Dokkoon News ข่าวสาร

 #มข. เปิดตัว ั"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนโยบายในการส่งเสริมการใช้...
24/01/2024

#มข. เปิดตัว ั"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"

มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนโยบายในการส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน ในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการขาย ให้เช่าหรือเช่าซื้อ แก่นักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลอดจนขยายผลและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของไทยเป็นอุตสาหกรรม New S-Curve สามารถ คว้าโอกาส ชิงความได้เปรียบ แข่งขันได้ทันกระแสของความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน เพราะในปัจจุบันการใช้งานแบตเตอรี่ของประเทศไทยนั้นมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
เมื่อวันอังคารที่ 23 มกราคม 2567 ที่ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ผศ.ดร.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม, ม.ร.ว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ,ผศ.นพ.ธารา ธรรมโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ,นายสุรชัย สินประกอบ พลังงานจังหวัดขอนแก่น ,รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง ผู้อำนวยการโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ และนายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ร่วมแถลงข่าว ความสำเร็จ"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน" โดยมี คณะผู้บริหาร มข.,ผู้บริหารบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด และสื่อมวลชนทุกแขนง ร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ Research Transformation คือการปรับเปลี่ยนการทำงานวิจัยโดยปรับเปลี่ยนจากการทำวิจัยตามความสนใจของนักวิจัยไปสู่การทำวิจัยเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ใหญ่ที่มีผลกระทบ (Impact) สูง และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดไปใช้จริง เกิดผลิตภัณฑ์ หรือนวัตกรรม เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม (Societal Contributions) และสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ (Great Place to Live)เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green Campus) มุ่งสู่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เช่น การสนับสนุนนโยบายด้านการขนส่งพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับ"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน" เป็นตัวอย่างโครงการที่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งวันนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองอธิการบดี
ฝ่ายบริหาร ผู้ดูแลโครงการ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม ผู้รับผิดชอบ
ดูแลเรื่อง Net Zero ของมหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ตลอดจนบริษัทออสก้าโซลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ให้บริการจักรยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีทีมนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการผลิตแบตเตอรี่ภายใต้แบรนด์ UVOLT (ยู-โวลต์) ซึ่งผลิตโดยโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากนี้ โรงงานยังมีการผลิตและพัฒนาส่วนประกอบของแบตเตอรี่ ชนิดต่าง ๆ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งชนิดลิเทียมไอออนและโซเดียมไอออน ที่มีมาตรฐานระดับสากล
ในปัจจุบันการใช้งานแบตเตอรี่ของประเทศไทยนั้นมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ดังนั้น การสร้างระบบนิเวศให้เกิดอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของประเทศไทย จึงมีความจำเป็นอย่าง
ยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญในการออกมาตรการสนับสนุนที่จำเป็น
ในการขยายผลและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของไทยเป็นอุตสาหกรรม New S-Curve
เพื่อให้ประเทศไทยสามารถ คว้าโอกาส ชิงความได้เปรียบ แข่งขันได้ทันกระแสของความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน
ด้าน ผศ.นพ.ธารา ธรรมโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น มุ่งเน้นการพัฒนามหาวิทยาลัย เพื่อบรรลุตามยุทธศาสตร์ Green and Smart Campus เพื่อให้เป็นองค์กรแบบชาญฉลาด คำนึงถึงผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อม สร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ Great place to live เพื่อให้เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการใช้ชีวิต มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงมีนโยบายในการส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน ในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการให้สิทธิเอกชนเข้ามาลงทุน เพื่อให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยการขาย ให้เช่าหรือเช่าซื้อ แก่นักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมบริหารจัดการระบบอำนวยความสะดวก และติดตั้งสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station : BSS) เพื่อจัดหาผู้ประกอบการ และให้สิทธิ์ในการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อการต่อยอดการใช้งานภายในจังหวัดขอนแก่นต่อไป
ผศ.ดร.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มีเป้าหมายสำคัญที่สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการมีส่วนร่วมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีโครงการสำคัญตามแผนที่สนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร ในกลุ่มของคณะแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ อาคารกีฬา อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ และการติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นน้ำ (Solar Floating) ในบ่อสำรองน้ำดิบของมหาวิทยาลัย รวมประมาณ 9.5 เมกกะวัตต์ และติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นน้ำ ในบ่อบำบัดน้ำเสียอีกประมาณ 10 เมกกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการหันมาใช้พลังงานทดแทน ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยีด้านพลังงานที่เหมาะสม ซึ่งก่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานอย่างสูงสุด และยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทางอ้อม ได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับ "โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มุ่งมั่นที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการขนส่ง โดยใช้ยานพาหนะไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วน มรว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่าในนามบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งได้เป็นผู้รับสิทธิ์ในโครงการ "จัดบริการยานยนต์ไฟฟ้าโดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"ของทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในครั้งนี้
บริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด เราให้บริการออกแบบและประกอบแบตเตอรี่แพค ลิเที่ยม สำหรับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องมีออุตสาหกรรม รวมไปถึงแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้ามากว่า 30 ปี ออสก้า เป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทย ที่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบ และประกอบ โดยร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยและ
สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับ
โรงงานแบตเตอรี่ลิเที่ยมไออ้อนต้นแบบของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการ
ยกระดับแบตเตอรี่ที่ผลิตได้เองในประเทศไทยไปสู่มาตรฐานระดับสากล
หากย้อนไปเมื่อปี 2557 ในช่วงที่ยานยนไฟฟ้ายังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ออสก้าได้เริ่มทำการพัฒนาแบตเตอรี่ เพื่อใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าขึ้น โดยเป้าหมายเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่คาดว่าจะประสบปัญหาเรื่องการให้บริการแบตเตอรี่ ในอีกไม่กี่ปีให้หลัง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทลูกในเครือของออสก้า ดำเนินการกิจการเป็นผู้ออกแบบ และประกอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้า
ขนาดเล็ก ที่จะนำมาใช้ในการทดสอบแบตเตอรี่จากออสก้า โดยมีโรงงานตั้งอยู่บนถนนบางนา
ตราด กิโลเมตรที่ 13 บนพื้นที่ กว่า 3,000 ตรม. มีกำลังการผลิต รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ถึงเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน สตรอม มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ในประเทศไทย โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อตอบ
โจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ทั้งด้านสมรรถนะ ความเร็ว การประหยัดพลังงาน
และที่สำคัญ รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า Strom เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้หัวใจหลักคือการมี
เทคโนโลยีแบตเตอรี่เป็นของตัวเอง Strom เป็นบริษัทของคนไทย 100% และมีเป้าหมายที่
จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมของคนไทย เราพิจารณาเลือกใช้วัตถุดิบที่
สามารถหาได้ในประเทศให้ได้มากที่สุด และลดสัดส่วนวัตถุดิบจากต่างประเทศลง
เพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมีอระหว่างนักวิจัย สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ นำเอา
องค์ความรู้ที่ได้จากการคิดค้นของคนไทย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเป็นการรักษาไว้
ซึ่งภูมิปัญญา และความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไทยอีกด้วย
นายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า ในการขับเคลื่อน Smart City กับการพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเทศบาลนครขอนแก่น กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองไว้ 7 สมาร์ท โดยหนึ่งในนั้น คือ Smart Mobility คือ เมืองที่สามารถขนส่ง ติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวกสบาย มีความคล่องตัว ปลอดภัย และใช้พลังงานสะอาดแนวคิดในการพัฒนาเมืองขอนแก่น มาจากการที่เดิมทีจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ไม่ได้มีจุดเด่นในด้านการท่องเที่ยว ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ
ที่สวยงาม ไม่ได้มีนิคมอุตสาหกรรมมาตั้ง ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจที่ทางรัฐบาลจะมีการส่งเสริมงบประมาณพิเศษ ในการพัฒนาเมืองมาให้เหมือนกับจังหวัดอื่น ๆ แต่สิ่งที่ขอนแก่นมี คือ การเป็นเมืองที่อยู่จุดศูนย์กลางของภาคอีสาน
มีมหาวิทยาลัย และศูนย์ราชการต่าง ๆ ค่อนข้างมากดังนั้น โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองด้าน Smart Mobility เป็นความสำเร็จด้านยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านยานนต์ไฟฟ้าการจัดการพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม และขยายผลไปสู่นักศึกษา บุคลากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปัจจุบัน
นายสุรชัย สินประกอบ พลังงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า แนวทางการสนับสนุนการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าในจังหวัดขอนแก่น ตามภารกิจหน้าที่ของสำนักงานพลังงานจังหวัดขอนแก่น ขอขอบคุณท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เห็นความสำคัญของการสนับสนุนการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการขยายไปถึงทุกหน่วยงานในจังหวัดขอนแก่น
เพื่อสร้างแรงจูงใจทางด้านการเงิน และลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงจูงใจที่มิใช่ทางการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าต่อไปในอนาคต
ตบท้ายที่ รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง ผู้อำนวยการโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ กล่าวตอนท้ายสุดว่า อย่างไรก็ตามทางโครงการ ฯ ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ทางเลือก ในระดับเซลล์จากโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และนำไปทดลองใช้งานจริงในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ และระบบกักเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่สำหรับจักรยานไฟฟ้า แบตเตอรี่สำรองสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ และไฟส่องสว่าง เรามีโมเดลการใช้พลังงานแบตเตอรี่จากโซเดียม คือ E – Bike ที่ประหยัดพลังงานและใช้งานได้จริง ในอนาคตทีมนักวิจัยมีแนวโน้มจะศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหิน โดยให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน ให้กลายเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ราคาประหยัด คุ้มค่ามากที่สุด ผลักดันให้ไทยกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของโลกตามเป้าของกระทรวง ฯ ต่อไป.
News.

 #"วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน" จ.ขอนแก่น จัดลงสีตีเส้นปรับปรุงทางม้าลาย..!!จ.ขอนแก่น จัดกิจกรรมรณรงค์ "วันความปลอดภัยผู้...
22/01/2024

#"วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน" จ.ขอนแก่น จัดลงสีตีเส้นปรับปรุงทางม้าลาย..!!

จ.ขอนแก่น จัดกิจกรรมรณรงค์ "วันความปลอดภัยผู้ใช้ถนน" ประจำปี 2567 ตามนโยบายรัฐบาล ปลูกจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน พร้อมกันทั่วประเทศ และร่วมกันทาสีทางม้าลายบริเวณด้านหน้าโรงเรียน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความปลอดภัยบนท้องถนน
เมื่อ08.00น.วันที่ 22 มีนาคม 2567 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น นายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายสิโรตม์ แดงภูมี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงขอนแก่นที่ 1 นายประจวบ ศิริภักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ไพคำนามผกก.ฝอ.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.ท.พิทักษ์เขต สิงห์พิทักษ์ รอง ผกก.จร.ฯ ผู้แทนหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนน ประกอบด้วยสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นแขวงทางหลวงชนบทขอนแก่น, เทศบาลนครขอนแก่น, คปภ.ขอนแก่น และคณะครูโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น ร่วมกิจกรรมทาสีตีเส้นปรับปรุงทางม้าลายหน้าโรงเรียน จำนวน 3 ทางข้าม ฝั่งตรงข้ามหอนาฬิกา เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ในการนี้ผู้ปกครอง ภาคเอกชน และเครือข่าย ความปลอดภัยทางถนน และประชาชนผู้ใช้ทาง เข้าร่วมกิจกรรม
นายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าทั้งนี้ คณะรัฐบาลได้มีมติให้ วันที่ 21 มกราคม ของทุกปี เป็น "วันความปลอดภัยผู้ใช้ถนน" โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ทุกจังหวัด ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อบูรณาการร่วมกันปลูกจิตสำนึก ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้ประชาชนตระหนักและป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนแก่ตนเองและผู้อื่น
ด้าน นายประจวบ ศิริภักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้ทางโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นได้ทำงานกับหน่วยงานต้นสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดขอนแก่น ที่ได้เล็งเห็นความปลอดภัย ของลูกๆนักเรียนที่ใช้รถใช้ถนนและ เดินข้ามทางม้าลาย เพราะโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นมีนักเรียนเป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปภ. ได้เลยเห็นความสำคัญ ในเรื่องความปลอดภัยของเด็กนักเรียนด้วยดีเสมอมา ขอขอบพระคุณท่านมากที่เล็งเห็นความสำคัญ ที่ท่านได้มาดูสภาพที่อนุบาลขอนแก่น ว่าทำอย่างไรลูกนักเรียนถึงจะมีความปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนนโดยเฉพาะผู้ปกครองมาส่งแล้วลูกๆเดินข้ามถนนมาเอง บางครั้งมาเช้า และบางครั้งก็มาช่วงรถติด จราจรติดขัด เพราะถนนระหว่างโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นเชื่อมระหว่างศูนย์ราชการ ยาวไปจนถึง ร.ร.ขอนแก่นวิทยายน และร.ร.กัลยาณวัตร อีกเส้นเป็นเส้นหลักที่จะเดินทางไป จ.กาฬสินธุ์ และยิงยาวไปจนถึงทางไป อ.ชุมแพ
ซึ่งตรงนั้นละที่เป็นที่คนใช้ถนนเยอะ เลยช่วงเช้าเป็นช่วง และช่วงเย็นหลังเลิกเรียนจะเป็นช่วงจราจรติดคัด เป็น 2 ช่วงที่คนใช้รถใช้ถนนเยอะ เพราะผู้ปกครองมารับมาส่ง นักเรียนเยอะ จึงทำให้จราจรติดขัด ซึ่งผู้ปกครองก็เข้าใจ ต้องเอื้ออาทรในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เพราะลูกๆเราเลิกเรียนพร้อมกัน มารับพร้อมกัน จะทำอย่างไรในการขับเคลื่อนของการเดินทาง ที่จะมารับลูกๆเรามีความสะดวกในการเดินทาง ที่สัญจรไปมา เพื่อให้เกิดการคล่องตัวของการจราจร และในวันนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก
ทาง ปภ.จึงได้มาประชาสัมพันธ์ในการใช้รถใช้ถนน และอำนวยความสะดวกทุกอย่าง พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสาร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับนโยบายการใช้รถใช้ถนน ให้กับคณะครูและนักเรียน และในครั้งต่อไปไม่ว่าตรวจงานไหนจะเข้ามาดูแล สิ่งสำคัญที่สุด อยากจะให้คุณพ่อคุณแม่ลูกๆเด็กนักเรียนดูแลตนเอง สำคัญยิ่งดูแลตนเองช่วยเหลือตนเองนั้นให้ได้ก่อน ก่อนที่จะพึ่งพาคนอื่น ก่อนที่จะให้คนอื่นมาดูแลเรา เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน ในการแบ่งเบาภาระและในการช่วยเหลือสังคม เป็นจิตอาสาเพิ่มความมีวินัยในตนเอง เพิ่มความรอบครอบ เพิ่มความระมัดระวังในตนเอง ข้ามถนนให้ระวังรถ ความปลอดภัยก็จะนำมาสู่ลูกๆของพวกเราทุกคน ผู้ปกครองก็จะเกิดความมั่นใจ
ในส่วนของคุณครูโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นนั้นจะมาโรงเรียน ตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อมาดูแลทุกประตู เราเปิดประตูทั้ง 4 ประตู ช่วงเช้านั้นเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ส่วนช่วงเย็นนั้นเปิดเป็นเวลา 15:30 น เพื่อมารับลูกๆให้ตรงเวลา ไม่ต้องมาจอดรอรับนาน ติดเครื่องเปลืองน้ำมัน และทำให้จราจรติดขัดและอีกอย่างสิ้นเปลืองน้ำมันรถของท่านด้วย และทางโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นก็ได้ประสานกับผู้ปกครอง แต่ละช่วงชั้นว่าเวลาเลิกเรียนเวลาไหน
ซึ่งผู้ปกครองก็ได้ประสานกับคุณครูประจำชั้นทางไลน์ ทางกลุ่มไลน์ของครูประจำชั้น หัวหน้าสายชั้น เพื่อจะได้มารับให้ตรงเวลา เพื่อเป็นการลดการจราจรติดขัดอีกแบบนึงในช่วงเย็น และเสร็จแล้วหลังจากเลยเวลากำหนด ทางโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นก็จะปิดประตูเพื่อให้ออกประตูเดียว เพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาภายในโรงเรียน หลังเลิกเรียน ก็จะมีลูกๆบางคนที่มานั่งรอผู้ปกครองมารับ บางทีผู้ปกครองอาจจะติดธุระอยู่ ก็จะฝากกับคุณครูที่โรงเรียน จึงมีนโยบายให้ออกประตู 2 แค่ประตูเดียว เพราะประตู 2 มี รปภ.และคุณครู ดูแลอยู่ตลอดเวลา และผู้ปกครองก็สามารถมารับลูกๆที่ประตู 2 ได้ หลังเลิกเรียนไปแล้ว หรือในช่วงเวลาที่ให้ลูกๆรอผู้ปกครองมารับที่โรงเรียน ความปลอดภัยจะเกิดขึ้นได้ถ้าพวกเราให้ความร่วมมือกัน.
News.

 #เปิดตัวยิ่งใหญ่!!กับงาน เทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวาง ขอนแก่นจ.ขอนแก่น ขับเคลื่อน Soft Power จัดงานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวางแล...
21/01/2024

#เปิดตัวยิ่งใหญ่!!กับงาน เทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวาง ขอนแก่น

จ.ขอนแก่น ขับเคลื่อน Soft Power จัดงานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวางและประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ “ยลวิถีถิ่น กินไก่ย่างเขาสวนกวาง”อาหารประจำถิ่นที่มีชื่อเสียงของอำเภอและจังหวัดขอนแก่น
เมื่อเวลา 18.00 น. วัน19 ม.ค.67 ที่ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น มอบหมายให้ นายยุทธพร พิรุณสาร รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานพิธีเปิดงานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวางและประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ ประจำปี 2567 “ยลวิถีถิ่น กินไก่ย่างเขาสวนกวาง” โดยมี นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 ,นางมุกดา พงษ์สมบัติ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,นายชรัญญา หยองเอ่นหน.สนจ.ขอนแก่น ,นายกรชวาลวิชญ์ ชัยพีรวัส นายอำเภอเขาสวนกวาง, รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ,พ.ต. อ.พีรณัฐ งามเลิศรัตนชัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง , หน.ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมพิธี
นายยุทธพร พิรุณสาร รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อสืบสานงานบุญประเพณี ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ ตามวิถีชาวอีสาน ประชาสัมพันธ์ไก่ย่างเขาสวนกวาง อาหารประจำถิ่นที่มีชื่อเสียงของอำเภอและจังหวัดขอนแก่นให้เป็นที่รู้จัก ส่งเสริมการท่องเที่ยว อันเป็นการขับเคลื่อน Soft power ของจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล ต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาให้พัฒนาทั้งรายได้ และคุณภาพชีวิตของผู้คน .
News.

  ผนึกAPM-FSS เดินสายโรดโชว์10จังหวัดทั่วประเทศให้ข้อมูลนักลงทุนก่อนเตรียมขาย ไอพีโอ 92 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai....
20/01/2024

ผนึกAPM-FSS เดินสายโรดโชว์10จังหวัดทั่วประเทศให้ข้อมูลนักลงทุนก่อนเตรียมขาย ไอพีโอ 92 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai..!!!

"NAT" เดินหน้าให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ขอนแก่น โชว์ศักยภาพธุรกิจ โอกาสเติบโตสูง
บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT ผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ผนึก APM – FSS เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลธุรกิจ และ ข้อมูลทางการเงิน แก่นักลงทุน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15 – 26 ม.ค. 2567 ที่ปรึกษาการเงิน มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง นักลงทุนให้ความสนใจ ก่อนเตรียมขายไอพีโอ 92 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai

เมื่อค่ำวันที่ 19 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT ผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ผนึก APM – FSS เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลธุรกิจ และ ข้อมูลทางการเงิน แก่นักลงทุน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15 – 26 ม.ค. 2567 ที่ปรึกษาการเงิน มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง นักลงทุนให้ความสนใจ ก่อนเตรียมขายไอพีโอ 92 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมี
นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT พร้อมด้วยดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน,นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน,นายมุฒิชัย อรุณเรืองอร่าม ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน ,นายภควัฒน์ ตุลยนิติกุล ผู้อำนวยการ
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน) หรือ FSS ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ร่วมนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน จ.ขอนแก่น โดย NAT มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 92 ล้านหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน หรือ โรดโชว์ เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 92 ล้านหุ้น โดยมีกำหนดการเดินทางทั้งสิ้น 10 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี นครปฐม ราชบุรี พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา และ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 15 มกราคม – 26 มกราคม 2567
ด้าน นายภควัฒน์ ตุลยนิติกุล ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน) หรือ FSS ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะ NAT ถือเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น เนื่องจากมูลค่าตลาดของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ ระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ในระดับองค์กรที่มีอัตราการเติบโตสูง ขณะที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เป็นฐานลูกค้าของ NAT ต่างมีแผนปรับปรุงระบบเพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะนำเสนอสินค้า บริการ และ โซลูชันทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าการเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบันบริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT มีทุนจดทะเบียน 164 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และ มีทุนที่เรียกชำระแล้ว 118 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 92 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.05% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท และ จะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
ตบท้ายที่ นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech มุ่งเน้นการประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา จำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และ รับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (Information and Communication Technology System Integration) ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับโลก และให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น บริการเจ้าหน้าที่ไอที (IT Outsourcing) บริการเดินสายระบบเน็ตเวิร์ค (Cabling System) บริการงานด้านระบบภายในอาคาร (Mechanical and Electric : M&E) และ บริการให้เช่าอุปกรณ์ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับใช้ภายในสำนักงาน
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทที่เป็นหน่วยงานภาครัฐโดยมีสัดส่วนประมาณ 85% ที่มีแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโต และ มีความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ขณะที่ผลประกอบการย้อนหลังช่วงปี 2563 – 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 492.64 ล้านบาท 451.36 ล้านบาท และ 1,093.23 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 56.78 ล้านบาท 26.68 ล้านบาท และ 100.62 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทมีรายได้เติบโตเป็นไปตามแผนจากการเข้ารับงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,232.71 ล้านบาท กำไรสุทธิ 97.50 ล้านบาท หลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะสามารถขยายธุรกิจและให้บริการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และ การเข้ารับงานโครงการต่าง ๆ กับกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในธุรกิจและการเติบโตของบริษัท รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีในการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค Digital Transformation ได้เป็นอย่างดี.
News.

 #"หมอชาญชัยชนะใจบุคลากร" นั่งอธิการบดี มข.สมัย 2      เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า...
17/01/2024

#"หมอชาญชัยชนะใจบุคลากร" นั่งอธิการบดี มข.สมัย 2

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่าตามที่สภามหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามคำสั่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ 8846/2566 ลงวันที่ 14 กันยายน 2566 โดยคณะกรรมการสรรหาฯ ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่กำหนดตามข้อบังคับ ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง และพิจารณากลั่นกรอง คัดกรองผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีจำนวนไม่เกินสามรายชื่อ เพื่อเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยแล้วนั้น ผลปรากฏว่า รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ,ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา และศ.ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร (เรียงตามลำดับอักษร) เป็นผู้ผ่านการคัดกรองเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และสภามหาวิทยาลัยได้กำหนดวาระการพิจารณาคัดเลือก ผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 17 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุมสารสิน อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีลำดับและวิธีการดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การนำเสนอของผู้ผ่านการคัดกรอง เรียงลำดับโดยวิธีจับสลาก มีเวลานำเสนอวิสัยทัศน์ท่านละ 30 นาที ขั้นตอนที่ 2 กรรมการสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นเริ่มลงคะแนน 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์ ขั้นตอนที่ 3 นับคะแนนและประมวลผล เกณฑ์การตัดสินเป็นไปตาม ข้อ 18 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้ การลงมติรอบที่ 1 ผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของการออกเสียงลงมติรอบแรกในกรณีที่ไม่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งในรอบที่ 1 จะมีการลงมติรอบที่ 2 ระหว่างผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสองลำดับแรก ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องได้รับคะแนนเสียงสูงสุดและไม่น้อยกว่าสองในห้า ทั้งนี้ หากการออกเสียงลงมติรอบที่สองนี้ หากยังมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยลงคะแนนเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ขั้นตอนที่ 4 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และรับรองผล
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวภายหลังจากมีผลการคัดเลือกอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วว่า ในนามของสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นขอรายงานให้ชุมชนของมหาวิทยาลัยขอนแก่นทราบเกี่ยวกับเรื่องเลือกและแต่งตั้งอธิการบดีซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลา 4 เดือนเศษ ตามระเบียบตามกฎข้อบังคับทุกประการโดยมีคณะกรรมการสรรหา มีการรับสมัครและการเสนอชื่อ ด้วยกระบวนการทั้งหมด กรรมการสรรหาได้สรุปว่ามีผู้สมควรจะได้รับการพิจารณาให้เป็นอธิการบดี 3 ท่านด้วยกัน คือ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล, ศ.ดร มนต์ชัย ดวงจินดา และศ.ดร อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร
ขั้นตอนเมื่อได้รับการเสนอจากกรรมการสรรหาแล้ว ทั้ง 3 ท่าน ได้มานำเสนอ แต่ละท่าน ประสงค์อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านจะดำเนินการอะไรอย่างไร ทั้งยุทธศาสตร์ ทั้งวิธีการครบถ้วนทั้งหมด ทุกท่านได้รับเวลา 30 นาทีด้วยกัน เป็นการเสนอที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นชัดเจนว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีอนาคตและมีสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเพื่อให้มหาวิทยาลัยเจริญรุ่งเรืองในอนาคต
หลังจากนั้นก็มีการลงคะแนน โดยมีคณะกรรมการลงคะแนน 25 ท่านด้วยกันที่เข้าประชุมในวันนี้ ใน 25 ท่านนี้ เกณฑ์ก็มีการกำหนดไว้ว่า ถ้าท่านใดท่านหนึ่งได้คะแนนเกินครึ่งจะมีการลงคะแนนครั้งเดียว แต่ถ้าไม่ถึงครึ่งต้องลงคะแนนเป็นครั้งที่สอง
เมื่อลงคะแนนเสร็จก็มีคณะกรรมการ 4 ท่านเป็นผู้ไปนับคะแนน ในที่สุดผลก็ออกมาว่าท่าน รศ. นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ได้รับคะแนนเกินครึ่ง จึงเป็นผลนำเสนอให้สภามีมติอนุมัติเสนอให้ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกวาระหนึ่ง นี่ก็เป็นการประชุมในวันนี้ ขอเรียนให้ทุกท่านได้ทราบโดยทั่วกัน
สำหรับบรรยากาศการคัดเลือกเป็นไปอย่างอบอุ่น ผู้ผ่านการคัดกรองฯ และกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน ได้แสดงความยินดีกับ ผู้ผ่านการคัดเลือก ที่จะนำพามหาวิทยาลัยขอนแก่นก้าวสู่มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของโลกต่อไป โดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัย ได้มอบช่อดอกไม้แก่ผู้ผ่านการคัดกรองทั้ง 3 ท่านเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานเพื่อมหาวิทยาลัย
ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการจัดทำเอกสาร และข้อมูลส่งไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อดำเนินการในขั้นตอนการเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป.
News.

 #"ฟรี คอนเสิร์ตการกุศล เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน.!!เพื่อเฉลิมฉลอง 60 ปี...
16/01/2024

#"ฟรี คอนเสิร์ตการกุศล เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน.!!

เพื่อเฉลิมฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบาย Social Innovation หรือ การอุทิศเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน และนี่ก็คือความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่ได้จัดงานขึ้นในครั้งนี้
เมื่อค่ำวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่แปลงดอกแคคตัสอุทยานเทคโนโลยีการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานเปิดครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบ 60 ปีฟรี คอนเสิร์ตการกุศล เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น “Dean Charity Concert : หนาวลมชมดอกไม้“ ภายใต้การอำนวยการของ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข.ดื่มด่ำกับสายลมหนาวและบทเพลงอันแสนไพเราะจากศิลปินนักร้องอาชีพ อาทิ แน็ท เดอะวอยซ์ และ อินทร์ ดาริกา (แน็ทอินทร์ Love) พร้อมด้วยนักร้องรับเชิญกิตติมศักดิ์มากมาย กลางทุ่งดอกคัตเตอร์ ยามอาทิตย์อัสดง โดยมี นายศักดา ต้นคชสาร นายอำเภอสีชมพู, นายณัฐโรจน์ แก้วมาลา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดงลาน ตลอดจนคณบดีจากหลายคณะ พี่น้องประชาชน นักศึกษา เข้าร่วมชม คอนเสิร์ต กันเป็นจำนวนมาก
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่าในการจัดงานฟรีคอนเสิร์ตการกุศล 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่นในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชุมชนทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้ทำหลายๆโครงการ และหลายๆคณะฯ ส่วนนี่ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านได้ริเริ่ม และด้วยความร่วมมือจากคณบดีทุกคณะ ที่ได้มาจัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อที่จะได้รวบรวมรายได้เหล่านี้ พร้อมทั้งบริจาคเสื้อผ้าและของเครื่องใช้ ต่างๆเพื่อไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในชนบท และในพื้นที่ห่างไกล ปีนี้เราไปที่อำเภอสีชมพู ซึ่งในวันนี้ท่านนายอำเภอก็ได้มาร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งว่าเราอยู่ทางในเมืองหรือในมหาวิทยาลัย ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปช่วยโดยตรง จึงได้ทำแบบระดมทุน คิดว่ามีส่วนช่วยในการบรรเทาสิ่งที่ขาดเหลือในชนบท โดยเฉพาะในอำเภอสีชมพู ในปีนี้ให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
ด้าน รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า วัตถุประสงค์ การจัดงานหรีคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เป็นไปตามที่ท่านอธิการบดีฯได้กล่าวมาดังกล่าวข้างต้นแล้ว และรวมไปถึงการแสดงออกศักยภาพ ของคณบดี คณะฯ ต่างๆ ผู้อำนวยการสำนักด้วย และรวมไปถึงคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้วยความตั้งใจที่จะร่วมเฉลิมฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบาย Social Innovation หรือ การอุทิศเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน และนี่ก็คือความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่ได้จัดงานขึ้นในครั้งนี้ และที่สำคัญก็เปิดโอกาสให้บุคลากร และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีความสดชื่นและมีความสุข ในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ และฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งได้อุดหนุน SMEs หรือธุรกิจเล็กๆ วันนี้เราเปิดตลาดนัดแบบ Street food บายาบาซ่า เปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่แบบ Food truck มาร่วมออกบูธเพื่อจำหน่ายสินค้า เพื่อเป็นการต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการร้านเล็กๆอีกด้วย มาสนุกสนานร่วมกันเพื่อก้าวไปข้างหน้า กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เจริญรุดหน้าให้มากกว่านี้.
News.

 # "น้องอิง"MTK 12 น.ส.วิชญาดา  ชาติธีรรัตน์ เธอคือผู้ครองมงกุฎนางสาวไทยขอนแก่น ปี 67..การประกวดนางสาวไทยขอนแก่น THE QUE...
14/01/2024

# "น้องอิง"MTK 12 น.ส.วิชญาดา ชาติธีรรัตน์ เธอคือผู้ครองมงกุฎนางสาวไทยขอนแก่น ปี 67..

การประกวดนางสาวไทยขอนแก่น THE QUEEN STAR SOFT POWER ค้นหาเพชรล้ำค่า ผ่านม่านความงามเมืองดอกคูณ อารยธรรมร่วมสมัยจังหวัดขอนแก่น ได้ผ่านพ้นไปด้วยดี ผู้ได้ครอง มงกุฎนางสาวไทยขอนแก่นประจำปี 2567 คือนางสาววิชญาดา ชาติธีรรัตน์ (น้องอิง) MTK 12 คว้ารางวัลเครื่องเพชร พร้อมเงินรางวัลกว่า 3 ล้านบาท รองชนะเลิศอันดับที่ 1 คือ นางสาวสุภัตรา พุทธวงศ์ (น้องภัตจิ) MTK 16 รองชนะเลิศอันดับ 2 คือ นางสาววรรณกร พรานสูงเนิน (น้องตอง) MTK 06 รองชนะเลิศอันดับ 3 คือนางสาวปริฉัตร แข็งแรง (น้องขนมเนย) MTK 01 และรองชนะเลิศอันดับ 4 ซึ่งจะมีผู้ที่เข้ารอบจำนวน 3 คน คือ คนที่ 1.นางสาวณิชชา อิศรางกูร ณ อยุธยา (น้องนินา) MTK 18 ,คนที่ 2.นางสาวภัสสวลี สีอร่ามรุ่งเรือง (น้องข้าวหอม)MTK14 และคนที่ 3 นางสาวรัญญ์พัชชา อินทรพานิช (น้องมายด์)MTK 09
เมื่อค่ำวันที่ 13 ม.ค. 2567 ที่ศูนย์ประชุมแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (ไคซ์) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิด การประกวดนางสาวไทยขอนแก่น ประจำปี 2567 พร้อมมอบโล่รางวัลให้กับผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยมี นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,นางกรรณิกา กองฉลาด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น,ว่าที่ ร.อ.พงเจตน์ พรกรุณา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น,นางสาวปิยธิดา ทองแท่งไทย กรรมการบริหาร บริษัท หิมาลัย น้ำดื่ม และ หจก.เทพประทานพรทรัพย์รุ่งโรจน์ หรือกาแฟ เดอล่า ,นางสาวภัสสรศศิร์ ศรีแพงมน ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวไทย และผู้ถือลิขสิทธิ์นางสาวไทยจังหวัดขอนแก่น ,นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสานพิมาน กรุ๊ป ,หัวหน้าส่วนราชการ ,ผู้นำองค์กรเศรษฐกิจ ,ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ และผู้เข้าร่วมประกวดร่วมงาน
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนถือกุญแจแห่งประตูเมืองขอนแก่น
ด้วยพลัง ของ Soft Power จากความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บนเส้นทางความ
งาม ที่เดินทางตั้งแต่วันที่ 9 - 13 มกราคมนี้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางการ
ท่องเที่ยว ของอำเภอสีชมพู ความงดงามที่ผ่านการเรียงร้อยถ่ายทอดด้วยความประณีต รังสรรค์
ผ่านม่านความงาม ของ การประกวดนางสาวไทยขอนแก่น 2567 ความสง่างามของแกรนแคน
ย่อน ที่ภูผาม่าน ในสถานที่ Unseen Thailand ผสมผสานและพร้อมให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสใน
ความเป็นแกรนแคนย่อนของภูผาม่านที่เทพนครแกรนวิวภูผาม่าน ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย
รองรับมิตีใหม่ของการท่องเที่ยว ผสมผสานระหว่างวิถีชุมชนการชู อัตลักษณ์อาหารพื้นถิ่น ข้าวจี่
ฟักทอง
เมืองขอนแก่น คือ เมืองที่พร้อม ในการเป็นทั้ง HUB MEDICAL การรองรับการให้บริการ
ด้าน สุขภาพความงาม อสังหาริมทรัพย์ที่ผสมผสาน สิ่งแวดล้อม และความสะดวกสบาย
การบริการด้านแอพพลิเคชั่นในการรับส่งผู้โดยสารหรือการจองโรงแรม ทุกอย่างได้ถูกถักทอไว้ใน
ต้นแบบ ของกิจกรรม Soft Power นี้แล้ว บัดนี้ได้เวลาแล้วกระผมขอกล่าวเปิดงานหนึ่งในต้นแบบ
ของ Soft Power เกิดจากการร่วมมือของทุกฝ่ายๆ
ขอเสียงปรบมืออย่างเป็นทางการเพื่อเป็นการเปิดงานพร้อมการต้อนรับให้กับเวทีการ
ประกวดนางสาวไทยขอนแก่น 2567 THE QUEEN STAR SOFT POWER ค้นหาเพชรล้ำค่า ผ่าน
ม่านความงามเมืองดอกคูน อารยธรรมร่วมสมัย จังหวัดขอนแก่น
ด้าน นางสาวปิยธิดา ทองแท่งไทย กรรมการบริหาร บริษัท หิมาลัย น้ำดื่ม และ หจก.เทพประทานพรทรัพย์รุ่งโรจน์ หรือกาแฟ เดอล่า ผู้ให้การสนับสนุนหลัก กล่าวว่าภายใต้ Concept The Queen Star Soft Power ค้นหาเพชรล้ำค่ ผ่านม่านความงามเมืองดอกคูน อาร
ธรรมร่วมสมัย จังหวัดขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ ผลักดันจังหวัดขอนแก่น ให้เป็นที่รู้จัก โดยใช้กลยุทธการขับเคลื่อน คือ sot power ผ่านกิจกรรมดังนี้ วันที่ 9 มกราคม 2567 ทางกองประกวดได้นำผู้เข้าประกวดร่วมประชาสัมพันธ์ เส้นทางการท่องเที่ยว ภายใต้ Concept เส้นทางการท่องเที่ยว วิถี สีชมพูร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและเวทีกองประกวดนางสาวไทยขอนแก่น 2567 มุ่งเน้น สร้างความโดดเด่น ส่งเสริมอำเภอสีชมพูให้เป็นที่รู้จักผ่านกิจกรรมเวทีการประกวดนางสาวไทย 2567 เข้ามาผสมผสาน เชื่อมต่อเส้นทางด้วยการ โยงไปถึง
อำเภอภูผาม่าน
โดยเน้นกิจกรรมที่สอดรับกับธรรมชาติ ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ความสง่างามของแกรนแคนย่อน จุดถ่ายภาพ สถานที่พักผ่อน ที่รองรับกิจกรรมครอบครัว มีพื้นที่ให้ จัดแคมปีปิ้ง ที่เทพนครแกรนวิวภูผาม่านและ ร่วมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม กิจกรรมลอยกระทงที่คลองเทพนครนภาราตรีดาว รวมถึงการชูด้านอาหารพื้นถิ่น ข้าวจี่ฟักทอง ในวันที่ 10 มกราคม 2567 ช่วงเช้าของวันที่ 11 มกราคม 2567 ตักบาตรสะพานบุญ จากนั้นได้มุ่งหน้าเข้าสู่ เส้นทาง แห่งความศรัทธา เข้าสู่ พิธีตักบาตรดอกไม้ ที่วัดธาตุ ช่วงเวลา 17.00 น. เพื่อเป็นการสักการะ พระศรีสัตนาคนหุต (พระ-สี-
สัด-ตะ-นา-คะ-นะ-หุด)หรือ พระพุทธพระลับ และ พระประธานองค์ใหญ่ในอุโบสถ มีพระนามว่า พระเจ้าองค์ใหญ่สมปรารถนา มีความศักดิ์สิทธิ์ด้านการให้พรความสำเร็จในหน้าที่การงาน ภายในบริเวณวัดรอบพระธาตุเจดีย์ โดยนัยยะของ
การตักบาตรดอกไม้เพื่อให้ชีวิตมีแต่ความงดงาม สว่างไสว รุ่งเรือง ต่อมาในวันที่ 12 มกราคม 2567 เข้าสู่พิธี สักการะบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศาลหลักเมือง ช่วงเวลา 17.00 น. เป็นต้นไปเข้าสู่พิธีการเวียนเทียนด้วย ดอกเจริญรุ่ง หรือ ดอกคูน ที่หมายถึงความรุ่งเรือง ค้ำคูนเครือข่าย Soft Power ให้มีความแข็งแกร่ง และบอกถึงขอนแก่นยังมีแง่มุมเสน่ห์ด้านความเชื่อที่ไม่เคยหลับใหล ทั้งกลางวันและกลางคืน
นอกจากนี้ ทางกองประกวดยังมีแนวความคิด ในการนำกลยุทธ Soft Power เข้ามาขับเคลื่อน จังหวัดขอนแก่นในด้าน มิติทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับและประกาศให้ได้ทราบว่า จังหวัดขอนแก่น มีศักยภาพ รองรับการให้บริการที่
หลากหลาย ผ่าน เอกลักษณ์ ของจังหวัดขอนแก่น ในความเป็นเมืองแห่งอารยธรรมร่วมสมัย เมืองหน้าด่านปราการทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ สุขภาพความงาม อาหารและเทคโนโลยี ขึ้นมารองรับ การให้บริการที่ทันสมัย
เข้ากับสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี ได้อย่างผสมผสานลงตัว ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นการวางทิศทาง เมืองขอนแก่นให้เป็น Khon Kaen Center Service Hub of Thailand โดยเริ่มจาก เวทีการประกวดนางสาวไทยขอนแก่น 2567 เป็นเวทีของ Softe Ppower ตรงตามนโยบายและเป้าประสงค์ของทางผู้ว่าและจังหวัดได้ขึ้นแนวทางนี้ไว้ได้อย่างครบถ้วน
และในวันที่ 13 มกราคม เป็นวันที่ทางกองประกวดได้จัดให้เป็นวันประกวดรอบตัดสิน โดยมีวัตถุประสงค์และในวันที่ 13 มกราคม เป็นวันที่ทางกองประกวดได้จัดให้เป็นวันประกวดรอบตัดสิน โดยมีวัตถุประสงค์ ต้องการค้นหา ผู้เข้าประกวดนางสาวไทยขอนแก่น 2567 เพื่อจะมาเป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ดังกล่าว ภายใต้แนวความคิด THE QUEEN STAR SOFT POWER ค้นหาเพชรล้ำค่า ผ่านม่านความงามเมืองดอกคูน จังหวัดขอนแก่น.
News.

ที่อยู่

มิต
Khon Kaen
40000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Dokkoon Newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Dokkoon News:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Khon Kaen

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ