23/10/2020
ในหน้าแรกๆ ของหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า “มนุษย์คงไม่มีอายุถึง 70-80 ปีถ้าความยืนยาวไม่ได้มีความหมายใดกับเผ่าพันธุ์ ช่วงบ่ายคล้อยของชีวิตนั้นจึงมีความสำคัญในตัวมันมิใช่เพียงช่วงเวลาโศกศัลย์ที่ผูกพันเข้ามาในบั้นปลายของชีวิต” เป็นคำพูดที่ยกมาจากนักจิตวิทยาชื่อดัง คาร์ล จุง(Carl Jung)
ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ด้วยนสองเหตุผล อย่างแรกเพราะโอเพ่นบุ๊ค บอกได้เลยว่าเราเป็นแฟนหนังสือของสำนักพิมพ์แห่งนี้มานาน มีแนวทางชัดเจนแบบที่ไม่ต้องอ่านข้างในก็รู้ว่าจะได้เจออะไร อย่างที่สองผมสนใจเรื่องชีวิต ไม่ว่าจะในแง่มุมไหนก็ตาม ชีวิตของมนุษย์เราเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ และการมีอายุยืนยาวยิ่งเป็นสิ่งที่ชวนเราตั้งคำถามว่าการยืนยาวนั้นจะส่งผลอย่างไรกับมนุษยชาติและโลกใบนี้
หนังสือเล่มนี้ชวนเราค้นหาคำตอบที่ว่า การมีอายุยืนยาวนานนับร้อยปีแท้จริงแล้วในแง่มุมวิชาการทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ เขามองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง แน่นอหากว่ากันตามปกหนังสือ หลายคนอาจนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่า นี่เป็นหนังสือวิชาการหรือ มันดูเป็นเหมือนหนังสือที่เข้าถึงง่ายกว่านั้น มันอาจเป็นหนังสือเชิงความคิด แต่คงไม่ขนาดงานวิชาการที่แน่นไปด้วยข้อมูลและการตั้งคำถาม ถามว่าหนักไหมก็ประมาณหนึ่ง แต่เดี๋ยวจะมาบอกว่าทำไมมันยังคงน่าอ่านอยู่ดี
ผู้เขียนคือลินดา แกรตตัน(Linda Gratton) ศาสตราจารย์ด้านการบริหารที่วิทยาลัยธุรกิจลอนดอน เธอสนใจเรื่องอนาคตศึกษา ในแง่ของสังคมและเศรษฐศาสตร์ เธอยังเป็นสมาชิกสภาเศรษฐกิจโลกและได้รับการจัดลำดับให้เป็นนักคิดด้านธุรกิจยอดเยี่ยม 50 อันดับแรกของโลก ได้รับเลือกให้เป็นศาสตราจารย์ดีเด่นของวิทยาลัยธุรกิจลอนดอนในปี 2015 อีกคนที่เขียนร่วมกันในหนังสือเล่มนี้คือ ศาสตราจารย์แอนดรูว์ สกอตต์ (Andrew Scott) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่วิทยาลัยธุรกิจลอนดอนเช่นกัน เป็นสมาชิกบัณฑิตยสภาแห่ง ออลล์ โซล คอลเลจ(All Soul College) ของมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดและศูนย์วิจัยนโยบายเศรษฐกิจ เคยสอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและและวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน ด้วยแล้วก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมหภาคให้กับรัฐบาลและธนาคารกลางของหลายประเทศด้วย
มุมมองด้านวิชาการของทั้งสองคนในการเขียนหนังสือเล่มนี้น่าสนใจ เป็นหนังสืออีกเล่มที่ต้องพับขอบไว้เพื่อกลับมาอ่านอีก ข้อมูลหลายอย่างเป็นสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยนึกถึง เปิดมุมมองเรื่องอายุยืนอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะมุมมองทางด้านเศรษฐศาสตร์ ว่ากันตั้งแต่การสะสมทรัพย์สิน หรือการให้ค่ากับทรัพย์สินเมื่อเราอายุมากขึ้น ตำแหน่งการว่างงานในอนาคต หรือการรับมือกับอายุงานของคนที่อาจเพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มว่ามันจะเอาไปใช้ได้จริงๆ ไหมในสังคม มีการยกตัวอย่างอย่างแหลมคมเพื่อให้เห็นภาพของความแตกต่างทางความคิดระหว่างเจนเนอเรชั่นต่อการมีอายุยืน(เพราะว่ากันว่าเด็กสี่ขวบตอนนี้ โตขึ้นเขาจะมีความคิดเรื่องการมีอายุถึงร้อยปีเป็นเรื่องปกติ) โดยเฉพาะในประเทศที่วิทยาศาสตร์สุขภาพและการเข้าถึงการรักษาโรคทำได้ดี
หนังสือเล่มนี้มีหนากว่า 400 หน้า สำหรับใครที่ไม่ชอบหนังสือแนว non- fiction อาจรู้สึกเหนื่อยในการอ่าน มันมีบางช่วงที่ต้องอาศัยการฝ่าฟันไปไม่น้อย แต่ถ้าหากใครสนใจเรื่องอนาคตศึกษา เรื่องเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลกับชีวิตของมนุษย์เราโดยตรง
แล้วใครควรอ่าน
หากคุณเป็นองค์กรที่วางแผนจะอยู่ให้นานถึงร้อยปี เป็นนักวางแผน เป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องด้านนโยบาย คิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ไม่ควรพลาดจริงๆ มันเปิดมุมมองใหม่ในหลายด้านต่อการมีอายุที่ยืนยาวขึ้นของเรา
เช่นเคยสำนักพิมพ์โอเพ่นบุคส์ openbooks ยังเลือกหนังสือและทำหนังสือสวย คุณภาพของงานพิมพ์และการสร้างประสบการณ์ในการอ่านได้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่า แม้จะเป็นหนังสือวิชาการแต่ก็สร้างสุนทรียการอ่านได้น่าจดจำ ผ่อนหนักให้เบา เอาเรื่องยากมาทำให้น่าอ่าน
หากคุณใช้เวลาอ่านประมาณวันละ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงเราคิดว่าสักสัปดาห์หนึ่งก็จบได้
ขอให้สนุกสนานสำราญกับการอ่าน
✍️ เอกศาสตร์ สรรพช่าง
📖 The 100 Year Life ชีวิตศตวรรษ
โดยลินดา แกรตตัน และแอนดรูว์ สกอตต์ แปลโดย วารีรัตน์ อันวีระวัฒนา
สำนักพิมพ์โอเพ่นบุคส์(openbooks)
ราคา 450 บาท
#หนังสือ