Pause Kittisak แรงบัลดาลใจในการสร้างชีวิต

11/08/2021

เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยตัวเอง

การตัดสินใจลงมือทำทุกๆ อย่าง ย่อมเกิดผลลัพธ์ที่ตรงกับเป้าหมายเรียกว่า ความสำเร็จ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดอาจเรียกว่า เป็นประสบการณ์ แทนที่ความล้มเหลวได้หรือไม่

หากเราสามารถฝึกฝนที่จะคิดถึงสิ่งที่ไม่เป็นอย่างที่คาดคิดว่าเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับนำไปพัฒนาตนเอง หรืออย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล แล้วนำประสบการณ์นั้นๆ มาพัฒนาตัวเองต่อไป

คำว่า “ความล้มเหลว” กับ “ประสบการณ์” สามารถแทนที่กันได้

ดังนั้นเราควรเปลี่ยนวิธีคิดของเราเสียใหม่กับเหตุการณ์ที่เราปฏิบัติแล้วเกิดผลลัพธ์ขึ้น โดยจูงใจให้เรากล้าตัดสินใจในหลายๆ เรื่องได้ดีขึ้น และกระตุ้นให้ลงมือปฏิบัติตามสิ่งที่เราคิด เพราะเราจะไม่กลัวความล้มเหลวอีกต่อไป และทุกๆ อย่างจะเป็นประสบการณ์ที่รับคุ้มค่าแน่นอน

12/08/2020

สตีฟ จอบส์ เสียชีวิตลงในขณะที่เป็นมหาเศรษฐี... กับทรัพย์สินที่มีมูลค่าถึง 2แสนกว่าล้านบาท... ด้วยอายุเพียง 56 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับ และนี่คือคำพูดสุดท้ายของเค้า...

ในสายตาของคนอื่น... ชีวิตผมเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างเยี่ยมยอด... แต่นอกจากเรื่องงานแล้ว... ผมมีความสุขสนุกสนานน้อยมาก และในที่สุดแล้ว... ความร่ำรวยก็เป็นเพียงแค่ความจริงในชีวิต เพียงรูปแบบเดียวที่ผมมี

ในตอนนี้... ที่ผมนอนอยู่บนเตียง... ป่วย และระลึกถึงชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด... ผมตระหนักได้ว่า ชื่อเสียง และเงินทองที่ผมมี ไม่ได้มีค่าใดๆกับผมเลย กับในตอนที่ผมใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตนี้

คุณอาจจะจ้างใครมาขับรถให้คุณนั่งได้... จ้างใครสักคนมาทำเงินให้กับคุณได้... แต่คุณไม่สามารถเช่าใครสักคน ให้มาแบกโรคภัยไข้เจ็บให้กับเราได้

เราอาจจะหาวัตถุสิ่งของทั้งหลายได้... แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถหามาเมื่อเราสูญเสียมันไปได้ นั่นก็คือ - "ชีวิต"

ดูแลตัวเองให้ดี... และชื่นชมยินดีกับผู้อื่น เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เราจะฉลาดปราดเปรื่องขึ้น... และเราจะค่อยๆระลึกได้ว่า

นาฬิกา ไม่ว่าจะราคาเรือนละ 900 บาทหรือ เรือนละ 9,000 บาท ต่างก็บอกเวลาเหมือนๆกัน

ไม่วาเราจะขับรถคันละ 4 ล้านหรือรถคันละ 9 แสน
ถนนและระยะทางก็ยังเท่าเดิม และเราไปถึงจุดหมายปลายทางเดียวกันได้

ความสุขจากภายในไม่ได้มาจากสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆในโลกนี้ ไม่ว่าจะบินชั้นเฟิร์สคลาส หรือชั้นประหยัด ถ้าเครื่องบินตก เราก็ตกด้วยกันทั้งลำ"
ดังนั้นแล้ว... ผมจึงหวังว่าคุณจะเข้าใจว่า เมื่อคุณมีเพื่อนๆ หรือใครสักคนเอาไว้พูดคุยด้วย - นั่นคือความสุขที่แท้จริง!

5 สิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้

1. อย่าสอนลูกหลานแค่เรื่องความรวย แต่ให้สอนพวกเค้าให้มีความสุข - เมื่อพวกเค้าเติบโตขึ้น พวกเขาจะรู้คุณค่าของสิ่งต่างๆ... ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา

2.จงกินอาหารให้เป็นยา... ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะต้องกินยาแทนอาหาร

3. ใครก็ตามทีรักคุณจริงๆ จะไม่ทอดทิ้งคุณ... แม้ว่าเค้าจะมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันอย่างที่จะทิ้งคุณไป แต่เค้าก็จะหาเหตุผลเพียงข้อเดียวที่จะอยู่ต่อ

4.มันมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนมากๆ ระหว่างการเป็นมนุษย์ กับการเป็นแค่คนๆหนึ่ง

5.ถ้าอยากไปได้เร็ว ให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากไปได้ไกล ให้ไปด้วยกัน (สุภาษิตของชาวแอฟริกัน)

และในท้ายสุดนี้

หมอที่ดีที่สุด ทั้ง 6 อย่างในโลกนี้คือ...

1.แสงอาทิตย์
2.การพักผ่อน
3.การออกกำลังกาย
4.การควบคุมอาหาร
5.ความมั่นใจในตนเอง
6.เพื่อนฝูง

จงรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ดีในทุกช่วงของชีวิต และมีความสุขกับชีวิตที่มีสุขภาพที่แข็งแรง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงชีวิตไหนในตอนนี้... เมื่อกาลเวลาผ่าน... เราจะต้องเผชิญหน้ากับวันที่ม่านแห่งชีวิตเราได้ปิดลง

ทนุถนอมความรักที่มีต่อครอบครัว... ความรักที่มีต่อคู่สมรส... ความรักที่มีต่อมวลมิตรไว้...

ดูแลตัวเองให้ดี ชื่นชมยินดีต่อผู้อื่น

10/06/2020

วันนี้มาเล่นเกมส์กันครับ

ใครตอบคำถามได้ดีและคิดต่างที่สุด 6 คน
มีของรางวัลแจกนะครับ มี 6 รางวัล

1.กาแฟอาราบิก้าคั่วบด สูตรพิเศษ 250 กรัม จำนวน 2 รางวัล

2.ชาเขียวมะลิ Organic จากดอยอ่างขาง 1 กก. จำนวน 2 รางวัล

3.กาแฟอาราบิก้าคัวบดสำหรับสคับผิว จำนวน 2 รางวัล

#กติกา

1.กด Like กดติดตาม แชร์โพสต์ 5 กลุ่ม
2.ตอบคำถาม

คำตอบไหนโดนใจและคิดต่างที่สุดรับรางวัลไปเลยครับ

ไม่ว่าจะคิดอะไร ให้คิดตรงกันข้าม
Whatever You Think, Think the Opposite

- Pors Kittisak -

08/06/2020

มีนักธุรกิจผู้หนึ่งจบปริญญา ทาง MBA จาก Havard หลังจากที่เขาออกมาทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ร่ำรวยมหาศาล เมื่อมีเวลา เขาก็มักจะเดินทางไปพักผ่อนที่ชายทะเล
วันหนึ่งขณะที่ เขากำลังนอนอาบแดดอยู่ที่ชายหาดนั้นเอง เขาก็เหลือบ ไปเห็นชายหาปลาผู้หนึ่ง กำลังนั่งตกปลาอยู่ สักพักชายหาปลาผู้นั้นก็ลุกเดินผ่านเขาไป นักธุรกิจรีบทัก
ลุง ๆ ตกปลามาได้กี่ตัวละชายหาปลาก็ เปิดถังใส่ปลาที่เขาหามาได้ให้ดู ข้างใน ก็มีปลาอยู่สี่ตัว แล้วบอกว่า ก็ได้มาสี่ตัว กะว่าจะเก็บไว้กิน สองตัว เอาไปแจกเพื่อนฝูง สักตัว เหลืออีกตัวก็ว่าจะเอาไปขายที่ตลาด
แล้วกว่าจะจับปลาได้สี่ตัวนี่นานหรือปล่าวละ นักธุรกิจถาม
อ๋อ ไม่นานหรอก พักเดียวแหละ ชายหาปลาตอบ
อ้าว แล้วเวลาที่เหลือ ลุงทำอะไรละ
ก็นอนพักผ่อน ตื่นมาก็เดินเล่นคุยกับเพื่อนพอหิวก็มานั่งตกปลานี่แหละ
นักธุรกิจรีบออกความเห็น ทำไมลุงไม่ทำอย่างนี้ละ แทนที่จะจับปลาสามสี่ตัว ลุกก็จับให้มันเยอะๆหน่อย แล้วก็เอาไปขายที่ตลาด พอได้ เงินมา ลุงก็เอาเงินไปซื้อเรือสักลำ เพื่อจะได้ออกไปจับปลากลางทะเล จะได้ได้ปลามาเยอะๆ
แล้วยังไง ลุงหาปลาถามแทรก
ก็พอได้ปลามาเยอะๆ ลุงก็เอาไปขาย ได้เงินมามากเข้ามากเข้า ลุงก็ซื้อเรือลำใหญ่ขึ้นหลายๆ ลำ เพื่อจะได้จับปลาได้มากขึ้น
แล้วยังไง ลุงหาปลาถามอีก
ทีนี้ลุงก็ต้องสร้างตู้แช่แข็งเป็นของตัวเองลุงจะได้เอาไว้เก็บปลาที่หามาได้ ไม่เสียของ จะได้เก็บไว้ขายได้ ถ้าขายไม่หมดลุงก็ตั้งโรงงานปลากระป๋องเพื่อแปรรูป ก็จะนำกลับไปขายได้อีก
แล้วยังไง ลุงหาปลาถามอยู่คำเดียว
อ้าว จะยังไงลุงก็จะร่ำรวยมีเงินทองเหลือใช้จนไม่ต้องทำงานอีกต่อไป ลุงก็จะมีเวลามาพักผ่อนชาย หาดเหมือนผมตอนนี้ ว่างๆ ลุงก็เดินไปคุยกับเพื่อน ตกปลาเล่นบ้างนอนพักผ่อนบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป
"หึ หึ" ลุงหาปลาไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเงียบอยู่ในใจ
.
จากนิทานเรื่องเศรษฐีกับลุงตกปลา
เราจะเห็นได้ว่า บางครั้งเราอาจต้องเลือกระหว่างทำให้ชีวิตยากเพื่อสุขสบาย กับไม่ต้องหาเงินแล้ว
ใช้ชีวิตสุขสบาย
หลายคนติดกับดักของสังคม หลงคิดว่าลุงนักตกปลาไม่มีเงิน ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ลุงนักตกปลาอาจจะสร้างรายได้จากการเอาปลาไปขายที่ตลาดนัด หรือเขียน E-book เปิด Channel บน Youtube สอนตกปลาเพื่อหาเงินค่าโฆษณา หรือจัดคอร์สเล็กๆเพื่อช่วยให้เศรษฐีที่อยากตกปลาแต่ทำไม่เป็นได้ริเริ่มโดยมีผู้เชี่ยวชาญอย่างลุงสอนก็ได้
คุณเคยรู้ไหม..
ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่นเกมส์แล้วอัดวีดีโอผ่าน Youtube จนสามารถสร้างเงินหลายล้านเหรียญได้
หญิงสาวเกาหลีคนหนึ่งกินข้าวผ่าน VDO Conference จนมีรายได้เดือนละ 300,000 บาทไทย
เด็กคนหนึ่งเขียนบล็อคและขายหนังสือจนมีรายได้หลักหมื่นโดยไม่ต้องออกจากบ้าน
ชายคนหนึ่งสร้างธุรกิจและขายสินค้าผ่านโลกออนไลน์โดยไม่ต้องเช่าพื้นที่ในห้างราคาแพง
ชายคนหนึ่งเดินทางเที่ยวรอบโลก และเอาการเดินทางนั้นขายโฆษณาให้กับสปอนเซอร์
ฯลฯ
ยุคนี้คือยุคที่คุณสามารถเลือกเป็นเศรษฐีและนักตกปลาได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องเลือก หมดสิ้นแล้วที่ว่าทำงานให้เกือบตายก่อนแล้วค่อยสบายทีหลัง ทำไมคุณจะต้องเสียอะไรไปอย่างเพื่อให้ได้อะไรไปอย่างด้วย ในเมื่อทั้งสองอย่างมันสามารถได้มาพร้อมกัน
ทบทวนจุดหมายปลายทางของชีวิตที่คุณอยากจะไปให้ดี คนเราเกิดมาแป็ปเดียวก็อายุ 30 แล้ว เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ
#จงทำในสิ่งที่คุณอยากทำ

- PorsKittisak -

29/05/2020

มีไหมใคร..ที่เกิดมาแล้วหัวเราะก่อนร้องหั้ย
มีไหมใคร..ที่ฝึกเดิน โดยที่ไม่เคยล้ม
มีไหมใคร..ที่ฝึกปั่นจักรยานได้โดยไม่เคยล้ม
มีไหมใคร..ที่ฝึกกินข้าวครั้งแรกไม่มีข้่าวหกเลย
มีไหมใคร..ที่เขียน "ฮ" เป็นก่อนเขียน "ก"
มีไหมใคร..ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยร้องหั้ยเลย
เราจะเห็นได้ว่า..ชีวิตคือการรวบรวมความล้มเหลว
และทุก ๆ บนโลกใบนี้ล้วนเคยล้มเหลว
คนที่มีความสุข คือคนที่นำความล้มเหลวเหล่านั้นมาสร้างเป็นบันไดแล้วก้าวเดินต่อไป
หากคุณเจอความล้มเหลว
นั่นหมายความว่าคุณมาถูกทางแล้ว
จงจำไว้ว่า..ความล้มเหลวคือครูที่ดีที่สุด
และไม่เคยมีใครที่ไม่เคยล้มเหว จงเรียนรู้จากมัน

- pors kittisak -

26/05/2020

เรามักจะได้ยินประโยคที่ว่า.."โชคชะตาฟ้าลิขิต"

มันทำให้หลายๆคนเชื่อว่า...ชีวิตเราได้ถูกกำหนดมาแล้ว

เมื่อเราต้องเผชิญกับชะตากรรมบางอย่าง

เราก็ยอมจำนนและปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามนั้น..

แต่คุณเคยเชื่อไหมว่า

เราสามารถที่จะมีชีวิตในแบบที่เราต้องการได้

ท่านมหาตะมะ คานธี ได้กล่าวไว้ว่า...

#ความเชื่อ ของคุณ จะกลายเป็น ความคิด ของคุณ

#ความคิด ของคุณ จะกลายเป็น คำพูด ของคุณ

#คำพูด ของคุณ จะกลายเป็น การกระทำ ของคุณ

#การกระทำ ของคุณ จะกลายเป็น นิสัย ของคุณ

#นิสัย ของคุณ จะกลายเป็น คุณค่า ของคุณ

#คุณค่า ของคุณ จะกลายเป็น #โชคชะตาของคุณ


เราไม่รู้หรอกว่า...โชคชะตาฟ้าลิขิต...มาแล้วหรือไม่

เรารู้แต่ว่า...เราสามารถกำหนดโชคชะตาชีวิตเราใหม่ได้

ด้วยการกลับไปพิสูจน์ความเชื่อเพื่อปรับเปลี่ยนความคิด

เปลี่ยนแปลงการกระทำ เปลี่ยนแปลงนิสัย

และวันหนึ่งสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนชีวิตของเรา

เราคือผู้กำหนดโชคชะตาของเราเอง

- Pors Kittisak -

12/05/2020

ทุก ๆ เหตุการณ์ ไม่ว่าจะดีจะร้าย สุขหรือทุกข์
ทุก ๆ เหตุการณ์ เป็นบทเรียนที่ดีของเรา..
หากคุณต้องการมีความสุข จงเริ่มจากการเปลี่ยน
ความคิด และสร้างความสุขเล็ก ๆ ให้ตัวเองทุกวัน

Pors Kittisak

11/05/2020

บริษัทผลิตยาสีฟันเเห่งหนึ่ง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนมาก ว่าพวกเขาได้รับกล่องยาสีฟันเปล่าที่ไม่มียาสีฟันอยู่ข้างใน
เมื่อทาง CEO ของบริษัทได้รับทราบเรื่องนี้ จึงรีบเรียกฝ่ายวิศวกรเข้ามาประชุมเพื่อหาทางเเก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น !
หลังจากประชุมกันอยู่นานก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า “ในกระบวนการสุดท้ายก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกไปขายนั้น กล่องยาสีฟันทั้งหมดจะวิ่งผ่านด้วยสายพานความเร็วสูง มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจพบกล่องยาสีฟันที่ไม่มีหลอดอยู่”
เมื่อ CEO รู้อย่างนั้น จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องชั่งความเร็วสูงราคา 250 ล้าน มาติดตั้งไว้ที่ปลายสายพาน เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนักกล่องยาสีฟันที่วิ่งผ่านด้วยความเร็วสูงได้ทัน
เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ถ้าเครื่องชั่งน้ำหนักตรวจพบว่ามีกล่องเปล่าหลุดรอดออกมา สายพานจะหยุดทันที เพื่อให้คนงานเดินมาคัดกล่องเปล่านั้นออก แล้วค่อยกดปุ่ม reset ให้สายพานทำงานต่ออีกที
หลังจากที่ติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักนี้ ผลที่ออกมานั้นเป็นที่พอใจมาก เพราะบริษัทไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าอีกเลย
หลังจากผ่านไป 1 เดือน CEO ก็ได้รับรายงานสรุปเเผนการผลิตอีกครั้ง เเต่เขาก็ต้องเเปลกใจเพราะในรายงานระบุว่า “เครื่องชั่งสุดไฮเทคนี้ไม่เคยตรวจพบกล่องเปล่าเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว”
CEO ท่านนี้จึงขอเข้าไปตรวจดูโรงงานสักหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเครื่องชั่งราคา 250 ล้าน ไม่ตรวจพบกล่องเปล่าเลย
เมื่อ CEO เดินทางไปถึงโรงงาน เขาก็พบกับพัดลมตัวเล็กๆ ราคา 250 บาท วางอยู่ที่ใกล้ๆเครื่องชั่ง ราคา 250 ล้าน
CEO จึงเดินเข้าไปถามคนงานว่า “คุณเอาพัดลมมาตั้งไว้ตรงนี้ทำไม ?“
คนงานจึงตอบว่า "ผมใช้พัดลมตัวนี้ เป่ากล่องเปล่าออกไป เพราะว่าถ้ามีกล่องเปล่าผ่านเข้าไปตรงเครื่องชั่งตัวนี้ สายพานจะหยุดการทำงาน ซึ่งเขาขี้เกียจเดินไปกดปุ่ม reset ใหม่”
CEO ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ เพราะเขาเพิ่งจัดการกับปัญหานี้ไปด้วยเงิน 250 ล้าน เเต่คนงานกลับเเก้ปัญหาเดียวกันด้วยเงินเพียง 250 บาท
หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงเเค่ ”เส้นผมที่บังภูเขา” เเต่กลับมองไม่เห็น เพราะการนั่งเเก้ปัญหาอย่างเดียวนั้นไม่อาจทำให้เข้าใจเรื่องหน้างานที่เกิดขึ้นได้อย่างเเท้จริง !

จากหนังสือ คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดเเค่ปากซอย

- Pors Kittisak -

10/05/2020

#ถึงคนที่คิดว่าตัวเองทำได้หลายอย่าง
#แต่ไม่สุดสักทาง #มนุษย์เป็ด

บนโลกนี้...มีหลายๆคน
ที่เกิดมาพร้อมกับความหลงใหลในอะไรบางอย่าง
และมุ่งทำสิ่งนั้นจนชำนาญ
และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสายนั้นอย่างโดดเด่น

แต่ก็มีอีกหลายๆคน…ที่ถ้าถามว่า…
คุณเก่งอะไรเป็นพิเศษ
จะตอบคำถามนี้ไม่ถูก…เพราะก็ทำได้หลายอย่าง
ถ้าจะให้ตอบว่าเก่งอะไรเป็นพิเศษน่ะหรอ..ก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน

หลายๆครั้ง เราจะได้ยินประโยคที่ว่า…
เวลาจะทำอะไรอย่าทำเหมือน "เป็ด"
จะทำอะไรก็ทำเฉพาะด้านไปเลย มุ่งมั่นทางอย่างเดียวไปเลย

และการเป็น Specialist ในทางหนึ่ง ดีกว่าทำเป็นหลายๆอย่าง แต่ไม่ชำนาญขั้นสุดซักอย่าง

คำถามก็คือ… มันดีกว่า จริงๆเหรอ …?

ปัญหานี้ เอมิลี่ (Emilie Wapnick)
นำมาพูดในเวที TED TALK ซึ่งมีคนดูกว่า 7 ล้านคน

เธอบอกว่า หลายๆครั้งเราได้รับแรงกดดันจากความเชื่อทางสังคม ให้หาตัวตนเพียง "หนึ่งเดียว" ของตัวเองให้เจอ ด้วยคำถามยอดฮิตที่ทุกคนต้องเคยถูกถาม
"โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร ?"

แล้วพอคำตอบของคุณหนูๆ มีมากมายหลายอย่าง เช่น

"หนูอยากเป็นจิตแพทย์ และอยากเป็นนักไวโอลีนด้วย"

ผู้ใหญ่ก็มักให้คำตอบว่า
"ไม่ๆ… หนูไม่สามารถเป็นสองอย่างในเวลาเดียวกันได้หรอกนะ หนูต้องเลือกสักอย่าง " และความเชื่อแบบนี้ก็ถูกฝังต่อๆกันมา


พอมีความเชื่อแบบนี้… คนกลุ่มที่ยังไม่ได้ปักหลักกับการทำอะไรแค่อย่างหนึ่ง เลยมักจะรู้สึกผิดกับตัวเอง

เอมิลี่เล่าว่า… เธอเองก็เป็นคนที่ ไม่เคยทำอะไรจริงๆจังได้หลาย ๆ ปีเลย ทุกครั้งที่เธอสนใจอะไร เธอจะทุ่มเทกับมันได้ซักระยะ หลังจากนั้นจะเริ่มเบื่อ แล้วไปสนใจอย่างอื่นแทน เป็นแบบนี้ปีแล้วปีเล่า จนเธอรู้สึกว่า การเป็นคนแบบนี้ คือคนทำอะไรไม่สำเร็จ ยอมแพ้เร็วเกิน Focus อะไรไม่ได้ซักอย่าง

แต่สุดท้ายเธอก็ค้นพบว่า "…มันไม่จริง"

เอมิลี่ ยอมรับว่า… จริงอยู่อาจมีหลายๆคนเกิดมาเพื่อเป็น Specialist (เชี่ยวชาญ) ในทางๆหนึ่งไปเลย

แต่ก็มีอีกหลายๆคนที่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรได้หลายๆอย่าง
มีความสนใจหลายอย่าง และไม่อยากจมปลักอยู่กับแค่สิ่งๆเดียว
เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "Multipotentialite"


และคนกลุ่มนี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

เธอได้ยกตัวอย่าง ดร.บ็อบ ชายส์ ที่เป็นทั้งช่างซ่อมเครื่องสาย และนักบำบัดจิต

และก็อีกหลายคนดังๆ เช่น ริชาร์ด แบรนด์สัน ที่ทำทั้งธุรกิจสายการบิน ฟิตเนส และดนตรี ซึ่งดูแล้วแต่ละอย่างไม่เกี่ยวข้องกันเลย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Timferris ที่หลายคนรู้จักในนามนักเขียนหนังสือชื่อดังอย่าง 4 Hours work week แต่ที่คนไม่รู้คือ Tim เป็นนักเต้น Tango และเป็นนักกีฬา Kick boxing อีกด้วย


แน่นอนว่า.. การทุ่มเททำอะไรอย่างเดียวไปเลย อาจมีข้อดีหลายอย่าง
แต่การทำหลายๆอย่าง อย่าง Mutipotentialite ก็มีข้อได้เปรียบหลายๆอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน

และถ้าคนกลุ่มนี้รู้จุดแข็งของตัวเอง และปรับไปใช้ ก็จะเกิดประโยชน์มากมาย และนี่ก็คือ….

3 ข้อได้เปรียบของมนุษย์สาย Multipotentialite

1.เป็นนักสร้างสรรค์ไอเดียที่ดี
เพราะเคยทำมาหลายอย่าง มีประสบกาณ์หลากหลายด้านกว่าคนอื่น ถ้าพยายามสังเกตสิ่งที่เคยทำมาดีๆ จะมุมมองที่แตกต่าง ค้นเจอเอกลักษณ์หรือเสน่ห์ของแต่ละสิ่ง ซึ่งเอามาประกอบร่างกันได้ จะเกิดเป็นไอเดียแบบใหม่ได้มากมายและน่าสนใจทีเดียว


2.เรียนรู้ได้รวดเร็วกว่า
เพราะว่า คนประเภทนี้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดอยู่แล้ว ซึ่ง Skill บางอย่างที่เคยเรียนมา (แม้จะเป็นสมัครเล่น) แต่ก็กลายเป็นพื้นฐานใน Skill อีกอย่างได้
แปลว่าเค้าไม่ต้องเริ่มจาก 0 สามารถต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว


3.ปรับตัวเก่ง
เพราะ สนใจหลายด้าน เจอคนหลายกลุ่ม ผ่านสถานการณ์มาหลายรูปแบบ ทำให้มีทักษะพร้อมปรับตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นอะไรที่เหมาะกับโลกยุคนี้มากๆ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน คนที่เตรียมพร้อมปรับตัวอยู่ตลอด จะได้เปรียบคนอื่น


พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว…มีใครคิดว่าตัวเองเป็นสาย Multipotentialite บ้างไหม


จริงๆแล้วโลกเราก็มีคนหลากหลาย แต่ไม่ว่าใครจะเป็นยังไง
ทุกคนล้วนมีข้อดีของตัวเอง "สำคัญคือต้องรู้ตัวเอง "

เมื่อรู้จักตัวเองแล้ว จะได้ใช้จุดแข็งของตัวเองได้ถูกที่ถูกทาง และเมื่อนั้น เราจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว


เครดิต : อาเหลียง

Pors Kittisak

09/05/2020

อายุเฉลี่ยของมนุษย์เท่ากับ 60 ปี
นั่นหมายความเราจะมีเวลาอยู่บนโลกใบนี้เพียง
สองหมื่นกว่าวัน แล้วตอนนี้คุณใช้เวลาบนโลกนี้ไปแล้วกี่วัน ?
:
ถ้าคุณอายุ 25 ปี
คุณก็ใช้เวลาไป 9,000 กว่าวันบนโลกใบนี้
หากถามว่าเวลาที่ผ่านมา เราใช้ไปโดยมีจุดมุ่งหมายหรือไม่
เราจะมีคำตอบให้ตัวเองยังไง
:
หากคุณยังไม่ได้นับเวลาที่เหลือบนโลกนี้ของคุณ
ลองหยิบโทรศัพท์หรือเครื่องคิดเลขของคุณขึ้นมา
เอา 60 ลบอายุคุณตอนนี้ คุณด้วย 365 วัน
และนั่นคือเวลาที่เหลือของคุณ
:
เรามีอะไรที่ทำไปแล้วมากมาย
และก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ
:
มีหลาย ๆ คนที่ค้นพบตัวเอง
แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย
:
มีหลาย ๆ คนที่ค้นพบความฝันของตัวเอง
มีหลาย ๆ คนทีกำลังลงมือทำ
แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่กล้าที่จะฝัน
กล้าที่จะลงมือทำ
:
ไม่ว่าวันนี้คุณจะเป็นคน ๆ ไหน จงอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การที่เราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
:
โลกหมุนรอบตัวเองทุกวัน…ไม่มีวันไหนที่มันหมุนย้อนกลับ ซึ่งก็เหมือนเข็มนาฬิกา ที่เดินไปเรื่อยๆ เราทุกคนมีเวลาจำกัด
:
จงทำในสิ่งที่คุณต้องการ จงทำในสิ่งที่คุณรัก
จงอย่ากลัวความผิดพลาด เพราความผิดพลาดจะเป็น
ประสบกาณ์ที่มีค่าของคุณ จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า
:
หากวันสุดท้ายมาถึง คุณจะไม่เสียใจภายหลังที่ได้ทำมัน
ก่อนที่เวลาของคุณจะหมดไป จากโลกใบนี้…

:
----------------
Pors Kittisak

04/05/2020

เหนื่อยไหมครับ

อดทนนะครับ แล้วเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

หากคุณท้อแท้ หมดกำลังใจ คุณต้องสู้นะ

ผมเชื่อว่า..วิกฤตินี้จะเป็นบทเรียนที่ดีให้กับพวกเรา

:

ในขณะที่

หลาย ๆ คนตกงาน

แต่ก็ยังมี

หลาย ๆ คนที่ค้นพบตัวเอง

หลาย ๆ คนที่ได้อาชีพใหม่

หลาย ๆ คนได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

หลาย ๆ คนได้ลองทำอาหารขาย

หลาย ๆ คนทดลองปลูกผักกินเอง

หลาย ๆ คนเอาเวลานี้ไปเรียนการทำเกษตร

หลาย ๆ คนได้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน

หลาย ๆ คนเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ กลับกลายเป็นคนดีของครอบครัว

หลาย ๆ คนได้รู้จักตัวเอง รู้ความฝันตัวเอง

หลาย ๆ คนใช้ชีวิตระวัดระวังมากขึ้น

หลาย ๆ คนจากบ้านมาทำงานไม่มีโอกาสกลับบ้าน
ได้กลับบ้่านไปอยู่กับครอบครัว

หลาย ๆ คนออกมาแจกอาหารเพื่อช่วยเหลือคนอื่น

หลาย ๆ คนทำแมส ทำหน้ากากแจกคุณหมอ แจกพยาบาล

หลาย ๆ คนช่วยกันบริจาคเงิน สิ่งของ ข้าวสาร ให้คนที่เดือดร้อนกว่่า

:

วันนี้โลกอาจยังไม่มีวัคซีนที่สามารถรักษาไวรัสนี้ได้

แต่หากเราทบทวน เรามองสิ่งดี ๆ ของวิกฤตินี้

สิ่งนั้นอาจจะเป็นวัคซีนที่ช่วยรักษาจิตใจของเรา

จิตใจที่เบิกบาน จะนำมาซึ่งความสุขและปัญญา

:

ขอให้ทุก ๆ คนผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างมีสติ

มองหาโอกาส มองหาสิ่งดี ๆ จากวิกฤตินี้ให้เจอ

แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน

- Pors Kittisak -

28/04/2020

ทุก ๆ คนอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า..

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

แต่ก็ยังมีอีกคำพูดที่ว่า..

ทุกพยายามใช่สำเร็จ แต่ทุกสำเร็จเกิดจากพยายาม

แล้วสรุปอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง . . .

ในความเป็นจริงนั้น ในความพยายามของทุก ๆ คน

มันมักจะมีคนที่ "ทำ" แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง

คนที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ คนที่ล้มเหลว

นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาพยายามไม่พอหรือว่าเค้าไม่เก่ง

แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าสิ่ง ๆ นั้น มันอาจจะไม่ใช่

สิ่งที่เกิดมาเพื่อเขาก็เป็นได้ . . .

ลองทบทวนว่า..ที่ผ่านมา คุณได้พยายามทำบางสิ่งบางอย่าง

ทำทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ไหม . .

วันนี้หากคุณกำลังทำแบบนั้นอยู่ ผมอยากบอกคุณว่า..

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามจงอย่าพยายามซี้ซั้ว อย่ามุ่งมั่นซี้ซั้ว

เพราะคุณจะเสียเวลาไปทั้งชีวิต สิ่งไหนไม่ใช่ คือไม่ใช่

ทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นอะไรสักอย่าง จงหามันให้เจอ..

ทบทวนตัวเอง พัฒนาตัวเอง หากคุณขาดแรงบัลดาลใจ

คุณลองหลับตาแล้วตอบคำถามกับตัวเองว่า..

หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

คุณจะใช้เวลาที่เหลือทำอะไร ..

ธรรมชาติไม่เคยสร้าง

ให้ใครบนโลกใบนี้ไร้ค่า นอกจากตัวของเราเอง..

- PORS KITTISAK -

24/04/2020

20/04/2020

1. มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย

2. มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ

3. มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก

4. มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว

5. มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี

6. มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

7. มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต" ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง

มีหลายคนบอกว่า เมื่อไหร่ COVID-19 จะจบๆ ไปเสียที จะได้กลับไปใช้ชีวิต "เหมือนเดิม" ได้ไปเที่ยว ได้ไปกิน ได้ไปสังสรรค์

ถ้าเป็นแบบนี้ แปลว่าเราอาจจะไม่ได้ "เรียนรู้" จากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนี้เลย หาก COVID-19 ผ่านไป ขอให้ทุกคนตั้งมั่นว่า เราจะไม่ใช้ชีวิต "เหมือนเดิม" อีก

เราจะใช้ชีวิตให้ "ดีขึ้น" ใช้ชีวิตอย่างมี "คุณค่า" มากขึ้น โดยการมีความสุขง่ายๆ สุขจาก "สิ่งที่เรามี" ในชีวิต ทำดีที่สุดกับ " คนที่เรารักและรักเรา" เก็บ "เงินสำรอง" ไว้บ้างในชีวิต และที่สำคัญ "ช่วยเหลือผู้อื่น" ในทางที่เราช่วยได้

มีคนบอกว่า COVID-19 ทำให้โลกของเราจะไม่มีวัน "เหมือนเดิม" แต่เราก็จะบอกว่า เราก็ไม่มีวันเหมือนเดิมเช่นกัน เพราะชีวิตเรานับจากนี้ มีแต่จะ "ดีขึ้น" และ "ดีที่สุด" ในแบบที่ชีวิตของเราจะเป็นได้

#ขอบคุณผู้เขียนบทความดีๆ

18/04/2020

:

เด็กคนหนึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น ทำให้เขาพูดไม่หยุด เล่นซนเคลื่อนไหวไปมาตลอด ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ฟังครูสอนในห้องเรียนได้ และมีปัญหาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอ ครูประจำชั้นเอือมระอาจนถึงขั้นไปกับแม่ของเด็กว่า...

:

เขาดูไม่มีพรสวรรค์ใด ๆ เลย ให้อยู่นิ่ง ๆ หรือหยุดพูดก็ไม่ได้ลูกชายของคุณคงไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้ ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม

:

แม่ของเขาพยายามหากิจกรรมให้ลูกทำ เพื่อปลดปล่อยพลังงานของเขาออกมา เด็กคนนี้จึงได้เริ่มเรียนว่ายน้ำตอนอายุ 7 ขวบ การว่ายน้ำทำให้เขารู้สึกสงบและมีความสุข มันจึงกลายเป็นกิจกรรมโปรดของเขา

:

เด็กหนุ่มซ้อมหนักขึ้นและหนักขึ้นจนจุดหนึ่งการว่ายน้ำกลายเป็นชีวิตของเขา เขาอยู่ในสระปีละ 365 วัน ในขณะที่คนอื่น ๆ จะหยุดซ้อมวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น เขาจะมีเวลาซ้อมมากกว่าคนอื่น 52 วัน

:

ในที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ติดทีมชาติสหรัฐและทำในสิ่งที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้ทำได้มาก่อน

:

เขาคนนั้นก็คือ michael phelps นักกีฬาว่ายน้ำเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 22 เหรียญ ในจำนวนนั้นเป็นเหรียญทอง 18 เหรียญ ซึ่งเป็นสถิติมากที่สุดที่นักกีฬาคนเดียวเคยทำได้

:

michael phelps ยังเป็นเจ้าของสถิติโลก ในการว่ายน้ำถึง 39 รายการ ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

:

เมื่อถามถึงความสำเร็จของเขา เขาตอบอย่างเรียบง่ายว่า...

:

ถ้าคุณต้องการเป็นที่หนึ่ง คุณต้องทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ยอมทำมีคนมากมายที่เกิดมาด้วยความไม่พร้อม แต่ก็ตัดสินใจที่จะยิ่งใหญ่และทำมันทุกวันโดยไม่มีข้ออ้างสุดท้ายก็ไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้

:

IF YOU WANT TO BE
THE BEST , YOU HAVE TO DO THINGS
THAT OTHER PEOPLE AREN ' T
WILLING TO DO .

:

- PORS KITTISAK -

16/04/2020

อัลเบิร์ต ไอสไตน์
เคยถูกครูไล่ออกจากโรงเรียน ด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากับเพื่อนและสังคมไม่ได้ ....

บิลเกตต์
เรียนไม่จบ ลาออก ทำธุรกิจล้มเหลว เขาคือผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์....

แจ็ค หม่า
เคยโดนปฏิเสธงานมามากกว่า 30 ครั้ง....

โทมัส อัลวาเอดิสัน
ล้มเหลวเกือบ 10,000 ครั้ง กว่าจะประดิษฐ์หลอดไฟสำเร็จ....

ไมเคิ่ล จอแดน
เคยล้มเหลวไม่ผ่านการทดสอบคัดตัวเพื่อเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลให้กับทีมโรงเรียน....

ผู้พันแซนเดอร์ส
ชายผู้เคยนำสูตรไก่ทอดไปเสนอขายมากกว่า 100 ครั้ง แต่ถูกปฎิเสธทั้งหมด สู่ตำนานไก่ทอดในวัย 65 ปี....

เจ เค โรลริ่ง
ผู้เขียนนิยาย แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ เคยถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ถึง 6 ครั้ง ก่อนหนังสือจะถูกตีพิมพ์....

โซอิจิโระ ฮอนดะ
เคยตกงานและไปสัมภาษณ์งานที่ Toyota แต่ไม่ผ่าน เขาคือผู้ก่อตั้งกลุ่ม บริษัท ฮอนด้า....

ตัน ภาสกรนที
เคยล้มเหลวมีหนี้มากกว่า 100 ล้านบาท ผู้ก่อตั้ง อชิตัน....

จากบุคคลตัวอย่าง เราจะเห็นได้ว่า กว่าที่คน 1 คนจะประสบความสำเร็จในชีวิต ทุกคนล้วนเคยผ่านบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ เคยผ่านความล้มเหลว คำดูถูก และอีกหลาย ๆ อย่าง

เราก็เช่นกันหากวันนี้
เราจะล้มเหลวมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ยิ่งเราล้มเหลวมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น

เป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ความฝันครับ

- Pors Kittisak -

12/04/2020

เหตุผลที่เรามีเป้าหมายแต่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายนั้นก็เพราะว่าสมองเรามีการทำงาน 2 แบบ

1.autopilot คือทำเองโดยไม่ต้องคิด เช่นแปรงฟัน แต่งตัว ขับรถไปทำงาน

2.emergency brake หรือเบรคฉุกเฉิน อารมณ์คล้ายๆ ที่เราเห็นในรถไฟฟ้า

เมื่อไหร่ก็ตามที่ชีวิตเราออกจากโหมด autopilot หรือออกจาก comfort zone เจ้าตัวเบรคฉุกเฉินนั้นก็จะทำงานแทบจะทันที ก่อนจะพาเรากลับสู่โหมด autopilot ตามเดิม

เบรคฉุกเฉินนั้นทำงานอยู่ทุกหนแห่ง

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นาฬิกาปลุก เราก็จะกดปุ่ม snooze แล้วบอกตัวเองว่าขอนอนต่ออีกหน่อย

หรือตอนอยู่ที่เรียนอยู่แล้วเกิดคำถามในใจ แต่ก็
กลัวว่าถามออกไปจะดูไม่ฉลาดรึเปล่า สุดท้ายก็
เลยไม่ได้ยกมือถาม

หรือตอนเจอคนแปลกหน้าที่เราสนใจ อยากเข้าไปคุยด้วย แต่เบรคฉุกเฉินก็จะยกเหตุผลหลายสิบข้อขึ้นมาเพื่อจะทำให้เราไม่กล้าเข้าไปคุยกับคนคนนั้น

คุณรอบบิ้นส์เลยแนะนำให้เราใช้กฎ 5 วินาที

วิธีคือเมื่อเราคิดอะไรได้ก็ตามแต่ เราต้อง “ลงมือทำ” อะไรซักอย่างภายใน 5 วินาที ก่อนที่เบรคฉุกเฉินจะทำงาน

โดยวิธีที่ทรงพลังที่สุด คือการนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 0 แล้วลงมือทำเลย

อันนี้เป็นทริคที่น่าสนใจ คือให้นับถอยหลังจากห้ากลับมาที่ศูนย์ ไม่ใช่นับจากหนึ่งไปถึังห้า เพราะมันเหมือนเป็นการ countdown ไปสู่ “เหตุการณ์” อะไรบางอย่างเช่นการปล่อยจรวดหรือขึ้นปีใหม่

การนับถอยหลังสู่เลขศูนย์จึงมี “แรงผลัก” ให้เรา “ลงมือทำ” มากกว่าการนับหนึ่งสองสามสี่…

อีกสมมติฐานนึงคือถ้าเรา “นับขึ้น” 1 2 3 4 5 6 7 …. เราจะนับไปได้เรื่อยๆ

แต่ถ้าเรา “นับลง” 5 4 3 2 1 0 พอถึง 0 เราก็ไม่มีเลขให้ไปต่อแล้ว จะให้นับ “-1” “-2” ก็ดูจะยากเกินไปหน่อย สู้ลงมือทำเลยง่ายกว่า

ยกตัวอย่างการใช้กฎ 5 วินาที

ตอนเช้าได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เรานอนหลับตาแล้วบอกตัวเองว่าเมื่อครบ 5 วิจะลุกจากเตียง เรานับในใจ 5 4 3 2 1 0 แล้วลุกขึ้นมาทันที

เราเคยตั้งเป้าว่าอยากจะแข็งแรงขึ้นด้วยการวิดพื้น แต่วันนี้ยังไม่ได้วิดพื้น นับ 5 4 3 2 1 0 แล้วลงไปวิดพื้นเลย

มีงานชิ้นนึงที่ยาก แต่ก็รู้ว่าต้องทำ นับ 5 4 3 2 1 0 แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาทำอะไรซักอย่างเลย

เจอคนที่น่าสนใจ นับ 5 4 3 2 1 0 แล้วเดินเข้าไปคุยเลย

ดึกแล้ว ยังนอนไถเฟซบุ๊คอยู่ บอกตัวเองว่าอีก 5 วินาทีจะเลิกแล้ว นับ 5 4 3 2 1 0 แล้วเอามือถือไปเก็บเลย

ถ้าใครรู้สึกว่า 5 วินาทีมันสั้นไป ทำใจไม่ทัน ลองเพิ่มมาเป็นเป็นซัก 10 วินาทีก็ได้นะครับ สำคัญคือต้องนับถอยหลังไปหาศูนย์เท่านั้นเอง

ลองใช้กฎ 5 วินาที เพื่อลดช่องว่างระหว่าง “ความคิด” กับ “การกระทำ” และพาตัวเองออกจากโหมด autopilot เสียบ้าง

แล้วอาจจะได้พบว่า เราทำอะไรเพิ่มได้ตั้งหลายอย่างเลยครับ

—–

ขอบคุณข้อมูลจาก TEDx Talks: How to stop screwing yourself over | Mel Robbins | TEDxSF

10/04/2020

ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า… คนเราทุกคนมีความสามารถ
มีความอัจฉริยะ มีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน เพียงเราแต่ยังไม่รู้
หรือเรายังหามันเจอ

ทางเดียวที่เราค้นหาเจอ ก็คือ… ลองทำในหลายๆสิ่งที่ตัวเองรู้!
สิ่งที่ตัวเองชอบ! สิ่งที่ตัวเองถนัด! หรือ สิ่งที่ตัวเองชำนาญเชี่ยวชาญอยู่.!!!.ให้เจอนั้นเอง

เมื่อนั้นล่ะ เราก็จะรู้เลยว่า..ปลามันไม่โง่ที่ปีนต้นไม่ได้ และ ลิง ก็ไม่ผิดที่ว่ายน้ำไม่เป็น …อย่าตัดสินปลา แค่ว่ามันปีนต้นไม้ไม่ได้..

Cr. บอย โกสิยพงษ์ , chit-in

08/04/2020

1. พัฒนาตัวเอง
หากคุณไม่รู้จงลงทุนกับการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตัวคุณเอง (คุณจะเป็นดินสอที่แหลมไม่ได้ ถ้าคุณไม่เคยเหลามันเลย )

----------

2. ฝึกเป็นคนคิดเชิงบวก
ต้องคิดแบบคนรวย คนรวยจะให้ก่อนรับเสมอ คนรวยมองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย ถ้าคุณยวบง่าย ห่อเหี่ยวง่าย คุณก็ตายไว

----------

3. ต้องเป็นมืออาชีพ
เชื่อไหมว่าในทุก ๆ อาชีพ คน 10 เปอร์เซ็นต์ จะทำรายได้ 90 เปอร์เซ็นต์ และ คนอีก 90 เปอร์เซ็นต์ จะแย่งรายได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ คุณต้องเป็นมืออาชีพในสายงานนั้น ๆ มองหาคนสำเร็จ จงลอกแบบเค้า ทำตามเค้าให้หมด ทำให้เหมือน เริ่มมีผลลัพธ์ แล้วพัฒนาต่อยอด

---------

4. ทำงานเสริมให้เหมือนงานประจำ
หากคุณทำงานประจำ 8 ชั่วโมง คุณก็ควรทุ่มเทให้งานเสริม 8 ชั่วโมงเช่นกัน

----------

5. เอาตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมของคนสำเร็จ อยากหาเงินออนไลน์สำเร็จ คุณก็ต้องไปคลุกคลีไปเรียนรู้กับกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จด้านออนไลน์ อยากทำอะไร คุณจงไปอยู่ในกลุ่มคนนั้น ๆ

-----------

6. เป้าหมายสำคัญกว่าความเร็ว
ตั้งเป้าหมายคนสำเร็จเค้าทำอะไรบ้าง แล้วทำแบบนั้นทุกวัน ทำทุกวัน ช้าเร็วไม่สำคัญ สำคัญที่ทำให้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
*ชีวิตต้องมีหลัก อย่าลอยไปลอยมา

----------

7. ชีวิตคุณต้องมีโค้ช ต้องมีคนที่ให้คำปรึกษา
ตัวคุณในวันนี้คือค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด ลองถามตัวเองดูนะครับว่า
ที่เรามีทุกวันนี้ได้เป็นเพราะเราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่เราคุยด้วยบ่อยที่สุดจริงหรือเปล่า ถ้าชีวิตของคุณนั้นดี ก้าวหน้า จงขอบคุณคน 5 คนเหล่านั้น แต่ถ้าคุณยังคิดว่าชีวิตของคุณยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ จงลองหาคน 5 คนที่เป็นบุคคลที่ส่งเสริมให้คุณก้าวหน้าได้ ผมเชื่อว่าค่าเฉลี่ยที่สูงขึ้นจะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นแน่นอนครับ

- เปลี่ยน -

07/04/2020

วันนี้ในอดีต (เสียกรุงครั้งที่ 2)

ย้อนกลับไปวันที่ 7 เมษายน 2310
กองทัพพม่าได้ปิดล้อมกรุงศรีอยุธยาและในเวลาบ่าย 3 โมง พม่าก็จุดไฟสุมรากกำแพงเมืองตรงหัวรอที่ริมป้อมมหาไชย และยิงปืนใหญ่ระดมเข้าไปในพระนคร จากบรรดาค่ายที่รายล้อมทุกๆ ค่าย ในเวลาพลบค่ำ กำแพงเมืองตรงที่เอาไฟสุมทรุดลง และในเวลา 8 นาฬิกา แม่ทัพพม่าก็ยิงปืนสัญญาให้เข้าปีนปล้นพระนครพร้อมกันทุกด้าน พม่าเอาบันไดพาดปีนเข้าได้ตรงที่กำแพงทรุดนั้นก่อน ทหารที่รักษาหน้าที่เหลือกำลังจะต่อสู้ พม่าก็เข้าพระนครได้ในเวลาค่ำวันนั้นทุกทาง

นับจากวันที่ยกทัพมาปิดล้อมจนถึงวันกรุงแตก เป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 2 เดือน

และในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอเชิญท่านทั้งหลาย
ร่วมสวดมนต์ นั่งสมาธิ พร้อมกันเวลา 19.30 น.

เพื่อรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ เหล่าวีรชนผู้กล้า ที่ได้สละเลือดเนื้อ และชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

- เปลี่ยน -

07/04/2020

อย่าดูถูกตัวเอง ใช้สติทบทวนสิ่งที่ผ่านมา อะไรที่เกิดขึ้นแล้วล้วนดีเสมอ

- เปลี่ยน -

06/04/2020

เราคือผู้กำหนดทุกอย่าง..
อย่าใช้คำว่าเรา.. โง่ จน ไม่เก่ง หรืออะไรก็ตาม !!
มาเป็นเหตุผลที่เราจะไม่ลงมือทำ !!

- เปลี่ยน -

02/04/2020

#จงระวังสิ่งที่จะนำไปเติมในความคิด

หากเติมด้วยความ"กลัว"
คุณจะได้แต่ "วัชพืช" ที่จะปิดกั้นทุกๆอย่างในชีวิต..

หากเติมด้วย "การมองโลกในแง่ดี พัฒนาตัวเอง ลงมือทำ"
คุณจะเป็นคนที่ "ประสบความสำเร็จและมีความสุข"

- เปลี่ยน -

31/03/2020

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
หรือโรค "โควิด-19" ที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ท่ามกลางวิกฤติการเอาตัวรอดของคนไทย

วันนี้เพจของเราขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อข้อมูล
#วิธีป้องกันการแพร่กระจายของโรค "โควิด-19"

ฝากเพื่อนๆกดแชร์ข้อมูลต่อ ๆ กันไปนะครับ

:ที่มาองค์การอนามัยโลก WHO

- เปลี่ยน -

27/03/2020

คุณคิดแบบ "ผึ้ง" หรือ "แมลงวัน"

ถ้าหากคุณจับเอาผึ้ง 6 ตัวใส่ในขวดและจับแมลงวัน 6 ตัวเช่นกัน ใส่ในอีกขวด

จากนั้นค่อยๆ วางขวด ให้นอนลง โดยหันก้นขวด
ไปทางหน้าต่าง ที่่มีเเสงสว่าง

คุณจะพบว่า ผึ้งพยายามที่จะบิน ออกทางก้นขวด จนกระทั่งมันตาย จากการขาดอากาศและอาหาร

ในขณะที่แมลงวันนั้น จะสามารถบินออกมาทางฝั่งคอขวด ที่อยู่ด้านตรงข้าม กับก้นขวด ซึ่งหันไปทางหน้าต่าง

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้..
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผึ้งเป็นสัตว์ที่ฉลาด
มีองค์ความรู้ พวกมันรู้ว่า การบินไปในทิศทางที่มีแสงสว่าง จะเป็นทางออก จากรัง โพรงไม้ ฯลฯ
แต่เมื่อต้องมาอยู่ในขวด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผึ้ง
ไม่เคยเผชิญมาก่อน..มันก็ยังคงเชื่อในความคิด
แบบเดิมที่มีมาตลอด คือ ต้องบินออกทาง แสงสว่างเท่านั้น

แต่สำหรับแมลงวัน มันเป็นสัตว์ที่ไม่มีความคิดเป็นตรรกะ ดังนั้น เมื่อถูกจับไว้ในขวดมันจึงบินชน
ผนังขวดจากที่หนึ่ง ไปที่หนึ่ง..จนในที่สุด ก็พบทางออก

การทดลองนี้ แสดงให้เห็นว่า คนฉลาด รู้มาก
ก็สามารถที่จะล้มเหลวได้ เพราะความรู้มาก
ในขณะที่ผู้ไม่รู้ ก็อาจจะประสบความสำเร็จ
จากการลองทำในสิ่งที่แตกต่าง ไปเรื่อยๆ
ได้เช่นกัน

- เปลี่ยน -

27/03/2020

ในสภาวะวิกฤตนี้
อาจทำให้หลายๆคนตกงาน
อาจทำให้หลายๆคนท้อ
อาจทำให้หลายๆคนต้องห่างจากครอบครัว
อาจทำให้หลายๆคน หาทางออกไม่เจอ

วันนี้ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจน
จะทำอาชีพอะไร เรียนจบสูงหรือไม่จบอะไรเลย
จะกวาดถนนหรือเป็นหมอ จะเป็นตำรวจหรือโจร
ทุกคนมีความเสี่ยงในการติดไวรัสนี้ เท่าๆกัน

สิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ คือ..
ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจให้ดีที่สุด
เก็บตัวอยู่ในบ้าน และใช้ช่วงเวลานี้สำรวจตัวเอง
ที่ผ่านมาเรา "ใช้ชีวิตยังไง" อีก 5 ปีข้างหน้า
อยากมี "ชีวิตยังไง" วิกฤตนี้สอนอะไรเราบ้าง..

วันนี้เราสามารถใช้ช่วงเวลานี้
ทำอะไรได้บ้าง พัฒนาอะไรได้บ้าง
เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร

วันนี้ถ้าเรามีความสามารถเรื่องอะไร
เรามีความชอบเรื่องอะไร และเราเก่งเรื่องอะไร
ในสภาวะวิกฤตนี้เราจะนำความสามารถนั้น
มาสร้างรายได้ ๆ อย่างไร

ขอจงจำไว้ว่า...

" ถ้าคุณคิดสู้ คิดทำอะไร คุณมีโอกาสล้มเหลว
แต่ถ้าคุณไม่คิดจะสู้ ไม่คิดจะทำอะไรเลย คุณได้ล้มเหลวไปแล้ว "

วิกฤตนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา
แล้วเราจะผ่านวิกฤตินี่ไปด้วยกัน

- เปลี่ยน -

26/03/2020

ต่างที่ยืน
ต่างที่เดิน
ต่างปัญหา
ต่างมุมมอง
ต่างความคิด
ต่างทรรศนะคติ
ต่างความอดททน
ต่างประสบการณ์

ความสำเร็จของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน

- เปลี่ยน -

24/03/2020

ถ้าคุณอยากเป็นอินทรีย์
คุณต้องอยู่ในฝูงอินทรีย์

ถ้าคุณอยากมีความสุข
ให้พูดคุยกับคนที่มีความสุข

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ
ให้คลุกคลีอยู่กับคนที่ประสบความสำเร็จ

- เพจของพอร์ช -