สวท.พิษณุโลก 4.0

สวท.พิษณุโลก 4.0 สื่อท้องถิ่น

คืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดใต้รถน้ำเทศบาลต้นไทร ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสจากข้อมูลวัตถุพยาน และหลักฐานอื่นๆ ประกอบร...
14/03/2025

คืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดใต้รถน้ำเทศบาลต้นไทร ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
จากข้อมูลวัตถุพยาน และหลักฐานอื่นๆ ประกอบรวมกัน ทำให้สามารถเชื่อมโยงไปถึงบุคคลต้องสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดใต้รถน้ำเทศบาลต้นไทร ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ วันนี้ (12 มีนาคม 2568) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดนราธิวาส เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลต้องสงสัย คือ นายนาซือรี (สงวนนามสกุล) ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 บ้านต้นไทร ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เชิญ นายนาซือรี (สงวนนามสกุล) ไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เพื่อสอบถามข้อมูล ขยายผลและนำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเชิญญาติ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำทางศาสนา เข้ามามีส่วนร่วมรับทราบในการปฏิบัติทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบได้
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแส หรือพบวัตถุต้องสงสัย รวมถึงบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอแจ้งให้ทราบว่าผู้ใดให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แม่ทัพภาคที่4

แม่ทัพไพศาล

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

#ชายแดนใต้

💂🏼‍♂️ แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุม หน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (วาระพิเศษ) เน้นย้ำ “คุมเข้มความป...
14/03/2025

💂🏼‍♂️ แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุม หน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (วาระพิเศษ) เน้นย้ำ “คุมเข้มความปลอดภัย” ผนึกกำลังสร้างรอมฎอนสันติสุข สร้างความมั่นคงในพื้นที่ จชต.

📜 จากหลายเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นในห้วงของเดือนรอมฎอน เดือนอันประเสริฐของพี่น้องชาวไทยมุสลิม กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความเสียหายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งทางราชการและของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุดได้สร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก

📍 วันนี้ (13 มีนาคม 2568) เวลา 09.00 น. ที่ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (วาระพิเศษ) เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงาน รับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติในห้วงที่ผ่านมา พร้อมเน้นย้ำนโยบายและข้อสั่งการสำคัญในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการสร้างรอมฎอนสันติสุข ที่เป็นความปรารถนาของพี่น้องประชาชน โดยมี พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, หน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร, ตำรวจและฝ่ายปกครองเข้าร่วมประชุม

📝 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมสะท้อนปัญหาและแนวทางสร้างสันติสุขในพื้นที่ คาดหวังอยากเห็นทุกฝ่ายมาร่วมนั่งพูดคุย เพิ่มความเข้าใจ หาแนวทางสู่สันติสุข โดยยึดพี่น้องประชาชนเป็นหัวใจหลักในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการเพิ่มมาตรการเชิงรุก อาทิ การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ และการเสริมสร้างกลไกป้องกันความรุนแรง เพื่อให้เดือนรอมฎอนเป็นช่วงเวลาแห่งความเมตตา เป็นช่วงเวลาแห่งความบริสุทธิ์ ปราศจากความรุนแรง

🎖️ ด้าน พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินมาตรการ ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ส่วนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยใช้แนวทาง “ฮูกุมปากัต” (ธรรมนูญหมู่บ้าน 9 ดี) เป็นกรอบในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน

♻️นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้ส่งต่อความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชน พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัย สามารถแจ้งหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการต่อไป ซึ่งถ้าหากทุกคน ทุกฝ่ายร่วมมือกัน สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มั่นคง ปลอดภัย และเอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มา : กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

#ชายแดนใต้

รมว.ยุติธรรม แถลงผลปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นลงใต้วานนี้ (12 มี.ค. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร...
13/03/2025

รมว.ยุติธรรม แถลงผลปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นลงใต้
วานนี้ (12 มี.ค. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่แพร่ระบาด ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตระหนักว่าปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบรุนแรง เป็นภัยใกล้ตัว เป็นภัยที่เข้าถึงทุกหมู่บ้าน การแก้ปัญหายาเสพติดจึงถือเป็นวาระแห่งชาติ
ซึ่งการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลดำเนินการในทุกมิติ โดยเฉพาะการจัดการกับการลำเลียงยาเสพติดและการพักคอยยาเสพติดจากผู้ค้า เพื่อนำสู่เป้าหมายผู้ใช้ ผู้เสพ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการป้องกัน ปราบปราม การพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งให้ความสำคัญกับแหล่งผลิตในต่างประเทศ หรือ กลุ่มผู้ค้ารายสำคัญที่มีการนำยาเสพติดมาพักคอยก่อนจำหน่ายไปยังผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพ โดยมาตรการที่นำมาดำเนินการคือมาตรการเกี่ยวกับทรัพย์สิน สิ่งที่ผู้ค้ายาเสพติดต้องการมากที่สุดคือต้องการเงินกับผลประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สิน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้เร่งจัดการกับการฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดและมีผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ยาเสพติดถือเป็นอีกหนึ่งภัยข้ามชาติซึ่งจะต้องยกระดับความเข้มข้นในการกวาดล้างมากขึ้น และยังได้รับความร่วมมือในการกวาดล้างยาเสพติดตามชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ อีกด้วย
พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า การปฏิบัติการ
ปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่แพร่ระบาด ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ได้ปิดล้อม จับกุมโดยเฉพาะพื้นที่พักคอยตอนในที่จะกระจายยาเสพติดไปสู่พื้นที่ภาคใต้หรือประเทศที่ 3 ซึ่งเราเน้นการปราบปรามสกัดกั้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมาย และการขยายผลติดตามผู้ที่มีส่วนร่วมกระทำผิดรู้เห็น นำไปสู่การยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง หลังจากที่มีการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา ได้ขยายผลสู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เฉพาะวันที่ 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อม 277 เป้าหมาย ผู้ต้องหา 386 คน จำนวน 383 คดี ยึดทรัพย์กว่า 25 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายผลจับกุมที่ผ่านมาและจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้การทำงานของคณะอนุกรรมการเป็นการทำงานกลางทางคือพื้นที่ตอนในและปริมณฑล โดยจะขยายไปยังพื้นที่พักคอยทั้งหมด กระบวนการลักลอบค้ายาเสพติดเป็นที่ชัดเจนว่าผลิตในต่างประเทศ นำเข้าตามแนวชายแดนโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำเลียงมายังพื้นที่พักคอยตามแนวชายแดนและกระจายเข้ามาสู่พื้นที่ตอนใน และนำไปสู่พื้นที่ภาคใต้และประเทศที่ 3 กระบวนการพักคอยในพื้นที่ตอนในและลำเลียงไปสู่ภาคใต้และประเทศที่ 3 นั้น เป็นขั้นตอนที่จะต้องปิดล้อมตรวจค้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
พล.ต.อ.ประจวบ ย้ำว่า การจับกุมผู้ค้ายาเสพติดไม่ว่าของกลางจะมีจำนวนมากหรือน้อยในเรื่องของกระบวนการยาเสพติดคือเรื่องของทรัพย์สิน เป้าหมายของเจ้าหน้าที่รัฐจึงเน้นที่เรื่องทรัพย์สินเช่นกัน จะติดตาม
ยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอฝากเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออำนวยความสะดวก จะถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย
ทางด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 12 มีนาคม 2568 จับกุม ยาบ้า 405,600 เม็ด ไอซ์ 7 กิโลกรัม ศาลอนุมัติหมายจับ 60 หมาย ปัจจุบันอยู่ระหว่าง ขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อแจ้งข้อหา นอกจากนี้จากการขยายผลในพื้นที่นครบาล 201 ชุมชนยังมีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งจะคัดกรองเพื่อนำผู้เสพจาก 201 ชุมชนดังกล่าวเข้าสู่การบำบัดร่วมกับกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ค้าจะออกหมายจับคดีในคดีสมคบ
ตำรวจภูธรภาค 1 รายงานว่า การปฏิบัติการช่วงดังกล่าวดำเนินการทั้งหมด 76 เครือข่าย ยึดทรัพย์ประมาณกว่า 22 ล้านบาท จับกุมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ปิดล้อมกว่า 800 แห่ง ทุกจังหวัดจะมีการปิดล้อมทุกสัปดาห์
ตำรวจภูธรภาค 7 รายงานว่า มีการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่ แพร่ระบาดของตำรวจภูธรภาค 7 ในพื้นที่ 8 จังหวัด ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 ทั้งสิ้น 176 เครือข่าย ปิดล้อม 356 แห่ง จับกุมผู้ต้องหา 1,647 คดี ยาบ้าของกลางกว่า 270,000 เม็ด ยึดทรัพย์กว่า 205 ล้านบาท และระหว่างวันที่ 10 – 12 มีนาคม 2568 ที่เป็นช่วงความเข้มข้นในการปฏิบัติงานมีการปิดล้อม 156 เครือข่าย นอกจากนี้ยังมีการปิดล้อมตรวจค้นสถานบริการต่าง ๆ เพื่อตรวจค้นยาเสพติดอย่างต่อเนื่องด้วย
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รายงานว่า จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาได้ของกลางยาบ้า 3 ล้านเม็ด ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เบื้องต้นได้ออกหมายจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัดนครปฐม และขยายผลสู่ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่นครปฐม สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการปิดล้อมตรวจค้นมาตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม – 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อมไปแล้วรวม 13 จุด สามารถจับกุมพร้อมยาเสพติด 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 จุด และ พื้นที่จังหวัดนครปฐม มีการตรวจยึดทรัพย์สินตึกแถว และรถยนต์ 5 คัน รวมยึดทรัพย์ได้กว่า 8.1 ล้านบาท ทั้งนี้ภาพรวมการปฏิบัติงานของ บช.ปส. ช่วงวันที่ 1กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อมเครือข่ายทั้งสิ้น 55 เครือข่าย ศาลอนุมัติหมายจับ 37 ราย ยึดทรัพย์สินรวมกว่า 219 ล้านบาท

#ปราบปรามยาเสพติด #กระทรวงยุติธรรม

📌 บกปภ.ช. เผยสถานการณ์ฝุ่นภาพรวมยังดี เว้นภาคเหนือ-อีสานที่ต้องเฝ้าระวัง เน้นย้ำทุกภาคส่วนคุมเข้มทุกมาตรการ บูรณาการอย่า...
13/03/2025

📌 บกปภ.ช. เผยสถานการณ์ฝุ่นภาพรวมยังดี เว้นภาคเหนือ-อีสานที่ต้องเฝ้าระวัง เน้นย้ำทุกภาคส่วนคุมเข้มทุกมาตรการ บูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้ได้เร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 เพื่อประสานงานแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเน้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในทุกระดับเพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่นในปี 2568-2569

จากการรายงานสถานการณ์ในวันนี้ พบว่าคุณภาพอากาศในภาคใต้ดีมาก แต่หลายพื้นที่ในภาคอื่นๆ ยังมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีจุดความร้อน (Hotspot) 1,034 จุด ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว โดยพื้นที่ที่มีจุดความร้อนมากที่สุดยังคงเป็นภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำปาง ตาก น่าน และเชียงใหม่ รวมถึงการพบจุดความร้อนในประเทศเมียนมาด้วย

ในส่วนของการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น มีการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง โดยกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติได้ดำเนินคดีกับผู้เผาป่าไปแล้วหลายคดี รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ส่งเสริมการเกษตรปลอดการเผา ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดห้องปลอดฝุ่นและแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชน

นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดตากเพื่อเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 โดยได้ดำเนินการจับกุมผู้เผาป่าและประชาสัมพันธ์มาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น

สำหรับการรับมือในอนาคต ปภ. ได้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนพื้นที่ที่ประสบปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 ด้วยการจัดสรรเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง รวมถึงการใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยดับไฟป่าในภาคเหนืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568.

การประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันเชิงรุกเพื่อไม่ให้สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 เลวร้ายขึ้น โดยการควบคุมการเผาในพื้นที่ต่างๆ อย่างเข้มงวดและการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน.

ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

#แก้ปัญหาฝุ่นpm25 #ฝุ่นPM25

ฤดูร้อน ต้องไม่แล้ง!!กรมชลฯ ไม่พัก เดินหน้าสูบ-ส่งน้ำต่อเนื่อง รับมือภัยแล้งกรมชลประทาน เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก ระดมเค...
13/03/2025

ฤดูร้อน ต้องไม่แล้ง!!
กรมชลฯ ไม่พัก เดินหน้าสูบ-ส่งน้ำต่อเนื่อง รับมือภัยแล้ง
กรมชลประทาน เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ-ระบายน้ำในช่วงฤดูแล้ง ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกร ตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ
ภารกิจติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
📍สำนักงานชลประทานที่ 6 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน 3 เครื่อง บ้านหลุบโพธิ์ หมู่ 5 และบ้านหลุบโพธิ์เพรช หมู่ 17 ตำบลตลาดแล้ง อำเภอเขว้า จังหวัดชัยภูมิ
ภารกิจกำจัดผักตบชวา
📍โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล กำจัดวัชพืชบริเวณคลองส่งน้ำ PR.5.3R-4.2R-0.4L (C4) ตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
📍โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าบัว กำจัดวัชพืชบริเวณคลองส่งน้ำซี.1 กม.149+480 - กม.151+000 ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล และบริเวณคลองส่งน้ำซี.85 ช่วงกม.0+000 ถึง กม.0+500 (ฝั่งซ้าย ขวา) ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลคลองคูณ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
📍สำนักงานชลประทานที่ 10 สนับสนุนเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการกำจัดวัชพืชคลองระบาย 7 ซ้าย ชัยนาท-ป่าสัก3 ตำบลโคกกะเทียม อำเภอเมือง และตำบลบางลี่ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ตลอดจนสนับสนุนรถแบคโฮ จำนวน 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณคลองแยก 1 ขวา 3 ซ้าย 21 ขวา ชัยนาท – ป่าสัก และบริเวณคลองแยก 2 ขวา 3 ซ้าย 21 ขวา ชัยนาท – ป่าสัก ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้กำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและระบายน้ำ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชน หากพี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือสายด่วน กรมชลประทาน 1460
ที่มา : เพจ กรมชลประทาน 12 มีค 68
#บริหารจัดการน้ำ #กรมชลประทาน

สถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือยังคงเฝ้าระวังต่อเนื่อง บกปภ.ช. ระดมกำลังลดจุดความร้อนและควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น เพื่อคุณภาพอากาศที่ด...
12/03/2025

สถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือยังคงเฝ้าระวังต่อเนื่อง บกปภ.ช. ระดมกำลังลดจุดความร้อนและควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 68 เวลา 10.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยมุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดจุดความร้อนและควบคุมการเผา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่มีสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานในบางจังหวัด เช่น จังหวัดพะเยา ปราจีนบุรี และสมุทรสาคร

สถานการณ์ฝุ่นในวันนี้โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศดีมาก ส่วนภาคเหนือสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังพบจุดความร้อนกระจุกตัวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน ชัยภูมิ และอุบลราชธานี

กรมป่าไม้รายงานว่ามีจุดความร้อนในป่าสงวนแห่งชาติ 95 จุด และได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เผาป่าแล้ว 28 คดี ส่วนกรมอุทยานแห่งชาติพบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 124 จุด การดำเนินการป้องกันและแก้ไขไฟป่าได้ทำการลาดตระเวนดับไฟป่า 389 ครั้ง และมีการปิดป่าทั้งป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์แล้ว 138 แห่ง

สำหรับมาตรการที่ดำเนินการในพื้นที่ เช่น การใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่า และการทำงานร่วมกับท้องถิ่นและภาคประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าและลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

การเฝ้าระวังสถานการณ์ใน 17 จังหวัดภาคเหนือคาดว่าจะรุนแรงมากขึ้น โดยมีแนวโน้มที่กระแสลมอาจพัดหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และไฟป่าอย่างต่อเนื่อง.

ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

#ฝุ่นPM25 #แก้ปัญหาฝุ่น

เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนไทย ชูปัญหายาบ้าสู่การประชุมระดับโลก เรียกร้องนานาชาติเร่งแก้ปัญหายาบ้าสามเหลี่ยมทองคำเมื่อว...
12/03/2025

เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนไทย ชูปัญหายาบ้าสู่การประชุมระดับโลก เรียกร้องนานาชาติเร่งแก้ปัญหายาบ้าสามเหลี่ยมทองคำ
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (CND) สมัยที่ 68 ณ กรุงเวียนนา ออสเตรีย โดยเน้นย้ำถึงปัญหายาบ้าที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาค โดยเฉพาะยาบ้าในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่มีการลักลอบผลิตและขยายการแพร่ระบาดผ่านมุมมองของประเทศต่าง ๆ

ในการประชุมนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหายาบ้า เช่น การประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำลายแหล่งผลิต การปฏิบัติการ Seal Stop Safe และการยึดทรัพย์ของนักค้ายา รวมทั้งเสนอการวิจัยในการรักษาผู้เสพยาเสพติดร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวิกฤตปัญหายาบ้าในลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของยาบ้าและเมทแอมเฟตามีน พร้อมกับเรียกร้องให้มีการสนับสนุนการศึกษาวิจัยในการบำบัดรักษาผู้เสพยาสารกระตุ้นในระดับสากล

การประชุมนี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 โดยจะมีการพิจารณาข้อเสนอและลงมติเพิ่มรายการสารที่ควบคุมระหว่างประเทศต่อไป.

ที่มา : สำนักงาน ป.ป.ส.

#ปราบปรามยาเสพติด #แก้ปัญหายาเสพติด

ชลประทานเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ มั่นใจมีน้ำมีเพียงพออุปโภคบริโภค กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารจัดการน้ำในเขตชลประทาน ให้เป็...
12/03/2025

ชลประทานเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ มั่นใจมีน้ำมีเพียงพออุปโภคบริโภค
กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารจัดการน้ำในเขตชลประทาน ให้เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2567/68 ย้ำน้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดในช่วงฤดูแล้งต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผย ภาพรวมสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศปัจจุบัน
(10 มี.ค. 68) มีปริมาณน้ำรวมกัน 50,752 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มีน้ำใช้การรวมกันประมาณ 26,813 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวม 16,060 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มีน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 9,364 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งไปจนถึงต้นฤดูฝนเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 67/68 ปัจจุบันมีการใช้น้ำทั้งประเทศไปแล้วกว่า 20,866 ล้าน ลบ.ม. (72% ของแผนฯ) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 7,274 ล้าน ลบ.ม. (81% ของแผนฯ) ภาพรวมสถานการณ์น้ำยังเป็นไปตามแผนจัดสรรน้ำที่วางไว้ ยืนยันหากทุกฝ่ายร่วมกันใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนฯ ปริมาณน้ำที่มีอยู่จะเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนที่จะมาถึง
ส่วนผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศ ปัจจุบันมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้วกว่า 9.31 ล้านไร่ (93% ของแผนฯ) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังรวม 6.35 ล้านไร่ (98% ของแผนฯ)
ทั้งนี้ กรมชลประทาน เตรียมทยอยส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน เพื่อกระจายเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวนาปีพร้อมกันตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันก่อนเข้าสู่ช่วงน้ำหลาก
อนึ่ง กรมชลประทาน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ ทั้งพื้นที่ในเขตและนอกเขตชลประทาน ควบคู่กับการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ตามข้อห่วงใยของรัฐบาล และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ที่มา : กรมชลประทาน

#บริหารจัดการน้ำ #กรมชลประทาน

กรมชลประทาน บูรณาการการบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำ รองรับน้ำหลาก ปี 2568 กับ "โครงการบางระกำโมเดล"กรมชลฯ จะทยอยส่งน้ำเข้า...
12/03/2025

กรมชลประทาน บูรณาการการบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำ รองรับน้ำหลาก ปี 2568 กับ "โครงการบางระกำโมเดล"

กรมชลฯ จะทยอยส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวนาปีตามแผนปรับปฏิทินการเพาะปลูกพร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากในปีนี้ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี

รวมถึง วางแผนจัดสรรน้ำจากเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา สนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำตามแผนไปจนกว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลากจะมาถึง เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายจากฤดูน้ำหลาก

ที่มา : กรมชลประทาน

#กรมชลประทาน #บางระกำโมเดล #บริหารจัดการน้ำ

บกปภ.ช. กำชับทุกภาคส่วนเข้มงวดมาตรการระวังฝุ่น PM 2.5 เน้นควบคุมไม่ให้เกิดการลักลอบเผาในพื้นที่ เผยคุณภาพอากาศภาพรวมอยู่...
04/03/2025

บกปภ.ช. กำชับทุกภาคส่วนเข้มงวดมาตรการระวังฝุ่น PM 2.5 เน้นควบคุมไม่ให้เกิดการลักลอบเผาในพื้นที่ เผยคุณภาพอากาศภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ด้านเหนือ-อีสานค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
วันนี้ (4 มี.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเข้มข้นและควบคุมการเผาป่าตามแหล่งกำเนิดฝุ่นโดยตรง รวมถึงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. กล่าวว่า คุณภาพอากาศในบางพื้นที่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่บางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน เช่น อุบลราชธานี มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานถึงระดับสีแดง ขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลค่าฝุ่นยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในวันที่ 7 มี.ค. 68
สถานการณ์จุดความร้อนวันนี้พบ 788 จุด โดยจังหวัดที่มีจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ ตาก, ลำปาง, ลำพูน, พะเยา และอุตรดิตถ์ ส่วนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มีการประกาศปิดป่า 138 แห่ง และได้ดำเนินการดับไฟป่าและรณรงค์หยุดเผาอย่างต่อเนื่อง
ในระดับพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานีได้บูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยได้ดำเนินการควบคุมไฟป่าและการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม พร้อมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการวัสดุทางการเกษตรแทนการเผา
ปภ. ย้ำว่า การลดฝุ่น PM 2.5 จะต้องควบคุมจากแหล่งกำเนิดอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการป้องกันการลักลอบเผาในพื้นที่ป่าและเกษตรกรรม รวมทั้งดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ทำการเผา
นอกจากนี้ กรม ปภ. ยังได้ร่วมกับกองทัพบกในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ทิ้งน้ำดับไฟและได้ประสานงานกับประชาชนในการแจ้งเหตุผ่านช่องทางต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง.
ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

#ฝุ่นPM25

ป.ป.ส. จับมือ 4 หน่วยงาน ร่วมยกระดับปราบอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ รมว.ยธ. ย้ำ ปัญหานี้ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน3 มีนาคม 2568...
04/03/2025

ป.ป.ส. จับมือ 4 หน่วยงาน ร่วมยกระดับปราบอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ รมว.ยธ. ย้ำ ปัญหานี้ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน
3 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานอัยการสูงสุด กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติยุค "Digital Disruption" โดยเน้นการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติและการร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศและโลก
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี คาดว่าจะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากอาชญากรรมดังกล่าว และตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของประชาชน.

ที่มา : สำนักงาน ป.ป.ส.

#ปราบปรามยาเสพติด #สำนักงานปปส

กรมชลชลประทาน ผลักดัน MOU กลุ่มผู้ใช้น้ำนอกภาคเกษตร พื้นที่ EEC สร้างความมั่นคงด้านน้ำกรมชลประทาน หารือจัดตั้งกลุ่มผู้ใช...
04/03/2025

กรมชลชลประทาน ผลักดัน MOU กลุ่มผู้ใช้น้ำนอกภาคเกษตร พื้นที่ EEC สร้างความมั่นคงด้านน้ำ
กรมชลประทาน หารือจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำนอกภาคเกษตรพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หวังส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำอย่างเพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการ เตรียม MOU กลุ่มผู้ใช้น้ำฯ ช่วยลดความขัดแย้งในอนาคต
นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมเพื่อจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำนอกภาคเกษตรในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิต บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด และตัวแทนบริษัทเอกชน ที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้น้ำนอกภาคเกษตร จำนวน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ กลุ่มผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำคลองใหญ่ และกลุ่มผู้ใช้น้ำจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมประชุม ณ ห้องดงตาล อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน สามเสน
การประชุมดังกล่าว กรมชลประทานได้ผลักดันให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง กรมชลประทาน และกลุ่มผู้ใช้น้ำฯ เพื่อช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ปัจจุบันอยู่ในระหว่างจัดทำรายละเอียด เพื่อเตรียมลงนาม(MOU)ในระยะต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้น สามารถรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ที่มา : กรมชลประทาน

#บริหารจัดการน้ำ #กรมชลประทาน

“กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดจากระดับชุมชน โดยใช้หลัก ‘ฮูกุมปากัต’ (ธรรมนูญหมู่บ้าน 9 ดี) ร่วมกับผู้นำท้อ...
04/03/2025

“กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดจากระดับชุมชน โดยใช้หลัก ‘ฮูกุมปากัต’ (ธรรมนูญหมู่บ้าน 9 ดี) ร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ศาสนา และประชาชน เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ร่วมสนับสนุน”
พลโท โพศาล หนูสังข์
แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4

(ให้สัมภาษณ์ พบปะเยี่ยมเยียนผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัตรักษา ณ รพ.ธัญญารักษ์ปัตตานี)
ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

#ชายแดนใต้ #แม่ทัพภาค4 #กอรมนภาค4สน

25/02/2025
ชลประทานเดินหน้าจัดสรรน้ำตามแผนฯ ย้ำ...น้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เป...
25/02/2025

ชลประทานเดินหน้าจัดสรรน้ำตามแผนฯ ย้ำ...น้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (24 ก.พ. 2568) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 52,667 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มากกว่าปีที่ผ่านมา 1,099 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 28,729 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 16,778 ล้าน ลบ.ม. (67% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 10,082 ล้าน ลบ.ม. ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 67/68 ปัจจุบันจัดสรรน้ำทั้งประเทศไปแล้วกว่า 18,400 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 63% ของแผนฯ) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการจัดสรรน้ำไปแล้วกว่า 6,209 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 69% ของแผนฯ) ซึ่งภาพรวมสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ยังคงเป็นไปตามแผนจัดสรรน้ำที่ได้กำหนดไว้ และมีเพียงพอที่จะสนับสนุนทุกกิจกรรมของการใช้น้ำที่วางไว้ตลอดฤดูแล้งนี้
ทางด้านการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2567/68 พบว่าทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศไปแล้วกว่า 9.14 ล้านไร่ คิดเป็น 91% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังรวม 6.33 ล้านไร่ เป็นไปตามแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งที่วางไว้ ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับการปรับปฏิทินการเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันก่อนเข้าสู่การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน 2568
นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ รวมไปถึงกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ตามข้อห่วงใยของรัฐบาล และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ที่มา : เพจกรมชลประทาน 24 ก.พ. 2568

#บริหารจัดการน้ำ #กรมชลประทาน

21/02/2025

📌📢"ตอบชัดทุกประเด็น‼️ จากแม่ทัพภาคที่ 4💂
กับกรณีการเผยแพร่ภาพคนร้ายที่เสียชีวิตผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ
มีส่วนให้ผู้คนไปชุมนุมในงานศพหรือไม่ ?
ห้ามพลาดคลิปนี้️‼️"
#แม่ทัพภาคที่4 #แม่ทัพไพศาล
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์
#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

✨"...ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่อในช่องทางต่างๆ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดจากแห...
21/02/2025

✨"...ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่อในช่องทางต่างๆ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดจากแหล่งข้อมูลที่บิดเบือน..."✨

✨"...ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่อในช่องทางต่างๆ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดจากแหล่งข้อมูลที่บิดเบือน..."✨
🗣 พลโท ไพศาล หนูสังข์
แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4

#แม่ทัพภาคที่4 #แม่ทัพไพศาล
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์
#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

🌍🌍 เนื้อข่าวภาษารูมี 👇👇

✨"...Saya menggesa semua rakyat agar menggunakan pertimbangan mereka ketika menerima maklumat dari pelbagai sumber media untuk mengelakkan salah faham daripada maklumat yang diputarbelitkan..."✨
🗣 Mejar Jeneral Phaisal Nusing
Panglima Tentera 4th Army Area / Pengarah Operasi Keselamatan Dalam Negeri, 4th Army Area





🌍🌍 เนื้อข่าวภาษาอังกฤษ 👇👇

✨"...I urge all citizens to use their discretion when receiving information from various media sources in order to prevent misunderstandings from distorted information..."✨
🗣 Major General Phaisal Nusing
Commander of the 4th Army Area / Director of Internal Security Operations, 4th Army Area



ป.ป.ส. ย้ำรัฐบาลจริงจัง! เดินหน้าเผายาเสพติดของกลาง 27 ตัน นักกีฬา-เยาวชนร่วมเป็นสักขีพยาน ชูความโปร่งใส สร้างความเชื่อม...
13/02/2025

ป.ป.ส. ย้ำรัฐบาลจริงจัง! เดินหน้าเผายาเสพติดของกลาง 27 ตัน นักกีฬา-เยาวชนร่วมเป็นสักขีพยาน ชูความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นประชาชน
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลางน้ำหนักรวมกว่า 27 ตัน โดยมี พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ และตัวแทนนักกีฬา ทีมชาติไทย รวมถึงเยาวชนจาก 9 ประเทศอาเซียน ที่ร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการทำลาย เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม

การเผาทำลายในครั้งนี้เป็นการดำเนินการภายใต้การปฏิบัติตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ให้ทำลายยาเสพติดได้ทันทีหลังจากการจับกุม ซึ่งยาบ้า 145 ล้านเม็ด, ไอซ์ 7.56 ตัน, เฮโรอีน 504.82 กิโลกรัม, คีตามีน 1,472.44 กิโลกรัม และยาเสพติดอื่นๆ รวมถึงสารผสม (Happy water) ถูกทำลายไปจาก 151 คดี ที่จับกุมระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2567

การทำลายในครั้งนี้ได้ผ่านการตรวจพิสูจน์จากสถาบันวิชาการและได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข โดยยืนยันว่าไม่มีการนำยาเสพติดที่ถูกทำลายกลับสู่สังคมได้อีก ข้อมูลจากการทำลายยาเสพติดตั้งแต่ปี 2566 รวมแล้วกว่า 133.12 ตัน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศไทย.

ที่มา : สำนักงาน ป.ป.ส.

#ปราบปรามยาเสพติด #เผาทำลายยาเสพติด #กระทรวงยุติธรรม

ที่อยู่

อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
Phitsanulok
65000

เบอร์โทรศัพท์

+6655267049

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สวท.พิษณุโลก 4.0ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สวท.พิษณุโลก 4.0:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์