20/06/2021
ชมได้ทั้งเฟซบุ้คและซูมค่ะ
https://www.facebook.com/ICHICMU/photos/a.124030476238812/232841052024420/
[บทคัดย่อด้านล่าง] วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน นี้ ขอเชิญฟังบรรยายปาฐกถา ของงานประชุม "(ถอน)รากอาณานิคมทางความคิดในภาษา วรรณกรรม และวัฒนธรรมศึกษา" ในหัวข้อ "กาลานุวัตรเวลาอาณานิคมไทย: การถอนรากอาณานิคมในอนาคตอันเป็นอดีต" โดย รศ.ดร. แพร จิตติพลังศรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสามารถรับชมได้ที่
>> page ของ The Integrative Center for Humanities Innovation นี้ หรือ
>> ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมเพื่อฟังผ่าน zoom และร่วมวงเสวนาอื่น ๆ ของงานประชุม รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ www.cmu.to/decolonisingsymposium2021
---------
บทคัดย่อการบรรยายปาฐกถา:
ปัญหาเรื่องอาณานิคมศึกษากับประเทศไทยเป็นประเด็นถกเถียงกันมายาวนาน โดยเฉพาะในเรื่อง “ความเป็นอาณานิคม” ของไทยที่มักจะถูกปฏิเสธโดยวงการศึกษาประวัติศาสตร์กระแสหลัก อย่างไรก็ตามนักวิชาการอีกหลายสาขาในด้านไทยศึกษาก็ได้พยายามชี้ให้เห็นภาวะอาณานิคมที่ซ่อนเร้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการอธิบายถึงจินตนาการด้านพื้นที่และอาณาเขตสยามของธงชัย วินิจจะกูล (1994) ที่แสดงให้เห็นถึงการต่อรองกับอำนาจจักรวรรดินิยมตะวันตก การวิเคราะห์ภาวะอาณานิคมสยามผ่านกรอบแนวคิดเชิงมาร์กซิสต์เรื่องภาวะกึ่งอาณานิคม (Semicolonialism) ของ Peter Jackson (2007) หรือการเปรียบเทียบสยามกับภาวะอาณานิคมแฝง (Crypto-Colonialism) ในประเทศกรีซของ Michael Herzfeld (2017) ข้อเสนอเหล่านี้ได้ชี้ให้เห็นถึงภาวะความเป็นอาณานิคมที่สยามไม่อาจอ้างได้ว่าไม่เกี่ยวข้องดังที่ประวัติศาสตร์กระแสหลักพยายามจะสถาปนาขึ้น ในทางกลับกันภาวะอาณานิคมกลับมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยในบริบทสากล ทว่ายังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ได้รับการกล่าวถึง นั่นก็คือ “มิติเวลา” ของภาวะอาณานิคมที่มีต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย ด้วยความที่ไม่เคยมีการประกาศภาวะความเป็นอาณานิคมของไทยอย่างชัดแจ้งในบันทึกใดๆ จึงก่อให้เกิดปัญหาการกำกับขอบเขตของเวลา (temporal boundary) ที่จำเป็นต่อการกำหนดภาวะอาณานิคมและภาวะ “หลัง” อาณานิคม จึงทำให้ขั้นตอนต่อไปซึ่งก็คือการถอนรากอาณานิคมนั้นเป็นไปไม่ได้ไปด้วย
ในการบรรยายครั้งนี้ ผู้บรรยายจะชี้ให้เห็นถึงปัญหาของมิติเวลาที่ปรากฏในเหตุการณ์สำคัญในวรรณกรรมไทยเรื่องต่างๆ โดยการอ่านแบบถอดรื้อ (deconstruction) เพื่อเผยให้เห็นร่องรอยของการเล่น (jeu) ระหว่างสัญญะต่างๆที่พยายามกดทับหรือ “ก่อนกัก” (foreclose) ความเป็นอื่นหรืออำนาจจักรวรรดินิยม และภาวะล้นเกิน (excess) ที่ปรากฏในการสมาทานสมมูลภาพทางยุคสมัย (co-evalness) โดยเฉพาะความเป็นสมัยใหม่อย่างตะวันตก ทั้งหมดนี้เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าความเป็นไปได้ของการถอนรากอาณานิคมของไทยคือการ “กาลานุวัตร” (temporalize) เวลาอาณานิคมให้มีลักษณะฆราวาส (secular) หรือดึงเหตุการณ์ในวรรณกรรม/ประวัติศาสตร์ออกจากความเวิ้งว้างของอกาล (non-time) มาจัดตำแหน่งแห่งที่ (situate) ในห้วงขณะ (moment) ที่สัมพันธ์กับความเฉพาะของเหตุการณ์อื่นๆ เช่นนี้แล้วเราจึงจะ “ถอนราก” ภาวะอันกำกวมของอาณานิคมได้ผ่านการจินตนาการถึงอนาคตผ่านอดีต (future anterior) โดยเฉพาะการหันเข้าหาการเมืองแบบกำหนดก่อน (prefigurative politics) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันอย่างมีกลยุทธ (strategic) งานวรรณกรรมที่จะนำมาสำรวจในการบรรยายครั้งนี้ได้แก่ เทศนาเรื่องมิกาทุระ นิทานทองอิน สี่แผ่นดิน นวนิยายชุดเรื่องปริศนา นิยายรักในราชสำนักฝ่ายใน แดนดาว และพุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ