Beerrtoshare

Beerrtoshare เราที่มีความตั้งใจที่จะแชร์ความรู้ให้ผู้ติดตามสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดได้
(1)

  in Georgia 🇬🇪
15/12/2023

in Georgia 🇬🇪

15/12/2023

“ลงทุนในตัวคุณเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดคือตัวคุณเอง”
วอร์เรน บัฟเฟตต์
นักธุรกิจ และนักลงทุน

เอาภาพสวยๆ จากประเทศ Georgia 🇬🇪 มากฝากค่ะ
11/12/2023

เอาภาพสวยๆ จากประเทศ Georgia 🇬🇪 มากฝากค่ะ

08/12/2023
นำภาพสวยๆ จาก Cappadocia ประเทศตุรเกียมาฝากค่า 🫶✨
04/12/2023

นำภาพสวยๆ จาก Cappadocia ประเทศตุรเกียมาฝากค่า 🫶✨

02/12/2023

สอนเบลอภาพ แบบเลือกจุดเบลอได้ โดยใช้ Canva 🪄

#แคนวา #สอนใช้แคนวา

30/11/2023

สอน upload font สวยๆ ลงใน Inshot 🪄✨

#ตัดต่อ #สอนตัดต่อวีดีโอ

หนังสือน่าอ่านมากค่ะ
29/11/2023

หนังสือน่าอ่านมากค่ะ

ถ้ารู้ว่าอีก 1 ปี เราจะต้องตาย ทุกคนจะใช้ชีวิตยังไงกัน ?
วันนี้แปดบรรทัดครึ่งมีสรุป 17 ข้อคิดจากหนังสือถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย โดย นพ.โอซาวะ ทาเคโทชิ หมอรักษาคนป่วยระยะสุดท้ายกว่า 3,500 ราย ที่จะชวนทุกคนมาตั้งคำถามเพื่อค้นหาสิ่งสำคัญที่มีความหมายกับชีวิตเราจริง ๆ
#ถ้าอีก1ปีฉันจะต้องตาย
1. เมื่อเกิดความลังเลในการใช้ชีวิต ให้ลองคิดว่าถ้าอีก 1 ปีคุณจะต้องตาย คุณอยากให้ช่วงชีวิตสุดท้ายเป็นอย่างไร จะยังอยากทำสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้จริงไหม
2. ไม่มีใครสนใจภาพลักษณ์ในวันที่ชีวิตใกล้จบลง สิ่งที่ควรสนใจคืออะไรที่จะให้ความสุขและความสงบให้กับเรา
3. อย่าคิดว่าชีวิตเรามีความหมายเมื่อเรามีประโยชน์กับใครสักคน เพราะเมื่อไรที่เรารู้สึกว่าเราไม่มีประโยชน์กับใครเลย เราจะไม่เห็นความหมายของชีวิตและการมีอยู่ของเราเอง
4. ความรู้สึกเสียใจภายหลังเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าใครก็มีเรื่องที่รู้สึกเสียใจภายหลังได้ทั้งนั้น วิธีบรรเทาก็คือระบายมันออกมากับคนที่เจอเรื่องราวคล้าย ๆ เรา
5. เวลาต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตให้หาที่ปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือธรรมชาติ เพราะจะช่วยให้เราไม่รู้สึกตัวคนเดียว และทำให้ความเสียใจภายหลังเบาลงด้วย
6. เทคนิคในการตัดสินใจให้กับผู้ป่วยในครอบครัวเรา คือ ให้ลองนึกว่าผู้ป่วยให้ความสำคัญกับอะไร และเขาภูมิใจกับเรื่องอะไร แล้วเราจะนึกออกเองว่าเขาต้องการอะไร
7. เราทุกคนล้วนใช้ชีวิตแบบเป็นตัวของตัวเองทั้งนั้น เพราะการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้หมายถึงแค่ตอนที่คุณได้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดหรืออยากเป็น แต่รวมถึงตอนที่คุณไม่ชอบตัวเองด้วย
8. ชื่อเสียง เงินทอง ที่ได้จากการทำงานเป็นความสุขที่มีข้อจำกัด เพราะเราแบ่งปันใครไม่ได้ และยังทำให้จิตใจของเราไม่สงบเพราะต้องคอยเปรียบเทียบและแข่งขันกับคนอื่นเสมอ
9. งานที่ให้ความสุขแบบไม่จำกัดคือ งานที่สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้ด้วย
10. ชีวิตของเราคือผลลัพธ์ที่เกิดจากการเลือกครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต
11. ใครที่ยุ่งเพราะมีสิ่งต้องทำเต็มไปหมด ให้ลองคิดว่าในสิ่งเหล่านั้น มีสิ่งที่ไม่ต้องทำก็ได้อยู่หรือไม่ เพื่อช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่อยากทำและสิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับตัวเองจริง ๆ
12. ชีวิตที่ดีและไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง อาจจะเป็นแค่เพียงการใช้ชีวิตที่ไม่ด้อยค่าตัวเอง ลองทำสิ่งใหม่ แสดงความรักกับคนสำคัญ และใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเต็มที่
#แปดบรรทัดครึ่ง

28/11/2023
เอาภาพสวยๆ จากทริปฮ่องกงมาฝากค่ะ เน้นไหว้พระขอพร ขอให้ทุกคนปังๆ ไปด้วยกันนะคะ 🫶🪄
23/11/2023

เอาภาพสวยๆ จากทริปฮ่องกงมาฝากค่ะ เน้นไหว้พระขอพร ขอให้ทุกคนปังๆ ไปด้วยกันนะคะ 🫶🪄

23/11/2023

อาชีพในฝัน ≠ อาชีพวันนี้ สำรวจระยะห่างของความจริงกับความฝันที่อาจบอกอะไรคุณได้มากกว่าที่คิด
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร” หนึ่งในคำถามสากลที่เด็กทั่วโลกล้วนต้องเคยตอบ ในวัยที่จินตนาการยังคงโลดแล่นและไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขใด ๆ เสียงเล็ก ๆ ที่ผลัดกันเจื้อยแจ้วตอบคำถามก็คงมีตั้งแต่ หมอ ครู จิตรกร นักบิน ไปจนถึงซูเปอร์ฮีโร่คนเก่งที่เด็ก ๆ ต่างยกใจให้
ความฝันที่เดินทางผ่านกาลเวลา อาจเปลี่ยนแปลงและกลายมาเป็นเพียงหนึ่งคำตอบที่ไม่ได้สลักสำคัญ จนหลายครั้งก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าในวันวานเราเคยให้คำตอบมันไว้ว่าอย่างไร อาจจะเป็นงานยอดฮิตสักงาน หรือบทบาทสำคัญที่ดูเพ้อฝันไม่หยอก แต่ใครจะรู้บ้างว่าแม้แต่คำตอบที่ไกลเกินโลกแห่งความจริงสุดกู่ แท้จริงแล้วอาจซ่อนความลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา หรืออาจมีแง่มุมเล็ก ๆ บางประการที่กลายเป็นความคล้องจองบางอย่างกับงานที่เราทำอยู่ก็ได้
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/3sJwDJG

22/11/2023

[Work&Life] ‘เริ่มต้นช้า แต่ว่ายังไม่สาย’ 5 บทเรียนจากผู้เป็นพ่อที่เริ่มสร้างตัวตอนอายุ 50 จนกลายเป็นเศรษฐีหลักร้อยล้าน
หนึ่งในคำแนะนำเพื่อให้เรามีความมั่งคั่งในชีวิตที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอดคือ “เริ่มให้เร็ว”
เพราะการเริ่มสร้างความมั่งคั่งให้เร็ว ตั้งแต่อายุยังน้อยเพิ่มโอกาสในการทดลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ลดความสาหัสของความผิดพพลาดเมื่อมองในระยะยาว และที่สำคัญคือถ้าเริ่มเร็วก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะแค่ต้องมีความสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ
แต่เราทุกคนทราบดีว่าชีวิตไม่เคยเกิดขึ้นเป็นเส้นตรง บางครั้งกว่าชีวิตจะตั้งหลักได้อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว บางคน 40,50 หรือ 60 ไปแล้วก็มี แล้วแบบนี้มันสายเกินไปแล้วรึเปล่าที่จะมีความมั่งคั่งในบั้นปลายชีวิต?
ก็อาจจะไม่เสมอไป
ซารีนา ชู (Sarina Chiu) เจ้าของธุรกิจ Dear Cooper แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับน้องหมาดัชชุนในแคนาดาได้เขียนเล่าบทเรียนเรื่องราวชีวิตและการสร้างความมั่งคั่งของคุณพ่อวัย 80 กว่าของเธอไว้อย่างน่าสนใจบนเว็บไซต์ Medium
เขาเริ่มต้นจากเด็กที่ไม่มีอะไรเลย เป็นลูกคนโตในครอบครัวพี่น้องสี่คนในฮ่องกง ตอนเป็นเด็กต้องไปขายอาหารที่ท่าเรือกับคุณยายเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง ไม่มีแม้รองเท้าจะใส่
แต่ตอนนี้ในวัยเกษียณแปดสิบกว่า เขาเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินหลักร้อยล้านบาทจากอสังหาริมทรัพย์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ได้ถูกหวย ไม่ได้มรดก ที่สำคัญคือการสร้างความมั่งคั่งในชีวิตไม่ได้เริ่มต้นจริงๆจังๆ จนอายุปาเข้าไป 50 กว่าแล้วด้วยซ้ำ
นี่คือบทเรียนที่ชูได้เรียนรู้ 5 ข้อจากคุณพ่อของเธอ
[ 1.อย่ายึดติดและเชื่อว่ายังมีโอกาสเสมอ ]
ชูบอกว่า คติประจำใจของพ่อคือ “ถ้าเงินแก้ปัญหาได้ แสดงว่านั่นไม่ใช่ปัญหา”
เขาจะมองภาพใหญ่ไว้ก่อนเสมอ ให้คุณค่ากับเวลาและสุขภาพจิตใจของตัวเอง ถ้าสามารถใช้เงินแล้วสามารถทำให้ตัวเองมีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อไปทำอย่างอื่นที่สร้างมูลค่ามากกว่า เขาก็จะใช้ ถ้าใช้เงินแล้วเครียดน้อยลง ก็จะใช้ เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่กังวลกับเรื่องเล็กน้อย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลงทุนแล้วไม่ได้ผลตามที่คิด ยอมตัดขาดทุนทันที ไม่ยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปในอดีต ไม่ลากภาระเหล่านั้นไปด้วย ไม่มานั่งเสียใจหรือขอพรให้เทพเจ้ายกกราฟหุ้นที่ซื้อขึ้น ไม่มีเลย “พ่อของฉันเชื่อว่าเงินมีอยู่ทุกที่” ชูกล่าว
แทนที่จะมัวแต่นั่งเสียดาย เขาเรียนรู้บทเรียนจากความผิดพลาดและใช้มันเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นในครั้งถัดไป
[2.สะสมสินทรัพย์]
เทคนิคการสร้างความมั่งคั่งของพ่อที่ชูเห็นก็คือการซื้อและขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่า อย่างพวกธุรกิจหรืออสังหาฯ
ของฟุ่มเฟือยอย่างพวกแกดเจ็ตแพงๆ เสื้อผ้าแบรนด์เนมหรูหรา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเป็นสิ่งที่พ่อของชูอยากจะเสียเงินซื้อเลย
หลังจากขายธุรกิจแรกที่ฮ่องกง เขามีเงินก้อนหนึ่งที่เพียงจะย้ายครอบครัวไปแคนาดา มันเป็นความเสี่ยงที่ต้องใช้เงินตรงนั้นเกือบทั้งหมด แต่เขาก็เชื่อว่าที่นั่นจะมีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่
ชูบอกว่า “กลยุทธ์ของพ่อนั้นเรียบง่ายมาก : หาเงิน ลงทุนในสินทรัพย์ และก็ขาย”
[3.เสี่ยงกับความเสี่ยงที่คำนวณเอาไว้แล้ว ]
การทำงานแบบ 9 โมง - 5 โมง สามารถทำให้คุณมีความมั่งคั่งได้ไหม? ได้ครับ แต่อาจจะยากหน่อย
คนที่มั่งคั่งส่วนใหญ่จะยอมเสี่ยงเล็กน้อยกับความเสี่ยงที่คำนวณเอาไว้แล้วว่าจะสามารถรับมือกับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หากผิดพลาด แต่ถ้าสำเร็จโอกาสในการได้ผลตอบแทนจะสูงกว่ามาก
“พ่อเป็นคนที่ยอมเสี่ยงกับความเสี่ยงที่คำนวณเอาไว้แล้ว บางครั้งเขาล้มเหลวและมันก็เจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความกลัวฉุดรั้งเขาไว้ในการลองและดันตัวเองออกนอกคอมฟอร์ตโซน”
การย้ายครอบครัวไปแคนาดาเป็นหนึ่งในความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง แต่เขาก็เชื่อว่ามันจะดีต่อครอบครัว แม้ว่าการย้ายบ้านครั้งนั้นจะเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เงินแทบไม่เหลือติดตัวเลย
[4.ความอับอายคือแรงผลักดัน ]
ตอนที่ย้ายออกมาจากฮ่องกง พ่อของชูแทบไม่มีเงินเหลือติดตัว จึงต้องขอให้น้องคนหนึ่งช่วย แต่กลายเป็นว่าน้องคนนั้นเอาเรื่องของเขาไปพูดให้พี่น้องคนอื่นๆ ฟัง และทุกคนก็ลงขันเอาเงินมาให้เขายืม
พอมาถึงแคนาดาไม่นาน พี่น้องทุกคนก็คอยจิกเขาว่าเรื่องเงินอยู่เป็นประจำ สำหรับพ่อของชูนี่เป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ เป็นพี่ชายคนโตแต่ต้องไปยืมเงินน้อง ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่ทุกคนในครอบครัวเลย
ความรู้สึกนี้กลายเป็นแรงขับเคลื่อน ต้องหาเงินมาจ่ายคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด
เขาร่วมเงินกับเพื่อนอีกสองสามคนแล้วเริ่มทำธุรกิจร้านตัดผม พอร้านถึงเวลาปิดเขาก็กลับมาที่บ้านแล้วรับลูกค้าที่บ้านต่อเพื่อหารายได้เสริม นอกจากนั้นก็ลงทุนในตลาดหุ้น ทุกครั้งที่ได้เงินมาก็จะเอาแบ่งเงินไปลงทุนและพยายามโปะหนี้บ้านให้หมดโดยเร็วที่สุด
ช่วงหนึ่งอสังหาฯ ในแคนาดาบูมมาก ราคาบ้านพุ่งสูง พ่อของชูเห็นโอกาสนี้ขายบ้าน แล้วย้ายไปอยู่ทาวเฮาส์ที่ขนาดเล็กแล้วเอาเงินที่เหลือจากการขายบ้านจ่ายหนี้คืนน้องๆ ทุกคนทั้งหมดเลย ตอนนั้นคือเขาอยู่ในช่วงวัย 50 กว่าๆแล้ว
ชูบอกว่า “ถ้าคุณคิดว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเป็นเศรษฐีเงินล้าน ลองคิดดูอีกครั้ง”
[5.ทำงานหนัก ]
มันอาจจะดูซ้ำซาก แต่มันคือเรื่องจริง
พ่อของชูเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก สู้ชีวิต สู้งาน ไม่อิดออด
ไม่ต้องตื่นมานั่งสมาธิ ไม่ต้องมีการอาบน้ำเย็นตอนตีห้า ไม่ต้องมีรูทีนเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพในชีวิต
“เขาแค่ตื่นแล้วก็ลุกไปทำงาน” ชูบอก
ตอนที่มาถึงแคนาดาแรกๆ พ่อของชูต้องขับรถไปทำงานที่โทรอนโตเพราะเมืองนี้มีประชากรชาวจีนอยู่ค่อนข้างเยอะ หาเงินได้เยอะกว่า แต่เมืองที่ครอบครัวของเขาอยู่คือมอนทรีออล ห่างออกไปประมาณ 6 ชั่วโมงเพราะค่าใช้จ่ายมันถูกกว่าและเพื่อนของพ่อก็ปล่อยห้องให้เช่าในราคาที่ถูกมากๆ
พ่อของชูจะขับรถไปทำงานในเมืองโทรอนโตทุกวันอาทิตย์ ทำงานเกินวันละ 10+ ชั่วโมงต่อวัน เก็บเงิน แล้วพอวันเสาร์ตอนเช้าก็ขับรถกลับมาหาครอบครัวที่บ้านที่มอนทรีออล ชูเล่าว่าตอนนั้นพวกเขาไม่มีเงินแม้จะซื้อเตียงหรือเฟอร์นิเจอร์ด้วยซ้ำ นอนในถุงนอนและเวลาทานข้าวก็นั่งล้อมวงกันบนพื้น
สุดท้ายแล้วบทเรียนของเรื่องนี้อาจจะไม่ได้อยู่ที่เทคนิคการสร้างความมั่งคั่งของคุณพ่อของชูให้มีทรัพย์สินหลักร้อยล้านบาท แต่เป็นแนวคิดของเขาที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยึดติด มองหาโอกาส ลองเสี่ยงเท่าที่ทำได้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
แม้จะเกิดมาพร้อมกับความลำบาก ครอบครัวไม่ได้มีอะไร ตอนมาที่แคนาดาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล แค่ทำงานหนัก หาเงิน ลงทุนในสินทรัพย์ และก็ขายเมื่อมันมีราคาที่สูงขึ้น วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนตอนนี้สามารถเกษียณแบบเศรษฐีเงินล้านได้แล้ว
เพราะการสร้างความมั่งคั่งแม้จะเริ่มช้าสักหน่อย แต่ไม่มีคำว่าสายเกินไป, มาเริ่มลงมือกันเถอะครับ
เขียนโดย โสภณ ศุภมั่งมี

20/11/2023

เคาะแล้ว! เทรนด์สีปี 2024 โดย TCDC
ทุกปี TCDC จะมีการกำหนดเทรนด์สี เพื่อให้นักออกแบบ นักโฆษณา ฯลฯ ได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการทำงาน
โดยในปีนี้เทรนด์สีทั้ง 7 ได้สะท้อนให้เห็นแนวโน้มของโลกที่ยังไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าผู้บริโภคต่างก็ต้องพร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ในขณะที่ต้องหาวิธีรักษาสมดุลระหว่างความวิตกกังวลกับการมองโลกในแง่ดีกันต่อไป สีสันในปีนี้จึงมาพร้อมกับความรู้สึกของความแปลกใหม่ผ่านการมองโลกในแง่มุมใหม่ ๆ ให้เราได้ก้าวออกจากเฉดสีเดิม ๆ ที่สามารถจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันของเราได้มากขึ้น
“A Window to the Future of Colour” เทรนด์สีสำหรับ 2024 สะท้อนการปรับตัว เป็นธีมสีที่เป็นตัวกลางของการเกิดความสัมพันธ์ เน้นการสำรวจโลกแห่งความจริง
RICH GOLD : เฉดสีเบจแกมทอง
สะท้อนความเรียบง่าย ความอ่อนโยน สบายๆ ไม่หวือหวา
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = แฟชั่นแนวเรียบง่าย บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
CORAL GOLD : เฉดสีส้มอมน้ำตาล
ตัวแทนพลังบวก สุขภาพ การบำบัดจิตใจ เฉดสีสว่าง มีชีวิตชีวา
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = ธุรกิจบ้าน การตกแต่งภายใน ผลิตภัณฑ์ห้องน้ำและห้องนอน
BUTTERFLY : เฉดสีเขียวอ่อนแบบดิจิทัล
เสริมจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด เหมาะกับคนรุ่นใหม่
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = ใช้ในวงการแฟชั่น งานดิจิทัล
CAPRI : เฉดสีฟ้าอมเขียว
สีสร้างพลัง เน้นโชคลาภของสายมู ให้ความสนุกสนาน เพิ่มความหรูหรา
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = อัญมณีและปะติมากรรมขนาดเล็ก การออกแบบภายใน เฟอร์นิเจอร์
RASPBERRY ROSE : เฉดสีชมพูเข้ม
ตัวแทนของสีค่ากลาง ไร้เพศ สะดุดตา มีพลัง กล้าหาญ
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = แฟชั่น แคมเปญการตลาด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
VIOLET STORM : เฉดสีม่วง
แสดงถึงความเป็นผู้นำที่น่ายกย่อง ความอิสระ และความเท่าเทียม
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = งานคราฟต์ งานมัดย้อม กีฬาทรงพลัง กิจกรรมเกี่ยวกับจิตวิทยา
PINECONE : เฉดสีน้ำตาล
เน้นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีคุณภาพ ไร้กาลเวลา
อุตสาหกรรมที่แนะนำ = กิจกรรมเพื่อความยั่งยืน งานออกแบบบ้าน เฟอร์นิเจอร์ กิจกรรมสร้างความสุนทรีย์ นวัตกรรมสิ่งทอ งานคราฟต์
#เทรนด์สี2024

CR
https://brandage.com/article/37253

Digital Nomad ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก ชีวิตในฝันของหลายคน👉🏼 Digital Nomad คืออะไรคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก...
18/11/2023

Digital Nomad ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก ชีวิตในฝันของหลายคน

👉🏼 Digital Nomad คืออะไร
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมกับทำงานไปด้วย เพียงแค่มีแล็ปท็อปที่เชื่อมต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำงานที่ไหนก็ได้

👉🏼 อยากทำงานแบบ Digital Nomad ต้องทำอย่างไร
ทุกคนสามารถสามารถ เป็น Digital Nomad ได้ค่ะ ทำได้ทั้งแบบงานประจำ (ขึ้นอยู่กับกฎของบริษัท) และฟรีแลนซ์ ที่มีความอิสละอยู่แล้ว

👉🏼 หางานแบบ Digital Nomad ได้ที่ไหน
ส่วนตัวหางานใน LinkedIn ชัวร์สุดค่ะ แต่อาจจะต้องพอสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง เพราะจะได้มีตัวเลือกที่มากขึ้น

#ทริคบริหารเงิน #หน้าที่การงาน #ตัวช่วยการงาน #การเงินการลงทุน ัฒนาตัวเอง #เจาะลึกการงาน #สร้างรายได้

16/11/2023

ไดสันล้มเหลว 5,000 ครั้ง แต่ความน่าสนใจคือ
ไดสันทำยังไงให้ พนักงานอดทนต่อความล้มเหลว ไปด้วยกันได้
(และนี้คือบทสัมภาษณ์นั้น)
คุณเจมส์ ไดสัน (James Dyson) ผู้ก่อตั้ง เครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์ไฟฟ้าแบรนด์ “Dyson” บุคคลผู้ที่ลองผิดแบบไม่ถูกสักทีกว่า 5,126 ครั้ง จนได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ที่พลิกโลกกับการทดลองครั้งที่ 5,127 ตามที่เขาหวังสักที
แม้หลายคนอาจยอมแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่สำหรับเขาแล้ว เขามีความเชื่อว่า..
“ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
เพราะมันคือส่วนหนึ่งของความก้าวหน้า
คุณไม่สามารถเรียนรู้มันได้จากความสำเร็จ
แต่คุณเรียนรู้มันจากความล้มเหลวได้”
แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่ยังเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิด เพราะอีกแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ Dyson เติบโตจากการลองผิดลองถูกนับพันครั้งคือ “พนักงาน” ที่คอยช่วยเหลือและประคองเขาให้เดินไปข้างหน้าด้วยความเชื่อว่ามันจะสำเร็จในสักวันหนึ่ง
ในบทสัมภาษณ์หนึ่งของคุณเจมส์ ไดสันบอกเอาไว้ว่า เขามักจะจ้างคนที่ยอมรับความล้มเหลวของตัวเอง และพร้อมเรียนรู้ไปกับมัน คนเหล่านั้นจะเป็นคนที่ถ่อมตัว อยากรู้อยากเห็น มุ่งมั่น เต็มใจที่จะล้มเหลวและพยายามที่จะแก้ไขมัน
เจมส์ ไดสันยังบอกอีกว่า หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวความล้มเหลว ขอจงอย่ากลัวมันเพราะความผิดพลาดเป็นบทเรียนในชีวิต เมื่อคุณเริ่มทำและทำในสิ่งที่แตกต่าง คุณจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่คอยบั่นทอนกำลังใจอีกจำนวนมาก ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าคนอื่นจะพูดถึงคุณยังไงด้วยซ้ำ
ชีวิตเป็นเหมือนกับภูเขาแห่งปัญหาที่สามารถหาทางแก้ไขได้
ดังนั้นอย่ามองความล้มเหลวเป็นความผิดพลาด แต่ให้มองเป็นบทเรียน
ที่กำลังจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ที่มีความสร้างสรรค์ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ความสำเร็จของ Dyson ในปี 2022 สามารถทำรายได้ไปกว่า 6,500 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 273,000 ล้านบาท
ดังนั้นอย่ากลัวที่จะทดลองทำอะไรใหม่ ๆ เพราะหากคุณไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรเลย นั่นหมายความว่าคุณกำลังเสี่ยงในทุก ๆ สิ่ง เหมือนกับคุณเจมส์ ไดสัน ผู้ล้มไปมากกว่า 5,000 แต่ก็ลุกขึ้นสู้มาตลาดจนเปลี่ยนความล้มเหลวนั้นกลายเป็นผลตอบแทนแห่งความพยายามที่คุ้มค่า
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
(Reference in comment)
———
“ก้าวต่อไป เริ่มต้นที่นี่”
Next Step Begins Here
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน


#ไปให้ถึง100ล้าน

16/11/2023

[Work & Life] เมื่อการค้นหา Passion อาจเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งคุณไว้ รู้จัก 'Craftsman Mindset' กับคำถามที่ว่า คุณสร้างอะไรให้กับโลกนี้ได้บ้าง?'
“จงไล่ตามแพชชันของคุณ เป็นคำแนะนำที่ไม่ได้เรื่อง”
("Follow Your Passion" Is Bad Advice)
นี่คือคำกล่าวของคาล นิวพอร์ท ผู้เขียนหนังสือ So Good They Can't Ignore You หนังสือขายดีที่พูดถึงแนวทางในการสร้างทักษะ และการพัฒนาตนเอง
คาลไม่ได้กำลังบอกกับเราว่าอย่าไล่ตามแพชชัน ความฝัน หรือแรงปรารถนาของเรา เพียงแค่บอกว่าคำแนะนำอย่าง “จงไล่ตามแพชชันของตัวเอง” เป็นคำแนะนำที่ไม่ดีเท่านั้น
เรามักจะคุ้นเคยกับคำแนะนำนี้ เราได้ยินประโยคเช่น “หากคุณทำในสิ่งที่รัก คุณไม่จำเป็นต้องทำงานเลยสักวันในชีวิต” แต่หากคำแนะนำเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่ได้ผลจริง ทำไมผู้คนมากมายยังคงทุกข์ทนกับการทำงาน และบางคนถึงกับเกลียดสิ่งที่เคยรักไปเลย
คาลเชื่อว่าปัจจัยที่แท้จริงที่ทำให้เรารักในงานได้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับแพชชัน แน่นอนว่าแพชชัน ความชอบ หรือความฝัน นั้นส่งผลกับเราอย่างแน่นอน อย่างน้อยในจุดเริ่มต้น แต่ในระยะยาวแค่เเพชชันเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถพาเราไปสู่จุดหมายได้
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยลพยายามค้นหาปัจจัยว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เรารักงานที่ทำ หรือมีความพึงพอใจต่องาน (Work Satisfaction)
และพบว่าเหล่าคนที่มีระดับความพึงพอใจต่องานสูงในอันดับต้น ๆ ล้วนมีปัจจัยที่เหมือนกันอยู่ 3 ข้อ
1. พวกเขาสามารถสร้างสรรค์งานได้ (Creativity)
2. พวกเขามีอำนาจควบคุมงานที่ทำ (Control)
3. งานของพวกเขาได้สร้างผลกระทบต่อผู้อื่น (Impact)
ซึ่งปัจจัยทั้งสามอย่างนี้มักเป็นสิ่งที่คนเพิ่งเริ่มทำงานนั้นไม่มี นั่นหมายความว่าการที่เราจะไปสู่จุดที่เราจะพึงพอใจกับงานของตัวเองได้ เราจะต้องมีความสามารถในงานที่ทำมากพอก่อน
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมคาลถึงบอกว่าเราไม่ควรไล่ตามแพชชัน
การไล่ตามแพชชัน ในมุมมองของคาล คือการค้นหาสิ่งที่เราพึงพอใจที่จะทำ และเลือกที่จะทำสิ่งนั้น นั่นคือการไล่ตามแพชชัน หรือแนวคิดที่คาลเรียกว่า Passion Mindset
เพียงแต่ในท้ายที่สุด การไล่ตามแพชชันอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้เรามีความสามารถในการสร้างสรรค์ ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงานที่ทำ หรือสามารถผลิตงานที่สร้างผลกระทบ (Impact) ได้เสมอไป
คาลจึงนำเสนอไว้ในหนังสือของเขาว่า สิ่งที่เราควรมีคือมุมมองแนวคิดแบบ Craftsman Mindset
Craftsman Mindset หรือแนวคิดแบบช่างฝีมือ คือแนวคิดในการทำงานแบบไม่ได้ยึดติดกับแพชชัน หรือความปรารถนาของตนเอง แต่เป็นการมองหาว่าตัวเรานั้นจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
หากกล่าวให้ง่าย อาจบอกว่ามันคือการ “เลือกทำในสิ่งที่ถนัด” หรือเลือกทำในสิ่งที่ทำได้
แต่เราต้องไม่หยุดเพียงเท่านั้น การเลือกทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้นั้นยังต้องมีการพัฒนา และเติบโตต่อไป ฝึกฝนฝีมือในการทำสิ่งที่ทำให้ หาทางที่จะพัฒนาตนเองขึ้น จนวันหนึ่งเราสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งนั้น
ที่ผ่านมาเราพยายามตามหาแพชชัน และทำตามแพชชัน เพราะเชื่อว่ามันจะทำไห้เราสามารถทำงานอย่างมีความสุขได้ แต่ในท้ายที่สุดแค่เเพชชันก็อาจไม่สามารถทำให้เรามีความสุขกับงาน
แต่การทำในสิ่งที่ทำได้จนเชี่ยวชาญ เหมือนอย่างช่างฝีมือ คือการที่เราจะได้พัฒนาในสิ่งที่ทำได้ ค้นหาความหมายของมัน สร้างสรรค์ ควบคุม และสร้างงานที่มีผลกระทบอย่างแท้จริง จนในท้ายที่สุดคุณจะสามารถรักในสิ่งที่คุณทำได้
คาลได้เปรียบเทียบไว้ว่าแนวคิดของการไล่ตามแพชชัน หรือ Passion Mindset คือการที่เราพยายามคนหาว่าโลกใบนี้มีสิ่งใดที่จะนำเสนอให้แก่เราได้บ้าง
ในขณะที่ Craftsman Mindset คือการที่เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรามีสิ่งใดจะสามารถนำเสนอให้แก่โลกนี้ได้บ้าง และลงมือทำมัน
แล้วในวันนี้คุณล่ะ อย่างจะไล่ตามแพชชัน หรืออยากจะหันมาเป็นช่างฝีมือ
(อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังคงเป็นแค่แนวคิดของนักเขียน ที่พยายามหาแนวทางที่จะให้ผู้คนสามารถค้นหาความสุขในงานที่ทำได้ แต่วิธีการที่ว่านี้ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เกิดผลสำหรับทุกคน เราสามารถเป็นได้ทั้งนักไล่ตามความฝันที่มีความสุข และช่างฝีมือที่ชื่นชอบงานของตัวเองได้ทั้งนั้น)
เขียน Siravich Singhapon

วางแผนอาชีพ และการเพิ่มรายได้ 💰🫶📌สำรวจตัวเองคนทำงานประจำ ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งอะไร และมีตำแหน่งอะไรที่สูงกว่าให้เราได้โชว์...
15/11/2023

วางแผนอาชีพ และการเพิ่มรายได้ 💰🫶

📌สำรวจตัวเอง
คนทำงานประจำ ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งอะไร และมีตำแหน่งอะไรที่สูงกว่าให้เราได้โชว์ฝีมือ และมีเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น

คนทำฟรีแลนซ์ ณ ตอนนี้รับงานสเกลแค่ไหน สามารถรับงานที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ได้ไหม อัปเดตราคางานบริการที่ต้องเพิ่มขึ้นด้วย

📌วางแผนการเติบโต
คนทำงานประจำ คุยกับหัวหน้างานเรื่องการเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือน หรือย้ายงานเพื่อเพิ่มเงินเดือน และหาประสบการณ์ใหม่ๆ

คนทำฟรีแลนซ์ ลองสร้างทีมเพื่อรับงานสเกลที่ใหญ่ขึ้น
นำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น

📌พัฒนาทักษะอยู่เสมอ
คนทำงานประจำ บางบริษัทจะมีงบในการเรียนของพนักงาน ก็สามารถเพิ่มทักษะจากสวัสดิการนี้ได้

คนทำฟรีแลนซ์ แบ่งงบไว้ลงเรียนเพิ่มทักษะด้วย เพราะโลกหมุนไวมาก เราจะได้ตามทันคนอื่น

#ทริคบริหารเงิน #หน้าที่การงาน #ตัวช่วยการงาน #การเงินการลงทุน ัฒนาตัวเอง #เจาะลึกการงาน #สร้างรายได้

14/11/2023

📍🔗 ‘Affiliate Marketing’ เทรนด์มาแรง ดันยอดขาย สร้างรายได้แบบ Win-win
นาทีนี้ ถ้าไม่พูดถึง Affiliate Marketing คงไม่ได้ เห็นได้จากการที่แต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์ม E-commerce ที่เปิดโปรแกรม Affiliate ให้สร้างรายได้ หรือ TikTok Shop ที่โปรแกรม Affiliate ไปได้ดีแบบฉุดไม่อยู่ นอกจากนี้ เรายังเห็น Affiliate Links บนเหล่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะ Twitter อีกด้วย
ต้องบอกก่อนว่า Affiliate Marketing ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่าที่ถูกนำกลับมาจนกลายเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน จากคนที่เคยมีความเข้าใจผิดว่า Affiliate Marketing คือ การขายตรง และมีความคิดด้านลบต่อสิ่งนี้ ก็กลายเป็นทั้งแบรนด์และครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ก็มองเห็นช่องทางสร้างรายได้ รวมถึงผู้บริโภคที่ถึงแม้จะรู้ว่าเป็น Affiliate Links ก็ยังยินดีกดเข้าไปซื้อ
สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ Affiliate Marketing ก็คือ การทำการตลาดกับเหล่าครีเอเตอร์และอินฟลูเอเซอร์ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมาก โดยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นค่า Commission และเน้นการสร้าง Conversion ผ่าน Affiliate Links นั่นเอง
ช่องทางทำ Affiliate
หลายแพลตฟอร์มในไทยก็เริ่มมีโปรแกรม Affiliate ที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไป และครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์สร้างรายได้ผ่านการรับค่า Commission ในการแชร์ Affiliate Links อย่างที่เรารู้จักกันดีก็เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce เจ้าดัง และ TikTok แต่นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายแพลตฟอร์มที่รองรับโปรแกรม Affiliate ให้เลือกสรร ดังนี้
📍 Shopee
📍 Lazada
📍 TikTok Shop
📍 Agoda
📍 Priceza
📍 Canva
📍 Accesstrade
📍 Involve Asia
👍🏼 ข้อดีฝั่งแบรนด์
✅ เพิ่มยอดขาย: แน่นอนว่าเมื่อร่วมงานกับ ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ ที่ช่วยสร้างคอนเทนต์ดันยอดให้แบรนด์ขนาดนี้ ยอด Conversion ของแบรนด์ก็ต้องเพิ่มตามแน่นอน
✅ สร้าง Conversion: ถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่กดซื้อของ แต่การให้เหล่า ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ กระจายคอนเทนต์พร้อมแปะ Affiliate Links ด้วย ถือเป็นการสร้าง Awareness ไปในตัว ทำให้คนกดเข้ามาดูสินค้ามากขึ้น
✅ ต้นทุนต่ำ: ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำ Affiliate Marketing ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย แต่หมายถึงว่าแบรนด์สามารถสร้างยอดขายที่มากขึ้นได้ด้วยต้นทุนที่น้อยลงนั่นเอง
✅ ลดทอนขั้นตอนการบรีฟครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์: เพราะไม่ต้องเข้าไปควบคุมการทำคอนเทนต์ เนื่องจากครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์จะรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง และรู้ว่าต้องทำคอนเทนต์อย่างไร ขายสินค้าประเภทไหน ถึงจะถูกใจกลุ่มเป้าหมายที่สุด
✅ นับเป็นการทำ Data Driven: เพราะเป็นการเก็บ Data ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยอดการคลิกลิงก์ หรือยอดกดสั่งซื้อ ทำให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น
👍🏼 ข้อดีฝั่งครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์
✅ สร้างรายได้จากค่า Commission: สามารถสร้างรายได้ผ่านการทำคอนเทนต์ พร้อมแปะ Affiliate Links ยิ่งทำคอนเทนต์ออกมาชวนป้ายยาพาคนกดซื้อได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ค่า Commission มากขึ้นเท่านั้น
✅ ต้นทุนต่ำ: เพราะแค่นำสินค้ามาทำคอนเทนต์ชวนซื้อเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสร้างรายได้ได้เรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนซื้อสินค้าแค่ครั้งเดียว แต่บางกรณีแบรนด์ก็เป็นคนส่งของมาให้เอง จึงทำให้ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลย
✅ รายได้ขึ้นอยู่กับความขยันทำคอนเทนต์: เนื่องจากรายได้มาจากค่า Commission เพราะฉะนั้นยิ่งขยันทำคอนเทนต์ สร้างยอดขายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้นตามไปด้วย
✅ อิสระในการเลือกสินค้า: สามารถเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวเอง หรือตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ เพื่อสร้างยอดขายที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งตัวเองและแบรนด์
✅ อิสระในการทำคอนเทนต์: การทำ Affiliate Marketing แบรนด์จะไม่ค่อยเข้ามาควบคุมแนวทางการทำคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์มากเท่าไหร่ จึงทำให้มีอิสระในการทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขายค่อนข้างมาก
✅ ไม่ต้องสต็อกสินค้า หรือมี Physical Store: ตรงนี้จะไปสอดคล้องกับข้อที่บอกว่าต้นทุนต่ำ เนื่องจากไม่ต้องลงทุนซื้อสินค้ามาสต็อก แต่เป็นเหมือนตัวกลางที่ช่วยขายสินค้าเท่านั้นเอง
📊 เทรนด์ / ข้อแนะนำ Affiliate Marketing
💡 คอนเทนต์วิดีโอสั้นได้ผลดีกว่า: เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคเสพมากที่สุดในปัจจุบัน ทำให้มีแนวโน้มที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุดกว่า ซึ่งแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่มาแรงอย่าง TikTok ก็มีโปรแกรม Affiliate ที่มาแรงเช่นกัน
💡 ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และยกระดับการนำเสนอสินค้า: ทั้งแบรนด์ และครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ ควรช่วยหาเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็น ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาสินค้า หรือนำเสนอคอนเทนต์
💡 แบรนด์ควรลงทุนกับงบ Affiliate Marketing: การทำ Affiliate Marketing ลดต้นทุนจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์จะต้องประหยัดงบส่วนนี้มากซะจนต้องไปกดค่า Commission ตามไปด้วย กลับกันแบรนด์ควรลงทุนงบส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
💡 แบรนด์ร่วมมือกับ Nano และ Micro-influencers มากขึ้น: เพราะอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะฉะนั้นแบรนด์จึงจำเป็นต้องรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ไว้
💡 แพลตฟอร์มเพิ่ม Affiliate Program มากขึ้น: ความมาแรงของ Affiliate Marketing ทำให้หลายแพลตฟอร์มรองรับโปรแกรม Affiliate มากขึ้น เปิดโอกาสให้ทั้งแบรนด์ และครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ได้หาช่องทางเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้
💡 ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ต้องคำนึงถึงการทำคอนเทนต์ที่ดันยอด Conversion มากกว่า: เมื่อยอดดี ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ ก็ได้รับรายได้เยอะ รวมถึงแบรนด์ก็มียอดขายที่ดีเช่นกัน
ขอเสริมเพิ่มเติมว่า ในความเป็น Affiliate Influencer จะมีความต่างจากครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ทั่วไป ที่นอกจากจะคำนึงถึงคอนเทนต์เฉย ๆ อาจต้องคำนึงถึงวิธีการสร้างยอดขายมากกว่า และบางทีโปรดักชัน หรือความครีเอทีฟที่อลังการอาจไม่ได้ผลเสมอไปในโลกของ Affiliate Marketing
ทั้งนี้ แบรนด์และครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์เอง ควรเลือกพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมกับ เพื่อให้การร่วมงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น แบรนด์ควรเลือกครีเอเตอร์/อินฟลูเอนเซอร์ที่มีแนวโน้มช่วยแบรนด์ได้ โดยที่สินค้านั้นไม่ขัดกัยภาพลักษณ์ และต้องตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของพวกเขา รวมถึงแบรนด์ควรมองว่า Affiliate Marketing ไม่ใช่กลยุทธ์ทั้งหมด แต่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะมาช่วยการทำ Marketing เท่านั้น
👤 Affiliate Marketing เหมาะกับใครบ้าง?
📌 แบรนด์ / SME ที่ต้องการดันยอดขาย, ยอดลงทะเบียน, ยอดการสมัคร
📌 แบรนด์ / SME ที่ต้องการ Marketing แบบ Full Funnel
📌 ครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์ที่ต้องการสร้างรายได้จากการรีวิว
.
สรุปได้ว่า Affiliate Marketing เป็นเทรนด์ที่มาแรง และมีแนวโน้มเป็นที่นิยมต่อไปอีก 2 – 3 ปี ดังนั้น หากแบรนด์ใดที่มองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำ Marketing ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี สำหรับด้านครีเอเตอร์ / อินฟลูเอนเซอร์เอง ก็ถือว่าเป็นช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ และปั้นตัวเองให้เป็นเจ้าแห่ง Affiliate ในตลาดได้ รวมถึงในอนาคตหลายแพลตฟอร์มจะรองรับและสนับสนุนโปรแกรม Affiliate มากขึ้น หากเลือกพาร์ตเนอร์ในการร่วมงานดี การตลาดแบบนี้เรียกว่า Win-win แน่นอน
ที่มา: Thaiwinner
อ่านบนเว็บไซต์ https://www.rainmaker.in.th/affiliate-marketing-for-brand-and-creator/
-----
💙 ช่องทางการติดตาม RAiNMaker 💙
→ page:
→ Website: www.rainmaker.in.th
→ Twitter: www.twitter.com/rainmakerth
→ YouTube: https://bit.ly/2XHVlbJ

5 สายอาชีพยอดนิยมในปัจจุบัน และอนาคต
💛 Sales and Digital Marketing
เงินเดือน : 40,000 - 300,000 บาทขึ้นไป
สื่อสารกับลูกค...
12/11/2023

5 สายอาชีพยอดนิยมในปัจจุบัน และอนาคต

💛 Sales and Digital Marketing
เงินเดือน : 40,000 - 300,000 บาทขึ้นไป
สื่อสารกับลูกค้า และวิเคราะห์ Data ได้ รวมไปถึงพัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล นำมาซึ่งยอดขาย

💛 AI and Software Development
เงินเดือน : 60,000 - 500,000 บาทขึ้นไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และการเรียนรู้ของเครื่องจักร อย่างที่เรารู้จักในนามของ AI หรือการสร้างหุ่นยนต์

💛 Software and Applications Developers and Analysts
เงินเดือน : 60,000 - 300,000 บาทขึ้นไป
อาชีพนักเขียนโปรแกรม เป็นอาชีพยอดฮิต สร้างเว็บไซต์ สร้างแอป หางานง่าย เงินเดือนสูง

💛 Data Scientists
เงินเดือน : 40,000 - 100,000 บาทขึ้นไป
Data Scientists (DS) คือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างเป็นโมเดล หรือ เครื่องมือ ที่่ใช้สำหรับทำการตลาด วางแผนธุรกิจ

💛 Content Creator
เงินเดือน : 35,000 - 100,000 บาทขึ้นไป
จะบอกว่าอาชีพนี้อาจจะไม่ได้ปังเท่า 4 อาชีพที่อยู่ในระดับ Globle แต่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าจับตามอง และยังสามารถต่อยอดไปสู้อาชีพ Digital Marketing รับเงินเดือนแบบจุกๆ

 #ทริคบริหารเงิน #หน้าที่การงาน #ตัวช่วยการงาน #การเงินการลงทุน ัฒนาตัวเอง #เจาะลึกการงาน #สร้างรายได้

11/11/2023

พี่ทุยสรุปมาให้แล้วว่าปีภาษี 2566 นี้ เรามีค่าลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง? รวม ๆ แล้วเราลดหย่อนภาษีได้มากเท่าไหร่ ไปดูกัน

#สรุปTax
#ภาษี #ค่าลดหย่อนภาษี

แชร์วิธีขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ อัปเดตปี 2023สิ่งที่ต้องเตรียม1.บัตร ปชช. ตัวจริง2.ใบขับขี่ ตัวจริง3.Passport ตัวจร...
03/11/2023

แชร์วิธีขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ อัปเดตปี 2023

สิ่งที่ต้องเตรียม
1.บัตร ปชช. ตัวจริง
2.ใบขับขี่ ตัวจริง
3.Passport ตัวจริง
4.รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
5.เงิน 505 บาท

ไปที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร เขต 1-5
1.รับบัตรคิว แจ้งประเทศที่จะไป ต้องแจ้งให้หมดนะคะจะไปประเทศอะไรเพราะจะออกไม่เหมือนกัน
3.รอคิวส่งเอกสารจ่ายเงิน
4.รอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

เสร็จแล้วกลับบ้านได้ค่า

#ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ #ใบขับขี่ #รีวิว #ใบขับขี่รถยนต์

02/11/2023

จะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ? | #สรุปTax

ใครก็ตามที่มีรายได้ก็มีหน้าที่จะต้อง “เสียภาษี”
สำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ว่ารายได้เท่านี้ จะต้องเสียภาษีเท่าไหร่

วันนี้พี่ทุยจะพาทุกคนไปคำนวณกันว่าเวลาเสียภาษีเขาคำนวณกันยังไง ?

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเวลาที่สรรพากรคิดภาษี เขาจะคิดคำนวณจาก “เงินได้สุทธิ” ซึ่งเราสามารถหารายได้สุทธิได้จาก “สมการภาษี” ก็คือ

“เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน – เงินบริจาค = เงินได้สุทธิ”

> เงินได้ คือ รายได้ที่เราได้รับในแต่ละปี
> ค่าใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่ทางสรรพากรกำหนดให้เราสามารถหักได้ตามเงื่อนไข
> ค่าลดหย่อน คือ รายจ่ายที่ทางสรรพากรคำนวณไว้ว่ารายจ่ายแบบไหนที่สามารถเอาหักรายได้เพิ่มเติมได้
> เงินบริจาค คือ การบริจาคตามรายชื่อที่สรรพากรกำหนดสามารถลดหย่อนได้ 1 – 2 เท่า ของเงินบริจาคจริง

และเมื่อเราได้ “เงินได้สุทธิ” ออกมาแล้ว เราสามารถเอาไปคำนวณตาม “ตารางภาษีบุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได” ได้เลย

ยิ่งมีรายได้สูงขึ้นจะยิ่งเสียภาษีฐานที่สูงมากขึ้นโดยจะเสียตั้งแต่ 0% ไปจนฐานสูงสุดที่ 35% ซึ่งจะสามารถเห็นตัวอย่างการคำนวณได้ที่ Infographic ด้านล่างเลย

ใครที่รู้สึกว่าในช่วงปลายปีแบบนี้ อยากประหยัดรายจ่ายเรื่องภาษี

แนะนำว่าสามารถบริหารได้ด้วยการเพิ่มรายการลดหย่อนภาษีให้มากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมในการบริหารภาษีมากที่สุดก็คือ SSF และ RMF

SSF
สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท

RMF
สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อนับรวมกับ SSF ประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (Provident Fund) กองทุนการออมแห่งชาติ กบข. และกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ห้ามเกิน 500,000 บาท

สำหรับใครที่กำลังมองหา SSF| RMF เพื่อลดหย่อนภาษีอยู่

พี่ทุยขอแนะนำกองทุน KFAFIXSSF และ KFAFIXRMF จาก บลจ.กรุงศรี มีนโยบายลงทุนใน “ตราสารหนี้” คุณภาพดีหลากหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นตราสารหนี้เอกชนระยะกลาง-ยาว ใช้กลยุทธ์บริหารจัดการแบบ Active ที่มีความยืดหยุ่นสูง ปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด

KFAFIXSSF และ KFAFIXRMF เหมาะกับคนที่ไม่อยากเสี่ยงสูง และต้องการผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและชนะเงินเฟ้อได้

ใครที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก https://www.krungsriasset.com/TH/FundDetail.aspx?fund=KFAFIXSSF
https://www.krungsriasset.com/TH/FundDetail.aspx?fund=KFAFIXRMF

แอบกระซิบด้วยว่าตอนนี้เขามีโปรโมชัน!
สำหรับยอดเงินลงทุนสะสมรวมทุกกองทุน SSF | RMF ที่ร่วมรายการ

รับหน่วยลงทุน KFCASH-A มูลค่า 100 บาท ต่อยอดเงินลงทุนสะสมทุก ๆ 50,000 บาทด้วยนะ (*โปรดศึกษาเงื่อนไขเพิ่มเติม) https://bit.ly/SSF_RMF_Pro2023

📱 ลงทุน SSF | RMF ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลด Mobile App คลิก https://krungsriasset.onelink.me/RUCv/z1gjyanf

ยังไงถ้าใครจะใช้ SSF| RMF ลดหย่อนภาษี อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขให้ละเอียด รวมถึงเงื่อนไขการถือครองว่าใช้ SSF และ RMF แล้วต้องถือยาวเท่าไหร่ด้วยนะ เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไขที่ทางสรรพากรกำหนด

ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน


#สรุปTax

ทุกอย่างเป็นไปได้ ด้วยกฎแรงดึงดูด (Manifest)🔮 กฎแรงดึงดูด (Manifest) คืออะไรทฤษฎีกฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction เป็น...
02/11/2023

ทุกอย่างเป็นไปได้ ด้วยกฎแรงดึงดูด (Manifest)🔮
กฎแรงดึงดูด (Manifest) คืออะไรทฤษฎีกฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction เป็นหลักความคิดที่เชื่อว่าเราสามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการ ผ่านแรงปรารถนา หรือความคิดเชิงบวก เพื่อทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการ Manifest เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

⏳ วิธีทำ Manifest
- เคลียร์ว่า “เราต้องการอะไรที่สุด”
- เมื่อรู้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขียนลงไปบนกระดาษ เพื่อให้ชัด เขียนทุกความหวัง ความฝัน จุดมุ่งหมาย ระลึกถึงคำขอนี้ในตอนเช้าวันละ 3 ครั้ง ตอนบ่าย 6 ครั้ง และ ตอนเย็น 9 ครั้ง ทำไปทั้งหมด 33 วันหรือ 45 วัน
- เริ่มทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ไปสู่สิ่งที่เราอยากได้ เช่น อยากได้เงิน ก็เริ่มหาเงิน
- ระลึกไว้ว่าเราจะได้รับ
- ขอบคุณในทุกสิ่งที่ได้รับ
- มีพลังงานด้านบวกอยู่เสมอ ประคองไว้ให้ได้
- มีความยืดหยุ่น ให้เชื่อในกระบวนการ

⌛️ ทำ Manifestได้ผลไหม
สำหรับเราคิดว่ามันได้ผลค่ะ เราเคยเคยนว่าอยากออกมาเป็นฟรีแลนซ์ โดยที่มีเงินเดือนเท่านี้ และก็มุ่งมั่นทำให้มันเกิดขึ้น และตอนนี้มันก็เกิดขึ้นค่ะ สิ่งที่เราได้จากการทำ Mainifest อีกอย่างคือ มองโลกในแง่บวก แต่ยืดหยุ่น

เพราะไม่ใช่ทุกวันเราจะมีวันที่ดี แต่เราสามารถควบคุมอารมณ์เราได้ค่ะ

#ทริคบริหารเงิน #หน้าที่การงาน #ตัวช่วยการงาน #การเงินการลงทุน ัฒนาตัวเอง #เจาะลึกการงาน #รายได้เพิ่มอีกช่องทาง

Address


Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Beerrtoshare posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share