ข่าวก้องสยามน่าน ออนไลน์

ข่าวก้องสยามน่าน ออนไลน์ อัพเดทรวบรวมข่าวสาร บ้านเมืองน่าน ข้อมูล ชัดเจน แน่นอน

21/12/2024
ตรวจค้นพบยาบ้ากลัวถูกจับมีดฟันกัดตำรวจเจ็บ 2เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น.  ขณะที่ พ.ต.ต.ธนดล อินทรประดิษฐ์  ...
20/12/2024

ตรวจค้นพบยาบ้ากลัวถูกจับมีดฟันกัดตำรวจเจ็บ 2

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น. ขณะที่ พ.ต.ต.ธนดล อินทรประดิษฐ์ สว.สส.สภ.เชียงกลาง พร้อมด้วย จนท.ตร.ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันออกตรวจไปในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณถนนภายในหมู่บ้านน้ำคา หมู่ 1 ต.พญาแก้ว อ.เชียงกลาง จ.น่าน ที่เกิดเหตุพบนายสุรพงศ์ ไชยโย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผ่านมา จากนั้นจึงทำการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1
(ยาบ้า) อยู่ในกระเป๋าคาดเอวที่นายสุรพงศ์ คาดเอวอยู่ พบยาบ้า ชนิดเม็ด สีส้มจำนวน 51 เม็ด และพบอาวุธปืนสั้น(แบงค์กัน) จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะรถ ขณะเข้าทำการจับกุม ผู้ต้องหาได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ โดยใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่พกมา ฟันใส่ ร.ต.อ.ธวัชชัย สุขโรจน์บัณฑิต รอง สว.สส.ฯ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ท้อง และใช้ปากกัด จ.ส.ต. สิทธิชัย อิน ทำ ผบ.หมู่.ฯ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปทำการตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหาเพื่อขยายผล ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนอัดลมยาว จำนวน 2 กระบอก และกระสุนปืน จำนวนหนึ่ง จึงทำบันทึกตรวจยึดเป็นของกลาง แล้วนำตัวผู้ต้องหาส่ง ร.ต.อ.พรชัย ระพีพัฒน์
พงส. สภ.เชียงกลาง ดำเนินคดีในข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยไม่ได้รับอนุญาต , เป็นผู้ขับขี่รถเสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามกฎหมายต่อไป

@@@@@@@@@@@

ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
ประชาไทนิวส์ออนไลน์

19/12/2024
ถนนคนเดิน
19/12/2024

ถนนคนเดิน

เที่ยวน่าน ผ่าน 7 อุทยานแห่งชาติ ครอบคลุม 15 อำเภอ เปิดให้ท่องเที่ยวและพักค้างแรม หนาวนี้• อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ต.ดงพญา...
19/12/2024

เที่ยวน่าน ผ่าน 7 อุทยานแห่งชาติ ครอบคลุม 15 อำเภอ
เปิดให้ท่องเที่ยวและพักค้างแรม หนาวนี้

• อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
โทร. 084 483 7240 , 096 697 6954
• อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน
โทร. 087 173 9549
• อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน ต.ยอด อ.สองแคว จ.น่าน
โทร. 089 045 9831 (อช.ถ้ำสะเกิน)
062 383 8643 (แหล่งท่องเที่ยวภูลังกา)
• อุทยานแห่งชาตินันทบุรี ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน
โทร. 065 416 8853
• อุทยานแห่งชาติแม่จริม ต.น้ำปาย อ.แม่จริม จ.น่าน
โทร. 080 679 9070
• อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ต.ศรีษะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน
093 242 2914 ดอยเสมอดาว (ไม่มีโดมขาว)
098 685 3293 ผาชู้/ปลายฟ้า
• อุทยานเเห่งชาติดอยภูคา ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน
โทร. 082 194 1349

ℹ️ สอบถาม ข้อมูลอุทยานแห่งชาติทั้ง 7 แห่ง
ในจังหวัดน่าน ที่คุณจิรภา หิรัญกุล นักวิชาการเผยแพร่
ประจำศูนย์บริการอุทยานแห่งชาติ
ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถนนผากอง ข่วงเมืองน่าน
ตรงข้ามวัดภูมินทร์ โทร. 092 - 480 7545 ( ทุกวัน เวลาราชการ )

ใกล้ที่ไหนไปที่่นั้น ค่ำชมดาว เช้าชมหมอก เดินป่า ดูนก
ย่ำน้ำตก วิ่งเทรล กางเต้นท์ ตั้งแคมป์ ผิงไฟ
โอบกอดธรรมชาติ น่านเหนือจรดน่านใต้

เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่รอคุณมาสัมผัส

💚💚💚
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน
โทร. 054 - 711 217
โทรสาร 054-711 219
page : ททท.สำนักงานน่าน
LINE@ : tat.nan
#น่านพร้อมแล้ว #ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว
#365วันเที่ยวน่าน
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานน่าน

เพลิงไหม้  ห้องแถวเช่า โชดดีดับไว้ทันเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567  เวลา 06.05 น.พ.ต.ท จิรวัฒน์  กองตา  พงส. สภ.ปัว จ.น่าน...
19/12/2024

เพลิงไหม้ ห้องแถวเช่า โชดดีดับไว้ทัน

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 เวลา 06.05 น.พ.ต.ท จิรวัฒน์ กองตา พงส. สภ.ปัว จ.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่ามีเพลิงไหม้ ห้องแถวเช่า บ้านปรางค์ ม.3 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน มีทรัพย์สินเสียหาย จึงรายงานให้ พ.ต.อ.บุญส่ง นิกรเถื่อน ผกก.สภ.ปัว จ.น่าน รุดไปตรวจสอบในที่พร้อมด้วยจนท.ตร.ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเลขที่144/4 และ เลขที่ 144/3 ข้างตลาดเทศบาลปัว บ้านเขตบ้าน ปรางค์ ม.3 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน จากตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจสอบแล้ว เมื่อไปถึงพบรถดับเพลิงของป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลปัวสามารถควบเพลิงได้ สาเหตุตุดังกล่าว เป็นเหตุเพลิงไหม้ห้องครัวหลังบ้านเช่าหรือห้องแถว จำนวน 2 ห้อง ห้องเลขที่ 144/4 มี นายสุวพักตร์ สุทธหลวง อายุ 49 ปี เลขที่ 23 ม.5 ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน พักอาศัยอยู่ ไหม้บริเวณห้องครัวหลังบ้านเป็นเครื่องครัวและ เครื่องนุ่มห่ม ความเสียหายจำนวนหนึ่ง ห้องเลขที่ 144/3 มี นางสุภาพ ม่านหน่อ เลขที่ 215 ม 4 ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน เป็นผู้เช่าพัก เพลิงไหม้ บริเวณหลังห้องเป็นทรัพย์สิน สินค้า และ อุปกรณ์การค้าขาย รวมทรัพย์สินที่เสียหายทั้งหมด เกือบหมื่นกว่าบาท เบื้องต้นเจ้าของห้องไม่ติดใจในความเสียหายของทรัพย์สินจึงให้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสอบสวนดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

@@@@@@@@@@@

ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
ประชาไทนิวส์ออนไลน์

น่าน ! หนุ่มใหญ่ รักขมเผารถ จยย.เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลา 16.28 น. ได้มี นางคนสวย ( นามสมมุติสงวนนามสกุล ) อายุ 5...
18/12/2024

น่าน ! หนุ่มใหญ่ รักขมเผารถ จยย.

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลา 16.28 น. ได้มี นางคนสวย ( นามสมมุติสงวนนามสกุล ) อายุ 53 ปี หมู่ 6 ต.แสนทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน มาพบ พ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อแจ้งควาร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ นายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) ที่ได้จุดไฟเผารถจักรยานยนต์ของผู้แจ้ง จนได้รับความเสียหาย กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ นางคนสวย ( นามสมมุติสงวนนามสกุล ) ผู้แจ้งและนายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันและได้คบหาดูใจกันมาได้ประมาณ 2 ปี โดยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. นายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) ได้มาหาผู้แจ้งที่บ้านพักโดยซื้อสุรามาด้วยมาดื่มกับผู้แจ้ง จนกระทั้งเวลาประมาณ 18.00 น. นายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) จะกลับบ้านพักจึงได้ขอยืมรถจักรยานยนต์ของผู้แจ้งซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านของผู้แจ้ง ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สี ดำ ทะเบียน กษง - 48 พิจิตร แต่นางคนสวย ( นามสมมุติสงวนนามสกุล ) ผู้แจ้งไม่ให้ยืม จากนั้นนายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) ก็ได้เดินออกจากบ้านผู้แจ้งไป ผู้แจ้งจึงได้เข้าไปนอน ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. นางคนสวย ( นามสมมุติสงวนนามสกุล ) ผู้แจ้งได้ยินเสียงนายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) เอะอะโวยวายอยู่ที่หน้าบ้านของผู้แจ้ง และเห็นไฟได้ลุกไหม้รถจักรยานยนต์ของผู้แจ้ง และได้ยินเสียงนายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) เปิดก๊อกน้ำที่อยู่บริเวณข้างๆ บ้านใกล้ที่เกิดเหตุมาดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถจักรยานยนต์จนไฟดับลง จากนั้นนายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล)ได้ตะโกนเรียกให้ผู้แจ้งเปิดประตู แต่ผู้แจ้งไม่ยอมเปิดให้ นายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล)ได้เดินไป ทางด้านหลังบ้านบริเวณหน้าต่างของห้องครัว แล้วได้เข้ามาทางหน้าต่างมานอนในบ้านพักของผู้แจ้ง จนกระทั่งถึงเข้าวันใหม่นายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) จึงได้ออกจากบ้านพักของผู้แจ้งไป
ต่อมาวันนี้ 17 ธ.ค. 2567 จากการสืบสวนสวนสอบสวนรอบรวมพยานหลักฐานแล้วนั้น จึงทราบเป็นที่แน่ชัด
ว่านายหลงรัก ( นามสมมุติสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี หมู่ที่ 6 ต.แสนทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน ได้เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงเผารถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวจริง พ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.
ท่าวังผา จึงได้รับเป็นคคีอาญา โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

- ภาพ : ข่าว ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดน่าน รายงาน
@หนังสือพิมพ์เรื่องจริงผ่านเลนส์

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ พื้นที...
17/12/2024

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ พื้นที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ในวันที่ 16 - 17 ธันวาคม 2567

โดยในวันนี้ เวลา 14.00 น. นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยศาล ทหาร ตำรวจ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และพสกนิกรชาวจังหวัดน่าน เฝ้าฯ ส่งเสด็จ ณ สนามบินน่านนคร

🔸นครน่าน : นครแห่งการศึกษา นครแห่งพระพุทธศาสนา นครแห่งศิลปะวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามและมีชีวิต:::::::::::::::::::::::::::...
15/12/2024

🔸นครน่าน : นครแห่งการศึกษา นครแห่งพระพุทธศาสนา นครแห่งศิลปะวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามและมีชีวิต
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🔸 แม่เจ้าหลวงบัวไหล เทพวงศ์ เป็นชายาคนที่สองของเจ้าพิริยเทพวงษ์ อดีตเจ้าผู้ครองเมืองแพร่
🔸 แม่เจ้าบัวไหล เกิดที่เมืองน่าน เป็นธิดาคนเล็กจากทั้งหมดสี่คนของเจ้าไชยสงคราม
🔸 เจ้าบัวไหล เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ที่เมืองนครน่าน เป็นธิดาคนสุดท้อง(ในจำนวน ๔ คน)ในพระยาไชยสงคราม เชื้อสายเจ้าเจ็ดตน อยู่ทางเมืองพะเยา กับ เจ้านางอิ่นคำ ชาวไทยอง
🔸มีเจ้าเชษฐาและเชษฐภคินีร่วมอุทร ได้แก่
๑. เจ้าจอมแปง (เจ้านางของ ซึ่งเป็นชายาเดิมพระยาไชยสงครามได้ขอไปอุปการะที่พะเยา)
๒. เจ้าเทพรส รสเข้ม (ฝาแฝดชายกับเจ้าจอมแปง)
๓. เจ้านางสามผิว ที่ได้ชื่อว่าสามผิว เพราะมีผิวกายเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เช้า กลางวัน เย็น เป็นสีเขียว แดง และเหลือง (ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรงท้องร่วงตอนอายุ ๑๓ ปี เมื่อต้องตามบิดาลงไปแก้คดี )
๔. เจ้านางบัวไหล
🔸เหตุที่ได้ชื่อว่า"บัวไหล" เพราะตอนที่เกิดนั้น พระยาไชยสงครามถูกเรียกตัวสอบสวนจากเมืองน่านมายังกรุงเทพฯ เนื่องจากต้องคดี เรื่อง ช่วยเจ้าหลวงนครน่าน ยกพลไปกวาดต้อนตีเอาเมืองหัวพันห้าทั้งหกที่แคว้นสิบสองปันนา กวาดต้อนเชลยศึกชาวไทลื้อชาวไทยอง มาไว้ที่เขตนาน้อยเมืองน่าน ทำให้อังกฤษร้องเรียนต่อสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ว่าพระยาไชยสงครามรังแกเมืองขึ้นของพม่า ซึ่งเวลานั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ดังนั้นจึงต้องเดินทางโดยเรือขณะที่น้ำน่านนองเต็มฝั่ง บิดาเลยตั้งชื่อให้ว่า "บัวไหล"
🔸ต่อมาเมื่อพระยาไชยสงครามถูกไต่สวนตัดสินให้ปลดออกจากตำแหน่ง เจ้าไชยสงครามได้อพยพครอบครัวมาอยู่ที่เมืองแพร่ ตามคำชักชวนของเจ้าอินทวิชัย เจ้าหลวงเมืองแพร่ องค์ที่ ๓ แห่งราชวงศ์เทพวงศ์ (พ.ศ.๒๓๗๓-๒๔๑๕) แม่เจ้าบัวไหลจึงได้มาอยู่เมืองแพร่แต่เล็ก จนถึงสมัย เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือ เจ้าหลวงขาเค) เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์ที่ ๔ แห่งราชวงศ์เทพวงศ์ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เจ้าบัวไหลได้รับการศึกษาอบรมเยี่ยงเจ้านายในสมัยนั้น ทั้งการเรียนภาษาไทยล้านนา และด้านขนบธรรมเนียมประเพณี จนทำให้มีจริยาวัตรที่งดงาม เฉลียวฉลาด รอบรู้ทั้งการบ้านการเมือง
🔸 เมื่อเจ้าบัวไหลโตเป็นสาว ได้เสกสมรสกับเจ้าน้อยเทพวงศ์ ซึ่งต่อมาเป็น เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์เทพวงศ์ ภายหลังจากเจ้าน้อยเทพวงศ์ได้เลิกร้างกับเจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาคนแรก ไม่มีโอรสธิดาด้วยกัน
🔸แม่เจ้าบัวไหล และเจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ ได้มีราชโอรส ราชธิดาร่วมกัน ๗ องค์
๑. เจ้ากาบคำ วราราช
๒. เจ้าเวียงชื่น (หรือ เมืองชื่น บุตรรัตน์)
๓. เจ้าสุพรรณวดี ณ น่าน
๔. เจ้ายวงคำ เตมียานนท์
๕. เจ้ายวงแก้ว เทพวงศ์
๖. เจ้าหอมนวล ศรุตานนท์
๗. เจ้าอินทร์แปลง หรืออินทร์แปง เทพวงศ์
🔸 พ.ศ. ๒๔๑๖ แม่เจ้าบัวไหลได้ปักคัมภีร์ด้วยด้ายไหมทองคำถวายวัดไชยอาราม (วัดพระบาทมิ่งเมือง)อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีข้อความบทหนึ่งเขียนว่า "ให้ได้เป็นยอดนารีเทียม ธ ท้าว ตนปราบด้าวธรณีแท้ดีหลีเทอะ" แปลว่า ขอปรารถนาเป็นกษัตริย์ผู้หญิง หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นมเหสีเคียงคู่เจ้าหลวง
🔸พระคัมภีร์โบราณนี้ เป็นตัวอักษรธัมม์ล้านนา สร้างเมื่อปี จ.ศ.๑๒๓๕ (พ.ศ.๒๔๑๖) โดยในขณะนั้นแม่เจ้าบัวไหลมีอายุ ๒๓ ปี
🔸ปัจจุบันผ้าไหมคัมภีร์ดังกล่าวมีอายุ ๑๔๙ ปี
🔸นอกจากนี้ แม่เจ้าบัวไหลได้ปักผ้าม่าน และหมอนขวาน ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆ ถวายรัชกาลที่ ๕ จนเป็นที่โปรดปราน และได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดห้องพิเศษพร้อมทั้งพระราชทานชื่อว่า “ห้องบัวไหล” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเป็นเกียรติประวัติอันสูงยิ่ง เพื่อแสดงถึงเจ้านายสตรีทางเหนือ เป็นผู้มีฝีมือในงานศิลปะปักเย็บอย่างยอดเยี่ยม
🔸ซึ่งคุณสมบัติทักษะด้านการเย็บปักถักร้อย คงได้รับการสืบทอดมาจากแม่เจ้าอิ่นคำ ที่เป็นชาวยอง
🔸แม่เจ้าบัวไหลได้รับการสถาปนาให้ดูแลเมืองแพร่ ก่อนที่เจ้าพิริยเทพวงษ์จะกลับจากราชการที่กรุงเทพมหานคร ชาวเมืองแพร่จึงเรียกขานเจ้าบัวไหลว่า "แม่เจ้าหลวง"
🔸ซึ่งตรงตามคำกราบบังคมทูลของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวไว้ว่า "บัวไหลเป็นผู้หญิงดีในเมืองลาวเฉียง เวลาเจ้านครแพร่ลงมากรุงเทพฯก็ว่าราชการบ้านเมืองแทนสามี"
🔸ในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ แม่เจ้าบัวไหล ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ ๓ ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) (ฝ่ายใน)
🔸แต่ต่อมาวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๔๖ ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องจากกรณีกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ ดังที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๒๐ เพิ่มเติมแผ่นที่ ๒๘ วันที่ ๑๑ ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๒ (พ.ศ.๒๔๔๖) ดังต่อไปนี้
🔸“ประกาศลัญจกราภิบาล ถอดบัวไหลออกจากสามัญสมาชิก ตติยจุลจอมเกล้า ด้วยบัวไหล ภรรยาน้อยเทพวงศ์ ไม่สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งสามัญสมาชิกา ตติยจุลจอมเกล้า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดบัวไหลออกจากตำแหน่งสามัญสมาชิกาเรียกดวงตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืน และลบชื่อเสียจากพวกสามัญสมาชิกา ตั้งแต่วันที่ได้ออกราชกิจจานี้ไป วันที่ ๘ ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๒ (ลงพระนาม) พิทยลาภพฤฒิธาดา”
🔸พ.ศ. ๒๔๕๔ แม่เจ้าบัวไหลเป็นแม่งานใหญ่ในการรับเสด็จสมเด็จพระพันปีหลวงคราวเสด็จเมืองแพร่
🔸แม่เจ้าบัวไหลได้ครองเมืองร่วมกับเจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์เป็นเวลา ๑๓ ปี (พ.ศ.๒๔๓๒ -๒๔๔๕) ก็เกิดการจลาจลกบฏเงี้ยวปล้นเมืองแพร่ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๕ เจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ ต้องหลบภัยไปอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และไม่ได้กลับมาอีกเลย จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยที่นั่น
🔸ส่วนแม่เจ้าบัวไหลพร้อมด้วยบุตรหลานได้อพยพไปอยู่กรุงเทพฯ ตามพระบรมราชโองการ ภายใต้การควบคุมดูแลของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นเวลา ๔-๕ ปี จึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนบ้านเมืองได้
🔸เหตุการณ์กบฏเงี้ยวในเมืองแพร่ในครั้งนั้น ยังผลทำให้ เจ้าแม่เวียงชื่น พระธิดาของเจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ พร้อมด้วยสวามีและข้าทาสในเรือนรวมกว่า ๔๐ ชีวิต ตัดสินใจกินยาตายรวมกันในคุ้ม จนภายหลังคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ได้รับการขนานนามว่าเป็นคุ้มที่เฮี้ยนที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
🔸สำหรับภายหลังเหตุการณ์กบฏเงี้ยว คุ้มเจ้าหลวงมีการเปลี่ยนมือผู้ดูแลไปหลายหน่วยงาน ทำให้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ภายในคุ้ม ว่ามีการพบผ้าไหมอยู่ผืนหนึงที่ยังทอไม่เสร็จ ภายหลังทราบว่าคือ ผ้าไหมที่แม่เจ้าบัวไหล ทอเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็เกิดกบฏเงี้ยวเสียก่อน
🔸ในบั้นปลายของชีวิต แม่เจ้าบัวไหลได้ไปพำนักกับบุตรสาวคนเล็กและบุตรเขย ที่จวนข้าหลวงประจำจังหวัดเชียงราย และได้ถึงแก่อนิจกรรมที่นั่น เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙ รวมอายุได้ ๘๕ ปี
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🔸เรียบเรียงข้อมูล : พระราชนันทวัชรบัณฑิต,รศ.ดร. (ธรรมวัตร ณ น่าน)

4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จัดงานวิ่งเลาะเวียงล้านนาตะวันออก สนามที่ 3 วิ่งเวียงสา จ.น่าน ชิงเงินรางวัลรวม 4 สนามกว่า 720,...
15/12/2024

4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จัดงานวิ่งเลาะเวียงล้านนาตะวันออก สนามที่ 3 วิ่งเวียงสา จ.น่าน ชิงเงินรางวัลรวม 4 สนามกว่า 720,000 บาท
วันที่ 15 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณข่วงเวียงสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เวลา 06.30 น. นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยนางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน และผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดน่าน เข้าร่วมพิธีเปิดกิจกรรม วิ่งเลาะเวียงล้านนาตะวันออก กิจกรรมวิ่งเวียงสา ภายใต้โครงการบูรณาการการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน แพร่)
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน แพร่) โดยสำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดพะเยา ได้กำหนดจัดโครงการบูรณาการการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด กิจกรรมหลัก “วิ่งเลาะเวียง ล้านนาตะวันออก” กิจกรรมวิ่งเวียงสา ณ บริเวณข่วงเวียงสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ขึ้นมาในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาตามความถนัด ตามความสมัครใจ พัฒนาส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ในกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก ส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ตลอดจนสร้างเสริมสุขภาพของผู้มาเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จัดกิจกรรมได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว มีแนวโน้มและทิศทางที่ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพและออกกำลังกายกันมากขึ้น ขณะเดียวกันการจัดกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อการ ท่องเที่ยว ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวของแต่ละจุดหมายปลายทางที่จัดกิจกรรม ทั้งยังเป็นการ พัฒนาด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน กระจายรายได้สู่ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของชุมชน และกระตุ้นภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมวิ่งเวียงสาในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนกว่า 750 คน โดยการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ มาราธอน ระยะทาง 42 กิโลเมตร จำนวน 10 รุ่น ,ฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21 กิโลเมตร จำนวน 10 รุ่น และ วิ่ง Fun RUN ระยะทางไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตร จำนวน 2 รุ่น การแข่งขันวิ่งเลาะเวียงสานี้ เป็นสนามที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค. 67 โดยมีจุดสตาร์ทและเส้นชัยที่ ณ บริเวณข่วงเวียงสา ทั้งนี้ ในระยะ 42 กม. ผู้ชนะลำดับที่ 1-3 ในแต่ละรุ่น จะได้รับเงินรางวัลรวม 120,000 บาท ในระยะ 21กม. ผู้ชนะในลำดับที่ 1-3 ในแต่ละรุ่น จะได้รับเงินรางวัลรวม 60,000 บาท รวมเงินรางวัลในสนามที่ 3 วิ่งเวียงสาเป็นจำนวน 180,000 บาท
สำหรับนักกีฬาที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่
FB: วิ่งเลาะเวียง เมืองล้านนาตะวันออก
https://www.facebook.com/profile.php?id=61565690733307.../บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

14/12/2024
🔸นครน่าน : นครแห่งการศึกษา นครแห่งพระพุทธศาสนา นครแห่งศิลปะวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามและมีชีวิต:::::::::::::::::::::::::::...
14/12/2024

🔸นครน่าน : นครแห่งการศึกษา นครแห่งพระพุทธศาสนา นครแห่งศิลปะวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามและมีชีวิต
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🔹หม่อมเจ้าอุไรวรรณ ทองใหญ่ พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
พระราชโอรส ร.4
🔹เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน พระธิดาในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่าน
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🔸เรียบเรียงข้อมูล : พระราชนันทวัชรบัณฑิต,รศ.ดร. (ธรรมวัตร ณ น่าน)

14/12/2024

🙏🙏 ขอรับบริจาคเลือด ให้กับนายอนุชา เชื้อสารและภรรยา ได้ประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัส ขาขาด ขาหัก แขนหัก เสียเลือดมาก และเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ.น่าน
👉 รับได้ทุกกรุ๊บเลือด แจ้งความประสงค์ว่า บริจาคให้ นายอนุชา เชื้อสาร และภรรยาค่ะ
📌 รพ.น่าน
🙏 ขอขอบคุณพระคุณท่านผู้มีเมตตา ขอให้ท่านจงมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อย่าได้เจ็บป่วย
อนุโมทนาสาธุบุญทุกท่านค่ะ
#ก้องสยามออนไลน์ 13 ธ.ค. 67

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับ “เจาะสนามเลือกตั้ง อบจ.น่าน 2568” กลับมาอีกครั้งกับคอลัมภ์เฉพาะกิจในช่วงเลือกตั้ง อบจ....
14/12/2024

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับ “เจาะสนามเลือกตั้ง อบจ.น่าน 2568” กลับมาอีกครั้งกับคอลัมภ์เฉพาะกิจในช่วงเลือกตั้ง อบจ.น่าน ที่จะถึงนี้ ซึ่ง กกต. ก็ได้ประกาศไปแล้วให้จัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการพูดถึงเรื่อง “การลาออกของ นายก อบจ. ก่อนครบวาระ” ก็มีการพูดในสภาฯ และ นอกสภาฯ ถึงเรื่องดังกล่าวหาก นายก อบจ. มีการลาออก ก่อนครบวาระก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ก็จะทำให้เกิดการเหลื่อมเวลาของการเลือกตั้ง อบจ. นั้นๆ ที่แต่เดิมมีการ อบจ. ก็จะเป็นการเลือกตั้งทั้ง นายก อบจ. และ ส.อบจ. ในคราวเดียวกันเลย แต่ถ้าหาก นายก อบจ. มีการลาออกก่อนวาระในการเลือกตั้งก็จะเหลื่อมกันตลอดไป ซึ่งนั่นก็แปลว่า อบจ. นั้นๆ ก็จะต้องเตรียมงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งไว้ถึง 2 ครั้ง ในปีนั้น เช่น ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าการจัดการเลือกตั้ง อบจ. ที่เลือกทั้ง นายก อบจ. และ ส.อบจ. ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท แต่ถ้าเลือกไม่ตรงกันต้องมีการเลือกตั้งแยกเลือกตั้ง นายก อบจ. ครั้งหนึ่ง ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท แล้วเดือนหน้าเลือกตั้ง ส.อบจ. ก็ใช้งบประมาณอีก 30 ล้านบาท อีกครั้ง ที่เมืองน่านบ้านเราก็เคยมีมาในหลายปีก่อน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนโดยใช่เหตุ เสมือนหนึ่งเป็นการใช้งบประมาณเพื่อคนๆ เดียว
ทำให้มีการแสดงความเห็นทั้งจาก ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส. ฝ่ายค้าน ที่ตรงกัน คือ หาก นายก อบจ. แห่งไหนลาออกก่อนโดยไม่มีเหตุอันควร เห็นควรให้ปลัด อบจ. รักษาการณ์จนครบวาระ และ พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. ฝ่ายพรรคประชาชน ให้ความเห็นว่าควรให้ รอง นายกฯ คนที่ 1 รักษาการณ์แทน และยังมีการให้ความเห็นเพิ่มเติมจาก นายทรงยศ รามสูต ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย ว่า ควรจะต้องให้มีการชดใช้ค่าเลือกตั้งอีกด้วยหากมีการลาออกก่อนครบวาระโดยไม่มีเหตุอันควร เช่น เสียชีวิต หรือ ป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้...!!!!!
ครับนั่นก็เป็นความเห็นของท่าน ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน อาจจะต้องมีการแก้ไขกฏหมายในส่วนนี้ ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
ครับกลับมากันที่เมืองน่านบ้านเรากันครับ ในส่วนของว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.น่าน อัพเดทข้อมูล ณ วันที่นั่งปั่นต้นฉบับอยู่นี้ก็มีผู้เปิดตัวไปแล้ว ดังนี้ นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ อดีต สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดน่าน ทนายความชื่อดัง นายนพรัตน์ ถาวงศ์ นายก อบจ. คนปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ นายเสนอ เวชสัมพันธ์ อดีต รองนายกเทศมนตรีเมืองน่าน ทนายความ พ.ท.อธิวัฒน์ เตชะบุญ (ผู้พันหวิน) ผู้กว้างขวางจากอำเภอเวียงสา และ แฟนการเมืองยังเฝ้ารออีกคนที่จะประกาศตัวเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทย คือ “เจ๊น้อย” สิรินทร รามสูต อดีต ส.ส. น่าน เขต 1 พรรคเพื่อไทย หลายสมัย ที่ว่ากันว่าหาก เจ๊น้อย เปิดตัวลงสมัครวันไหนจะต้องมีทัพหลวงเดินทางมาให้กำลังใจกันแน่น และเชื่อยี่ห้อ “บ้านใหญ่” บ้านนี้ได้เลยว่าถ้าลงแล้ว “ต้องชนะเท่านั้น” และฝีไม่ลายมือในการบริหารก็ไม่ธรรมดา เพราะก่อนจะเป็น ส.ส. ก็เป็นนายกเทศมนตรีเมืองน่าน มาแล้วหลายสมัย ว่ากันว่าหาก “เจ๊น้อย” ลง ก็จะมีผู้มีฝีมือในการทำงานหลากหลายสาขามาช่วยทำงานด้านการบริหาร เพราะ “เจ๊น้อย” เคยเปรยไว้ว่า คนเราจะเก่งและรอบรู้คนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนมีความรู้ความสามารถมากประสบการณ์ในหลายๆ ด้านมาช่วยจึงจะสำเร็จได้
ซึ่งติดตามจากเฟสบุค “สิรินทร รามสูต” และ “ทรงยศ รามสูต” สามี ที่เป็น ส.ส. เขต 1 พรรคเพื่อไทย พบว่า ตอนนี้ “เจ๊น้อย” และ สามี ไปร่วมสัมมนากันทางพรรคเพื่อไทย ที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็มีการถ่ายภาพกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยในภาพมีการพูเคุยกันอย่างชื่นมื่น ซึ่งก็ติดตามจากเฟสบุคของคนใกล้ชิด “jeab kit” นายกฤช ยอดหงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ. เขต 4 อำเภอเมืองน่าน ก็พบว่าเหมือนมีการสั่งให้เตรียมพร้อมอะไรบางอย่างในวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันรับสมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ.น่าน ในวันแรก สอบถามจากแหล่งข่าวใกล้ชิดต่างก็ได้รับคำตอบเดียวกันคือ “ไม่เห็นคุณน้อยปฏิเสธนะครับ” ครับก็ติดตามกันต่อไป
มากันที่เวที ส.อบจ. กันในฝั่งอำเภอภูเพียงกันครับ เริ้มกันที่ เขต 1 พื้นที่ ตำบลฝายแก้ว และ ตำบลเมืองจัง แชมป์เก่าอย่าง พวงแก้ว พรมมิ หนนี้คู่แข่งยังไม่เปิดตัว แต่ทราบแว่วๆ มาว่า อาจจะมีผู้มากประสบการณ์ทำงานด้านท้องถิ่นจากตำบลเมืองจัง และ ผู้มากบารมี ที่อุดมไปด้วยทุนทรัพย์ จากตำบลฝายแก้ว ของลงชิงชัยในสนามนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้แชมป์เก่าอย่าง “พวงแก้ว” อาจจะเก้าอี้สั่นคลอนได้ จากการสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่ชาวบ้านอยากเปลี่ยนเอาคน “ใจถึงพึ่งได้” มาทำงานในพื้นที่นี้...!!!
เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอภูเพียง พื้นที่ตำบลม่วงตึ๊ด ตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง ตำบลน้ำเกี๋ยน และ ตำบลน้ำแก่น แชมป์เก่าอย่าง ทวีทรัพย์ จักริลา หนนี้ไม่ลงสมัครโดยจะเบนเข็มไปลงชิงชัยในสนามเดิมคือ อบต.น้ำแก่น โดยผู้ประกาศตัวลงชัดเจนที่ขึ้นป้ายไปแล้วอย่าง ณัฐนาคินทร์ สิทธิยศ หรือ “ทอย รถแห่” คู่หูต่างวัยกับ “สจ.เจี๊ยบ” กฤช ยอดหงษ์ มือขวา สิรินทร - ทรงยศ รามสูต ส.ส.น่าน เขต 1 พรรคเพื่อไทย น่าจะนำม้วนเดียวจบ เพราะดูแลชาวบ้านในสไตล์ “ใจถึงพึ่งได้” มาเป็นปีก่อนสมัคร.....!!!!!
“สิงห์ท้องถิ่น” รายงาน

ที่อยู่

Nan
55000

เบอร์โทรศัพท์

+66811818641

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ข่าวก้องสยามน่าน ออนไลน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์