Plan Study Agency by P'Boat

08/01/2025

หลักสูตร Professional Accounting ระดับปริญญาโท (Master of Professional Accounting - MPA) เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านการบัญชี โดยเฉพาะผู้ที่มองหาเส้นทางในการเป็นนักบัญชีมืออาชีพ (Professional Accountant) หรือผู้ที่ต้องการใบรับรองวิชาชีพบัญชี เช่น CPA (Certified Practising Accountant) หรือ CA (Chartered Accountant)

สิ่งที่เรียนในหลักสูตร MPA
1. Accounting Foundations
การบัญชีการเงิน (Financial Accounting)
การบัญชีบริหาร (Management Accounting)

2.Auditing and Assurance
การตรวจสอบบัญชีและการให้คำรับรอง (Audit and Assurance)

3. Taxation
การวางแผนและการคำนวณภาษี (Taxation Planning and Compliance)

4. Corporate Governance
กฎหมายธุรกิจ (Business Law)
จรรยาบรรณและธรรมาภิบาล (Ethics and Governance)

5. Finance and Economics
การวิเคราะห์การเงิน (Financial Analysis)
เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ (Business Economics)

6. Advanced Accounting
การบัญชีระหว่างประเทศ (International Accounting)
การบัญชีสำหรับกลุ่มบริษัท (Consolidation Accounting)

7. Strategic Management and Leadership
การจัดการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management)
การเป็นผู้นำในองค์กร (Leadership Skills)

8. Capstone Project or Internship
โครงการวิจัยหรือฝึกงานในองค์กรจริง

ข้อดีของการเรียนในออสเตรเลีย
1. ได้รับการยอมรับจาก CPA Australia และ CA ANZ
2. วีซ่าหลังเรียนจบ (Post-Study Work Visa) ทำให้สามารถทำงานในออสเตรเลียได้หลังจบการศึกษา

และวันนี้พี่โบ้ทขอแนะนำ
Deakin University
หลักสูตร: Master of Professional Accounting
จุดเด่น: เน้นการเรียนรู้แบบออนไลน์และออนแคมปัส มีการสนับสนุนด้านงานและฝึกงาน

และ

RMIT University
หลักสูตร: Master of Professional Accounting
จุดเด่น: เน้นการเรียนการสอนเชิงปฏิบัติและตั้งอยู่ใน Melbourne

07/01/2025

การเรียนในสาขา Actuarial Science หรือวิทยาศาสตร์การประกันภัยมุ่งเน้นไปที่การประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ สถิติ และการเงิน เพื่อการบริหารความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าทางการเงิน โดยเนื้อหาที่จะได้เรียนมีดังนี้:

1. คณิตศาสตร์และสถิติขั้นสูง (Advanced Mathematics and Statistics)
แคลคูลัส
พีชคณิตเชิงเส้น
ทฤษฎีความน่าจะเป็น
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ

2. การเงินและเศรษฐศาสตร์ (Finance and Economics)
การบริหารการเงิน (Financial Management)
การวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysis)
เศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค (Microeconomics & Macroeconomics)

3. การประเมินความเสี่ยง (Risk Management)
การบริหารความเสี่ยงในองค์กร (Enterprise Risk Management)
การประเมินมูลค่าความเสียหาย (Loss Valuation)
การพัฒนาแบบจำลองความเสี่ยง (Risk Modeling)

4. การประกันภัย (Insurance)
หลักการประกันชีวิต (Life Insurance)
การประกันสุขภาพ (Health Insurance)
การประกันทรัพย์สินและวินาศภัย (Property and Casualty Insurance)

5. การใช้ซอฟต์แวร์และโปรแกรมทางคณิตศาสตร์
การใช้ Excel ขั้นสูง
โปรแกรมสถิติเช่น R, Python หรือ SAS
การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Actuarial Models)

6. กฎหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพ (Professional Ethics and Law)
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย
หลักจรรยาบรรณของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย

7. การเตรียมตัวสอบวุฒิบัตรวิชาชีพ (Professional Actuarial Exams)
ส่วนใหญ่นักศึกษาที่จบปริญญาตรีด้าน Actuarial Science จะต้องเตรียมตัวสอบวุฒิบัตร เช่น
SOA (Society of Actuaries)
CAS (Casualty Actuarial Society)
IFoA (Institute and Faculty of Actuaries)

ทักษะเพิ่มเติมที่จำเป็น:
*ความสามารถด้านการแก้ปัญหาทางตัวเลข
*การวิเคราะห์เชิงลึก
*ความสามารถในการสื่อสารข้อมูลเชิงซับซ้อนให้เข้าใจง่าย

สนใจศึกษาต่อด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuarial Science) ใน UK พี่โบ้ทขอแนะนำ

University of Essex: เปิดสอนหลักสูตร Actuarial Science ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยผู้สำเร็จการศึกษามีอัตราการจ้างงานสูงถึง 84% (Graduate Outcomes 2022)

06/01/2025

อีกหนึ่งสาขาการเรียนน่าสนใจของอังกฤษและออสเตรเลียครับ

Financial Engineering เป็นสาขาวิชาที่รวมความรู้จาก การเงิน (Finance), คณิตศาสตร์ (Mathematics), วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) และ สถิติ (Statistics) เพื่อแก้ไขปัญหาในโลกการเงิน ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และวิเคราะห์ความเสี่ยงในตลาดการเงิน

หัวข้อที่เรียนใน Financial Engineering
1. คณิตศาสตร์และสถิติ (Mathematics and Statistics)
Calculus: การคำนวณทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงที่ใช้ในการพยากรณ์และวิเคราะห์ข้อมูล
Linear Algebra: ใช้ในการสร้างแบบจำลองการเงิน
Probability and Statistics: การวิเคราะห์ข้อมูลและพยากรณ์ความเสี่ยง
Stochastic Calculus: การวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวในตลาดการเงิน เช่น การพยากรณ์ราคาหุ้น (Stock Price Modeling)

2. การเงินและเศรษฐศาสตร์ (Finance and Economics)
Financial Markets and Instruments: การทำความเข้าใจตลาดการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ (derivatives)
Portfolio Theory: การจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยง
Risk Management: การวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงทางการเงิน
Corporate Finance: การจัดการการเงินในองค์กร เช่น การระดมทุนและการตัดสินใจลงทุน

3. การสร้างแบบจำลองทางการเงิน (Financial Modeling)
การสร้างโมเดลทางคอมพิวเตอร์เพื่อทำนายพฤติกรรมของตลาด
การใช้โปรแกรม Excel, MATLAB, Python หรือ R เพื่อการจำลองข้อมูลและการวิเคราะห์

4. อนุพันธ์ทางการเงิน (Financial Derivatives)
Options, Futures, and Swaps: การออกแบบและการประเมินมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อน
Pricing Models: การใช้โมเดล เช่น Black-Scholes เพื่อประเมินมูลค่า options และ derivatives

5. การเขียนโปรแกรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Programming and FinTech)
Programming Languages: การเขียนโปรแกรมเพื่อใช้ในงานการเงิน เช่น Python, C++, หรือ Java
Algorithmic Trading: การพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน
Blockchain and Cryptocurrency: การวิเคราะห์และการพัฒนาระบบการเงินที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่

6. การบริหารความเสี่ยงและการวิเคราะห์ข้อมูล (Risk and Data Analytics)
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Big Data Analytics) เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางการเงิน การวัดและจัดการความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

7. การประยุกต์ใช้งานในโลกจริง (Applications in Finance)
การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น Structured Products
การพัฒนาระบบป้องกันความเสี่ยง (Hedging Strategies)
การบริหารการลงทุนในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้
โครงสร้างหลักสูตร
Core Subjects: คณิตศาสตร์ การเงิน และการเขียนโปรแกรม
Elective Subjects: เน้นเฉพาะด้าน เช่น Quantitative Risk Management, Machine Learning for Finance
Capstone Project: การนำความรู้ทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ในโปรเจกต์จริง

อาชีพหลังเรียนจบ
Quantitative Analyst (Quant): วิเคราะห์และสร้างแบบจำลองทางการเงิน
Risk Manager: บริหารความเสี่ยงในองค์กร
Portfolio Manager: ดูแลการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ
Algorithmic Trader: พัฒนาและจัดการระบบซื้อขายอัตโนมัติ
Data Scientist for Finance: ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อวิเคราะห์ตลาด

02/01/2025

10/12/2024

ข่าวดีครับ วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย Subclass 600 อายุ 10 ปี
เปิดให้ทำได้แล้ว

เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบไปเที่ยวออสเตรเลียบ่อย ๆ หรือคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองที่ส่งน้อง ๆ ไปเรียนที่ออสเตรเลียก็สามารถไปเยี่ยมได้บ่อย ๆ ไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ทุกปีอีกแล้ว เข้าประเทศได้ครั้งละ 3 เดือนเหมือนเดิม

ผู้ปกครองหรือน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้เลยนะครับ

Good news! The 10-year validity Australian Tourist Visa (Subclass 600) is now available.

This visa is ideal for those who frequently travel to Australia or for parents who send their children to study there and want to visit them regularly. There's no need to apply for a new visa every year anymore. The visa allows stays of up to 3 months per entry, as before.

Parents or anyone interested can inquire for more details!

06/11/2024

จริง ๆ เรื่องนี้พี่โบ้ทชั่งใจอยู่นานว่าควรจะเล่าให้อ่านกันดีมั้ย คิดไปคิดมาก็เลยตัดสินใจเขียนมาเล่าให้อ่านกันเล่น ๆ หรือจะลองหาวิธีทำตามก็ได้นะครับ เพราะพี่โบ้ทก็ไม่ได้เก่งขนาดจะไปสอนวิธีการแบบนี้ให้ใครได้ รู้มาคร่าว ๆ แค่บางอย่างครับ

ในการสอบ IELTS เพื่อทำคะแนนให้ได้ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยกำหนดเพื่อการเข้าศึกษาต่อ บางครั้งมันก็ไม่เชิงเป็นการสอบวัดความสามารถทางด้านภาษาซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องของ strategy ด้วย ก็คือการทำข้อสอบให้ได้คะแนนสูง ๆ บางครั้งความสามารถของผู้เข้าสอบอาจจะไม่ได้สูงตามคะแนนที่ได้ก็เป็นได้

เรื่องนี้เท่าที่พี่โบ้ทเคยได้ยินมาจาก IELTS admin ที่ออสเตรเลีย นักเรียนจากจีนจะเก่งเรื่องพวกนี้มาก บางคนทำคะแนน IELTS ได้สูงมาก 7.5 มั่ง หรือ 8.5 ก็เคยเห็น แต่กลายเป็นว่า หลายคนเรียนไม่รอดซะอย่างงั้น ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยด้วย ประมาณครึ่งนึงเลยทีเดียวที่เรียนไม่รอดด้วยเหตุผลเรื่องของภาษาอังกฤษนั่นเอง

การทำคะแนนให้ได้สูง ๆ โดยที่ไม่ได้มีความสามารถทางภาษาจริงทำได้หรือไม่ ปัจจุบันพี่โบ้ทไม่รู้นะครับ แต่เมื่อก่อนนี่ทำได้ครับ การเรียนรู้กฏเกณฑ์ด้านแกรมม่า คำศัพท์ โครงสร้างประโยค ฯลฯ สามารถนำมาใช้ในการช่วยทำสอบ IELTS ได้

เช่นในข้อสอบ reading part พวกติวเตอร์เก่ง ๆ จะสอนวิธีการดูบทอ่านที่ได้มา
ทุกช่องว่างที่เว้นให้เติมมีตัวชี้แนะเสมอ
ต้องสังเกตุอะไร
ตรงนี้ต้องมองหาอะไร
ตัวเลข วัน หรือเวลา ฯลฯ
ช่องนี้ต้องเติมคำที่เป็น part of speech อะไร
ต่อจาก verb ตัวนี้ต้องตามด้วยอะไร
สำนวนแบบนี้จะมีอะไรมาต่อได้บ้าง ฯลฯ

ทั้งหมดที่ว่ามาคือตัวผู้เรียนก็ต้องมีพื้นฐานทางด้านภาษาระดับนึงด้วยนะครับ นี่เป็นตัวอย่างส่วนน้อยที่พวกติวเตอร์จำนวนนึงมักจะสอนกัน ซึ่งเท่าที่พี่โบ้ทรู้คือเทคนิคพวกนี้มีเยอะมาก พวกนักเรียนจีนมักจะฝึกการใช้เทคนิคพวกนี้เข้ามาทำข้อสอบ แต่ก็นั่นแหละครับ นี่คือการเรียนเพื่อสอบเฉย ๆ เป็นการเรียนแบบผิวเผิน หรือที่ในศาสตร์ด้านการศึกษาใช้คำว่า surface approach ซึ่งไม่ได้สะท้อนความสามารถทางภาษาที่แท้จริง เลยเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมนักศึกษาจำนวนนึงไม่ประสบความสำเร็จทางการศึกษา ด้วยเหตุผลทางด้านการใช้ภาษา ทั้ง ๆ ที่สอบ IELTS ผ่านมาด้วยคะแนนสูงลิ่ว

สิ่งที่พี่โบ้ทเขียนมาเล่าให้อ่านกันนี่ก็อยากจะบอกว่า ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ เพราะบางคนก็น่าสงสารจริง คือสอบ IELTS เท่าไหร่คะแนนก็ไม่ผ่านซักที การฝึกเทคนิคพวกนี้ก็อาจจะช่วยได้บ้างครับ แต่อย่าถามพี่โบ้ทนะว่าไปหาเรียนอะไรแบบนี้ที่ไหนดี

เพราะว่า

ไม่รู้เหมือนกันครับ

แต่ถ้าจะถามหาอาจารย์ที่สอนดี ๆ เน้นการพัฒนาระดับและทักษะการใช้ภาษาแบบยั่งยืน อันนี้แนะนำได้ครับ ช่วงนี้สถานการณ์การศึกษาต่อต่างประเทศอาจไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ แต่ก็เป็นโอกาสที่น้อง ๆ ที่สนใจจะใช้เวลาช่วงนี้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อการสอบ IELTS ทักสอบถามรายละเอียดได้เลยนะครับ Mr. Sam can help. ครับ

Honestly, I thought for quite a long time whether I should share this story or not. After thinking it over, I decided to write about it casually—maybe for fun, or maybe to give you some ideas to try out. I’m not an expert who can teach this kind of method, just someone who knows bits and pieces.
When it comes to taking the IELTS to achieve the score required by universities or colleges for admission, it's not solely a test of language proficiency. Strategy also plays a big role in achieving high scores. Sometimes, a test-taker's actual language ability might not match the score they receive.
Based on what I’ve heard from IELTS admins in Australia, Chinese students excel in these strategies. Some achieve remarkably high scores, like 7.5 or even 8.5. However, a surprising number—about half—struggle academically later on because of English language issues.
Can you get a high score without genuine language proficiency? I’m not sure about now, but it was possible in the past. Learning grammar rules, vocabulary, sentence structures, etc., can help in cracking the IELTS.
For instance, in the reading section, skilled tutors teach students how to analyze the text:
• Every blank space has a clue.
• What should you look for?
• Is it a number, a date, or a time?
• What part of speech fits this gap?
• After this verb, what should follow?
• What can come next in this expression?
All these tricks require a basic level of language understanding. This is just a small example of the numerous techniques tutors often teach. Many Chinese students practice these methods to ace the test. But as I said, this approach focuses on passing the exam and is quite superficial. In educational theory, it’s called the "surface approach" and doesn’t reflect true language proficiency. This explains why some students, despite scoring high on the IELTS, fail academically due to language barriers.
I’m sharing this story as a final option to consider. Some people struggle endlessly to meet the IELTS score requirements, and these techniques might help. But don’t ask me where to learn them—because I honestly don’t know.
However, if you’re looking for good teachers who focus on sustainable language skill development, I can recommend some. With the current challenges in studying abroad, this might be a good time to prepare for the IELTS. Feel free to reach out for details—Mr. Sam can help!

05/11/2024

07/10/2024

โปรฯ ใหม่จาก Ihouse ครับ สนใจสอบถามรายละเอียดได้เลยนะครับ

27/09/2024

#เรียนต่อต่างประเทศ #ศึกษาต่อต่างประเทศ #เรียนIELTS #สมัครสอบIELTS #เรียนต่อออสเตรเลีย #เรียนต่ออังกฤษ #เรียนต่อแคนาดา #ศึกษาต่อออสเตรเลีย #ศึกษาต่ออังกฤษ #ศึกษาต่อแคนาดา #เรียนภาษาอังกฤษ #เรียนภาษา #ยื่นวีซ่านักเรียน #ยื่นวีซ่าท่องเที่ยว #ยื่นวีซ่า