ดูดวงเพราะรักตัวเอง Predict Myself

17/12/2024

16/12/2024

Happy Fullmoon Iin Gemini kaaa

เหนื่อยไหมเอ่ยยย หรือว่ากำลังใช้เวลากับอะไรกันคะ
หรือมีคำถามในใจ

มาค่ะ ลิลพร้อมตอบคำถามให้คุณ เพียงคุณคอมเม้นต์ แบ่งปัน" Happy Moment" ของคุณกับคำถามที่คุณต้องการใต้โพสต์นี้

ขอขอบคุณสำหรับทุกคนที่แชร์หรือกดติดตามกันเข้ามานะคะ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลิลได้เติบโต ได้ทำในสิ่งที่รักค่ะ

ขอปิดรับคำถาม 17/12/2024 17.00 น.

รัก💖

#ถามอะไรตอบไปเรื่อย #ดูดวง #หินพยากรณ์

15/12/2024

Full Moon 15 Dec.
Working with Feminine Energy / Shadow work

คืนพระจันทร์เต็มดวงแห่งฤดูเหมันต์
ฤดูกาลแห่งการปลดปล่อย
Transform to Rebirth

ในคืนนี้เหมาะสำหรับการทบทวนตัวเอง RELEASE ตัวเอง
หรือลองทำ SHADOW WORK ดังนี

- สิ่งที่ควรปล่อยทิ้งไว้
- แล้วสิ่งนั้นสอนอะไรเราบ้าง
- เราให้อภัยกับตัวเองในเรื่องนั้น และผู้คนที่ผ่านเข้ามา
เป็นกระจกให้เราได้ไหม
- อยากขอบคุณอะไรสำหรับบทเรียน หรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาบ้าง
- เราจะก้าวต่อไปอย่างไรเมื่อได้ปล่อยสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว
- ตอนนี่รู้สึกอย่างไรบ้าง
- อยากเริ่มทำอะไรมากที่สุด

จากนั้นลองสรุปแผนพัฒนาตัวเองกันค่ะ อาจลองแบ่ง
เป็น 3ส่วน
1. BODY
2. MIND
3. SOUL

ในวันนี้อยากให้เน้นการสำรวจด้านจิตใจตัวเอง
เพราะเมื่อใจพร้อม กายพร้อม เราจะมองเห็นแผนภาพสำหรับตัวเองชัดเจนขึ้น แล้วก้าวไปสู่กระบวนการถัดไป
คือ การทำ VISION BOARD ต้อนรับ 2025

ด้วยรัก Ms.Magick

Cr.Pic : Moonstruck

15/12/2024

ท้ายสุดแล้ว การกลับมา grounding รู้เนื้อรู้ตัว มองเห็นตนเองทุกๆ ด้าน มันคือสิ่งที่ powerful ที่สุดแล้ว mindfulness is key!

15/12/2024

15/12/2024

พลังงานของสัปดาห์นี้: 🤎🥨🤎
15-21 ธันวาคม 2567
สัปดาห์นี้เหมือนกับเช้าที่หมอกบางเบาปกคลุม
ทุกอย่างดูนิ่งสงบ แต่กลับมีพลังงานบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง 😶‍🌫️🗺 เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทบทวนตัวเอง ปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็น และค่อย ๆ สร้างเส้นทางใหม่

ช่วงต้นสัปดาห์ พระจันทร์เต็มดวงในราศีเมถุนมาเยือน พร้อมกับพลังแห่งการสะท้อนสิ่งที่เราได้ทำไว้
💚ดาวพุธเดินหน้าอีกครั้งทำให้ทุกอย่างที่เคยติดขัดเริ่มคลายตัว
💛และเมื่อดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีมังกรในช่วงปลายสัปดาห์
เราจะเริ่มรู้สึกถึงความชัดเจนและความมั่นคงที่กำลังก่อตัว


วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม

🌕 พระจันทร์เต็มดวงในราศีเมถุน
🟢 ดาวพุธเดินหน้า

คืนพระจันทร์เต็มดวงนี้เหมือนเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างหยุดนิ่งเพื่อให้เราได้ทบทวนชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร
การปรับตัว และความชัดเจนในใจเรา

พลังจากดาวพุธที่กลับมาเดินหน้าอีกครั้งช่วยให้สิ่งที่เคยล่าช้าเริ่มขยับตัว เราอาจพบว่าการพูดคุยหรือการวางแผน
ที่ติดขัดก่อนหน้านี้กลับมาลื่นไหลอีกครั้งค่ะ

คำแนะนำสำหรับวันนี้
ลองเขียนไดอารี่เพื่อสะท้อนสิ่งที่เราต้องการปล่อยวาง หรือทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมพลังใจ เช่น การบำบัดด้วยกลิ่น การทำสมาธิ หรือการตั้งจิตอธิษฐาน..


วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม

⚡ Mercury trine Mars (Retrograde)

วันนี้เราอาจรู้สึกว่าความคิดของเราไหลลื่นกว่าปกติ เป็นวันที่เหมาะสำหรับการกลับไปทบทวนโปรเจกต์เก่า ๆ หรือหยิบไอเดียที่ยังค้างคามาปัดฝุ่นใหม่

พลังของ Mercury และ Mars จะช่วยเสริมให้เราคิดอย่างชัดเจนและมีแรงผลักดันในการลงมือทำ แม้จะเป็นเรื่องที่เคยรู้สึกว่าท้าทาย

คำแนะนำสำหรับวันนี้
ลองวางแผนการทำงาน คุยเรื่องสำคัญ หรือออกไปทำกิจกรรมที่กระตุ้นพลัง เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือการระดมความคิด


วันพุธที่ 18 ธันวาคม

🌞 Sun square Neptune

วันนี้อาจมีความรู้สึกสับสนหรือสงสัยในเส้นทางที่เรา
กำลังเดิน แต่ความไม่ชัดเจนนี้คือโอกาสในการปล่อยวางภาพลวงตาที่คุณเคยยึดติด

นอกจากนี้ การที่ Lilith opposition Chiron (Retrograde) ทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดหรือความไม่มั่นใจในตัวเองอาจกลับมา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเยียวยาและค้นพบพลังในตัวตนที่แท้จริง

คำแนะนำสำหรับวันนี้
ทำสมาธิเพื่อเยียวยา หรือสะท้อนถึงแผลใจเก่า ๆ ผ่านการเขียนหรือพูดคุยกับคนที่เราไว้ใจ


วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม

💖 Venus trine Jupiter (Retrograde)

นี่อาจเป็นวันที่เรารู้สึกถึงความสุขและความรักที่ล้นหลาม พลังจาก Venus และ Jupiter ช่วยให้เรามองเห็นความงดงามในสิ่งที่เรามี และเปิดโอกาสให้เราได้ทบทวนความสัมพันธ์ หรือกลับมาขอบคุณตัวเองและคนรอบตัวค่ะ

คำแนะนำสำหรับวันนี้
ออกไปดื่มกาแฟที่ร้านโปรด ไปสปา หรือใช้เวลานี้กับคนที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น😊


วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม

🌞 ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีมังกร

เมื่อดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีมังกร เราอาจเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน การเงิน หรือเป้าหมายระยะยาว วันนี้เป็นวันที่เหมาะสำหรับการวางแผนและลงมือทำอย่างจริงจัง

คำแนะนำสำหรับวันนี้
ลองตั้งเป้าหมายใหม่ วางแผนการเงิน หรือสร้างระบบในชีวิตที่จะช่วยให้เรารู้สึกมั่นคงขึ้น

บทสรุปของสัปดาห์นี้
ทุกช่วงเวลามีคุณค่า แม้จะมีความไม่แน่นอนหรือการสะท้อนสิ่งที่เราไม่อยากเผชิญ แต่จักรวาลมักพาเราไปในทิศทางที่เหมาะสมเสมอ🥰

Line@

#พลังแห่งดวงดาว

15/12/2024

คาร์ล จุง (Carl Jung) กล่าวไว้ว่า "ทุกส่วนประกอบของจิตใจล้วนแสวงหาการแสดงออกภายนอก"
นี่เป็นแนวคิดที่มีความสำคัญต่อโหราศาสตร์ เพราะมันชี้ให้เห็นว่าดาวเคราะห์แต่ละดวง (ในฐานะตัวแทนของจิตใจแต่ละส่วน) ต่างแสวงหาการแสดงออกของพลังงานเฉพาะตัวในชีวิตของบุคคลอย่างเท่าเทียมกัน
แนวคิดนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อเรามองว่าดาวเคราะห์เป็นสัญลักษณ์สำคัญของ “พลังงานต้นแบบ” (Archetypal Energies) ในโหราศาสตร์
แม้ว่าบางคนอาจยกให้ราศีหรือปัจจัยโหราศาสตร์อื่นๆ มีความสำคัญหลัก แต่ดาวเคราะห์ดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิดของพลังงานต้นแบบที่องค์ประกอบอื่นๆ ในโหราศาสตร์ (เช่นราศีหรือเรือนชะตา) โดยดึงเอาความหมายและความสำคัญมาจากมัน
เพราะในอดีต มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์เคยระบุได้ว่าดาวเคราะห์นั้นแตกต่างจากดวงดาวทั่วไปจากการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งบนท้องฟ้า
ดังนั้นหากเราแปลคำพูดของจุงเป็นภาษาของโหราศาสตร์ ก็อาจจะกล่าวได้ว่า "ดาวเคราะห์ทุกดวงในดวงชะตากำเนิดแสวงหาการแสดงออกภายนอก"
กระบวนการในการปรับตัวและแสดงพลังงานที่หลากหลายเหล่านี้ออกมา เป็นพลวัตพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตทางจิตวิทยา
นอกจากนี้จุงยังกล่าวไว้ด้วยว่า "เมื่อสถานการณ์ภายในไม่ถูกทำให้ตระหนักรู้ มันจะปรากฏเป็นชะตากรรม (โชคชะตา) ในโลกภายนอก" ซึ่งเป็นมุมมองที่สำคัญต่อโหราศาสตร์เช่นกัน
โดยการสำรวจและขยายความหมายของแนวคิดทั้งสองนี้ช่วยให้เราเข้าใจเชิงลึกของแผนที่แอสโตร-คาร์โทกราฟี่
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ “ปฏิกิริยาที่แตกต่างกันของกลุ่มอายุ” ต่อความเป็นคู่ของพลังงานของดาวเคราะห์ในระดับจิตวิทยา เช่นเดียวกับแนวทางในการเข้าใจดาวเคราะห์ที่ไม่เป็นมิตร (Hostile Planets) หรือดาวเคราะห์ที่ทำให้บุคคลรู้สึกว่าแปลกแยกหรือขัดแย้งกับความรู้สึกภายในของตัวเอง
การอาศัยอยู่ในสถานที่ที่อยู่ภายใต้พลังงานมุมของดาวเคราะห์เหล่านี้ย่อมทำให้เกิดประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
คาร์ล จุงยังเป็นหนึ่งในนักจิตวิทยาไม่กี่คนในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่อธิบายถึง “ความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่างสองช่วงชีวิตของมนุษย์”
ในขณะที่โลกตะวันตก ซึ่งมีรากฐานมาจาก “ลอจิกัลโพสิทีฟวิสม์” (logical positivism) และวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุของนิวตันและเดการ์ต เชื่อว่ามนุษย์เติบโตทั้งทางจิตใจและร่างกายจนถึงอายุประมาณ 21 ปี และคงความเป็นผู้ใหญ่ในระดับนี้จนถึงอายุ 60 ปี โดยหลังจากนั้นจะเริ่มเสื่อมลง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
มุมมองนี้สอดคล้องกับปรัชญาเหตุและผลในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมองว่าสิ่งของจะอยู่นิ่งหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงหากไม่มีแรงภายนอกมากระทำ และไม่มีการพิจารณาคุณลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์หรือเวลา เนื่องจากการรับรู้ในลักษณะนี้ไม่สามารถวัดหรือวิเคราะห์เชิงวัตถุได้
ต่อมาในศตวรรษที่ 20 ด้วยผลงานของ ไฮเซนเบิร์ก (Heisenberg) และ ไอน์สไตน์ (Einstein) ความจริงเชิงคุณภาพ (Qualitative Realities) เริ่มได้รับการยอมรับให้มีตัวตนในบางลักษณะ
โดยในสาขาจิตวิทยา คาร์ล จุง (Carl Jung) ก็ได้บุกเบิกแนวคิดเกี่ยวกับช่วงชีวิตที่แตกต่างกันเชิงคุณภาพ ซึ่งสะท้อนถึงรูปแบบความรู้สึกตัวที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาในชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้โลกตะวันตกทั้งหมดเป็นหนี้บุญคุณต่อเขา
ในงานเขียนที่รวบรวมไว้ของเขา จุงมักอธิบายชีวิตว่าเป็นเหมือน "ช่วงเช้า" และ "ช่วงบ่าย" ซึ่งเป็นสองช่วงเวลาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยถูกมองภายใต้กฎทางจิตวิทยาที่ต่างกันสำหรับแต่ละบุคคล
ในช่วงวัยรุ่นและครึ่งแรกของชีวิต “โลกภายนอกดูเหมือนมีความจริงแท้ชัดเจน” และมักขัดขวางอัตตา (ego) และความปรารถนาของมัน เพื่อหล่อหลอมอัตตาให้แข็งแกร่งขึ้นผ่านการเผชิญกับความท้าทาย
การมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มักถูกมองว่าไม่เป็นมิตรในช่วงนี้ จึงสร้างและเสริมสร้างอัตตาให้แข็งแกร่งขึ้น
ในช่วงชีวิตนี้ “ความเป็นคู่ตรงข้าม” (Polarities) ที่เราทุกคนต้องเผชิญมักปรากฏชัดเจนที่สุด ตัวอย่างเช่น เพศชายและหญิงดูแตกต่างกันอย่างเด่นชัดในกิจกรรมและความสนใจของพวกเขา ทำให้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยว่าคนไหนเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงจากการแต่งกายของพวกเขาในช่วงก่อนวัยรุ่น หรือกลุ่มเพื่อนในวัยเยาว์มักแยกตัวจากกันอย่างชัดเจน โดยกลุ่มต่างๆ อาจมีวิธีการแต่งกายและการพูดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งบางครั้งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าอย่างรุนแรง หากมีใครบางคนจากกลุ่มหนึ่งบังเอิญล่วงล้ำพื้นที่หรือความสนใจของอีกกลุ่มหนึ่ง
ในช่วงนี้จึงมักมีลักษณะของ “จิตวิญญาณแบบชนเผ่า” (Tribal Ethos) และความเป็นกลุ่มรวมที่เข้มแข็ง
ในช่วงวัยเยาว์มากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ “สิ่งต่างๆ มักถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน (self) หรือเป็นสิ่งที่แปลกแยกและตรงข้ามกับตัวตน (Not-Self)”
สำหรับดาวเคราะห์และพลังต้นแบบของพวกมัน (Archetypes) ก็ถูกสัมผัสในลักษณะเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เด็กทุกคนมักจะเชื่อมโยงกับพลังของ “ดวงจันทร์” (Moon) ได้อย่างใกล้ชิด แต่กลับไม่ค่อยเข้าใจหรือเข้าถึง “ดาวเสาร์” (Saturn)
เด็กมักมองวิธีคิดและการกระทำแบบดาวเสาร์ว่าเป็นพลังงานจากภายนอกที่มาจากอำนาจของผู้ใหญ่ เช่น ข้อจำกัดของพ่อแม่ กฎระเบียบของครูในโรงเรียน การห้ามออกนอกบ้าน (Curfew) กฎหมายที่บังคับใช้โดยตำรวจ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำหนด
ในความเป็นจริง “วัยรุ่นดูเหมือนจะสร้างกลุ่มย่อยที่สามารถเชื่อมโยงกับดาวเคราะห์บางดวงในเชิงโหราศาสตร์ได้โดยเฉพาะ”
ตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนมัธยมของสหรัฐฯ เราอาจพบสองกลุ่มสังคมที่ถูกจัดหมวดหมู่ต่างๆ ตามกาลเวลา เช่น “ร็อกเกอร์” หรือ “ฮิปปี้” กับ “เนิร์ด” หรือ “จ็อก”
โดยสิ่งที่แยกความแตกต่างระหว่างกลุ่มเหล่านี้คือ กลุ่มแรกมักมีลักษณะกบฏ ใส่เสื้อผ้าที่ท้าทายแฟชั่น (และมักละเมิดกฎการแต่งกาย) มีแนวโน้มทดลองใช้ยาเสพติด สนใจงานศิลปะ และทำสิ่งที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนในกลุ่ม
ในขณะที่ “เนิร์ด” และ “จ็อก” ถึงแม้จะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ทั้งคู่ยังถือว่ามีลักษณะดั้งเดิม (Straitlaced) เมื่อเทียบกับร็อกเกอร์และฮิปปี้ พวกเขามักปฏิบัติตามกฎระเบียบ และพยายามสร้างความเป็นเลิศในด้านที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ เช่น การเรียนหรือกีฬา
ดาวเคราะห์ที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ตรงข้ามกันเหล่านี้คือ “ยูเรนัส” (Uranus) และ “พฤหัส” (Jupiter)
คาร์ล จุง (Carl Jung) เสนอว่า เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การแบ่งขั้วเหล่านี้มักจะเริ่มจางหายไป เนื่องจากบุคคลเริ่มแสวงหาการรวมตัว (Synthesis) ระหว่างพลังงานที่แตกต่างกันเหล่านี้
เมื่อเราเติบโตขึ้น การเพิ่มพูนประสบการณ์ในต้นแบบที่เราเคยพัฒนามาในวัยหนุ่มสาวจะดูไม่น่าสนใจอีกต่อไป และสิ่งที่เราไม่ได้เป็นกลับกลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดและน่าหลงใหลสำหรับเรา
ดังนั้น หลังวัยกลางคน ดาวเคราะห์ในพื้นดวงที่เราเคยฉายพลังออกไปยังผู้อื่นหรือเก็บไว้ภายในตัวเองในฐานะโหมดของจิตสำนึกที่แบ่งแยก จะเริ่มปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกภายนอก
โดยที่ความผูกพันแบบกลุ่ม (Tribal Affiliations) ที่เคยมีในวัยรุ่นจะลดความสำคัญลง และกระบวนการของ “การเป็นปัจเจกบุคคล” (Individuation) หรือการค้นหาตัวตนที่แท้จริงจะกลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

:)

ส่วนหนึ่งจากบทแรกของหนังสือ : The Psychology of Astro*Carto*Graphy

ปล. แปลจบแค่บทแรกก็คล้ายๆ จะมีเลือดออกตามไรสมอง -_-

#แอสโตรคาร์โทกราฟี่

14/12/2024

14/12/2024

เพื่อนๆเคยสงสัยกันไหมว่า อะไรทำให้เราต้องพบเจอเรื่องราวที่เราไม่ต้องการ เรื่องราวที่ทำให้เราต้องเศร้า ต้องเสียใจ ทำไม?
ถ้าเพื่อนๆเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดมาจากตัวเรา...และเกิดมาเพื่อเรา...
คำถามสำคัญคือ
- อะไรในตัวเราที่เรียกร้องให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น
- เราทำอะไรลงไปกับตัวเอง และคนรอบข้างบ้างกับเรื่องราวนี้
- เราตัดสินตัวเองอย่างไรกับเรื่องราวนี้
- เราได้เรียนรู้อะไรที่ให้คุณค่ากับตัวเองบ้าง
เมื่อเราพบกับคำตอบที่แท้จริง ความชัดเจนนั้นจะนำพาเราไปพบขุมทรัพย์แหล่งพลังงานที่มีค่า เปรียบเสมือนของขวัญแห่งชีวิตที่มีเพียงเราเท่านั้นที่ได้สิทธิ์ครอบครองมันไว้ และใช้มันเพื่อความสุขของตัวเอง
มาร่วมเดินทางค้นหาขุมทรัพย์นี้ไปด้วยกัน กับ workshop ที่ติและพลอยตั้งใจจัดขึ้นเป็นของขวัญให้กับตัวเองและเพื่อนๆทุกๆคนที่เห็นโพสนี้ ให้ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงใน workshop นี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการตกผลึกกับเรื่องราวทั้งปีที่ผ่านมา เพื่อให้เราได้เรียนรู้และไปต่อกับชีวิตของเราในปีหน้าอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ
ถ้าเพื่อนๆพร้อมและสัญญากับตัวเองว่าจะยอมทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อให้มีความสุขมากขึ้นอย่างน้อย 1% ในทุกๆวัน ติเชื่อว่า workshop นี้จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ตัวเองสำหรับพวกเราทุกคน
สัญญากับตัวเอง แล้วทักติมาได้เลยนะคะ
Workshop: UNWRAP YOUR GIFTS
วันที่ 22/12/24 เวลา บ่ายโมง - บ่ายสามโมง
ที่ Eternal Heart Healing จังหวัดขอนแก่น
เส้นทางนี้ถึงจะเหนื่อยแต่ไม่เหงา ถ้าเราเดินทางไปด้วยกันค่ะ แล้วพบกันนะคะ

14/12/2024

ในวันที่อยากรักตัวเองให้มากขึ้น
เริ่มต้นจากการยอมรับ...
ข้อที่ 1 “เป็นมนุษย์ให้มากขึ้น”
ทุกคนเจ็บปวดและร้องไห้ได้
ความอ่อนแอคือส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ทุกคน
ไม่ใช่สิ่งที่ถูกจำกัดไว้สำหรับเพศใดเพศหนึ่งหรือช่วงอายุเท่าใด
ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย เพศใดๆ เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ก็ควรได้รับการอนุญาตให้อ่อนแอได้
ถ้าวันใดที่ไม่ไหวและต้องการใครสักคน เราควรกล้าที่จะขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่จากคนใกล้ชิด ก็ควรที่จะขอจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และนักบำบัดต่างๆ
“อย่าเก็บเรื่องราวไว้คนเดียว จนเรื่องราวเหล่านั้นกัดกินเราจากข้างใน”
มนุษย์ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา
สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่าความเข้มแข็งคือ “การใจดีกับตัวเอง”
ข้อที่ 2 “เป็นตัวเองให้มากขึ้น”
ทุกคนเกิดมามีความแตกต่างกัน
พ่อแม่กับตัวเราก็คนละคนกัน
พี่น้องของเราก็คนละคนกัน
หรือต่อให้เป็นฝาแฝดก็คนละคนกัน
ดังนั้นไม่ควรมีใครควรต้องเหมือนใคร
และไม่ควรมีใครต้องมาแบกรับความคาดหวังว่าเราต้องเป็นเหมือนใคร
การเป็นตัวเองคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว การโอบกอดตัวเองทั้งด้านดีและไม่ดีจะทำให้เรายอมรับตัวเราในแบบที่เราเป็นได้มากขึ้น เร่ิมต้นจากการมองให้เห็นด้านดี และเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงด้านไม่ดีของเรา
และสุดท้ายหากพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงด้านไม่ดีนั้นได้
เราควรเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่กับด้านที่ไม่ดีของเราด้วย
ข้อที่ 3 “เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับคนที่เรารัก”
เมื่อรักตัวเองแล้ว อย่าลืมเผื่อแผ่ความรักนั้นให้กับคนที่รอบตัวเรา
รักตัวเองอย่างที่ตัวเองเป็น และรักผู้อื่นอย่างที่เขาเป็น
ถ้าสักวันหนึ่งเรามีโอกาสมีลูกของเราเองก็อย่าลืมรักเขาในแบบที่เขาเป็นด้วย
สภาพแวดล้อมที่ดีจะนำไปสู่การเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกัน
เริ่มต้นการเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีด้วยการเป็น “ผู้ฟังท่ีดี”
ฟังเพราะอยากจะรับฟัง และเคียงข้าง
ฟังเพราะอยากจะเข้าใจ ไม่ใช่ตัดสิน
และฟังเพราะ ไม่อยากให้อีกฝ่ายแบกรับปัญหาอย่างโดดเดี่ยว
เมื่อรับฟังเสียงของคนที่เรารักแล้ว อย่าลืมที่จะรับฟังเสียงของใจตัวเองด้วย
***
สุดท้ายในวันที่เรากลายเป็นผู้ใหญ่ และได้มีโอกาสดูแลเด็กน้อยสักคนหนึ่ง
“อย่าลืมมอบความรักให้เด็กวันนี้ให้มากพอ เพื่อที่เขาจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่รักตัวเองและรักผู้อื่นเป็น”
เพราะสำหรับเด็กๆ แล้วความรักที่ได้รับในวัยเยาว์คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตต่อไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา