Nbt Phuket Thailand

Nbt Phuket Thailand นำเสนอข่าวสารนโยบายภาครัฐ สู่ประชาชน

กรมการปกครอง นำหมายศาลเข้าจับกุมหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนชาย
16/01/2025

กรมการปกครอง นำหมายศาลเข้าจับกุมหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนชาย

NBT South ช่อง 11 ดิจิทัล ภูเก็ต กรมการปกครอง นำหมายศาลเข้าจับกุมหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนชาย

ราชภัฏภูเก็ตแฟร์
16/01/2025

ราชภัฏภูเก็ตแฟร์

ราชภัฏภูเก็ตแฟร์

สายช็อปต้องห้ามพลาด ช็อปสินค้าดีลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท
16/01/2025

สายช็อปต้องห้ามพลาด ช็อปสินค้าดีลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท

สายช็อปต้องห้ามพลาด ช็อปสินค้าดีลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษามูลนิธิไฮเน็ค
16/01/2025

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษามูลนิธิไฮเน็ค

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษามูลนิธิไฮเน็ค

ประการังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวไม้งาม พบยังอุดมสมบูรณ์
16/01/2025

ประการังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวไม้งาม พบยังอุดมสมบูรณ์

ประการังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวไม้งาม พบยังอุดมสมบูรณ์

นายกฯ มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2568
16/01/2025

นายกฯ มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2568

นายกฯ มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2568

งานวันครูแห่งชาติภูเก็ต ครั้งที่ 69 พ.ศ.2568
16/01/2025

งานวันครูแห่งชาติภูเก็ต ครั้งที่ 69 พ.ศ.2568

งานวันครูแห่งชาติภูเก็ต ครั้งที่ 69 พ.ศ.2568

16/01/2025

Live🔴 ข่าวเด่นประเด็นใต้ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เวลา 16.00 - 17.00 น.
#ข่าวเด่นประเด็นใต้ #ข่าวและเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ #กดช่อง11NBTภาคใต้

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับชุดปฏิบัติการปกครองจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าจั...
16/01/2025

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับชุดปฏิบัติการปกครองจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าจับกุม #หนุ่มหื่นมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ เยาวชนชาย อายุ 15 ปี ถ่ายคลิปไปปล่อยในกลุ่มลับบนโลกออนไลน์
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ภายใต้การอำนวยการของ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง โดยมี นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับชุดปฏิบัติการปกครองจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำกำลังฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำหมายจับและหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าจับกุมและค้นบ้านผู้ต้องหาชายวัย 43 ปี ที่มีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนชาย วัย 15 ปี กำลังเรียนชั้น ม.3 และถ่ายคลิปขณะร่วมเพศ เพื่อนำไปปล่อยในกลุ่มปิดบนโลกออนไลน์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรมการปกครองได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านองค์กรพัฒนาเอกชน ชายเอ็นเทีย ว่ามีผู้เสียหายเป็นนักเรียนชาย อายุ 15 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมต้น ถูกล่วงละเมิดทางเพศและนำคลิปวีดีโอไปเผยแพร่ใน ทวิตเตอร์ หรือ X โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเด็กนักเรียน แล้วล่อลวงให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ พร้อมกับมีการถ่ายคลิปภาพและวีดีโอ นำไปเผยแพร่ต่อในกลุ่มผู้ที่มีความชื่นชอบในรักร่วมเพศ ซึ่งผู้ต้องหาเป็นชายที่มีรสนิยมทางเพศกับเด็กชาย โดยพาเด็กไปมีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่สาธารณะ และมีการล่อลวงให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบพร้อมกันหลายคน หรือเซ็กหมู่ และแต่ละครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะไม่มีการป้องกัน โดยอ้างกับเด็กว่าได้ใช้ยาต้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว จึงไม่มีอันตรายกับการมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละครั้ง
สำหรับการเข้าจับกุมในครั้งนี้ ชุดปฏิบัติการได้แสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรม ขณะขับรถยนต์ออกจากบ้านพักในตัวเมืองภูเก็ตเพื่อไปทำงาน เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันนี้ (16 ม.ค.68) พร้อมอ่านหมายศาลให้ผู้ต้องหาได้รับทราบในการกระทำผิด ก่อนนำตัวเข้าตรวจค้นบ้านพัก โดยสามารถตรวจยึดของกลางที่ปรากฎอยู่คลิปก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาตรวจสอบประกอบคดี ได้แก่ ถุงยางอนามัยจำนวนมาก สารหลอดลื่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เสื่อ ฯลฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ก่อนนำตัวขึ้นรถตู้กรมการปกครองมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทั้งหมด พร้อมชี้จุดในการมีเพศสัมพันธ์บนรถยนต์ของตัวเอง ด้วย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่า มีคลิปภาพที่มีความสัมพันธ์กับเยาวชนชายมากกว่า 1,400 คลิป และมีเหยื่อที่ถูกกระทำเป็นเยาวชนชายมากกว่า 10 คน ซึ่งมีทั้งเยาวชนชายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและต่างจังหวัด เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นนักวิ่งที่จะเข้าร่วมกิจกรรมงานวิ่งในพื้นที่ต่างๆ เพื่อหาเหยื่อก่อนล่อล่วงมาละเมิดทางเพศในสถานที่ที่นัดหมาย จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287/1 ข้อหา พรากผู้เยาว์อายุสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลฯ นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลฯ ที่มีลักษณะอันลามก ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) และหากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหานำคลิปภาพและวีดีโอของเด็ก ไปแสวงหาประโยชน์อื่นจะแจ้งข้อกล่าวหาค้ามนุษย์เพิ่มเติม ด้วย
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมของกระทรวงมหาดไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า “หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย คือ มุ่งเน้นการจัดระเบียบสังคมเพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัย สิ่งใดที่ขัดกับความมุ่งหมายนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องใช้กลไกของรัฐในการกำจัดให้สิ้นไป”
และเด็กเป็นบุคคลเปาะบางทางสังคมเสี่ยงต่อการถูกชักจูงหรือล่อลวงจนตกเป็นเหยื่อผุ้เสียหายจากคดีอาญา นอกจากนั้นควรมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม สื่อลามกอนาจารเด็กไม่ว่าจะรับมาจากช่องทางใด แค่มีไว้ในครอบครอง ก็ย่อมมีความผิดตามกฎหมายแล้ว เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายคือไม่ต้องการให้มีการละเมิดทางเพศต่อเด็ก การมีคลิป มีภาพ เสียงเหล่านี้ย่อมก่อให้เกิดการละเมิดทางเพศต่อเด็ก ประชาชนต้องช่วยกันเป็นหู เป็นตา หากพบเห็นเบาะแส หรือต้องการแจ้งให้ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน สามารถแจ้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567

16/01/2025
16/01/2025
เดินหน้าสอบต่อ OPPO-realme ในแง่กฎหมาย เพื่อดูแลคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค📌บทสรุป จากกรณีที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงิน...
16/01/2025

เดินหน้าสอบต่อ OPPO-realme ในแง่กฎหมาย เพื่อดูแลคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค
📌บทสรุป
จากกรณีที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงิน สินเชื่อความสุข และ Fineasy มาในสมาร์ทโฟน OPPO และ realme ล่าสุดนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญตัวแทนจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้ารายงานความคืบหน้า เบื้องต้นได้ข้อสรุปการดำเนินการ 1) ขอความร่วมมือค่ายมือถือลบแอปฯ กู้เงินออก 2) เตรียมตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานร่างกฎหมายที่สามารถตรวจสอบแอปพลิเคชันทั้งที่ติดมากับมือถือและที่ดาวน์โหลดจากแอปสโตร์/เพลย์สโตร์ และ 3) ให้ สคบ.ประสาน บก.ปคบ. รับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เตรียมออกมาตรการ ตรวจสอบการติดตั้งแอปพลิเคชันลงในโทรศัพท์มือถือก่อนวางจำหน่าย
📌รายละเอียด
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้เรียก OPPO และ realme เข้ามาชี้แจงกรณีแอปพลิเคชันกู้เงินแล้ว และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารายงานความคืบหน้าสถานการณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ได้รับรายงานใน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก คือ มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้ง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงเป็นเรื่องที่ต้องเชิญหน่วยงานมารายงานสถานการณ์ ในส่วนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. และถ้ามีผู้ร้องเรียนก็จะดำเนินการ หากใครที่ถูกละเมิดสิทธิ หรือได้รับผลกระทบจากการใช้สินค้า และบริการดังกล่าวสามารถแจ้งมาที่ สคบ. ได้
📌ดีอี ขอความร่วมมือบริษัทมือถือถอนแอปฯ กู้เงินออก เตรียมตั้งคณะกรรมการทำงานเชิงรุก
(15 ม.ค. 68) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการกำกับดูแลกรณีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีแอปพลิเคชันกู้เงิน พร้อมด้วย นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมประชุม
📌มีการหารือใน 3 ประเด็นหลัก
1. การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประสานงานกับบริษัทมือถือให้ถอดแอปพลิเคชันออก แต่ยังไม่มีมาตรการหรือกฎหมายบังคับใช้ จึงต้องขอความร่วมมือจากบริษัทเหล่านั้น
2. การป้องกันความเสียหายในอนาคต : มีแผนจัดตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานเพื่อร่างกฎหมายที่สามารถตรวจสอบแอปพลิเคชันทั้งที่ติดมากับมือถือและที่ดาวน์โหลดจากแอปสโตร์/เพลย์สโตร์ พร้อมให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพหลักในการตรวจสอบเชิงรุก
3. การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน : สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รับเรื่องร้องเรียนเพื่อช่วยเหลือทางแพ่งและประสานงานกับ บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิด ขณะนี้มี
ผู้มาร้องเรียนต่อ สคบ. ประมาณ 20 ราย และมีผู้ร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภคอีกส่วนหนึ่ง ประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166
📌รองนายกฯ ประเสริฐ เตรียมออกมาตรการ ตรวจสอบการติดตั้งแอปพลิเคชันลงในโทรศัพท์มือถือก่อนวางจำหน่าย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี เชิญ 2 บริษัทโทรศัพท์มือถือที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันกู้ยืมเงินในเครื่องก่อนวางจำหน่ายว่า เดิมเรื่องนี้ไม่ได้มีมาตรการดูแล เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ต้องกำหนดมาตรการในเรื่องของการ ลงซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุปกรณ์แท็บเล็ต ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเอาผิดมือถือทั้ง 2ค่ายได้ ส่วนเรื่องของการขออนุญาตกู้ยืมเงินเกี่ยวข้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันว่าไม่ได้มีการขออนุญาต และเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แอปพลิเคชันจะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ รุ่นอื่นๆ ที่มีการวางจำหน่ายเพิ่มเติมด้วยทั้งหมด
📌สภาผู้บริโภค เสนอ 6 แนวทางแก้ปัญหาแอปฯ กู้เงิน
สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) เสนอ 6 แนวทางสำคัญในการแก้ปัญหา เพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้บริโภคทุกคน
- คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ต้องตรวจสอบว่าทั้ง 2 บริษัทเข้าข่ายละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนหรือไม่ และต้องมีการเปรียบเทียบปรับทางปกครองกับบริษัท โดยด่วน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้
- ยกระดับความปลอดภัยของมือถือ
กสทช. ที่กำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยของมือถือ ต้องตอบคำถามว่า การแอบติดตั้งแอปฯ กู้เงินเถื่อนโดยไม่ได้ยินยอมและอาจมีการดูดข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เข้าข่ายเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
- ตรวจสอบความโปร่งใสของสินเชื่อออนไลน์
สินเชื่อความสุข และ Fineasy เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังไม่มีคำตอบว่าได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังหรือไม่ หากไม่ได้รับอนุญาตกระทรวงการคลังและมีการเรียกดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
- คืนเงินและยกเลิกหนี้ที่ไม่เป็นธรรม
เสนอให้ผู้บริโภคคืนเพียงเงินต้นแล้วปิดหนี้ ส่วนผู้บริโภคที่จ่ายดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด สามารถฟ้องร้องเรียกเงินคืน ตามกฎหมาย ซึ่งสภาผู้บริโภคพร้อมฟ้องคดีกลุ่มให้คืนเงินกับผู้เสียหายทุกราย โทรสายด่วน 1502 และขอให้บริษัท OPPO และ realme เปิดเผยบริษัทที่ให้บริการเงินกู้โดยด่วนเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้
- ลงโทษผู้ปล่อยกู้ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง
การปล่อยกู้ออนไลน์ที่ไม่ได้ให้สัญญากู้เงินตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 สคบ. ต้องสั่งปรับตามกฎหมาย กรณีละ 200,000 บาทตามกฎหมาย
- จัดการการทวงหนี้ผิดกฎหมาย
การกระทำของแอปฯ กู้เงินเถื่อนสินเชื่อความสุข – Fineasy น่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทวงหนี้ฯ ที่ผิดกฎหมายเพราะติดตามหนี้คนรอบข้าง ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย เรียกร้องกระทรวงมหาดไทยต้องเข้ามาจัดการตามกฎหมาย
Fineasy ระบุวิธีปิดการใช้งานแอปฯ โดยสามารถกดแอปฯ Fineasy ค้างไว้ เลือกข้อมูลแอป และเลือกปิดใช้งาน ส่วนสินเชื่อแห่งความสุข สามารถกดแอปฯ ค้างไว้ เลือกถอนการติดตั้ง
#เดินหน้าสอบต่อOPPO-realmeในแง่กฎหมายเพื่อดูแลผู้บริโภค #แอปฯกู้เงินในมือถือ #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #ดีอี #สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค #สคบ #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

นายกฯ มอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เน้นประสิทธิภาพ📌บทสรุป(15 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกร...
16/01/2025

นายกฯ มอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เน้นประสิทธิภาพ
📌บทสรุป
(15 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบายหลักเกณฑ์และแนวทางในการจัดทำงบประมาณตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ประหยัด คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ ตอบสนองกับโลกในศตวรรษที่ 21 โดยให้เข้าใจบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกและสถานการณ์ของประเทศ เพื่อจัดงบประมาณที่ตอบโจทย์แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เน้นย้ำไม่ลดสัดส่วนงบลงทุน เพิ่มประสิทธิผล และพัฒนากำลังคนที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าข้าราชการเกือบ 2 ล้านคนจะดูแลคนไทยทั้ง 66 ล้านคนด้วยความใส่ใจ ด้วยการใช้จ่ายเงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ช่วยเติมความหวัง สร้างโอกาส และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยให้หน่วยรับงบประมาณ ส่งคำของบประมาณ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568

📌รายละเอียด
(15 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบายหลักเกณฑ์และแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อนำไปปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ ได้เน้นย้ำถึงจุดประสงค์สำคัญในการจัดทำงบประมาณปี 2569 โดยต้องทำให้ทุกคนมองเห็นภาพเดียวกัน ว่าจะร่วมกันเปลี่ยนแปลงความท้าทายของการพัฒนาประเทศให้เป็นความหวังและเป็นโอกาสให้ประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ตรงจุดได้ โดยวางแผนการใช้งบฯ ปี 2569 ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด ผ่านการยกระดับมาตรฐานการทำงานของภาครัฐให้ตอบสนองกับโลกในศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายด้วย “การเติบโตทางประสิทธิผล” หรือ “Efficiency GROWTH” ต้องใช้งบฯ ให้แม่นยำ ทำงานให้ตรงเป้าหมาย ดังนี้
(1) ไม่ลดสัดส่วนงบลงทุน และอุดหนุนเพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
(2) ไม่เพิ่มงบดำเนินงาน เน้นเพิ่มประสิทธิผล แต่ไม่เพิ่มงบประมาณ
(3) ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ และดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึง และเท่าเทียม
พร้อมเชื่อมั่นในประเทศไทยและคนไทยที่มีศักยภาพ ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะสามารถสร้าง “การเติบโตด้านประสิทธิผล” หรือ “Efficiency GROWTH” เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเร่งด่วนให้คนไทย ทำให้พี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดี เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี
จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐกิจ-สังคม-ความมั่นคง-การบริหารรัฐกิจ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดทำงบประมาณฯ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ได้แก่
 การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ
• แก้หนี้ครัวเรือนทั้งระบบ
• DIGITAL WALLET
• การท่องเที่ยว
• อุตสาหกรรม/SMEs
• การต่างประเทศ
• การเกษตร
• พลังงาน
• โครงสร้างพื้นฐาน
 การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต
• สาธารณสุข
• การศึกษา
• Soft Power
• ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
• ยาเสพติดและอาชญากรรม/อาชญากรรมออนไลน์
• สิ่งแวดล้อม
 การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ด้านความมั่นคง
• กองทัพ
 การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ด้านการบริหารรัฐกิจ
• กฎระเบียบ
• E-Government
• ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ นิติธรรม
ย้ำจัดงบ 69 ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ-ประหยัด-คุ้มค่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายสำคัญของรัฐบาลทั้งนโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะกลาง และระยะยาว ถูกกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ครอบคลุมทุกประเด็น ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 3,780,600 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2568 ได้ไม่มากนัก แต่มีรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายจำนวนมาก โดยให้หน่วยรับงบประมาณ ส่งคำของบประมาณ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568
ดังนั้น ในการขอรับการจัดสรรงบประมาณขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นเท่าที่จำเป็น จะต้องไม่เป็นการเพิ่มรายจ่ายประจำ ด้วยข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณขอให้ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการทำงานของภาครัฐ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เกิดประโยชน์ทุกบาททุกสตางค์กับประชาชนอย่างแท้จริง รวมทั้งขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 24 ธันวาคม 2567 เรื่องแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2569 – 2572) อย่างเคร่งครัด ดังนี้
(1) ให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้เทียบเคียงการดำเนินการกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับประเทศไทย เพื่อให้ภาครัฐมีงบประมาณที่เพียงพอ สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่าง ๆ
(2) ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้มีความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ทั้งนี้ ในการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณ ให้เสนอขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนของภาครัฐด้วย
(3) ให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ หรือเงินสะสม นำเงินดังกล่าวมาใช้ดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นลำดับแรก รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินอื่นเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสมด้วย เช่น เงินกู้ PPP (Public-Private Partnership) เพื่อลดภาระงบประมาณในภาพรวมของประเทศ
(4) ให้กระทรวง และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนและนักลงทุนจากต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย
📌นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า “สิ่งสำคัญที่พูดคุยกันในวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการจัดทำงบประมาณของปี พ.ศ. 2569 แต่ยังรวมถึงเป้าหมาย และวิธีการ ที่ราชการจะช่วยกันเปลี่ยนงบประมาณของประเทศให้เป็นความหวังและโอกาสของประเทศชาติและประชาชน ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าข้าราชการเกือบ 2 ล้านคนจะดูแลคนไทยทั้ง 66 ล้านคนด้วยความใส่ใจ โดยการใช้จ่ายเงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ซึ่งหวังว่าการจัดทำงบประมาณและบูรณาการงบประมาณในมิติพื้นที่จะทำให้แผนงานโครงการของงบประมาณ ปี 2569 เป็นงบประมาณที่ช่วยเติมความหวัง สร้างโอกาส และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว”
#นายกมอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี2569เน้นประสิทธิภาพ #สำนักนายกรัฐมนตรี #สำนักงบประมาณ #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

🚨 #ภูเก็ต-แจ้งข่าวการจัดงานอีเวนท์ใหญ่ หลีกเลี่ยงเส้นทาง เนื่องด้วยในระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2568 จะมีการจัดงาน เทศกา...
16/01/2025

🚨 #ภูเก็ต-แจ้งข่าวการจัดงานอีเวนท์ใหญ่ หลีกเลี่ยงเส้นทาง เนื่องด้วยในระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2568 จะมีการจัดงาน เทศกาลดนตรี EDC Thailand 2025 ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดในบางเส้นทางบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จึงขอความร่วมมือให้ประชาชน หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังต่อไปนี้

✅️ถนนบ้านดอน-เชิงทะเล
✅️ซอยเชิงทะเล 4
✅️ซอยเชิงทะเล 6
✅️ถนนศรีสุนทร
✅️รวมถึงบริเวณใกล้เคียง

ทั้งนี้ ขออภัยในความไม่สะดวก และขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความร่วมมือในการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าว

📚16 มกราคม “วันครู” น้อมระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติ อีกบุคคลสำคัญ ในวงการ การศึกษา ทั้งในด้าน...
16/01/2025

📚16 มกราคม “วันครู” น้อมระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติ อีกบุคคลสำคัญ ในวงการ การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละ เพื่อส่วนรวมอย่างมาก

เหตุผลที่วันที่ 16 มกราคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันครู อันเนื่องมาจาก ในปี 2488 ประเทศไทยมีการประกาศ พ.ร.บ.ครูขึ้นมาในราชกิจจานุเบกษา จึงมีการกำหนดให้มีวันครูครั้งแรกตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา

#วันครู #วันครู2568 #วันครูแห่งชาติ #ครู

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำหนดเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) ใ...
15/01/2025

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำหนดเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) ในวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568

#ติดตาม LIVE ทางเพจ กรมประชาสัมพันธ์

💬 สวัสดีเหล่าภาคีต้านโกง! 💬🔔 ขอเชิญชวนสมัครรับข่าวสารผ่าน “KRAC Newsletter“ จดหมายข่าวที่จะคอยอัปเดตความรู้และข้อมูลด้าน...
15/01/2025

💬 สวัสดีเหล่าภาคีต้านโกง! 💬

🔔 ขอเชิญชวนสมัครรับข่าวสารผ่าน “KRAC Newsletter“ จดหมายข่าวที่จะคอยอัปเดตความรู้และข้อมูลด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ส่งตรงถึงคุณเป็นประจำ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญของศูนย์ฯ

🗓️ KRAC Newsletter จะส่งถึงสมาชิกผ่านทางอีเมลเป็นประจำทุกเดือน (เดือนละ 1 ครั้ง) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

📌 สมัครง่าย ๆ เพียงคลิกที่ลิงก์ด้านล่าง หรือ scan QR Code ได้เลย!

🔗 สมัครรับจดหมายข่าวได้ที่: https://docs.google.com/.../1FAIpQLSeRTqurOsllgv.../viewform
📩 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Inbox เพจ "KRAC Corruption

ด่วนมาก!! 🩸🩸🩸ธนาคารเลือด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ขาดเลือด กรุ๊ป O จำนวนมาก เพื่อใช้รักษาผู้ป่วย วอนผู้มีสุขภาพดีบริจาคโลหิต...
15/01/2025

ด่วนมาก!! 🩸🩸🩸
ธนาคารเลือด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ขาดเลือด กรุ๊ป O จำนวนมาก เพื่อใช้รักษาผู้ป่วย วอนผู้มีสุขภาพดีบริจาคโลหิต..

📌ณ ธนาคารเลือด รพ.วชิระภูเก็ต
ชั้น 4 ตึกผู้ป่วยนอก
🕣วันราชการ 08:30-20:00 น.
🕣วันหยุดราชการ 08:30-15:00 น.
🤩พิเศษ!! ผู้บริจาคโลหิต รับข้าวสาร 1 กิโล
☎️สอบถาม โทร. 0 7636 1234 ต่อ 1287

ที่อยู่

สถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง11 ถนนคอซิมบี้ ตำบลรัษฎา
Changwat Phuket
83000

เบอร์โทรศัพท์

+6676211555

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Nbt Phuket Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ประวัติ

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๕ สุราษฎร์ธานี กรมประชาสัมพันธ์ เห็นว่า จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีชุมชนหนาแน่น มีความเจริญด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการพัฒนาในหลายๆด้านในภาคใต้ตอนบน แต่ข้อมูลข่าวสารทางวิทยุและโทรทัศน์ ประชาชนไม่สามารถรับฟังและรับชมจากที่ใดได้ จึงได้มาจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และวิทยุโทรทัศน์ ขึ้น โดยวิทยุโทรทัศน์เริ่มทดลองออกอากาศครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยใช้เครื่องส่งซึ่งเจ้าหน้าที่เทคนิคของกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดสร้างขึ้นด้วยเงินรายได้ของ ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๕ สุราษฎร์ธานี ในระบบ ๕๒๕ เส้น ขาว-ดำ กำลังส่ง ๑๐๐ วัตต์ ออกอากาศด้วยความถี่ทางช่อง ๑๑ ใช้อาคารห้องส่งและเครื่องส่งชั่วคราวร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต บนเขารัง

พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้ทำการปรับปรุงเครื่องส่งเป็นระบบ ๖๒๕ เส้น ขาว -ดำ กำลังส่งเท่าเดิมคือ ๑๐๐ วัตต์ โดยเปลี่ยนช่องความถี่เป็นช่อง ๙ ในปีนี้เองที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ นับเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ทำการของศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้อนุมัติให้นำเครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆเช่นชุดโคมไฟส่องประจำห้องแสดงจากศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๒ ลำปาง ซึ่งเป็นเครื่องส่งระบบสี ๖๒๕ เส้น กำลังส่ง ๑,๐๐๐ วัตต์ หรือ ๑ กิโลวัตต์ มาติดตั้งที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ทางสถานีฯ จึงเปลี่ยนจากช่อง ๙ ไปออกอากาศด้วยความถี่ช่อง ๖ ตามความถี่ของเครื่องส่ง

พ.ศ. ๒๕๒๓ ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง ๗ ได้ขยายสถานีเครือข่ายออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งจังหวัดภูเก็ต ด้วย ทางสถานีฯ ได้รับการขอร้องขอให้เปลี่ยนความถี่จากช่อง ๖ มาเป็นช่อง ๙ ตามเดิม เพื่อไม่ให้คลื่นสัญญาณกวนกับทางสถานีฯช่อง ๗ ทางสถานีฯ จึงต้องดัดแปลงเครื่องส่งให้กลับมาที่ช่อง ๙ อีกครั้งหนึ่ง (และต่อมาทางสถานีฯ ก็ได้ถูกร้องขอให้เปลี่ยนไปออกอากาศทางช่อง ๕ เพื่อให้ทาง อสมท. ออกอากาศทางช่อง ๙)