24/04/2021
“วัว สีม่วง”
รู้ทันการตลาดOnlineยุคใหม่
เตรียมไว้ก่อนที่จะสายเกินแก้
“ทำตามแบบคนสำเร็จ”
“ทำไมไม่สำเร็จ?”
“ทำไมเห็นคนขายดี
เราทำบ้าง....
"กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?"
A
—
วันนี้ผมขอเจาะ
เข้าประเด็นด้วยการเล่าเรื่องนึง
“วัว สีม่วง”
เรื่องนี้มาจากเรื่องของนักการตลาด
ในอเมริกาท่านนึงท่านนึง
เค้าพูดถึงเหตุการณ์ทางจิตวิทยาเรื่องนึง
"เกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์"
ลองนึกเหตุการณ์....
เรากับครอบครัวกำลังเดินทางไป
ต่างประเทศ ไปอเมริกา
เรานั่งรถไปเรื่อยๆ
ไม่มีเหตุการณ์อะไร
มองชมวิวไปเรื่อยๆ...
จนสะดุดตาเห็น”วัว”อยู่ข้างทาง
สถานการณ์ในรถเริ่มเปลี่ยนไปทันที
ทุกตื่นเต้น สะกิด ตะโกนเรียก
"ให้ดูวัวตัวนั้น"
รถคันอื่นๆก็เช่นกัน
มีบางคันลงไปจอดถ่ายรูป
เพราะเพิ่งเคย เห็น
"วัว" อเมริกาครั้งแรก
ขับต่อไปเรื่อยๆอีก
เริ่มเห็นวัวตัวที่2,3,4
เห็นเป็นฝูง
ตื่นตาตื่นใจ
แต่สักพักผ่านไปชม.นึง
จนเห็นเป็น10
เป็น100
ทุกคนในรถเริ่มทำกิจกรรมอย่างอื่น
บางคนเล่นมือถือ
บางคนก็หลับ
และในที่สุด
แม้จะเห็นวัวเต็มข้างทางเต็มไปหมด
ก็ไม่มีใครที่คิดจะสนใจ
อยากจะหันไปมอง
"หรือพูดถึงมันอีก"
จนกระทั้ง...
มีเสียงตะโกนจากคนในรถ
ว่า
"เฮ้ย!"
“นั่นมันวัวสีม่วง”
“ทุกคนทิ้งสิ่งที่ทำ
แล้วก็หันมองทะลุกระจก
ตะโกน โวยวาย
ทุกคนก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
"ลงไปถ่ายรูป ส่งให้คนที่บ้าน"
แล้วก็ขับรถกันไปกันต่อ
ทุกครั้งที่เห็นก็ตื่นเต้นอีก
ชี้อีก
ผ่านไปเป็น ชม.
จนเห็นเป็น10
เป็น100
ทุกคนในรถเริ่มทำกิจกรรมอย่างอื่น
บางคนเล่นมือถือ
บางคนก็หลับ
และในที่สุด
แม้จะเห็นวัวสีม่วงเต็มข้างทางไปหมด
ก็ไม่มีใครที่คิดจะสนใจ
อยากจะหันไปมอง
หรือพูดถึงมันอีก....
B
—
ถาม:
“เรื่องนี้สอนอะไรเรา?”
ตอบ:
ไม่ได้สอนอะไรเลย!!
ไม่ได้อะไรเลย!
เพราะกำลังคิดว่า...
วัวที่ไหนมันจะสีม่วง?(^_X)
555
"เอาเป็นว่าลองคิดว่ามันมีจริงละกัน"
จากเรื่อง”วัวสีม่วง”
ให้แง่คิดอะไร?
“มนุษย์จะสนใจตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆเสมอ”
“แต่เมื่อไหร่ที่เห็นซ้ำๆ ซ้ำซากจำเจบ่อยๆ”
“ก็จะไม่รู้สึกว่ามันมหัศจรรย์อะไรอีก”
“แม้ว่ามันจะเคยมหัศจรรย์ หรือเคย feverก็เหอะ”
C
------
"ในแง่การตลาด"
“เงินจะวิ่งเข้าหาวัวสีม่วง”
ผมจำได้ฟาร์มเจ้าแรกๆที่นำแกะเข้ามาในไทย
สร้างเทรนด์การดูแกะ
ผมจำได้ดีในตอนนั้นยังเรียนอยู่
"ทุกคนพูดถึงการไปดูแกะ"
แล้วฟาร์มนั้น
มีคนเข้าชมจนต้องต่อคิว
"จองคิวล่วงหน้า"
“เพื่อจะไปให้หาหารแกะ”
จำบรรยากาศที่ไทยมีแกะ
แรกๆได้ไหมครับ
“นั่นคือวัวสีม่วงแห่งการท่องเที่ยวยุคนั้น”
ไม่ต้องพูดถึง
เรื่องรายได้ลองคิดเอาเอง
แทนที่คนจะไปเดินห้าง
จะไปเที่ยวทะเล
ไปที่อื่น
คนจำนวนมากเปลี่ยนFocus
เพื่อไปดูแกะ
"เงินเข้าหาวัวสีม่วงเสมอ"
หรืออย่างเมื่อก่อน
คนทำอาหารปกติ
ความต้องการอาหารคลีนในตลาดสูง
แต่ไม่มีใครทำ
วันนึงก็มีคนทำอาหารคลีนแช่แข็งขาย
อาหารคลีนแช่แข็งก็เป็นวัวสีม่วง
(เงินเข้าหาวัวสีม่วง)
มีอาหารคลีนแช่แข็งขายแล้ว
วันนึงมีเยอะก็กลายเป็นเรื่องปกติ
(ไม่ม่วงอีก)
วันนึงมีอาหารคลีนผัดสดใหม่ส่งถึงบ้าน
(อาหารคลีนผัดสดใหม่เป็นวัวสีม่วงแทน)
เงินถล่มเข้าหา
“วัวสีม่วงตัวแรก”
D
——
“วัวสีม่วงตัวที่2”
“กลุ่มผู้นำ ที่ตามไว”
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
ช่วงนั้นฟาร์มไหนรู้เทรนด์กระแส
ที่เป็นกลุ่มผู้นำ
ที่เอาแกะเข้ามาบ้างเป็นกลุ่มแรกๆ
มีคนแวะไปมากมาย
"จนเติบโต"
"เงินเข้าหา เพราะตลาดต้องการ"
"ด้วยดีมานซ์ ตลาด
ที่ผู้นำสร้างไว้แล้ว"
(จริงๆแกะอาจจะไกลตัว
นักการตลาดมือใหม่)
ลองมองของเล็กๆ
อย่าง....
ตุ๊กตาเฟอร์บี้
ครีม อาหารเสริม อาหารคลีน
หรือ โปเกม่อน
"การขายOnlineมาใหม่ๆ"
ช่วงที่มีการเปิดตลาดแรกๆจากผู้นำเทรนด์แล้ว
“ความต้องการในตลาดสูงมาก”
นี่จะเป็นจังหวะนึงที่
“เปลี่ยนชีวิตคนๆนึงได้”
คนกลุ่มนี้ไม่ได้สร้างกระแส
ทุ่มเงิน สร้างเทรนด์เยอะแยะ
แต่เป็นนักเรียนรู้
ลงทุนในความรู้เสมอ
“รู้ทัน ลงมือทำไว “
อย่างช่วงแรกๆหลายปีก่อน
ปีที่อาหารเสริมผลิตเองมาใหม่ๆ
ตุ๊กตาเฟอร์บี้ มาใหม่ๆ
โปเกม่อน มาใหม่ๆ
อาหารคลีน
หรือเทรนด์การขายของ Online มาใหม่ๆ
คนกลุ่มนี้
เมื่อรู้เทรนด์มีคนนำแล้ว
เห็นแล้วว่าดีมานซ์สูง
ลงมือทำเร็ว
แล้วทำก่อนคนอื่น
“ขายก่อนคนอื่น”
“ปรับก่อนคนอื่น”
เพราะในขณะที่มี
ความต้องการจากผู้คนจำนวนมาก
และยังไม่ค่อยมีใครทำ
และจังหวะได้เปรียบตรงนี้
“สร้างเศรษฐีหน้าใหม่จำนวนมาก”
“ผู้คนเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนฐานะ เป็นจำนวนมาก”
“กลุ่มผู้นำ ที่ตามไว”
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
E
——
“ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งในการสร้างเทรนด์”
“แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องเป็นนักเรียนรู้”
ผมมักพูดคำนี้เสมอ
ความคิด ไอเดียดีๆ
"ไม่ได้งอกจากกระบอกไม้ไผ่"
ผมตอบคำถามคนที่ถามแบบนี้เสมอ
"ว่าทำไมผมถึงมีไอเดียใหม่ๆ
และไว"
เคล็ดลับคือ...
หลายปีก่อน
ผมก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่คนสำเร็จชอบพูดว่า
“จงลงทุนในตนเอง”
“จงลงทุนในความรู้”
F
-----(ตรงนีเป็นเรื่องส่วนตัวผมนะครับ อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้)
“สุดยอดคลังไอเดีย ไม่ได้อยู่ในที่เดิมๆ”
“เอเท็น ”
ผมก็เริ่มเข้าใจตอนที่ทำสิ่งนี้
เริ่มจากหนังสือ
ไปสัมมนา
ซื้อคลาสต่างประเทศ
"แล้วก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต"
จนได้รู้ว่า...
อ่อ ไอ้ความรู้ ไอเดียพวกนี้
"คนมันไม่ได้พูดกันตามท้องถนนนี่หว่า"
เพื่อนเรา...
ครอบครัวเรา....
"เค้าไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย"
จุดเนี่ยแหละที่ทำให้เก็ท
และเริ่มแตกต่างขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ผมก็
"ยังลงทุนเรื่องนี้เป็นอันดับ1ในชีวิต"
ปีๆนึงลงทุนเรียน
กับมีเข้าคลับหลายคลับของต่างประเทศ
ปีนึงหลายล้านกับเรื่องนี้
ได้การตลาดที่มาใช้กับธุรกิจ
ได้รู้เทรนด์ล่วงหน้า
บางครั้งก็ได้จากการเจอคนในกลุ่ม
ที่พูดแชร์ข้อมูลไอเดียซึ่งเป็นคนที่พัฒนาตัวเอง
มันเลยมีไอเดียพวกนี้ครับ
มันเลยมั่นใจได้แนว
มันเลยโตธุรกิจได้
เห็นภาพใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้น...
เวลาที่บอกว่าเราไม่มีไอเดียเลย??
ไม่รู้จะทำอะไร??
"ผมก็เคยเป็นครับ"
ตอนผมขายรถที่โชว์รูม
ผมก็คิดไม่ออกไม่มีไอเดีย
ไม่รู้จะทำอะไร?
แต่มันไม่ได้แก้ด้วยการทำสิ่งเดิมต่อไป
ถ้าที่เดิมๆที่อยู่ทุกวัน
มันไม่ให้ความคิดสร้างสรรค์ไอเดียอะไร?
สิ่งที่เราต้องทำคือขยับตัว
ไปหาหนังสือดีๆสักเล่ม
ไปเจอคนสำเร็จ
ลงทุนเงิน เวลา ตัวเอง
ไปเข้าคลาส เข้าคลับ
เข้าสมาคมที่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณทำอยู่
สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้เราไปต่อได้
ที่จะทำให้เรามีไอเดีย
มีกลยุทธ์
รู้ข้อมูลวงใน
"รู้ล่วงหน้า"
“นี่คือจุดได้เปรียบ”
G
--
ตอนนั้น6-7ปีก่อนผมได้รู้
ว่าเทรนด์มันคือOnLine
ในขณะที่6-7ปีก่อน
คนอื่นหลับกับเรื่องนี้อยู่
มองOnlineเป็นของเล่น
"ที่เล่นก็ได้ ไม่เล่นก็ได้"
แต่วันนั้นผมลงทุนเรียนรู้
"จนได้รู้"
จากการไปเรียนพวกนี้
แล้วก็รู้ว่าต่างประเทศก็เป็นแบบนั้น
แทบทุกที่เป็นแบบนั้น
เฮ้ยมันไม่ใช่ของเล่นนี่!
“มันเป็นเทรนด์”
และในเมื่อมันเป็นเทรนด์
ที่มาแน่นอน
เราไม่สามารถหยุดเทรนด์ได้!
ตามกฏเปลี่ยนชีวิตคือ
ตามให้ทัน!
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
มันต้องเริ่มให้ไว
ละมันก็เป็นแบบนั้น
ผมเอาขึ้นมาขาย
ในจังหวะที่ไม่มีใครขาย
"มันก็ขายได้ทันที"
"เพราะไม่มีใครขายแข่งเลย"
และผมรู้พลังของมัน
และไม่เคยหยุดเรียนรู้
"และหยุดลงทุนให้เรื่องความรู้พวกนี้เลย"
จนตอนหลังที่ผมได้พูดไปใน
บทที่แล้วที่เตือนว่า..
พอเทรนด์มันเปลี่ยน
ต้องเข้าให้ไว!
บทที่แล้วผมพูดว่า....
ช่วงนั้น
เมื่อเราขายดี
คนก็มาตาม
และ....
คนก็ขึ้นมาขายรถเยอะแล้วบนOnline
ตอนนั้นเริ่มไม่เห็นความแตกต่างอีก
เริ่มตัดราคา
“””จากProduct Level3(ที่บริการเหนือกว่า)
"เราติดต่อให้ข้อมูลได้ทางonlineไม่มีใครทำ"
แต่วันนั้นคนเริ่มมาทำเยอะ
ก็กลายมาเป็นProduct Level1 อีกครั้ง
เป็นของที่ไม่มีจุดแตกต่าง
"""ตัดราคาเหมือนเดิม”””
H
———
“แทรก Product4 Level”
(เรื่องProduct4Level ผมไม่ลงลึกนะครับ
ถ้าชอบไปอ่านได้ในหลายบทที่แล้วหน้าเพจ)
Product4Level(ที่ผมเขียนไปวันก่อน ใครดูแล้วอ่านผ่านๆ)
Product Levelที่1 -
Productที่เหมือนกันๆ(ต้องแข่งราคาอย่างเดียว)
ProductLevelที่2-
Productที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน(แตกต่างชัดเจน)
Product Levelที่3
-Product ที่เรามีserviceที่เหนือกว่า
(ของอาจเหมือนกัน
แต่ยังไม่มีใครเซิร์ฟบริการลูกค้าได้แบบนี้)
Product Levelที่4
-Product ที่แตกต่างที่ประสบการณ์
(ของอาจคล้ายกัน แต่ลูกค้าเลือกเพราะประสบการณ์ที่เค้าได้รับ)
“จำ4Level นี้ให้ขึ้นใจ”
“มันจะทำให้เราเช็คความเป็นวัวสีม่วงได้ตลอดเวลาในการทำธุรกิจ”
i
-------
“เทรนด์ใหม่ ในอนาคต”
เมื่อผมเรียนรู้ตลอดเลยได้กลิ่นไอใหม่
“ได้พบเทรนด์ใหม่ ในอนาคตตลอด”
เช่น...
5ปีก่อนผมได้รู้ว่า...
ธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับผู้คนจะอยู่ได้
"The Most Human Company Wins"
หรือธุรกิจที่มี”ฐานแฟน”
จะคงอยู่ได้ดี
และโตไว
จากการที่ได้ข้อมูลพวกนี้
อยู่ในกลุ่มคนที่ทำเรื่องเหล่านี้
และเฝ้าสังสังเกตุจนเห็นว่า
เออจริง!
CEOแบรนด์เมืองนอกทำกันเยอะแล้วโตไว
CEOใหญ่ในไทยก็ทำแล้วโตไว
ได้ความเชื่อถือ
เจ้าของธุรกิจแบรนด์เล็กๆ
ที่ไม่ได้รวยมาก่อน
ก็เริ่มทำแล้วโตจนเริ่มเห็นคนสำเร็จเยอะ
นี่มันไม่ใช่ไอเดียธรรมดาแล้ว
"แต่มันจะเป็นเทรนด์ยาวๆแน่นอน"
ผมปรับแนวทางทันที
จากขายอย่างเดียว
เป็นออกมาให้ความรู้
สร้างฐานแฟน มีปฏิสัมพันธ์
“นี่ก็เป็นอีกครั้งนึงที่เปลี่ยนชีวิตผม”
“นี่คือจุดได้เปรียบ”
“จงเป็นกลุ่มนำ ที่เรียนรู้เสมอ”
“และทำไว”
J
————
“กลับไปที่ เรื่อง วัวสีม่วง”
“ทำไมทำตามเค้า
แต่เราไม่รวยบ้าง?”
"อันนี้คือเรื่องที่น่ากังวลที่สุด"
ทำไมทำตามคน สำเร็จ
“แล้วไม่สำเร็จ”
มาขายOnlineตามเค้าแต่ขายไม่ดี
"ทั้งๆที่ทำเหมือนๆเค้าทุกอย่าง"
กลับไปที่เรื่อง"วัว"
เรื่อง
"แกะ"
ทำไมเค้าเลี้ยงแกะกัน
แล้วเค้ารายได้ดี
จำได้ไหม?
เราเห็นวัวเห็นเห็นแกะตอนแรก
เราตื่นเต้นfever
"เป็นกระแส"
แต่จนวันที่เคยเห็นบ่อยๆ
นานเข้าๆ
"ก็ไม่ตื่นเต้นอะไรอีก"
เช่นกันคนที่ตามเทรนด์ทัน
มาทำOnlineคนแรกๆ
"เค้าก็ขายดีได้"
คนที่2,3,4,10,20,30
ก็ยังขายได้
เป็นวัวสีม่วงอยู่
เพราะวัวสีปกติคือคนขายoffline
"คุณแตกต่างเพราะไม่มีใครขายสิ่งนั้นบนonline"
แต่จนเข้าคนที่100ที่1,000
คนขายonline ของแบบเดียวกับคุณ
เพียบไปหมด
จนคนไม่สนใจแล้ว
เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว
"วัวสีม่วงก็กลายเป็นวัวธรรมดา"
"คุณธรรมดาจน...."
"คนเค้าก็ไม่สนใจคุณอีก"
"เจ็บปวดเนอะ"
K
----
แต่
คนที่ศึกษาเรียนรู้อัพเทรนด์ตลอดเวลา...
เค้าก็เจอเทรนด์ใหม่ๆ
แบบที่ผมเจอ
ว่าอยู่ดีๆจะมาเปิดเพจ
ยิงแอดขายทื่อๆอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะ
ต้องเป็นเป็นProduct Level2,3,4
ที่มีจุดแต่งต่างที่service/ประสบการณ์
ที่ไม่ต้องแข่งราคากับใคร
หรือ
ต้องปรับตัวเป็น....
ธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับผู้คน
"The Most Human Company Wins"
ธุรกิจที่มี”ฐานแฟน”
"มีจุดแต่งต่างตัวที่เรา"
"ความเข้าถึงได้ มีสัมพันธ์ของเรา"
"ถึงจะอยู่ได้ในยุคนี้"
“ที่ผมพูดพวกนี้นี่คือวัวสีใหม่ของยุคปัจจุบัน"
“และนี่คือคำตอบ
ว่าทำไมคนขึ้นมาทำการตลาดOnlineมือใหม่
หรือทำมานานแล้ว
แต่ไม่สำเร็จ หรือไม่โตเท่าที่ควร???”
“เพราะเค้าไม่มีข้อมูลตรงนี้
เลยทำให้ไม่รู้ว่าอะไรคือเทรนด์
อะไรคือสิ่งที่ต้องทำ
หรืออะไรคือสิ่งที่ควรจะพัฒนามัน!
สุดท้ายเทรนด์(เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้)
Online มันบังคับ
"ให้คนที่อยากเติบโตต้องทำ"
เทรนด์มันมาแบบนี้...
ทุกคนอยากทำ
แต่ถ้าเค้าไม่ได้ศึกษา
ไม่ได้รู้แบบที่เรารู้กันใน5นาทีนี้
ไม่รู้เรื่อง"วัวสีม่วง"
"เค้าก็ออกมาขายวัวบ้าง"
ในจังหวะที่
"มีวัวเต็มตลาด”
“เค้าเลยกลายเป็นฟาร์มวัวปกติ”
“ในขณะที่เทรนด์
มันนำคนแห่ไปดู
ไปซื้อกับวัวสีม่วงกันแล้ว”
"ตกเทรนด์"
“และคำถามคือ....
เมื่อคุณไม่ใช่วัวสีม่วง”
"ยังค้าขายแบบเดิม"
“เป็นonline level1”
“ไม่แตกต่างอะไรเลย”
นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทึ่
ลูกค้าต้องหยุด
เพื่อสนใจดูคุณ
ในขณะที่คนอื่นทำได้ดีกว่า
ถูกไหม?
ส่วนคนที่ทำproduct 2,3,4อยู่
โดยไม่รู้ตัว
ถ้าเค้า
เค้าไม่รู้เรื่อง"product4Level"
และ"วัวสีม่วง"
เค้าก็จะไม่หมั่นปรับตัว
มีคนมาขายแข่งด้วยมาตฐานเท่าๆกัน
จนวันนึงก็กลายกลับไปเป็นLevel1
"ตัดราคากันเหมือนเดิม"
“การลงทุนในความรู้
การเสพข้อมูลเร็ว
และลงมือทำไวเป็นสิ่งสำคัญ”
L
-------
ทิ้งท้าย.....
"คนทำproduct Level2,3,4"
ถ้าวันนี้
"Product ของคุณเป็นproduct Level
2,3,4"
ดีใจด้วย คุณจะยังอยู่ได้ต่ออย่างดีในยุคนี้
แต่หมั่นหาความรู้ตลอดเวลา
อัพเดทเทรนด์ใหม่
อัพเดทธุรกิจให้ดีขึ้น
"พัฒนาเสมอ"
เพราะเมื่อคุณขายดี
จะมีคนอยากขายด้วยเสมอ
แล้วมาด้วยมาตรฐานใกล้กัน
จนเริ่มไม่แตกต่าง
เป็นมาตรฐาน
จนคุณก็กลายกลับไปเป็นLevel1อีกครั้ง
และอย่าลืม
"มันมีวัวสีม่วง"
เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
"จงสร้างฐานแฟนจริงจังได้แล้ว"
"The Most Human Company Wins"
ตรงนี้ทำให้คุณอยู่ได้ดี
โดยไม่ต้องถูกเปรียบเทียบ
M
---
ทิ้งท้าย.....
"คนที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดOnline"
ให้ลองเช็คสถานการณ์ว่าเป็นยังไง
"คุณเข้ามาเป็นวัวตัวที่เท่าไหร่ในท้องตลาด"
1,2,310,30,100,1000?
"วัวเต็มรึยัง?"
"ถ้าเต็มแล้ว"
"หรือจวนแล้ว?"
วางแผน..
ปรับทำให้มันเป็นวัวสีม่วงได้ไหม?
Upgradeเป็นLevel2,3,4ได้ไหม?
ให้แตกต่าง
จะด้วยservice
ประสบการณ์ได้ไหม
หรือเป็น1,2,3,4PLUS
ที่เอาตัวคุณออกมาแตกต่างแบบพี่น้องOnline Take Overรุ่น 2019-2020
หลายคนที่ผมยกตัวอย่างหน้าเพจ
ทำให้คนมีโอกาสเลือกเค้า
ได้มากกว่าคนที่ขายแบบเดียวกับเค้า
อีก100หรือ1,000เจ้า
เช่นกันถ้าคุณทำ
ตรงนี้ก็จะทำให้คนมีโอกาสเลือกคุณ
ได้มากกว่าคนที่ขายแบบเดียวกับคุณ
อีก100หรือ1,000เจ้า
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
โอกาสยังมีอีกเยอะ
ยังมีอีกเหลือเฟือ
ถ้าเรารู้ทัน และทำไว
ยังเป็นยุคที่ใช้ Online Take over
เปลี่ยนชีวิตได้
รีบทำก่อน ปรับก่อน
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
ใครอ่านจบแล้ว
ก็ทักทายกันหน่อยครับ^_
"วัวสีม่วง"
"Online Take Over"
ลุย!
A10(เอเท็น)
สังคมแห่งความเป็นไปได้
ลุย10x
Online Take Over 2021
1YearClub
“Thx Economy”