"
ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการจัดแสดงผลงานจากหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ, นิทรรศการผลงานนวัตกรรมระดับอุดมศึกษา, นิทรรศการนำเสนอบทความผลงานวิจัย Thailand Research Expo & Symposium 2024, การประชุมเสวนาทั้งในหัวข้อความสนใจของคนในสังคม การพัฒนางานวิจัย และการนำเสนอผลงานวิจัย, กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยในสาขาวิชาการต่างๆ, กิจกรรมประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษา 2567 ฯลฯ
ทั้งนี่งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 มีขึ้นเพื่อเป็นการหนุนเสริมให้เกิดกลไกสนับสนุนและพัฒนาการวิจัย รวมถึงส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเป็นการพาผู้ผลิตงานวิจัยได้มาพบกับผู้ใช้ประโยชน์งานวิจัยโดยการบูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างองค์กรและเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ
งานนี่สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ระหว่างวันที่ 26 - 30 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิร์ล
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

จบไปแล้วกับกิจกรรม "ชวนดูหนัง แล้วมานั่งคุยเรื่องวิทย์ ครั้งที่ 2" กับภาพยนตร์เรื่อง Fly Me To The Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจ...
26/08/2024

จบไปแล้วกับกิจกรรม "ชวนดูหนัง แล้วมานั่งคุยเรื่องวิทย์ ครั้งที่ 2" กับภาพยนตร์เรื่อง Fly Me To The Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมช่วงพูดคุยหลังหนังจบ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมกิจกรรมจากทาง ล้ำหน้าโชว์, The Principia, Spaceth.co, KornKT และ Curiosity Channel คนช่างสงสัย และขอบคุณ Major Group, AMD, ChomPR, My Sony และ Thermaltake สปอนเซอร์ผู้ใหญ่ใจดีที่ทำให้มีกิจกรรมดีๆ ครั้งนี้เกิดขึ้น
อย่าลืมกดติดตามเพจของเราไว้ เพื่อติดตามข่าวสาร และกิจกรรมดีๆ ที่จะจัดขึ้นอีกเรื่อยๆ ครับ
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 064771133

่างสงสัย #ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งของมนุษย์ มีคำกล่าวว่า สุนัขคือเพื่อนแท้ที่แสนซื่อสัตย์ของมนุษ...
26/08/2024

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งของมนุษย์ มีคำกล่าวว่า สุนัขคือเพื่อนแท้ที่แสนซื่อสัตย์ของมนุษย์ โดยทุกวันที่ 26 สิงหาคมของทุกปีถือเป็นวัน “วันสุนัขโลก” หรือ “International Dog Day” ที่กำหนดขึ้นเพื่อรำลึกและเฉลิมฉลองให้กับเจ้าตูบเพื่อนแท้ 4 ขาของเรา
เจ้าตูบแสนซนพวกนี่มีหลากหลายสายพันธุ์ขึ้นอยู่กับลักษณะต่าง ๆ ของร่างกาย แต่ด้านอนุกรมวิธานถือว่าสุนัขทุกสายพันธุ์คือสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันใน 𝘊𝘢𝘯𝘪𝘴 𝘧𝘢𝘮𝘪𝘭𝘪𝘢𝘳𝘪𝘴 โดยนอกจากสุนัขบ้านแล้วยังมีหมาป่า, หมาไคโยตี้
บทความนี่จะพาทุกท่านย้อนรอยกลับไปยังต้นกำเนิดจากหมาป่าเดียวดายเมื่อ 40,000-30,000 ปีก่อน ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากการออกล่ามาเป็นการอาศัยพึ่งพาลิงไร้หางสวมขนปุกปุยที่ชื่อว่า มนุษย์ ก่อนที่จะกลายเป็น proto-dog และถูกคัดเลือกให้มีลักษณะที่เป็นมิตรกับมนุษย์มากขึ้นจนกลายเป็นสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ดังเช่นทุกวันนี่
อ่านเพิ่มเติม :
https://theprincipia.co/international-dog-day/
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี

เป็นที่ทราบกันดีว่ามนุษย์ (𝘩𝘰𝘮𝘰 𝘴𝘢𝘱𝘪𝘦𝘯𝘴) วิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษตระกูลโฮโมในอดีตที่แยกสายธารวิวัฒนาการออกมาจากบรรพบุรุษ...
26/08/2024

เป็นที่ทราบกันดีว่ามนุษย์ (𝘩𝘰𝘮𝘰 𝘴𝘢𝘱𝘪𝘦𝘯𝘴) วิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษตระกูลโฮโมในอดีตที่แยกสายธารวิวัฒนาการออกมาจากบรรพบุรุษของลิงชิมแปนซีเมื่อราว ๆ 5 ล้านปีที่แล้ว เส้นทางการวิวัฒนาการของลิงไร้หางตระกูลโฮโมนั้นได้สร้างข้อสงสัยให้กับพวกเราที่เป็นตระกูลโฮโมเหมือนกันว่า "พวกเราไร้หางตั้งแต่ตอนไหน?"🤔
นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาหาสาเหตุที่ซ่อนอยู่ภายในพันธุกรรมมาตั้งแต่ที่พวกเราเริ่มทำแผนผังโครโมโซมมนุษย์ที่ได้เปิดเผยลำดับของจีโนมที่ซ่อนอยู่ในสายพันธุกรรม จนกระทั่งพวกเราค้นพบรหัสควบคุม Alu ในยีนที่ควบคุมความยาวหาง TBXT โดย Alu เป็นส่วนหนึ่งของหมวดหมู่ Jumping gene ซึ่งนักวิจัยได้ทดลองนำ Alu ใส่ลงในพันธุกรรมของหนู พบหนูมีความยาวหางไม่สม่ำเสมอ
การค้นพบนี่ ทำให้นักวิจัยหลาย ๆ ท่านเริ่มกลับมาสนใจรหัสประเภทเดียวกับ Alu ที่ถูกมองว่าเป็นยีนขยะว่าอาจมีหน้าที่อะไรบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้
อีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงถึงกลไกการหายไปของหางมนุษย์ คือ การเจริญของตัวอ่อนในครรภ์ในช่วงสัปดหา์ที่ 5-6 ตัวอ่อนจะยังมีหางอยู่ก่อนที่หางจะสลายไปในสัปดาห์ที่ 8 และในทารกบางคนยังมีการแสดงออกของหางที่หลงเหลืออยู่ แต่หางนั้นจะไม่มีกระดูกและไม่เป็นส่วนหนึ่งของไขสันหลัง
จากหลักฐานนี่บอกเราว่าทำไมมนุษย์และลิงไร้หาง 'จึง' สูญเสียหาง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ถึง 'สาเหตุ' ของการสูญเสียหาง แต่สิ่งหนึ่งที่เราทราบคือ หางของบรรพบุรุษของพวกเราหางไปตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะยืนสองขาและยังคงดำรงชีวิตอยู่บนต้นไม้ด้วยการเดินแบบสี่ขา
ดังนั้นนักวิจัยจึงต้องพยายามศึกษาจีโนมต่อไป เพื่อว่าซักวันหนึ่งเราอาจเจอรหัสบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในจีโนม หรือผลกระทบของ Alu ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาอื่น ๆ นอกจากการหายไปของหางในเหล่าลิงไร้หาง นอกจากนี่พวกเรายังต้องศึกษาเพื่อหาปัจจัยทางพันธุกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้หางของพวกเราหายไปอย่างถาวร นอกจากนี่ในหนูที่หางหายไป นักวิจัยยังพบอาการของโรคไขสันหลังแยกแบบเดียวกับที่พบในมนุษย์อีกด้วย
สาเหตุการอุบัติของโรคนี่ อาจเป็นสิ่งที่ต้องใช้แลกเปลี่ยนเพื่อทำให้หางของพวกเราหายไปและกลายเป็นสัตว์สองขาที่ยืนอย่างตั้งตรงได้ในปัจจุบัน
อ้างอิง :
https://edition.cnn.com/2024/03/23/world/humans-tails-genetic-mutation-junk-dna-scn/index.html
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

22 สิงหาคม 2567 กรุงเทพ-‘บันลือกรุ๊ป’ สำนักสื่อและผู้ผลิตคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยผ่านผลงานที่สร้างอารมณ์ขัน...
25/08/2024

22 สิงหาคม 2567 กรุงเทพ-‘บันลือกรุ๊ป’ สำนักสื่อและผู้ผลิตคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยผ่านผลงานที่สร้างอารมณ์ขันคู่คนไทยกว่า 51 ปีอย่างขายหัวเราะ-มหาสนุก ประกาศ รีแบรนด์สู่ ‘วิธิตากรุ๊ป’ (VITHITA GROUP) พร้อมประกาศจุดยืนเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Insight Driven Company
นางสาวพิมพ์พิชา อุตสาหจิต กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทวิธิตากรุ๊ป กล่าวว่า วิธิตากรุ๊ป เป็นองค์กรธุรกิจสื่อ และคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ผลงานออกสู่สาธารณะอย่างแพร่หลาย โดยคนส่วนมากอาจไม่ทราบว่า ภายใต้ร่มของวิธิตากรุ๊ปมีหน่วยงานย่อยที่ทุกคนรู้จัก และคุ้นเคยผ่านผลงานกันเป็นอย่างดีคือ Salmon Books, Salmon House, Salmon Podcast, Salmon Lab, Vithita Animation ตลอดจนสำนักสื่ออย่าง The MATTER, M.O.M, Capital, CONT. และ นากธุรกิจ
แต่ต่อให้หน่วยงานย่อยของ วิธิตากรุ๊ป จะนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ทุกยูนิตต่างทำงานด้วยต้นธารเดียวกันมาโดยเสมอ คือ "การขับเคลื่อนการทำงานด้วยความเข้าใจ Insight ของมนุษย์ และหาวิธีนำเสนอออกมาให้โดนใจผู้บริโภคมากที่สุด" โดยถ่ายทอดผ่านเครื่องมือต่างๆ ที่วิธิตากรุ๊ปเชี่ยวชาญ อย่าง Storytelling หรือ มุกตลกอารมณ์ดีที่เป็น DNA ของ วิธิตากรุ๊ป
กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทวิธิตากรุ๊ป กล่าวต่อไปว่า วิธิตากรุ๊ปมีสื่อ และทีมคอนเทนต์ที่ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ทุกทีมทำงานด้วยการศึกษา insight ของผู้บริโภคตามความเชี่ยวชาญของตน โดยแต่ละยูนิตสามารถออกแบบและสร้าง Communication ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะวัดโดย Interest หรือ Demographic ทำให้ในการทำงานของแต่ละยูนิตมีลายเซ็นชัดเจน และโดดเด่นในพื้นที่ตัวเอง เรียกได้ว่า ณ วันนี้ วิธิตากรุ๊ป เป็นองค์กรที่รวมเอาตัวจริงของการทำสื่อในทุกสาขา ที่สามารถออกเเบบเเคมเปญ เเละดีไซน์การสื่อสารได้ทุกรูปแบบ ครอบคลุมทุก Touchpoint ตั้งเเต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เเบบ One Stop & Complete Service
นางสาวพิมพ์พิชา พูดถึงกลยุทธ์ Insight Driven Company ขับเคลื่อนการทำงานเเละสร้างสรรค์คอนเทนต์ ด้วยวิธีคิดเเบบ Insight Centric ของเเต่ละหน่วยงานภายใต้ร่มวิธิตากรุ๊ป ดังนี้
📌ขายหัวเราะ: Driven by insight, Delivered with HUMOUR
สำหรับขายหัวเราะ ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือการ์ตูน หรือสื่อการ์ตูนอีกต่อไป ปัจจุบันขายหัวเราะเป็น Humour Agency ที่พร้อมสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า บนความเชื่อของ insight ที่ว่า Humour มีพลังมากกว่าแค่เล่าเรื่องให้เป็นแก๊กตลก แต่สามารถเล่าเรื่องยาก ย่อยให้เป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้กับคนทุกกลุ่ม และมีพลังพิเศษที่สามารถดึงเรื่องไกลตัว ให้ขยับเข้ามาใกล้ชิด และอบอุ่น ที่จะสามารถทำให้แบรนด์นั้นๆ เข้าไปอยู่ในประสบการณ์ใหม่ของผู้บริโภคได้
📌VITHITA ANIMATION: Driven by insight, Delivered with CHARACTERS
Animation Studio ที่ให้บริการแบบครบวงจรผ่านการสร้างสรรค์ Character ให้กับแบรนด์ หรือองค์กร ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่จะทำให้ตัวละครมีชีวิต และปลุกปั้นคาแรคเตอร์ด้วย insight ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำพาแบรนด์นั้นๆ เข้าไปอยู่ในใจ และเป็นที่จดจำของผู้บริโภค
📌Salmon Books: Driven by insight, Delivered with STORYTELLING
Salmon Books โดดเด่นในการหยิบจับ และค้นหาประเด็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่จะไปแตะ insight ของกลุ่มที่ต้องการสื่อสาร และนำเสนอผ่านหัวใจสำคัญอย่าง Storytelling ซึ่งปัจจุบันหนังสือยังเป็นสื่อสำคัญของการเล่าเรื่องราว (ขนาดยาว) ที่สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับเรื่องที่ต้องการสื่อสารได้ Salmon Books จึงตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสื่อสารเรื่องราวขนาดยาวของแบรนด์ หรือโครงการ ให้สนุก และรสชาติอร่อย ที่จะทำให้ผู้อ่าน มีความรู้สึกพิเศษต่อแบรนด์ได้
📌M.O.M: Driven by insight, Delivered with EMPATHY
M.O.M สื่อ คอมมูนิตี้ครอบครัวคนรุ่นใหม่ และครอบครัวหลากหลายเจนเนอเรชั่น ที่สร้างสรรค์ทุกเรื่องราวบนความเข้าอกเข้าใจคนเป็นพ่อแม่ โดยมีเซอร์วิสตั้งแต่การนำเสนอคอนเทนต์ออนไลน์ และการจัดกิจกรรม หรืออีเวนต์ โดยสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือกิจกรรมต่างๆ จากการศึกษา insigth ของพ่อแม่ และเด็ก เพื่อนำแบรนด์ หรือสินค้าใหม่เข้าไปใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
📌The MATTER: Driven by insight, Delivered with RELEVANCY
สำนักข่าวรุ่นใหม่ที่ตั้งใจนำเสนอความรู้ ผ่านข่าวสารที่อยู่รอบตัว เพื่อเป็นทางออกให้กับปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีเครื่องมือสำคัญอย่าง RELEVANCY ที่หยิบเหลี่ยมมุมของเรื่องนั้นๆ มาต่อยอดคอนเทนต์ออกสู่สาธารณะบนโลกออนไลน์ ให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกถึงความเกี่ยวข้อง และเข้าไปนั่งใจจิตใจผู้คนในโลกออนไลน์ได้อย่างแนบเนียน
📌Capital: Driven by insight, Delivered with ENRICHMENT
Capital สื่อธุรกิจที่จะยกระดับคอนเทนต์เกี่ยวกับโลกธุรกิจให้เป็นมิตร ห่อหุ้มให้มีสุนทรียะ ที่ตั้งใจส่งต่อคุณค่าของเรื่องราวเหล่า Modern Business หรือธุรกิจที่ดีในโลกสมัยใหม่ ที่จะถูกบอกเล่าอย่างมีพลัง สร้างสรรค์ และบรรลุวัตถุประสงค์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
📌SALMON HOUSE / SALMON LAB / SALMON PODCAST: Driven by insight, Delivered with HUMANIZED Content
คอนเทนต์โฆษณาในยุคดิจิตอลควรเริ่มต้นจากการทำให้แบรนด์เป็นมนุษย์ นี่คือ insight และ หัวใจหลักที่หน่วยของ SALMONs ยึดในการผลิตโฆษณา เพื่อดึงคนเข้าไปมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์นั้นๆ จนสามารถทำให้การขายของไม่ใช่เรื่องยาก นั่นเลยทำให้คอนเทนต์โฆษณาของหน่วย SALMONs มีความเป็น Evergreen Content ที่เต็มไปด้วยความสนุก ครบรส หยอกเย้าผู้คน มากกว่าจะเป็นแค่โฆษณาขายของปกติ และในขณะเดียวกันก็ตอบรับกับโจทย์ของลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายด้วย
ซึ่งยูนิตของ SALMONs นี้เป็น ONE STOP SERVICE CREATIVE CONTENT SOLUTION & PRODUCTION เพราะครอบคลุมทั้งคอนเทนท์รูปแบบวีดิโอโปรดักชั่นของ SALMON HOUSE ดิจิตอลคอนเทนท์การตลาดของ SALMON LAB และคอนเทนต์เสียงสร้างความบันเทิงของ SALMON PODCAST ที่ทุกหน่วยสามารถสื่อสารหนึ่งคอนเทนต์ให้ออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง เพื่อขยายคอนเทนต์ของลูกค้าออกสู่สาธาระได้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ทำให้วิธิตากรุ๊ปยืดหยัดในธุรกิจสื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดกว่า ปี ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านภูมิภาพของสื่อ แพลตฟอร์มที่หลากหลาย รสนิยมของผู้ชม เทคโนโลยี AI หรือ Big Data คือ ขับเคลื่อนองค์กรด้วย Insight Driven Company รวมถึง วิธิตากรุ๊ป ยังเป็น One-Stop Service และการมี Flagship Unit ที่สามารถเชื่อมต่อทุกส่วนของแบรนด์ในเครือ ทำให้สามารถบริการลูกค้าได้ตั้งแต่ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
หากธุรกิจใดต้องการที่จะสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ของตนไปยังผู้บริโภค วิธิตากรุ๊ป พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคอนเทนต์ตั้งแต่ตั้งต้นไอเดียจนเป็นผลงานที่จับต้องได้ และเข้าถึงผู้บริโภค ทั้งใจแง่ Customer Insight และ Customer Experience ให้กับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจ ใน Insight ของผู้บริโภคเช่นกัน” นางสาวพิมพ์พิชา อุตสาหจิต กล่าวปิดท้าย

มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาหนึ่งที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยโอโซน ไนโตรเจนออกไ...
24/08/2024

มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาหนึ่งที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยโอโซน ไนโตรเจนออกไซด์ และสารมลพิษอื่นๆเข้าสู่อากาศ โดยนอกจากมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบแล้วงานวิจัยใหม่เปิดเผยว่าแมลงผสมเกสรจะมองเห็นดอกไม้สีจางลงและได้รับกลิ่นหอมจากดอกไม้ได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผสมเกสร
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้ทดลองปล่อยกลิ่นดอกไม้ลงในอุโมงค์ลมพบแมลงสามารถบินเข้ามาหาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เมื่อใส่มลพิษแมลงจะบินซิกแซกอย่างไร้จุดหมายและหาที่มาของกลิ่นดอกไม้ได้ยาก
การได้รับกลิ่นของแมลงอาศัยการตรวจจับสารประกอบอะโรมาติก 2 ชนิดที่เรียกว่าโมโนเทอร์พีน เพื่อนำทางไปยังดอกไม้เจ้าของกลิ่นเพื่อนำมาสู่การผสมเกสรในเวลาต่อมา โดยสิ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลเพียงพอให้ดอกไม้ไม่น่าดึงดูด ซึ่งมลพิษในอากาศส่งผลต่อความเข้มข้นของสารประกอบเหล่านี่ที่ละลายในอากาศ
หากสถานการณ์นี่ยังคงดำเนินต่อไปอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคตเนื่องจากดอกไม้ได้รับการผสมเกสรน้อยลง ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตที่ควรผลิตได้ต่อปีที่น้อยลง
อ้างอิง :
https://www.sciencenews.org/article/air-pollution-hard-pollinators-find-flowers
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 0647711333

24/08/2024

สื่อ เป็นเครื่องมือที่ใช้กระจายชุดข้อมูลหรือความรู้แก่คนในวงกว้าง ซึ่งสื่อแต่ละประเภทจะสามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลายแนว เช่น การ์ตูนหรืออนิเมชั่นจะเข้าถึงเด็กได้ง่าย ซีรี่ย์หรือภาพยนตร์จะเข้าถึงวัยมัธยมและมหาวิทยาลัยได้ง่ายกว่า ละครก็จะเข้าถึงวัยผู้ใหญ่ได้มากกว่า ดังนั้นการเลือกสื่อเพื่อสื่อสารกับคนให้ถูกกลุ่มจึงสำคัญ
แต่มีสื่ออยู่กลุ่มหนึ่งที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลายช่วงวัย สื่อนั้นก็คือข่าว ที่สามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะข่าวที่เป็นทอปปิกที่อยู่ในกระแส เช่น ข่าวอุบัติเหตุที่มีความเสียหายที่รุนแรง ข่าวการเมือง ฯลฯ โดยช่าวแต่ละประเภทเราสามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนและเป็นสื่อประกอบการสอนได้ อาทิ ข่าวโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟระเบิด
พลุหรือดอกไม้ไฟ เป็นวัตถุระเบิดชนิดหนึ่ง ที่เมื่อเผาไหม้แล้วจะทำให้เกิดแสง สี และเสียง นิยมใช้ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ทั่วโลก โดยองค์ประกอบพื้นฐานหลัก คือ ตัวออกซิไดซ์, เชื้อเพลิง และสารที่ทำให้เกิดสีสันต่าง ๆ นอกจากนี้อาจจะมีการผสมพวกแป้งหรือน้ำตาลเข้าไปด้วย เพื่อให้องค์ประกอบทั้งหมดเกิดการจับตัวกันได้ดียิ่งขึ้น
การทำงานของพลุจะเริ่มจากการให้ความร้อนเพื่อให้เกิดประกายไฟ ก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ไปถึงชั้นดินปืน เมื่อดินปืนได้รับความร้อนก็จะสร้างออกซฺเจนที่ช่วยให้ไฟติดนำไปสู่การเผาไหม้และเกิดแรงปะทุ ส่งผลให้ไส้พลุหรือดอกไม้ไฟ พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
จากที่กล่าวมานี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เราได้จากข่าวนี้ เราสามารถได้รับองค์ความรู้อื่น ๆ ได้ เช่น ทำไมโรงงานพลุแห่งนี้ถึงระเบิด? ถ้าโรงงานพลุระเบิดต้องทำอย่างไร? รวมทั้งการประยุกต์ใช้พลุและดอกไม้ไฟได้อย่างไร?
มาร่วมหาคำตอบได้ในบทความนี้ :
https://dowchemistryclassroom.com/chemistry-is-fun/articles/chemistry-in-news

"ส่งเสริมสังคมสร้างสรรค์ ด้วยการสื่อสารวิทยาศาสตร์"

23/08/2024

กิจกรรม ชวนดูหนัง แล้วมานั่งคุยกันเรื่องวิทย์กัยภาพยนตร์เรื่อง Fly Me to The Moon
บรรยากาศ 5 เพจวิทยาศาตตร์และอวกาศ KornKT The Principia Curiosity Channel คนช่างสงสัย และ Spaceth.co จัดกิจกรรมดูหนังเรื่อง Fly Me to The Moon ที่ Major Cineplex รัชโยธิน Major Group แล้วนั่งคุยกันเรื่องวิทยาศาสตร์ หลังหนังจบ
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 064771133

#ชวนดูหนัง #ล้ำหน้าโชว์

โลกของเราขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ได้จากเทคโนโลยีอวกาศและการเสาะแสวงหาความรู้ทางดาราศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องก...
23/08/2024

โลกของเราขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ได้จากเทคโนโลยีอวกาศและการเสาะแสวงหาความรู้ทางดาราศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองอากาศ, อินเตอร์เน็ต, สัญญาณโทรศัพท์ ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเราล้วนแต่มีอวกาศมาเกี่ยวข้อง แต่ในหลักสูตรการศึกษาไทยเนื้อหาวิชาดาราศาสตร์แทบจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ในหลักสูตรที่หนาแค่ไม่กี่หน้าเท่านั้น หรือแม้กระทั่งตอนเราเป็นเด็กเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนน่าจะอยากเป็นนักบินอวกาศ การได้พุ่งทะยานขึ้นไปเลยชั้นเมฆ อยู่อาศัยบนสภาวะไร้น้ำหนัก มันช่าง ‘เท่ห์’ ซะเหลือเกิน อนิจจังโลกความจริงไม่ได้เป็นเยี่ยงนั้นเส้นทางการเป็นนักบินอวกาศนั้นช่างแสนลำบากยากเข็ญจนทำให้เด็กหลาย ๆ คนต้องดับความฝันนั้นไปเมื่อเติบใหญ่
ถึงแม้เส้นทางนี่จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็ตาม แต่สำหรับ ‘กรทอง วิริยะเศวตกุล‘ หรือ กร KornKT แล้ว ผู้เชื่อว่าคนไทยไปอวกาศได้ เขาจึงอยากสื่อสารดาราศาสตร์และทำให้ดาราศาสตร์ชิดคนไทยมากขึ้นกว่านี่ เผื่อจะเป็นการเติบความฝันและแรงบันดาลใจให้ใครซักคนมีไฟที่คว้าความฝันและพาธงไตรรงค์ของไทยไปบนอวกาศในซักวัน และในวันนี่เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคนนี่มักปรากฎตามหน้าสื่อต่าง ๆ ในฐานะ ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์’ แนวหน้าของไทย
พบกับเรื่องราวจากผู้เข้าแข่งแฟนพันธุ์แท้ระบบสุริยะสู่นักสื่อสารดาราศาสตร์ชั้นนำของประเทศจากจุดเริ่มต้น เส้นทาง อุปสรรคและความใฝ่ฝันได้ในบทสัมภาษณ์ที่จะมาเล่าประเด็นต่าง ๆ อย่างหมดเปลือกในบทสัมภาษณ์นี่ :
https://theprincipia.co/kornkt-interview/
__________________________________________
ติดตาม The Principiaได้ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ [email protected] หรือโทร 064771133

#อวกาศ

[SUM UP X The Principia]โอลิมปิก 2024 ได้จบลงไปแล้ว ตลอดช่วงระยะเวลาจัดงานประเทศเจ้าภาพได้เผชิญกับความท้าทายหลายประการหน...
23/08/2024

[SUM UP X The Principia]
โอลิมปิก 2024 ได้จบลงไปแล้ว ตลอดช่วงระยะเวลาจัดงานประเทศเจ้าภาพได้เผชิญกับความท้าทายหลายประการหนึ่งในนั่น คือ การแก้ปัญหา ‘น้ำเน่าเสีย’ ของแม่น้ำแซน เพื่อจัดการแข่งขันไตรกีฬาให้ได้
ปัญหาที่ปารีสกับเผชิญอยู่ คือปัญหาเดียวกันกับที่กรุงเทพฯ กำลังเผชิญอยู่ แล้วกรุงเทพฯ ควรจัดการเยี่ยงไรเพื่อคืนน้ำใสกลับสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
บทความนี่จะพาท่านเสาะแสวงหาไปยังต้นตอของปัญหาและวิธีการแก้ไข รวมถึงอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้น้ำใสในวันวานเป็นเพียงภาพอดีตที่เลือนลาง

[SUM UP x The Principia]
จากแม่น้ำแซนสู่ริมคลองไทย คลองไทยจะน้ำใสได้ไหมนะ
มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษย์ "โอลิมปิก" ได้เสร็จสิ้น พร้อมกับพิธีปิดสุดยิ่งใหญ่ไปแล้ว โดยในปีนี้ประเทศเจ้าภาพ อย่าง 'ฝรั่งเศส' ได้เนรมิตเมืองปารีสให้เป็นสนามแข่งกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยหนึ่งในประเภทกีฬาที่มีการแข่งขัน คือ "ไตรกีฬา" ที่การจัดการแข่งขันจัดขึ้นใน 'แม่น้ำแซน' ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านกรุงปารีสมีระยะทางยาว 777 กิโลเมตร แม่น้ำสายนี้ประสบปัญหาน้ำเน่าเสียมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เนื่องจากมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและของเสียจากกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ โดยฝรั่งเศสมีการออกนโยบายห้ามลงว่ายน้ำในแม่น้ำแซนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 และได้พบการปนเปื้อนของขยะพลาสติก สารเคมีอันตราย และเชื้อโรคในแม่น้ำแซน ทำให้เหล่าผู้ชมจากทั่วโลกต่างหวั่นวิตกเกี่ยวกับแม่น้ำแซนที่ใช้ทำการแข่งขันเนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำเน่าเสีย
จากปัญหาดังกล่าวนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพน้ำในแม่น้ำแซนครั้งใหญ่เพื่อให้ทันการจัดงานโอลิมปิก โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันของฝรั่งเศสได้เสนอแผนการปรับปรุงคุณภาพน้ำในแม่น้ำแซนและให้คำมั่นสัญญาต่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ว่า "จะจัดการแข่งขันกีฬาทางน้ำในแม่น้ำแซนที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์" ซึ่งมีแผนการดังนี้
1. การทำความสะอาดระบบระบายน้ำทั้งระบบ
2. การยกเครื่องระบบระบายน้ำใหม่ทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำที่ถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำแซนต้องได้รับการบำบัดแล้ว
3. การสร้างท่อระบายน้ำยาว 8.8 กิโลเมตร และแท็งก์น้ำขนาด 50,000 ลูกบาศก์เมตรเพื่อรองรับน้ำที่รอการบำบัดก่อนปล่อยสู่แม่น้ำแซน
ทางการปารีสกล่าวว่า หากแผนการปรับปรุงเป็นไปได้ด้วยดี ภายหลังจากการจัดงานโอลิมปิก 2024 จะมีการเปิดจุดว่ายน้ำสาธารณะ 3 จุดให้ชาวปารีเซียงสามารถลงว่ายน้ำเล่นได้อีกครั้ง
หากลองมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทยก็จะพบว่าปัญหาน้ำเน่าเสียของแม่น้ำแซนนี้มีความคล้ายคลึงกับแม่น้ำลำคลองในกรุงเทพมหานครที่กำลังเผชิญกับการเน่าเหม็น ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งรบกวนชีวิตประจำวันของผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงมานานหลายปี โดยกรุงเทพมหานครมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียมาโดยตลอด แต่ก็ไร้วี่แววว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
-----
แล้วทำไมคูคลองในกรุงเทพฯ ถึงยังมีแต่น้ำเน่าเสีย?
-----
🚩 อะไรล่ะที่ผลิตน้ำเสีย?
หากพิจารณาถึงต้นตอแหล่งผลิตน้ำเสียที่สำคัญของกรุงเทพฯ นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 แหล่งสำคัญ คือ
🏙 แหล่งน้ำเสียที่เกิดจากชุมชน (Domestic Wastewater) ที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคของประชากรในเมือง ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสเฟตจากผลิตภัณฑ์ซักล้างที่ทำให้สาหร่ายและพืชน้ำเจริญเติบโตจนแย่งการใช้ออกซิเจนของสัตว์น้ำอื่น ๆ และร้านค้าที่ทิ้งน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนไขมันโดยไม่ผ่านการกรองไขมันก่อน ทำให้ไขมันเกาะตัวที่พื้นผิวของน้ำและลดการละลายของออกซิเจนในน้ำ รวมทั้งการทิ้งขยะในแม่น้ำลำคลองก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง
🏭 แหล่งน้ำเสียที่เกิดจากอุตสาหกรรม (Industrial Wastewater) ได้แก่ การปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งปนเปื้อนสารเคมีต่าง ๆ เช่น กากน้ำตาล สารย้อมผ้า เป็นต้น
🥕 แหล่งน้ำเสียที่เกิดจากเกษตรกรรม (Agricultural Wastewater) ได้แก่ การระบายน้ำจากสวนไร่นา ที่มีการปนเปื้อนสารเคมีจากการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืช และปุ๋ยเคมี
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษและสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่า ประชาชนกรุงเทพฯ ผลิตน้ำเสีย '2,109,607 ลบ.ม./วัน' (อยากให้ทุกท่านจำเลขตัวนี้ไว้) โดยมาตรฐานการวัดคุณภาพน้ำที่นิยมใช้ คือ ความต้องการออกซิเจนทางชีวเคมีหรือ BOD ที่บ่งบอกปริมาณออกซิเจนที่แบคทีเรียในน้ำใช้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงค่าการละลายของออกซิเจนในน้ำหรือ DO โดยกรุงเทพมหานครกำหนด BOD ต้องไม่เกิน 15 มก./ลิตร ซึ่ง "กรุงเทพฯ มีเขตที่ค่าเกินมาตรฐาน 19 เขตจาก 50 เขต" 😨
🚩 นโยบายการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียของไทย
การแก้ไขปัญหาน้ำเสียของกรุงเทพฯ คือ การสร้างโรงบำบัดน้ำเสียเพิ่มเพื่อรองรับต่อปริมาณน้ำเสียที่ถูกผลิตขึ้นในแต่ละวัน โดยกรุงเทพฯ มีโรงบำบัดน้ำเสียทั้งหมด 24 แห่ง โดยเป็นโรงบำบัดน้ำขนาดใหญ่ 8 แห่งที่สามารถบำบัดน้ำได้ ‘1,551,003 ลบ.ม./วัน’ และโรงบำบัดขนาดเล็กอีก 16 แห่ง
หากทุกคนสังเกตจะพบว่า "อัตราการผลิตน้ำเสียมีมากกว่าอัตราการบำบัดได้ของโรงงานบำบัดน้ำ" ซึ่งกรุงเทพมหานครพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการบำบัดน้ำเสียด้วยการสร้างโรงงานบำบัดน้ำเสียเพิ่มควบคู่ไปกับการออกกฎหมาย อาทิ มาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่ทิ้งขยะในแม่น้ำลำคลอง หรือมาตราการของท่านผู้ว่าชัชชาติ อย่าง การเก็บค่าบำบัดน้ำเสียจากผู้ประกอบการตามอัตราน้ำประปา และการบังคับใช้ถังดักไขมันก่อนปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ระบบ แต่ปัญหาก็ไม่ได้คลี่คลายลงเนื่องจากการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียต้องใช้ 'งบประมาณมหาศาล' ทำให้ด้วยงบประมาณที่กรุงเทพฯ ต้องใช้ในแต่ละปีก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างโรงบำบัดน้ำเสียให้ทันต่อความต้องการได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยงบประมาณร่วมจากรัฐบาลกลางเพื่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย นอกจากนี้แล้วท่อระบายน้ำของกรุงเทพฯ ก็เก่าเสียจนชำรุดทรุดโทรม ทำให้น้ำเสียที่ควรจะไหลเข้าระบบบำบัดก็ลงมาปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำใกล้เคียงส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วอาณาบริเวณ
ปัญหาโรงบำบัดน้ำเสียไม่เพียงพอไม่ใช่ปัญหาเดียวของกรุงเทพฯ แต่ยังมีปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำ น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ และอีกหนึ่งปัญหาใหญ่และเป็นต้นตอของน้ำเสียในกรุงเทพฯ คือการใช้ท่อร่วมกันของน้ำเสียและน้ำฝน
🚩 ทุกสิ่งต้องไหลผ่านท่อ
ระบบท่อน้ำเสียของกรุงเทพฯ เป็นระบบท่อรวมที่รองรับน้ำเสียจากบ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม ร้านค้าริมถนนข้างทาง ที่ส่งน้ำเสียเข้าสู่โรงบำบัดน้ำเสียที่กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพฯ โดยระบบท่อน้ำเสียแบบท่อรวมนี้มักนิยมใช้ในเมืองเก่าแก่หลาย ๆ แห่ง เช่น กรุงเทพมหานคร, กรุงปารีส โดยปัญหาสำคัญของระบบแบบนี้คือการออกแบบให้ท่อระบายน้ำ นอกจากรองรับน้ำเสียแล้ว ยังต้องรองรับน้ำฝนที่ตกลงมายังเมืองก่อนที่จะระบายออกสู่แม่น้ำลำคลอง
เมื่อท่อระบายน้ำที่เดิมที่เป็นเส้นทางไหลของน้ำเน่าเสียต้องมารับน้ำฝนปริมาณมหาศาลที่ตกลงมา น้ำฝนเหล่านั้นเมื่อเข้าสู่ระบบท่อก็จะปนเปื้อนจนกลายเป็นน้ำเสีย ‘ที่ปริมาณมากกว่าเดิม’ ส่งผลทำให้โรงบำบัดน้ำเสียต้องรับภาระในการบำบัดน้ำที่มากขึ้น ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันเหตุน้ำท่วมจึงต้องเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำลำคลองให้มากที่สุด ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องระบายน้ำที่ยังไม่ผ่านการบำบัดลงสู่แม่น้ำลำคลองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี่เอง องค์การด้านความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์จึงได้เสนอให้กรุงเทพมหานครทำท่อแยกเพื่อแยกน้ำเสียออกจากน้ำฝน โดยน้ำฝนจะไหลลงสู่ท่อระบายน้ำฝนและไหลลงสู่คูคลองทันทีโดยไม่ต้องผ่านการบำบัด ซึ่งแก้ทั้งปัญหาน้ำท่วมเมืองและปัญหาน้ำเสียที่บำบัดไม่ทันจนต้องระบายน้ำที่ยังไม่บำบัดลงสู่คูคลอง
แต่โลกความเป็นจริงไม่ได้เหมือนกับเกมสร้างเมือง เราไม่สามารถวางระบบท่อน้ำใหม่ทั้งเมืองได้ภายในชั่วข้ามคืนได้ ทั้งจากงบประมาณในการวางระบบท่อน้ำทั้งเมือง ไปจนถึงข้อกฎหมายที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงแก้ไขตามระบบที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะร้านอาหารริมทางที่มักจะทิ้งน้ำซุปหรือน้ำล้างลงท่อระบายน้ำโดยไม่ผ่านการกรองเศษอาหารหรือไขมันก่อนลงสู่ระบบท่อที่ต้องออกกฎระเบียบข้อบังคับเพิ่มเติม
🚩 ทำยังไงให้คลองของเราสะอาด
นอกจากแผนการดำเนินของรัฐในการสร้างโรงบำบัดน้ำเสียและการเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้แล้ว เรายังสามารถทำให้คลองใสสะอาดได้ด้วยการ 'ลด ละ เลิก' พฤติกรรมที่ทำให้น้ำเน่าเสีย อาทิ การไม่ทิ้งขยะในแม่น้ำลำคลอง, การใช้น้ำอย่างคุ้มค่าเพื่อลดการผลิตน้ำเสียโดยไม่จำเป็น, น้ำเสียจากการปรุงอาหารต้องผ่านการกรองไขมันออกก่อนเข้าสู่ท่อเพื่อป้องกันการอุดตันและการสะสมของชั้นไขมันที่เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย, โรงงานอุตสาหกรรมต้องบำบัดน้ำก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ, ลดการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำ
เรื่อง : พีรวุฒิ บุญสัตย์ (ป่าน The Principia)
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
ติดตาม SUM UP บนช่องทางต่าง ๆ https://linktr.ee/sumup.th
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#แม่น้ำแซน
#คลองไทย
#น้ำเน่าเสีย
#แหล่งน้ำเสีย
#บำบัดน้ำเสีย


#โอลิมปิกเกมส์


Address


Alerts

Be the first to know and let us send you an email when The Principia posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to The Principia:

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share