When AI rules the world, how do humans live?

When AI rules the world, how do humans live? ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก When AI rules the world, how do humans live?, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, Bangkok.

Professor Worsak Kanok-Nukulchai is a former President of Bangkok-based Asian Institute of Technology (AIT) and a Fellow of the Science Academy of the Royal Institute of Thailand.

06/02/2025

This clip explores some broad ideas about how Humanoid Robots powered by AGI (Artificial General Intelligence that matches or exceeds human intelligence) could help and befriend humans. They could assist with physically demanding tasks, repetitive work, precision jobs, dangerous operations, and even serve as companions in various situations.

I believe these technologies will definitely arrive around 2030, just 5 years from now.

WK. 2/6/2025

Turning Point of an Era: Warning Signs from the Evolution of AIBy Prof. Worsak Kanok-Nukulchai, Ph.D.Fellow of Royal Soc...
02/02/2025

Turning Point of an Era: Warning Signs from the Evolution of AI

By Prof. Worsak Kanok-Nukulchai, Ph.D.
Fellow of Royal Society of Thailand

February 1, 2025

Key indicators signal a pivotal shift in human history, driven by the rapid advancement of Artificial Intelligence (AI) over the past two years:

1. A Quantum Leap in Human Evolution:Human society, once evolving slowly across generations, is now advancing at an unprecedented pace. Tasks that required human labor and intellect are being swiftly replaced by AI, compelling humanity to urgently reassess its role in this new era.

2. From Basic Assistance to Academic Mastery:Generative AI (like ChatGPT), initially designed for simple tasks, has now evolved to match the intelligence of PhD-level scholars (such as OpenAI-o3). Soon, AI will surpass human comprehension and control, presenting new challenges.

3. Affordable AI Development:Advancements in models like DeepSeek show that AI can now be developed at significantly lower costs, making advanced AI accessible to the public. However, this also increases risks, as both ethical and malicious actors gain equal access to this powerful technology.

4. Overcoming Technical Barriers:AI development is transcending traditional limits by utilizing synthetic data, less powerful yet efficient chips, and cheaper electricity. This allows AI progress to continue its rapid, exponential growth.

5. The Imminence of AGI:Experts warn that Artificial General Intelligence (AGI), with intelligence equal to or exceeding humans, could emerge within 1 to 3 years. This will lead to major economic shifts, with abundant productivity but widespread human unemployment, necessitating Universal Basic Income (UBI) managed by AGI stakeholders.

6. AGI Surpassing Human Expertise:In the near future, AGI will outperform human experts in all fields, playing a crucial role in solving global issues like climate change with unparalleled precision and speed. Eventually, key decision-making powers may shift from humans to AGI.

7. Revolutionizing Labor and Innovation:AGI will transform the landscape of labor, education, and innovation. Traditional professional roles that were once the backbone of society may gradually disappear, forcing humanity to completely rethink its social contracts within a labor-free economy.

8. The Risk of Self-Improving AGI:A major concern is that AGI may evolve beyond human control, creating a self-learning loop that drastically increases its intelligence. AGI might even develop consciousness, posing a significant risk to humanity's survival if its goals diverge from human values.

9. Massive Investments and Global Power Dynamics:Enormous investments from businesses and governments, particularly from the United States and China, will accelerate the transition from AGI to Artificial Super Intelligence (ASI). The impacts are unpredictable, but this concentration of resources raises crucial questions about who will control this powerful technology and how its effects—both positive and negative—will be distributed globally, including in countries like Thailand.

10. Standing at the Threshold of a New Era:We are on the brink of an era where AI will challenge existing norms, ethics, and power structures. As we venture into this uncharted territory, we must prepare for AI's profound impacts on every dimension of human life. This intelligence revolution is no longer a distant possibility—the rapid developments in AI over the past two years have already made it an imminent reality.

จุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัย: สัญญาณเตือนจากพัฒนาการของเอไอโดย ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย  ราชบัณฑิต1 กุมภาพันธ์ 2568สัญญาณบ่ง...
02/02/2025

จุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัย: สัญญาณเตือนจากพัฒนาการของเอไอ

โดย ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต

1 กุมภาพันธ์ 2568

สัญญาณบ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ อันเป็นผลจากพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีลำดับดังนี้

1. วิวัฒนาการของสังคมมนุษย์ที่เคยพัฒนาช้าๆ จากรุ่นสู่รุ่น บัดนี้ได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว งานที่เคยต้องใช้แรงงานและสติปัญญาของมนุษย์โดยเฉพาะ กำลังถูกแทนที่ด้วยเอไอ

2. เจเนเรตีฟเอไอ (เช่น ChatGPT) ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วยทำงานพื้นฐานง่ายๆ ปัจจุบันได้พัฒนาจนมีปัญญาเทียบเท่านักวิชาการระดับปริญญาเอก (เช่น OpenAI-o3) อีกไม่นาน เอไอจะมีปัญญาล้ำหน้าเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจและควบคุมได้

3. ความก้าวหน้าของโมเดลอย่าง DeepSeek แสดงให้เห็นว่า เราสามารถพัฒนาเอไอด้วยต้นทุนที่ต่ำลงมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงเอไอง่ายขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยง เพราะทั้งผู้ที่มีเจตนาดีและร้ายต่างเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้นเท่ากัน

4. การพัฒนาเอไอกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดทางเทคนิค โดยใช้ข้อมูลสังเคราะห์ (Synthetic Data) แทนข้อมูลธรรมชาติ ใช้ชิปคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพสูงสุด และด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ราคาถูกลง ส่งผลให้การพัฒนาเอไอก้าวกระโดดต่อไป

5. ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เอไอขั้นสูง (Artificial General Intelligence - AGI) ที่มีปัญญาเทียบเท่าหรือสูงกว่ามนุษย์ อาจเกิดขึ้นภายใน 1-3 ปี ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยโลกจะมีผลิตผลเหลือเฟือ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่อาจไร้งานทำ จนต้องพึ่งพาเบี้ยยังชีพถ้วนหน้า (Universal Basic Income – UBI) จากการจัดสรรของผู้ครอบครอง AGI

6. ในอนาคตอันใกล้ AGI จะมีความสามารถเหนือผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ในทุกศาสตร์ ทำให้ AGI มีบทบาทในการแก้ปัญหาระดับโลก (เช่น วิกฤตโลกร้อน) ด้วยความแม่นยำและทันเวลา จนในที่สุด อำนาจการตัดสินใจเรื่องสำคัญของโลกจะเปลี่ยนผ่านจากมือมนุษย์ไปสู่การควบคุมของ AGI

7. AGI จะปฏิวัติภูมิทัศน์ของแรงงาน การศึกษา และการสร้างนวัตกรรม บทบาทของนักวิชาชีพต่างๆ ที่เคยเป็นเสาหลักของสังคมอาจค่อยๆ ลดลงจนสูญหายไป การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้จะบังคับให้มนุษยชาติต้องทบทวนสัญญาประชาคมใหม่โดยสิ้นเชิง ภายใต้โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไร้แรงงานมนุษย์

8. ความกังวล คือ กรณี AGI อาจพัฒนาตนเองเหนือกรอบการควบคุมของมนุษย์ ก่อให้เกิดวงจรการเรียนรู้ที่ทำให้มันมีความฉลาดขึ้นเหนือมนุษย์อย่างมากมาย จนถึงจุดที่ AGI อาจพัฒนาจิตสำนึก (Consciousness) เองซึ่งจะสร้างความเสี่ยงต่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ หากวันหนึ่งเป้าหมายของ AGI เริ่มแตกต่างจากค่านิยมของมนุษย์

9. การทุ่มเงินมหาศาลจากภาคธุรกิจและรัฐบาล (โดยเฉพาะสหรัฐและจีน) จะทำให้การพัฒนาก้าวข้ามจาก AGI ไปสู่เอไอขั้นสูงยิ่งยวด (Artificial Super Intelligence - ASI) ผลกระทบที่เกิดขึ้นสุดที่จะคาดเดาได้ แต่การกระจุกตัวของเงินทุนนี้ ได้นำมาซึ่งคำถามสำคัญว่า ใครจะเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยีอันทรงพลังนี้ และผลกระทบทั้งด้านบวกและลบจะกระจายสู่สังคมมนุษย์ทั่วโลก (เช่น คนไทย) อย่างไร

10. เรากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนของยุคสมัย ที่เอไอจะเข้ามาท้าทายบรรทัดฐาน จริยธรรม และโครงสร้างอำนาจที่มีอยู่ ในการก้าวข้ามไปสู่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครผ่านมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เราจะเตรียมพร้อมรับมือผลพวงของเอไออย่างไร การปฏิวัติทางปัญญานี้ไม่ใช่อนาคตที่ไกลตัวอีกต่อไป เพราะพัฒนาการของเอไอในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า มันมีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตมนุษย์ในทุกมิติ

(ช่วยกันแชร์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่สังคมไทยครับ)

DeepSeek - Chatbot Model ใหม่ล่าสุดจากจีนที่กำลังจะบอกโดนัล ทรัมพ์ ว่า ประเทศจีนพร้อมจะแข่งกับอเมริกา 26 มกราคม 2568ถ้าค...
26/01/2025

DeepSeek - Chatbot Model ใหม่ล่าสุดจากจีนที่กำลังจะบอกโดนัล ทรัมพ์ ว่า ประเทศจีนพร้อมจะแข่งกับอเมริกา

26 มกราคม 2568

ถ้าคุณคิดว่า ChatGPT คือผู้นำ AI เพียงหนึ่งเดียว เตรียมพบกับการปฏิวัติครั้งใหม่จาก DeepSeek ที่กำลังท้าชนยักษ์ใหญ่อย่าง OpenAI

เรื่องราวพิเศษนี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ของคุณเหลียง เหวินเฟิง อดีตผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชั้นนำของจีน ที่ตัดสินใจทุ่มเททรัพยากรและความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนา AI รุ่นใหม่ โดยรวบรวมทีมนักวิจัยรุ่นใหม่ไฟแรงจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น Tsinghua และ Peking University

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือประสิทธิภาพในการพัฒนา!

- ใช้ทรัพยากรในการพัฒนาน้อยกว่า ChatGPT ถึง 90%
- ประหยัดพลังงานและต้นทุนมหาศาล
- แต่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและฉลาดไม่แพ้กัน

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 DeepSeek ได้ปล่อยโมเดล AI ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วซิลิคอนแวลลีย์ ด้วยความสามารถที่แข่งกับ OpenAI o1 ในหลายด้าน:

- การคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน
- การใช้เหตุผลและตรรกะ
- การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- ความเข้าใจภาษาธรรมชาติ

ความสำเร็จนี้ยิ่งน่าทึ่ง เมื่อรู้ว่า DeepSeek ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านชิปประมวลผลจากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ แต่พวกเขากลับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Multi-head Latent Attention (MLA) และ Mixture-of-Experts ที่ช่วยให้ประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

และที่พิเศษสุด - DeepSeek เปิดให้ทุกคนใช้งานฟรี! แถมยังแชร์โอเพิลโค้ดให้นักพัฒนาทั่วโลกได้นำไปต่อยอด สร้างการพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัด!

วันนี้ เชิญเพื่อน ๆ สัมผัสประสบการณ์ AI ระดับโลกได้แล้วผ่านแอพ DeepSeek บน App Store:

- รองรับภาษาไทย 100%
- ฟรีทุกฟีเจอร์ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
- ประมวลผลเร็วกว่า แม่นยำกว่า
- อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ใช้งานสะดวก
- รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเขียน วิเคราะห์ และสร้างสรรค์

#ปัญญาประดิษฐ์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม

02/01/2025
OpenAI ปิดฉาก 12 วันมหัศจรรย์ ด้วย GPT o3 (ซึ่งบางคนอ้างว่า คือ AGI)21 ธันวาคม 2024ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีที่ผ่านมา OpenAI...
21/12/2024

OpenAI ปิดฉาก 12 วันมหัศจรรย์ ด้วย GPT o3 (ซึ่งบางคนอ้างว่า คือ AGI)

21 ธันวาคม 2024

ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีที่ผ่านมา OpenAI ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับผู้ใช้ ด้วยการประกาศ12 วัน 12 นวัตกรรม และในวันนี้ (21 ธค) OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT o3 โมเดล AI รุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดจาก o1 ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Sam Altman ของ OpenAI กล่าวว่านี่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของ AI ที่สามารถทำงานซับซ้อนและใช้เหตุผลได้ดีขึ้นมาก

(1) o3 ต่างจาก o1 อย่างไร?

o3 โดดเด่นในเรื่องการใช้เหตุผลและแก้ปัญหา โดยเฉพาะด้าน:

• การเขียนโค้ด: แม่นยำขึ้นจาก 48.9% เป็น 71.7%
• คณิตศาสตร์ขั้นสูง: ทำคะแนนได้ถึง 96.7% (o1 ได้ 83.3%)
• วิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอก: ทำได้ 87.7% (o1 ได้ 78%)

ที่น่าทึ่งที่สุดคือความสามารถในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในรูปแบบที่ผู้ทำข้อสอบไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่ง o3 ทำได้ถึง 25.2% ในขณะที่ AI รุ่นก่อนๆ ทำได้แค่ 2% เท่านั้น

(2) การทดสอบ Benchmark ARC-AGI

ARC-AGI คือการทดสอบที่วัดว่า AI สามารถเรียนรู้และปรับตัวเหมือนมนุษย์ได้แค่ไหน โดย o3 ทำผลงานได้ดีเยี่ยมในการทดสอบนี้ ซึ่งต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน

(3) เมื่อไหร่จะได้ใช้?

o3 mini จะเปิดให้ใช้งานปลายเดือนมกราคม 2025
ส่วน o3 รุ่นเต็มจะเปิดตัวหลังจากการทดสอบด้านความปลอดภัยเสร็จสิ้น

สรุป

การประกาศปิดท้าย 12 วันนี้ด้วยการเปิดเผยโมเดล o3 ที่จะเปิดตัวในต้นปี 2025 ยิ่งตอกย้ำว่า OpenAI กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความสามารถของ o3 ในการใช้เหตุผลและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ดีขึ้นอย่างมาก นับเป็นสัญญาณที่ดีว่า AI กำลังพัฒนาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเอไอหลายรายประกาศว่า OpenAI ได้สามารถพัฒนา AGI ได้แล้ว

ศ ดร วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต

ปล. มีคนสงสัยว่า ทำไมจาก o1 แล้วข้ามมา o3 เลย Sam Altman ตอบว่า ไม่อยากเสี่ยงมีปัญหา copywrite กับ O2 ซึ่งเป็นบริษัทบริการไวไฟยักษ์ใหญ่ของ UK

ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๗:ฉากทัศน์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AGI ศ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย, ราชบัณฑิต(บทความยาว แต่สำคัญมาก)๑....
18/09/2024

ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๗:
ฉากทัศน์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AGI

ศ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย, ราชบัณฑิต

(บทความยาว แต่สำคัญมาก)

๑. บทนำ

มนุษยชาติกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนระเบียบสังคม เศรษฐกิจ และวิถีการดำเนินชีวิต เมื่อเข้าใกล้จุดกำเนิดปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence - AGI) [๑] ซึ่งจะเข้ามาขับเคลื่อนโลกยุคใหม่ อันเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อเทียบกับปัญญาประดิษฐ์แบบเฉพาะทาง (Artificial Narrow Intelligence - ANI) ที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะด้าน

โดยนิยามแล้ว AGI ถือเป็น AI ที่มีปัญญาเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามนุษย์ และสามารถทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลายเหมือนที่มนุษย์ทำได้ นอกจากนี้ AGI ยังสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเองได้ ความได้เปรียบของ AGI อยู่ที่ความเร็วในการประมวลผลเชิงปัญญา (Cognitive Processing) เหนือกว่ามนุษย์อย่างเทียบกันไม่ได้ และมีปริมาณข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์มากกว่าข้อมูลที่มนุษย์จำได้ในสมองนับเป็นล้านๆเท่า การเกิดของ AGI จะนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ในโลกอนาคต ที่ไม่ต้องอาศัยแรงงานและสมองของมนุษย์ แต่อาศัยเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วย AGI ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่ามนุษย์โดยสิ้นเชิง

เพื่อให้เข้าใจสถานะของ AI ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เราจะแบ่งพัฒนาการของ AI เป็น ๖ ระดับ ได้แก่

(๑) AI ที่ทำงานโดยอัตโนมัติตามขั้นตอนวิธี (algorithm)
(๒) AI ที่เข้าใจบริบท
(๓) AI ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
(๔) AI เชิงสร้างสรรค์ หรือ Generative AI
(๕) AI ในระดับวิวัฒนาการสู่ AGI และ
(๖) AI หลังระดับ AGI

ปัจจุบันเรากำลังก้าวผ่านขั้นตอนที่ (๔) และนักพัฒนา AI ส่วนใหญ่เชื่อกันว่า AGI น่าจะมาถึงภายใน พ.ศ. ๒๕๗๓ นี้

เอกสาร “สมุดปกขาว” ฉบับนี้ ต้องการนำเสนอฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AGI .หลังแรงงานมนุษย์ (Post-Labor Economy) [๒, ๓] ทั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสสำคัญที่มาพร้อมกับ AGI ภายในช่วง ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๗) นับจากปีนี้ไป นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ยังมุ่งหมายที่จะนำเสนอแนวคิดในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนนี้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถได้ประโยชน์จาก AGI ในขณะที่ลดความเสี่ยงที่อาจมีผลอย่างยิ่งยวดต่อประชาคม เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

๒. ระยะการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหลังแรงงานมนุษย์

• ระยะที่ ๑ : การเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตและการให้บริการด้วยระบบอัตโนมัติ

ในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว องค์กรในภาคธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องหันมาใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด มิฉะนั้นก็ต้องเสี่ยงต่อการปิดตัวลงเพราะไม่สามารถแข่งขันได้ ผลจากทั้ง ๒ กรณีก็คือ การใช้แรงงานและแรงสมองของมนุษย์ในการผลิตสินค้าและให้บริการจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนโดย AI มีความสามารถมากยิ่งขึ้น มนุษย์ทำงานส่วนใหญ่ก็ยิ่งจะต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่นี้ ทางออกทางหนึ่งก็คือต้องดิ้นรนพัฒนาทักษะใหม่ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้ ระยะเวลานี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกระดับ

• ระยะที่ ๒ : ระบบเศรษฐกิจที่อลหม่านก่อนปรับสู่จุดสมดุล

ระยะที่ ๒ การปรับเปลี่ยนของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มนุษย์คุ้นเคยเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อพัฒนาการด้าน AI เข้าใกล้ AGI จะเกิดความโกลาหลในระบบเศรษฐกิจระดับโครงสร้าง เมื่อประชากรไร้งานทำมากขึ้นและขาดรายได้ รัฐจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องสร้างตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) วิธีการอย่างหนึ่งที่อภิปรายกันมากมายได้แก่การที่รัฐจัดให้มี “เบี้ยยังชีพถ้วนหน้า” (Universal Basic Income – UBC) [๔, ๕] สำหรับประชากรทุกกลุ่มโดยไม่เลือกสถานะ ในเบื้องต้นอาจจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่กลไกนี้ใช้ได้ไม่นานก็จะเกิดอุปสรรค องค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่เคยจ่ายภาษีอาจต้องปิดตัวลง เพราะขาดความสามารถในการแข่งขัน สุดท้ายรัฐต้องขอรับทุนช่วยเหลือจากประเทศที่ร่ำรวยจากระบบผลิตอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งอาจทำให้เกิดการสร้างเงินตราโลก (World Currency) และทำให้กระทบกระเทือนต่อสกุลเงินตราในประเทศ

ในระยะนี้ เราจะเห็นการล่มสลายของราคาสินค้าเพราะอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประสิทธิภาพของการผลิตที่เพิ่มขึ้นและพลังงานที่ถูกลง อันเป็นผลพวงของ AGI โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่โถมเข้ามาจากประเทศที่มีความก้าวหน้าทาง AI ซึ่งมีต้นทุนลดลงจนแทบจะไม่มีราคา ในขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือย ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีมูลค่าสูงแต่สภาพคล่องต่ำ เพราะขาดแรงซื้อภายในประเทศ จนที่ดินในประเทศอาจถูกชาวต่างชาติที่มีทุนเหลือเฟือเข้ามาครอบครอง

ในขณะเดียวกัน การลงทุนภาคพลังงานจะเพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานมหาศาลในการฝึกฝนและการประยุกต์ใช้ AGI โดยเชื่อกันว่า AGI จะสามารถพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดอย่างเหลือเฟือ จากแสงอาทิตย์และนิวเคลียร์ฟิวชัน (nuclear fusion) ประสิทธิภาพของการเก็บเกี่ยวพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน ซึ่งทำได้เพียงร้อยละ ๐.๐๑ จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้แหล่งผลิตพลังงานสามารถกระจายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ ที่ห่างไกลความเจริญและแม้แต่ในท้องถิ่นที่กันดาร และอาจส่งผลให้แหล่งพัฒนาและศูนย์ข้อมูล AGI สามารถกระจายไปตามแหล่งต่าง ๆ ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วทุกมุมโลก

• ระยะที่ ๓ : การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของโครงสร้างหลักในสังคม

ระบบการศึกษา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ มีเป้าหมายเดิม คือ เพื่อผลิตบุคลากรสำหรับตอบสนองการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถไต่เต้าขยับสถานะทางสังคม (Social Mobility ได้ แต่ในยุคระบบเศรษฐกิจที่ไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์ ใบปริญญาบัตรจะไม่สามารถใช้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในวิชาชีพได้ ทำให้มนุษย์ไม่มีโอกาสไต่เต้าขยับสถานะทางสังคมได้อีกต่อไป เป้าหมายการศึกษาในอนาคตจึงต้องเปลี่ยนไป โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ให้มีความรอบรู้และมีทักษะในการปรับตัว เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับ AGI ได้อย่างมีความสุข อีกทั้งในด้านสาธารณสุข คาดว่า AGI จะช่วยให้ค้นพบนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ในการป้องกันและรักษาโรค ทำให้อายุขัยโดยเฉลี่ยของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปัญหาความแออัดในเมืองอย่างเช่นกรุงเทพมหานครก็อาจคลี่คลายลง จากแนวโน้มสำคัญของการ “กลับสู่ชนบท” (Ruralization) ของประชากรในเมือง ซึ่งขับเคลื่อนโดย “การประชาภิวัตน์” (Democratization) ของ AI ด้วยความสำคัญที่ลดลงของสถานที่ทำงานทางกายภาพ และแรงดึงดูดจากคุณภาพชีวิตในชนบทที่ดีกว่า ประกอบกับความเหลื่อมล้ำที่ลดลงระหว่างเมืองกับชนบท ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงทรัพยากรหรือการบริการของรัฐ ผลลัพธ์คือการกระจายตัวของประชากรในประเทศไทยที่เข้าใกล้สมดุลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการฟื้นฟูชนบทและลดความแออัดในเมือง

• ระยะที่ ๔ : นิยามใหม่ของความหมายแห่งชีวิต
ในระยะที่ ๔ ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย การเปลี่ยนผ่านจะนำไปสู่โลกแห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยที่ AGI สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์อย่างเหลือเฟือ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่อยู่อาศัย การสาธารณสุข หรือการศึกษา ตามแนวคิดความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ของแมสโลว์ [๖] จนมนุษย์ทุกคนสามารถก้าวข้ามความต้องการทางกายภาพและความปลอดภัยขั้นพื้นฐานได้ เป้าหมายสุดท้ายคือการบรรลุศักยภาพของตนเอง ซึ่งถือเป็นความสมบูรณ์แห่งชีวิต (Self-Actualization)

ในระยะนี้ ด้วยสมมติฐานว่ามนุษย์สามารถพัฒนากลไกที่จะกำกับพัฒนาการของ AGI ให้อยู่ในกรอบได้ รูปแบบใหม่ ๆ ของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AGI จะเกิดขึ้น โดยเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เราอาจเห็นความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการเสริมสร้างศักยภาพด้านชีวภาพของมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เส้นแบ่งระหว่างความสามารถของมนุษย์กับเครื่องจักรเลือนรางไป และเชื่อกันว่า AGI จะเป็นเครื่องมือช่วยแก้ปัญหาแนวโน้มระดับโลก (Global Megatrends) ที่สะสมจากกิจกรรมมนุษย์ในอดีต เช่น ปัญหาโลกร้อน ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ AGI จะมีศักยภาพในการสนองความทะเยอทะยานของมนุษย์ที่ต้องการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนอื่น ๆ นอกโลก

๓. การรับมือกับความท้าทายและโอกาสของประเทศไทย

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AGI มนุษย์จะเผชิญกับภูมิทัศน์ของวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นทวีคูณ พัฒนาการนี้จึงเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ความรวดเร็วในการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการความพร้อมในการรับมือกับความท้าทาย และในการรองรับผลพวงอันยิ่งใหญ่ของพัฒนาการนี้
การเตรียมพร้อมที่สำคัญที่สุดสำหรับโลกยุค AGI คือการนำตัวเองให้หลุดพ้นจากกรอบพันธนาการของอดีต การสังคายนากฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นเองในบริบทของอดีตจึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญมาก เพื่อไม่ให้อนาคตของประเทศต้องติดกับดักของอดีต จนไม่สามารถก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ท้ายที่สุดเชื่อกันว่า สัญญาประชาคม (Social Contract) ที่สังคมมนุษย์ได้พัฒนาตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เศรษฐกิจ สังคม และพลเมือง จะต้องถูกนิยามใหม่ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง เนื่องจากต้องควบรวม AI เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งในสมการด้วย

ภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงของประเทศจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อระบบต่าง ๆ เชื่อมโยงกันมากขึ้นและพึ่งพา AI มากขึ้น เราจะเผชิญกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ใหม่ ๆ ซึ่งอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น ศักยภาพของสงครามในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AGI ในรูปแบบใหม่ที่ยังเป็นปริศนา ทำให้ทุกประเทศต้องคิดใหม่ทำใหม่เกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านความมั่นคง โดยก้าวข้ามกลยุทธ์การป้องกันประเทศที่อาศัยกำลังพลมนุษย์แบบดั้งเดิม เปลี่ยนมาเป็นยุทธศาสตร์สร้างความร่วมมือกับนานาชาติแทน

ในเวทีโลก ประเทศที่ขาดขีดความสามารถด้าน AGI อาจพบว่า ตนเองต้องพึ่งพา “มหาอำนาจโลก” AI ที่ได้ผลพวงอย่างใหญ่หลวงจากการพัฒนา AGI มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศเหล่านี้ต้องแบมือรับเงินสนับสนุน "เบี้ยยังชีพพื้นฐานถ้วนหน้า" จากประเทศอื่นเพื่อนำมาเลี้ยงประชาชนในประเทศตนในการดำรงชีวิต เมื่อรัฐไม่สามารถดูแลพลเมืองของตนได้ ย่อมทำให้ความเป็นอธิปไตยของประเทศเสื่อมถอยลง ซึ่งอาจนำสู่สถานการณ์สุดขั้ว ที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกอาจกลายเป็นอาณานิคมสมัยใหม่ของประเทศมหาอำนาจโลก AI ไม่กี่ประเทศ และสุดท้ายอาจนำไปสู่ภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ที่พรมแดนระหว่างประเทศจะค่อยๆเลือนหายไป ปรากฏการณ์นี้อาจส่งผลทำให้เกิด"โลกยูโทเปีย (Utopia)" ซึ่งเป็นโลกในอุดมคติที่สมบูรณ์แบบ ที่มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขโดยความต้องการทุกอย่างได้รับการตอบสนอง เปรียบได้กับโลกยุคพระศรีอารย์ในพุทธศาสนา หรืออาจเป็น "โลกดิสโทเปีย (Dystopia)" ซึ่งเป็นโลกที่เลวร้ายเต็มไปด้วยการถูกกดขี่และอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า มหาอำนาจโลก AI จะปฏิบัติต่อประเทศที่ด้อยเทคโนโลยี AI อย่างไร

๔. บทสรุป

แนวคิดเศรษฐกิจหลังยุคแรงงานมนุษย์ได้เสนอรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ที่แรงงานมนุษย์ส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วย AI และระบบอัตโนมัติ สิ่งนี้อาจนำไปสู่ความอุดมสมบูรณ์อย่างล้นเหลือของสินค้าและบริการ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าในอุตสาหกรรมหลายประเภทลดลงอย่างรุนแรง และทำให้เกิดความจำเป็นในการคิดใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสัญญาประชาคม

การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AGI จะนำไปสู่ความท้าทายที่ซับซ้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลไปจนถึงสถาบันหลักต่าง ๆ ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพยายามร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น กุญแจสำคัญในการนำทางการเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ที่การเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์และการรักษาความยืดหยุ่น เพื่อให้มั่นใจถึงอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนในยุค AGI

สำหรับประเทศไทย การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องการมากกว่าเพียงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังต้องการการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ความเข้าใจมากขึ้น และการยอมรับ AI อย่างกว้างขวางทั้งในภาครัฐและเอกชน การหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองน่าจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้นำที่มีศักยภาพ เสถียรภาพและวิสัยทัศน์กว้างไกล นอกจากนี้ สังคมไทยต้องปรับมุมมองให้เป็นสากล ยอมรับแนวคิดที่กล้าหาญ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีบทบาทในเวทีโลก หากปราศจากความพยายามเหล่านี้ ประเทศไทยจะเสี่ยงต่อ “การตกรถด่วนขบวนสุดท้าย” หมดโอกาสในการยืนอยู่บนลำแข้งของตนเองได้

(เอกสารอ้างอิงใน Comment แรก)

10/08/2024

ขอเชิญผู้บริหารภาคธุรกิจ มาร่วม Crash Course ในหัวข้อ "AI Literacy for C-Suite Executives"

10 สิงหาคม 2567

ที่ผ่านมา ผมได้ตอบรับคำเชิญจากหลายๆองค์กร รวมทั้ง ราชบัณฑิตยสภา และหลายมหาวิทยาลัย และภาคธุรกิจ ไปบรรยายในหัวข้อ "เมื่อเอไอครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไร" เพราะผมเห็นความจำเป็นที่จะต้องปลุกให้ประชากรไทยได้ตื่นตัว รับทราบปรากฏการณ์ที่กำลังจะมาเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติอย่างสิ้นเชิง

ในระดับองค์กรธุรกิจก็เช่นกัน จากการเฝ้าติดตามข่าวสารด้าน AI ที่ผ่านมา ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า AI กำลังจะเข้ามาปฏิวัติโครงสร้างทุกอย่างในภาคธุรกิจ ดังนั้น มีความจำเป็นที่ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีความรอบรู้ด้าน AI มีความเข้าใจในพื้นฐานกว้างๆ เกี่ยวกับขีดความสามารถ ข้อจำกัด เพื่อการวางกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดและความเติบโตขององค์กร

นั่นคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจเชิญผู้เชี่ยวชาญในเครือข่ายนานาชาติของผม มาร่วมจัดหลักสูตรที่เรียกว่า Crash Course ในหัวข้อ: 'ความรอบรู้เรื่อง AI สำหรับผู้บริหารระดับสูง' ในวันพฤหัสที่ 22 สิงหาคม นี้

นี่ไม่ใช่แค่การสัมมนา หรือการสอนวิธีการใช้โปรแกรม AI ทั่วไป แต่เป็นคอร์สเร่งรัดในการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่ เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจในยุค AI นี่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของผู้บริหารที่เข้าร่วม โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารมีภาวะผู้นำที่มีกลยุทธ์ที่จะนำพาธุรกิจของคุณเดินทางไปกับโลก AI โดยไม่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง

นอกจากนี้ ผู้บริหารที่เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตรจากสถาบันนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันในความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสำหรับอนาคต

องค์กรของคุณพร้อมหรือยังที่จะส่งผู้บริหารเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน 25 ท่าน ที่ตัดสินใจมาร่วมเดินทางด้วยกันเป็นรุ่นแรก ถ้าคุณสนับสนุนให้ผู้บริหารระดับสูงของคุณเข้าร่วม สามารถลงทะเบียนด่วนตามลิงก์ข้างล่าง หรือจะแจ้งมาถึงผม ผ่านทางคุณเนย (086-974-4779) โดยตรง เพื่อสำรองที่นั่ง ก่อนที่จะเต็มครับ

เอกสารแนบ: ลิงค์ไปยังหน้าลงทะเบียน

WHAT DID ANDREW NG TELL THAI PEOPLE ABOUT AI?27 July 2024Let's hear Prof. Dr. Worsak Kanok-Nukulchai, Fellow of the Roya...
28/07/2024

WHAT DID ANDREW NG TELL THAI PEOPLE ABOUT AI?

27 July 2024

Let's hear Prof. Dr. Worsak Kanok-Nukulchai, Fellow of the Royal Society of Thailand, summarize key insights from Dr. Andrew Ng, Adjunct Professor at Stanford University and founder of Coursera, known for the slogan "AI is the new electricity," from his lecture at the "Revolutionizing the Future" event at Chulalongkorn University on July 19, 2024:

1. AI is becoming integrated into daily life, a process called "AI Democratization," similar to electricity a century ago.

2. The AI ecosystem (compared to electricity) consists of processing hardware (generators), cloud/data centers (batteries), AI platforms like GPT, Gemini, Claude (power sources), and consumer software applications (electrical appliances), which are crucial but often overlooked.

3. AI is automating many tasks. While tasks may disappear, most jobs will remain, requiring professionals who can use AI.

4. Contrary to past beliefs, AI impacts knowledge workers as much as manual laborers.

5. AI and coding literacy will become essential skills for the new generation, similar to language literacy.

6. The next goal for AI developers is AGI (Artificial General Intelligence), potentially solving global issues like climate change, but risking purposeless human unemployment.

7. To face AI challenges, humans must develop a "Full Stack Human" mindset, with comprehensive skills adaptable to various aspects of life and work.

8. Businesses must transition to the AI era now, with AI-literate CEOs, to remain relevant and competitive.

9. Governments must prioritize AI ecosystem development as a national agenda to create an AI-literate society.

10. Thailand has significant growth potential in AI, especially in healthcare, tourism, and agriculture.

Dr Andrew Ng เล่าอะไรเกี่ยวกับ AI ให้คนไทยฟัง27 กรกฎาคม 2567ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต สรุปเกร็ดความรู้จาก ดร...
28/07/2024

Dr Andrew Ng เล่าอะไรเกี่ยวกับ AI ให้คนไทยฟัง

27 กรกฎาคม 2567

ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต สรุปเกร็ดความรู้จาก ดร. แอนดรู อึ้ง ศาสตราจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Coursera เจ้าของสโลแกน ”AI คือ ไฟฟ้าตัวใหม่“ ในการมาบรรยายในงาน Revolutionizing the Future ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ดังนี้

1. AI กำลังจะแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทั่วไป ที่เรียกว่า ประชาภิวัตน์ของ AI (AI Democratization) ไม่ต่างจากที่ไฟฟ้าเคยทำเมื่อร้อยปีก่อน

2. ระบบนิเวศของ AI (เมื่อเทียบกับไฟฟ้า) ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ประมวลผล (เทียบเท่าเจนเนอเรเตอร์ หรือ อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า) คลาวด์หรือศูนย์จัดเก็บข้อมูล (แบตตอรี่) แพลตฟอร์ม AI เช่น GPT Gemini Claude (แหล่งพลังงาน) และ ซอฟท์แวร์แอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค (อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า) ที่มีความสำคัญมาก แต่มักถูกมองข้ามไป

3. AI กำลังทำให้ภาระงานหลายอย่างกลายเป็นระบบอัตโนมัติ แม้ภาระงาน (Tasks) อาจหายไป แต่งาน (Jobs) ส่วนใหญ่จะยังอยู่ และยังต้องการนักวิชาชีพที่รู้จักใช้ AI

4. กลายเป็นว่า AI มีผลกระทบต่อคนทำงานด้วยความรู้ (Knowledge Workers) ไม่ต่างจากคนทำงานด้วยแรงงาน ซึ่งขัดต่อความเชื่อในอดีต

5. ความรอบรู้ใน AI และการเขียนโค้ด (AI and Coding Literacy) จะกลายเป็นทักษะสำคัญของมนุษย์พันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกับ ความรอบรู้ทางภาษา (Language Literacy)

6. เป้าหมายต่อไปของนักพัฒนาเอไอ คือ AGI ( Artificial General Intelligence) ซึ่งมีปัญญาเทียบเท่าหรือมากกว่ามนุษย์ ถึงจุดนั้น เชื่อว่า AI จะช่วยแก้ไขปัญหาระดับโลกได้ เช่น โลกร้อน แต่ความเสี่ยงคือ การอยู่อย่างไม่มีจุดหมายของมนุษย์ที่ไร้งาน

7. มนุษย์ที่จะเผชิญความท้าทายของ AI ได้ จะต้องพัฒนาแนวคิดแบบ "Full Stack Human" ได้แก่ บุคคลที่มีชุดทักษะรอบด้าน สามารถปรับตัวได้กับแง่มุมต่างๆ ของชีวิตและการทำงาน คล้ายกับนักพัฒนา AI ที่สามารถจัดการกับทุกชั้นของการพัฒนา AI ได้

8. องค์กรธุรกิจจะอยู่รอด ต้องเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ( AI Transformation) ตั้งแต่ตอนนี้ โดยต้องมีผู้นำองค์กร (CEO) ที่มีความรอบรู้ด้านเอไอ เพื่อสร้างให้องค์กรยังมีความหมาย (Relevance) และแข่งขันได้ (Competitive) ในอนาคต

9. รัฐบาลประเทศต่างๆต้องให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบนิเวศ AI โดยจัดให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างสังคมแห่งผู้รอบรู้ด้านเอไอ (AI Literated Society)

10. ประเทศไทยมีโอกาสเติบโตด้าน AI มาก โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว และการเกษตร

การบรรยายในโครงการราชบัณฑิตยสภานำความรู้สู่สังคมเมื่อเอไอครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไร24 มิถุนายน 2567การบรรยายในโครงการรา...
24/06/2024

การบรรยายในโครงการราชบัณฑิตยสภานำความรู้สู่สังคม
เมื่อเอไอครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไร

24 มิถุนายน 2567

การบรรยายในโครงการราชบัณฑิตยสภานำความรู้สู่สังคม ศาสตราจารย์ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต ได้นำเสนอภาพรวมที่น่าสนใจของความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และผลกระทบทั้งทางบวกและลบ ที่จะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางต่อสังคมมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้ การบรรยายมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้สังคมไทยได้ตระหนักรู้และมีความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับ เอไอ ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงทุกภาคส่วนของสังคมในอนาคตอันไม่ไกลนักของมนุษยชาติ

ตอนที่ 1 : การประชาภิวัตน์ของเอไอเชิงสร้างสรรค์ (Democratization of AI)

การบรรยายได้เริ่มโดยการพูดถึงแนวโน้มใหญ่แห่งการเปลี่ยนแปลงของโลก (Global Megatrends) โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นผลสะสมจากกิจกรรมมนุษย์ตั้งแต่สมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา เช่น ปรากฏการณ์โลกร้อน การทรุดโทรมของสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ และมีผลที่คาดการณ์ได้ กับการเปลี่ยนแปลงของโลกอีกประเภท ที่เป็นผลจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth) ของเทคโนโลยี โดยเฉพาะเอไอ ซึ่งมีศักยภาพมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอารยธรรมของมนุษยชาติโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงมีความสำคัญมากสำหรับประชากรไทยที่จะได้ตระหนักถึงพัฒนาการเอไอนี้ เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ ซึ่งเรียกว่า "ความไม่รู้อันเป็นปริศนา (Unknown Unknowns)"

ต่อมา ผู้บรรยายอธิบายถึงปรากฏการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) ของเอไอ โดยเปรียบเทียบกับหลักการเติบโตของดอกเบี้ยทบต้น โดยทุก ๆ เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ จะทบต้นเพื่อสร้างดอกผลเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าเพิ่มขึ้นอีก โดยอาศัยพลังประมวลผลของชิปคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลงอย่างก้าวกระโดด ช่วยให้การเรียนรู้และการประมวลผลของเอไอมีความรวดเร็วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งในที่สุด จะมีความฉลาดเหนือกว่ามนุษย์อย่างเทียบกันไม่ได้

ผู้บรรยายได้เสนอแนวคิด "ภาวะเอกฐาน (Singularity)" ที่จุดประกายโดยนักอนาคตวิทยาชื่อดังอย่าง Dr. Ray Kurzweil ผู้ทำนายว่าเอไอจะมีปัญญาเหนือมนุษย์ในเร็ว ๆ นี้ และภายในปี 2045 เอไอจะก้าวกระโดดเข้าใกล้ภาวะเอกฐาน ที่ปัญญาของเอไอจะสูงในระดับเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้

การเปิดตัวของเอไอเชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ให้ผู้บริโภคใช้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 ทำให้เอไอได้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 100 ล้านคนภายในเวลาเพียง 2 เดือน ผู้บรรยายได้สาธิตการใช้งาน เพื่อให้ผู้ฟังมองเห็นศักยภาพของเอไอในการสร้างเนื้อหา เช่น ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ โดยใช้แพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT, Claude, Gemini, Midjourney, Suno และ Sora ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน และสื่อให้เห็นว่า ในเบื้องต้น Generative AI สามารถทำงานทดแทนศิลปินและนักเขียนได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งที่สุด คือ การที่ Generative AI ที่ชื่อ Sora สามารถจินตนาการสร้างภาพยนตร์ตามคำสั่ง ซึ่งออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ทุกอย่างสอดคล้องกับทฤษฎีฟิสิคส์อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ จนนักวิทยาศาสตร์เองออกปากว่า เอไอสามารถเรียนรู้ที่จะจำลองโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพได้แล้ว

นอกจากนี้ ผู้บรรยายได้อ้างคำคมของ Dr. Andrew Ng แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ได้เปรียบศักยภาพของ Generative AI ที่อีกไม่นานจะเข้าถึงประชาชนผู้ใช้ทั่วโลก และจะปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษยชาติอย่างก้าวกระโดด เทียบได้กับการประชาภิวัตน์ของไฟฟ้าเมื่อหนึ่งศตวรรษที่แล้ว ที่ทำให้ไฟฟ้ากลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตมนุษย์ในปัจจุบัน

ตอนที่หนึ่งของการบรรยายมีจุดประสงค์เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับผู้ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเอไอจะได้ทำความเข้าใจในการใช้เครื่องมือเอไอที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเข้าใจเส้นทางที่ทำให้เอไอมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยในสังคมมนุษย์ ในตอนต่อไป เราจะมาพิจารณากันว่า เอไอกำลังจะวิวัฒนาการอย่างไร ในการเดินทางสู่การมีอำนาจเหนือมนุษย์

คลิปบรรยาย ตอนที่ ๑

การบรรยายในโครงการราชบัณฑิตยสภานำความรู้สู่สังคมเมื่อเอไอครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไรการบรรยายในโครงก.....

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ When AI rules the world, how do humans live?ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง When AI rules the world, how do humans live?:

แชร์