Mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูก

Mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูก เพื่อนคู่คิดครอบครัวยุคใหม่ รวมความรู้ด้านการเลี้ยงลูก และกิจกรรมสำหรับเด็ก
ติดต่อลงโฆษณา Inbox / Line OA : หรือ โทร. 0971619555
(1)

🌱เดินป่า ฝ่าลำธาร กิจกรรมสำหรับลูกรักที่ช่วยพัฒนา EF และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว 🌱 ▶ กลับมาอีกครั้ง 🌼 ทริปพิเศษ ...
16/10/2024

🌱เดินป่า ฝ่าลำธาร กิจกรรมสำหรับลูกรักที่ช่วยพัฒนา EF และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว 🌱

▶ กลับมาอีกครั้ง 🌼 ทริปพิเศษ #สวนผึ้ง 2 วัน 1 คืน 🌼 อัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหน อาทิ สำรวจธรรมชาติ เดินลำธาร พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจธรรมชาติมากประสบการณ์
ต่อยอดด้วยกิจกรรมกระตุ้นจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้วยงานศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ
พร้อมความบันเทิงที่รออยู่อีกคับคั่ง อาทิ ตักบาตรเช้า ล่องแพ เดินตลาดโอ๊ะป่อย ชมโชว์ตัดขนแกะ ฯลฯ
ราคาพิเศษรวมที่พัก อาหาร และกิจกรรม
22,500 บาท / ครอบครัว (จำนวนสมาชิกสูงสุด 4 ท่าน)
🌼รับเพียง 10 ครอบครัวเท่านั้น 🌼

สนใจสอบถามข้อมูลกิจกรรม กำหนดการ และที่พัก ได้ที่ โทร. 0612364342 หรือบน Line Official Account คลิก ✅ https://lin.ee/0N3qErP
แล้วพบกันให้ได้น้าาาา 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#ทริปสวนผึ้ง
#เที่ยวสวนผึ้ง
#ทริปครอบครัว
#กิจกรรมสำหรับเด็ก▶

ลูกไม่เล่าอะไรให้พ่อแม่ฟัง บางครั้งเกิดจากพ่อแม่ดุเกินไป หรือลูกไม่ไว้วางใจพ่อแม่ การสร้างความสัมพันธ์ที่เปิดเผยและไว้วา...
16/10/2024

ลูกไม่เล่าอะไรให้พ่อแม่ฟัง บางครั้งเกิดจากพ่อแม่ดุเกินไป หรือลูกไม่ไว้วางใจพ่อแม่

การสร้างความสัมพันธ์ที่เปิดเผยและไว้วางใจระหว่างพ่อแม่และลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ วันนี้ mamapapa มีวิธีที่จะช่วยให้ลูกสบายใจที่จะเล่าสิ่งต่างๆ ให้พ่อแม่ฟังมาฝากกันค่ะ

▶ สร้างบรรยากาศที่ดีในการสื่อสาร โดยทำให้บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย พ่อแม่สามารถพึ่งพาได้ สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ทุกเรื่อง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตำหนิ หรือดุด่าว่ากล่าว

▶ มีเวลาคุณภาพให้ลูกเสมอ พยายามใช้เวลาร่วมกับลูกอย่างสม่ำเสมอ เข้าไปร่วมวงทำกิจกรรมต่างๆ กับลูก เล่นกับลูก รับฟังอย่างตั้งใจ และแสดงความสนใจในสิ่งที่ลูกพูด

▶ ให้คำแนะนำเชิงบวก เมื่อลูกพบอุปสรรค หรือปัญหาบางอย่าง ควรเป็นผู้ให้คำแนะนำที่ดี โดยการพูดให้กำลังใจ และแนะนำเชิงบวก เพื่อให้ลูกสามารถจัดการปัญหานั้นได้ แทนการตำหนิติเตียน

▶ เคารพความเป็นส่วนตัวลูก ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของลูก หากลูกไม่สบายใจที่จะเล่าให้ฟัง อย่าบีบบังคับ ควรเคารพการตัดสินใจ และเคารพความเป็นส่วนตัวของลูกด้วย

▶ พร้อมเคียงข้างเสมอ พยายามแสดงออกถึงความเข้าใจ เชื่อมั่นในตัวลูก และบอกลูกเสมอว่า พ่อแม่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

กล่าวโดยสรุปคือ รับฟัง เข้าใจ สอนด้วยใจเมตตา สร้างบรรยากาศที่ดีในรั้วบ้าน และสำคัญที่สุดคือ ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ลูกเล่าทุกเรื่อง ก็จะช่วยให้ลูกสบายใจที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟังแล้ว

ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

🌱เดินป่า ฝ่าลำธาร กิจกรรมสำหรับลูกรักที่ช่วยพัฒนา EF และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว 🌱 📍 กลับมาอีกครั้ง 🌼 ทริปพิเศษ ...
15/10/2024

🌱เดินป่า ฝ่าลำธาร กิจกรรมสำหรับลูกรักที่ช่วยพัฒนา EF และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว 🌱
📍 กลับมาอีกครั้ง 🌼 ทริปพิเศษ #สวนผึ้ง 2 วัน 1 คืน 🌼 อัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหน อาทิ สำรวจธรรมชาติ เดินลำธาร พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจธรรมชาติมากประสบการณ์
ต่อยอดด้วยกิจกรรมกระตุ้นจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้วยงานศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ
พร้อมความบันเทิงที่รออยู่อีกคับคั่ง อาทิ ตักบาตรเช้า ล่องแพ เดินตลาดโอ๊ะป่อย ชมโชว์ตัดขนแกะ ฯลฯ
ราคาพิเศษรวมที่พัก อาหาร และกิจกรรม
22,500 บาท / ครอบครัว (จำนวนสมาชิกสูงสุด 4 ท่าน)
🌼รับเพียง 10 ครอบครัวเท่านั้น 🌼
สนใจสอบถามข้อมูลกิจกรรม กำหนดการ และที่พัก ได้ที่ โทร. 0612364342 หรือบน Line Official Account คลิก ✅ https://lin.ee/0N3qErP
แล้วพบกันให้ได้น้าาาา 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#ทริปสวนผึ้ง
#เที่ยวสวนผึ้ง
#ทริปครอบครัว
#กิจกรรมสำหรับเด็ก

ผลการวิจัยจากอังกฤษ พบว่า การใช้ยาหยอดจมูกน้ำเกลือไฮเปอร์โทนิกสามารถลดระยะเวลาการเป็นหวัดในเด็กลงได้ 2 วัน นอกจากนี้ยังช...
14/10/2024

ผลการวิจัยจากอังกฤษ พบว่า การใช้ยาหยอดจมูกน้ำเกลือไฮเปอร์โทนิกสามารถลดระยะเวลาการเป็นหวัดในเด็กลงได้ 2 วัน นอกจากนี้ยังช่วยลดการแพร่เชื้อหวัดสู่คนในครอบครัวได้อีกด้วย

ผลการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุมของ ELVIS-Kids ได้รับการนำเสนอโดยศาสตราจารย์ สตีฟ คันนิงแฮม จาก Child Life and Health มหาวิทยาลัยเอดินบะระ

เผยว่า “ในอังกฤษเด็กๆ จะมีการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หรือโรคหวัดมากถึง 10 ถึง 12 ครั้งต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากทั้งต่อตัวเด็กเองและครอบครัวของเด็ก มียาที่ช่วยบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอลและไอบูโพรเฟน แต่ไม่มีการรักษาใดๆ ที่จะทำให้หวัดหายเร็วขึ้นได้”

สําหรับการศึกษานี้ นักวิจัยได้สอนผู้ปกครองถึงวิธีการหยดน้ําเกลือที่จมูกของลูก หยอดรูจมูกแต่ละรูอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวันสามหยดจนกว่าเด็กเล็ก 150 คนจะมีอาการดีขึ้น

พบว่า เด็กที่ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกจะมีอาการหวัดโดยเฉลี่ย 6 วัน ขณะที่ผู้ได้รับการรักษาตามปกติ (ไม่ได้หยอดจมูก) จะมีอาการหวัด 8 วัน

อีกทั้งเด็กที่ได้รับยาหยอดจมูกน้ำเกลือยังต้องการยาน้อยลงในระหว่างอาการป่วยด้วย

ศาสตราจารย์คันนิงแฮมกล่าวเสริมว่า “การลดระยะเวลาของการเป็นหวัดในเด็ก หมายความว่ามีคนในบ้านเป็นหวัดน้อยลง ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าคนในบ้านจะรู้สึกดีขึ้นได้เร็วเพียงใด และสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติ เช่น เรียนและทำงาน ได้”

ที่มา https://nypost.com/2024/09/05/lifestyle/saline-nasal-drops-can-shorten-childrens-colds-by-2-days

ุกเรื่องเพื่อลูก

#ล้างจมูกเด็ก
#น้ำเกลือล้างจมูก

สำหรับเด็กๆ แล้ว สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือ “ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพ่อแม่”เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกมั่นค...
13/10/2024

สำหรับเด็กๆ แล้ว สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือ “ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพ่อแม่”
เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และมีความสุข
การแสดงให้ลูกเห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ... จึงสำคัญ
🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

เพราะความสุขของลูกในวันนี้ จะส่งผลให้ลูกเติบโตไปเป็นคนที่มีรอยยิ้ม มีความภาคภูมิใจในตนเอง และมองโลกเชิงบวก 🩷🩵วันนี้ mama...
12/10/2024

เพราะความสุขของลูกในวันนี้ จะส่งผลให้ลูกเติบโตไปเป็นคนที่มีรอยยิ้ม มีความภาคภูมิใจในตนเอง และมองโลกเชิงบวก 🩷🩵

วันนี้ mamapapa มีวิธีเลี้ยงลูกให้เติบโตไปเป็นคนที่มีความสุขมาฝากค่ะ บอกเลยว่า ทำได้ง่ายนิดเดียว เริ่มที่...

▶ สร้างบรรยากาศที่ดีในครอบครัว
▶ มอบความรักความอบอุ่น
▶ ส่งเสริมให้ลงมือทำ
▶ สอนให้คิดบวก

ลองทำดู ดีต่อลูกแน่นอนค่ะ

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

วิจัยล่าสุดเตือน! ผู้ปกครองที่ใช้เวลาว่างกับมือถือ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของลูกได้ผลการศึกษาใหม่ที่น่าตกใจ พบว่า เวลาหน้า...
11/10/2024

วิจัยล่าสุดเตือน! ผู้ปกครองที่ใช้เวลาว่างกับมือถือ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของลูกได้
ผลการศึกษาใหม่ที่น่าตกใจ พบว่า เวลาหน้าจอของผู้ปกครองส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็ก
นักวิจัยระบุว่า พ่อแม่ติดจอ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลมีเดีย การพิมพ์ การส่งข้อความ การผลิตคอนเทนต์ ฯลฯ ทำให้การปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ และลูกขาดหาย
นอกจากส่งผลต่อสุขภาพจิตของลูกแล้ว ยังบั่นทอนความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงโอกาสในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของลูกด้วย
ทีมวิจัยนำโดย ดร.ทิลา ทูลวิสต์ จากมหาวิทยาลัยตาร์ตู ประเทศเอสโตเนีย ได้ทำการสํารวจครอบครัวมากกว่า 400 ครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ํากว่า 5 ปี เพื่อค้นหาผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และทีวีอย่างไม่หยุดยั้งของผู้ปกครอง
นักวิจัยพบว่าเด็กวัยหัดเดินมักจะเลียนแบบการพึ่งพาอุปกรณ์ของพ่อแม่ ซึ่งหมายความว่ายิ่งแม่และพ่อดื่มด่ํากับเวลาหน้าจอมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลให้ลูกมีโอกาสที่จะติดจอมากเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่สนับสนุนเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกมากมาย
▶ มหาวิทยาลัยเดร็กเซล ซึ่งพบว่า ทารกและเด็กวัยหัดเดินที่ใช้จอก่อนวัยอันควร มีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติทางระบบประสาทสัมผัส และมีอาการออทิสติก และโรคสมาธิสั้น (ADHD)

▶ หน่วยงานสาธารณสุขสวีเดน เสนอให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ห้ามใช้สื่อจอทุกชนิด โดยระบุว่า การเข้าถึงเทคโนโลยีก่อนวัยอันควร ส่งผบให้เกิดปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญทางทางสุขภาพจิต
สรุปผลการวิจัยของทูลวิสต์ ตอกย้ําเรื่องนี้เช่นกัน และแนะนำว่า ผู้ปกครองควรใส่ใจกับการใช้สื่อจอมากขึ้น เพราะการติดจอของพ่อแม่ส่งผลเสียต่อลูกอย่างแท้จริง 🩷🩵

ที่มา https://bit.ly/3ZQBKWz

ุกเรื่องเพื่อลูก
#ติดจอ

ความอบอุ่นในครอบครัว เริ่มต้นที่การสร้างบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วย “รัก” และ “เข้าใจ” ▶ การสื่อสารที่ดี พูดคุย รับฟัง ใ...
10/10/2024

ความอบอุ่นในครอบครัว เริ่มต้นที่การสร้างบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วย “รัก” และ “เข้าใจ”
▶ การสื่อสารที่ดี พูดคุย รับฟัง ให้เกียรติกันและกัน
▶ การแสดงความรัก ความใส่ใจ ผ่านการกอด คำพูดที่อบอุ่น การสัมผัส
▶ การใช้เวลาร่วมกัน ทำกิจกรรมที่สร้างรอยยิ้มให้กันและกัน
▶ การสร้างความรู้สึกมั่นใจในกันและกัน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา สนับสนุนกันในทางที่ถูก เป็นเซฟโซนที่ดีให้กัน

คำว่า “ครอบครัว” อาจไม่ได้นับกันที่จำนวนสมาชิก แต่หมายถึง “ความอบอุ่น และความเข้าใจที่มีให้กันในรั้วบ้าน”

มีผู้คนในบ้านหลายต่อหลายคน แต่ขาดซึ่งความเข้าใจ ก็อาจทำให้บ้านไม่ใช่บ้าน ครอบครัวไม่ใช่ครอบครัวก็ได้

ฉะนั้น อย่าลืมสร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุขด้วยนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

อย่าประหลาดใจถ้าคุยกับลูกอนุบาลแล้วเหมือนพวกเขาไม่มีหู เพราะแท้จริงแล้ว เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับพฤติกรรมต่อต้าน แรกเกิดไม...
09/10/2024

อย่าประหลาดใจถ้าคุยกับลูกอนุบาลแล้วเหมือนพวกเขาไม่มีหู เพราะแท้จริงแล้ว เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับพฤติกรรมต่อต้าน แรกเกิดไม่พอใจก็ร้อง อยากขับถ่ายก็ทำเลย ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย ซึ่งสัญชาตญาณนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กรู้สึกว่าตนกำลังถูกบังคับ หรือถูกควบคุมโดยผู้อื่น

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ เด็กบางคนมักทำบางสิ่งตรงข้ามกับคำสั่งของพ่อแม่ เช่น
▶ “อย่าหยิบ” > ลูกรีบคว้า
▶ “อย่าตี” > ลูกตี
▶ หรือเริ่มทำสิ่งต่างๆ ช้าลง เมื่อคุณบอกว่า “เร็วๆ สิ” “ให้ไวเลยนะ!”

คำถามก็คือ ทำไมเด็กๆ มักต่อต้านคำสั่งของพ่อแม่ ความจริงแล้วมีหลายๆ เรื่องซ่อนอยู่ค่ะ ลูกวัยอนุบาลที่แสดงพฤติกรรมต่อต้านพ่อแม่นั้นมีสาเหตุมาจาก...

⭐ พัฒนาการทางอารมณ์ยังไม่สมบูรณ์ พัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็กจะพัฒนาได้เร็วกว่าด้านสติปัญญา จึงทำให้ลูกแสดงออกทางอารมณ์ชัดเจน และยังควบคุมอารมณ์รวมถึงการแสดงออกต่อคน หรือเหตุการณ์ต่างๆ ได้ไม่ดีพอ

⭐ การอบรมเลี้ยงดูก็มีส่วนสำคัญ เช่น การเลี้ยงดูลูกแบบผู้บังคับบัญชากับลูกน้อง การเลี้ยงดูที่ตามใจมากเกินไป การลงโทษด้วยความรุนแรง ซึ่งวิธีการเลี้ยงดูเช่นนี้ส่งผลให้ลูกเกิดการต่อต้าน รวมถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าวได้

⭐ อารมณ์ของผู้ปกครอง หากคุณเป็นพ่อแม่ที่มักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล มีอารมณ์ร้าย ชอบตะคอก พูดจารุนแรง ที่สุดแล้วผลลัพธ์นั้นก็จะสะท้อนสู่ตัวคุณ ซึ่งแสดงออกผ่านความก้าวร้าว และต่อต้านของลูก

⭐ พฤติกรรมเลียนแบบ เช่น ลูกดูสื่อที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้าน ใช้คำพูดหยาบคาย อาจทำให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้นได้เช่นกัน

#เลี้ยงดูอย่างไรเมื่อลูกต่อต้าน?

▶ เลี้ยงดูด้วยความรัก ความผูกพันจะทำให้ลูกมองความสัมพันธ์กับพ่อแม่แบบเชิงบวก พวกเขาจะยินยอมและปฏิบัติตามคำแนะนำที่คุณมอบให้ ตราบใดที่สิ่งที่คุณบอกนั้น ไม่ใช่การสั่งการ หรือดุด่าให้ทำตาม
▶ ทำความเข้าใจว่า ไม่มีใครชอบโดนบีบบังคับ ลูกเราก็เช่นกัน ฉะนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดที่ว่า “จัดที่นอนเดี๋ยวนี้” “บอกให้จัดที่นอนไง” “ทำไมไม่จัดที่นอน” เป็นประโยคที่ดี เช่น “แม่รู้ว่าหนูไม่ชอบจัดที่นอน แต่เวลาจัดที่นอนแล้ว ห้องน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย มาเร็วมาทำให้ผ้าปูเตียงตึงกัน” เป็นต้น
▶ ปลูกฝังกิจวัตรและความรับผิดชอบส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำทุกวัน คุณพ่อคุณแม่อาจปลูกฝังให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองทุกวัน และรับผิดชอบสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสมตามวัย เช่น เล่นแล้วเก็บ ช่วยยกผ้าที่แม่พับแล้วเข้าตู้เสื้อผ้า ทำการบ้าน เป็นต้น

▶ และสุดท้าย สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ เลี้ยงลูกอย่างใจเย็น คิดก่อนพูดเสมอ ว่าประโยคที่เราพูดออกไปนั้น เป็นประโยค “สั่งการ” หรือ “บอกให้ทำ” สังเกตน้ำเสียง สีหน้าของตัวเรา และสำคัญที่สุดคือ อย่าไปกังวลหากเรียกแล้วลูกไม่หัน เพราะสำหรับวัยนี้แล้ว บางครั้งความเพลิดเพลินกับกิจกรรมตรงหน้า ก็ทำให้หูหายได้เหมือนกัน

mamapapa ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

การเลี้ยงลูกไม่ใช่การทำให้ลูกเป็นในสิ่งที่เราต้องการแต่เป็นการส่งเสริมให้ลูกเติบโตไปเป็นสิ่งที่เขาอยากเป็นแน่นอนว่า การส...
08/10/2024

การเลี้ยงลูกไม่ใช่การทำให้ลูกเป็นในสิ่งที่เราต้องการ
แต่เป็นการส่งเสริมให้ลูกเติบโตไปเป็นสิ่งที่เขาอยากเป็น
แน่นอนว่า การส่งเสริมในที่นี้
ต้องเป็นการส่งเสริมเชิงบวกด้วย

เลี้ยงลูก
รักลูกในแบบที่ลูกเป็น 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#เลี้ยงลูกเชิงบวก

คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนเป็นแบบนี้บ้างคะ ตะคอกลูกทีไรกลับมานั่งจิตตกทุกที ความจริงแล้วนอกจากการตะคอกของเราจะทำให้เราจิตตกหดหู...
07/10/2024

คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนเป็นแบบนี้บ้างคะ ตะคอกลูกทีไรกลับมานั่งจิตตกทุกที ความจริงแล้วนอกจากการตะคอกของเราจะทำให้เราจิตตกหดหู่แล้ว กับลูกการถูกตะคอกยังส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางกายและจิตใจของลูก มีงานวิจัยระบุว่า การตะคอก ดูหมิ่น พูดคุกคาม จัดเป็นการล่วงละเมิดทางวาจาที่ส่งผลเสียต่อลูกอย่างมากด้วย

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ลงในวารสาร Child Abuse & Neglect ระบุว่า การพูดจารุนแรงกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการตะโกน ตะคอก ดูหมิ่น การพูดคุกคามด้วยวาจา สร้างความเสียหายต่อพัฒนาการเด็กเช่นเดียวกับการทารุณกรรมประเภทอื่น อาทิ การทำร้ายร่างกาย การล่วงละเมิดทางกาย

การศึกษาได้ตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับผลกระทบของการล่วงละเมิดทางวาจาในวัยเด็ก ซึ่งเป็นเอกสารการศึกษาในอังกฤษ นําโดยศาสตราจารย์ Mark Bellis และตีพิมพ์ใน BMJ Open การศึกษานี้ทำในกลุ่มคน 20,556 คน และพบว่า การถูกล่วงละเมิดทางวาจาเพิ่มความเสี่ยงการใช้ยาเสพติดในอนาคตเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้าใจ

และจากการสำรวจล่าสุดในเด็กจำนวน 1,000 คน พบว่า

▶ 41% ระบุว่าผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ ผู้ดูแล ครู และพ่อแม่เพื่อน (ตามลำดับ) มักใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ ทั้งตำหนิ ดูถูก วิพากษ์วิจารณ์
▶ 51% ระบุว่า พบกับพฤติกรรมล่วงละเมิดทางวาจาทุกสัปดาห์
▶ เด็ก 1 ใน 10 กล่าวว่า พบเจอกับการล่วงละเมิดทางวาจาทุกวัน!

เมื่อทีมวิจัยสอบถามว่า คำพูดใดที่ทำร้ายความรู้สึกเด็กๆ ที่สุด พวกเขาตอบว่า มันคือประโยคเหล่านี้

"เธอมันไร้ประโยชน์"
"โง่"
"ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง"

ในทางตรงกันข้าม เมื่อถามว่า ประโยคเชิงบวกที่ได้ยินผู้ใหญ่พูดคืออะไร พวกเขาตอบว่า มันคือประโยคเหล่านี้
"แม่ภูมิใจในตัวลูก"
"ลูกทําได้"
"ฉันเชื่อในตัวคุณ"

จะเห็นได้ว่า การล่วงละเมิดทางวาจานั้น สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กตั้งแต่วันนี้ไปจนโต mamapapa รวบรวมข้อเสียจากการพูดตะคอกลูก หรือการล่วงละเมิดทางวาจาวิธีอื่นมาเล่าให้ฟังค่ะ

เมื่อคุณล่วงละเมิดทางวาจะกับลูกจะส่งผลให้...

▶ #เสียสุขภาพ > ความเครียดจากการถูกตะคอกเพิ่มความเสี่ยงของการเจ็บป่วยในอนาคต เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง และปวดคอ นอกจากนี้การตะคอก การพูดจารุนแรง ยังสามารถส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองลูก ทำให้สมองที่เกี่ยวกับข้องอารมณ์ทำงานมากกว่าสมองส่วนเหตุผล

▶ #รู้สึกห่างเหินกับพ่อแม่ > บั่นทอนต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะการตะคอกใส่เด็กบ่อยๆ อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและเด็กแย่ลง เด็กอาจรู้สึกห่างเหิน และไม่ปลอดภัยเมื่ออาศัยอยู่ในรั้วบ้าน

▶ #มีพฤติกรรมก้าวร้าว > การตะคอกใส่ลูกอาจทำให้เขามีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น เพราะลูกอาจเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นจากผู้ปกครอง

▶ #ภาวะซึมเศร้า > เด็กที่ถูกตะคอกบ่อย อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และเครียดในระยะยาว

เห็นข้อเสียมากมายจากการตะคอกลูกแล้ว ต่อไปหากจะสอนลูก ควรสอนด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ และระลึกถึงคำว่า “ล่วงละเมิดทางวาจา” ไว้เสมอ ก็จะทำให้เราตั้งสติในการเลี้ยงลูกได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#การตะคอกลูก

06/10/2024

ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่เราต้องรักษาไว้ ทั้งกับคู่ครอง และกับลูก
ุกเรื่องเพื่อลูก

05/10/2024

แม่ คือคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้ลูก
โดยไม่เคยคาดหวังว่าจะได้สิ่งใดกลับคืนมา
ุกเรื่องเพื่อลูก

เมื่อพูดถึงวัย 3 ขวบ หลายๆ คนนึกถึงเด็กที่มักถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ตลอดวัน "ใคร" "ที่ไหน" "ทำไม" นั่นก็เป็นเพราะพวกเขา...
05/10/2024

เมื่อพูดถึงวัย 3 ขวบ หลายๆ คนนึกถึงเด็กที่มักถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ตลอดวัน "ใคร" "ที่ไหน" "ทำไม" นั่นก็เป็นเพราะพวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ

วันนี้ mamapapa ลิสต์กิจกรรมที่เหมาะกับลูกวัย 3 ขวบมาฝากกัน รับรองว่า ถ้าลองได้เล่นแล้ว สนุกและยังเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ได้ด้วย

▶ ร้อยลูกปัด หรือเส้นมักกะโรนี ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ทั้งมือ นิ้วมือ ทั้งยังช่วยในการทำงานประสานกันระหว่างมือและตาด้วย

▶ ปั้นแป้งโดว์ และดินน้ำมัน ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

▶ เล่นบทบาทสมมติ เช่น แม่ครัว คุณหมอ ขายข้าวแกง ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องอาชีพ และบทบาทหน้าที่ที่ต่างกันผ่านการเล่นบทบาทสมมติ

▶ เกมทายปัญหาง่ายๆ เช่น “อะไรเอ่ย บินได้ ร้องจิ๊บๆ” “อะไรเอ่ย คลานสี่ขา เชื่องช้า ชอบกินผักบุ้ง” คำถามง่ายๆ แต่ขึ้นต้นด้วยอะไรเอ่ย นอกจากทำให้ลูกเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดได้ด้วย

▶ เล่นสร้างบ้านจากหมอนกับพ่อแม่ ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีม

▶ เล่นกีฬาในสนามหญ้า ไม่ว่าจะเป็นวิ่งไล่จับ เตะฟุตบอล โยนห่วง กิจกรรมทางกายจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ อีกทั้งการได้รับออกซิเจนจากการออกกำลังกาย ยังช่วยให้สมองของลูกปลอดโปร่ง ไม่เครียดด้วย

▶ รดน้ำต้นไม้ ช่วยส่งเสริมทักษะงานบ้าน พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ส่งเสริมการมีใจรักธรรมชาติให้ลูก

ลองนำกิจกรรมข้างต้นไปเล่นสนุกกับลูกดูนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#พัฒนาการเด็ก
#เลี้ยงลูกเชิงบวก

04/10/2024

อย่ามัวแต่คิดจะเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ
แต่จงเป็น
‘พ่อแม่ที่มีอยู่จริง’

วิจัยจาก Medical Xpress พบว่า เด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 5 ขวบ จะมีความวิตกกังวลและซึมเศร้าลดลง เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่บริเวณพื้...
03/10/2024

วิจัยจาก Medical Xpress พบว่า เด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 5 ขวบ จะมีความวิตกกังวลและซึมเศร้าลดลง เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ที่มีสีเขียว พูดง่ายๆ ก็คือ อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ นั่นเองค่ะ

Nissa Towe-Goodman หัวหน้าทีมวิจัยระบุว่า “การวิจัยชิ้นนี้เป็นหลักฐานที่การันตีได้ว่า การอยู่กับธรรมชาติดีสำหรับเด็ก และช่วงปฐมวัยก็เป็นช่วงวัยที่ควรสัมผัสกับพื้นที่สีเขียว”

การให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ ตามสวนสาธารณะ หรือพื้นที่ธรรมชาติ มีผลดีต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ

นอกจากนี้ งานวิจัยยังระบุว่า เด็กที่มีโอกาสได้เล่นในพื้นที่สีเขียวเป็นประจำมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพจิตที่ดี มีสมาธิ ลดความเครียด ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และมีพัฒนาการทางสังคมที่ดีด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว มาทำให้รอบบ้านเป็นพื้นที่สีเขียวที่นอกจากให้ร่มเงาแก่ลูกแล้ว ยังดีต่อลูกกันดีกว่า อ้อ! แต่ถ้าบ้านไหนพื้นที่ไม่กว้างพอ ก็สามารถให้ลูกสัมผัสกับสีเขียวๆ ของธรรมชาติด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกได้ปลูกไม้ดอกต้นน้อยๆ คอยฟูมฟักจนออกดอกผล หรือพาลูกไปเล่นตามสวนสาธารณะก็จะดีมากๆ เลยค่ะ 🌱🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก
#เลี้ยงลูกเชิงบวก

คำพูดและการกระทำของพ่อแม่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และเห็นคุณค่าในตนเอง (Self Esteem) ให้ลูกได้ ...
02/10/2024

คำพูดและการกระทำของพ่อแม่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และเห็นคุณค่าในตนเอง (Self Esteem) ให้ลูกได้ ซึ่งการที่ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองนั้นส่งผลดีในการดำเนินชีวิตของเขามากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น...

▶ ความรู้สึกมั่นใจในตนเองว่าสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ
▶ การยอมรับกับความผิดหวังอย่างกล้าหาญ
▶ พร้อมเผชิญกับอุปสรรคที่เข้ามา
▶ สำคัญที่สุดคือ เด็กที่เห็นคุณค่าในตนเองจะเติบโตไปเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตด้วย

สำหรับวิธีส่งเสริมให้ลูกมี Self Esteem นั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

#เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น
กระตุ้นให้ลูกแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากความคิดของเรา และยอมรับความคิดเห็นของเขา วิธีนี้จะช่วยให้ลูกกล้าแสดงออกและรู้สึกว่าความคิดเห็นของเขามีคุณค่า เป็นที่ยอมรับ

#ชมเชย
ชมเชยลูกเมื่อเขาทำสิ่งที่ดีหรือประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ลูกพับผ้าเป็นแล้ว ลูกช่วยจัดจานบนโต๊ะอาหาร ลูกระบายสีชิ้นงานสำเร็จ ฯลฯ การชมเชยจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองให้ลูกได้

#หลีกเลี่ยงการวิจารณ์
ข้อความที่เด็กได้ยินเกี่ยวกับตัวเองจากคนอื่นมักส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อตัวเอง คําพูดที่รุนแรงหรือข้อความเชิงลบ (เช่น การเรียกเด็กว่าขี้เกียจ ขี้โกหก นิสัยไม่ดี ฯลฯ ) ไม่ได้เป็นประโยคที่ทำให้พฤติกรรมของพวกเขาดีขึ้น แต่อาจทำลายความนับถือตนเองของลูกได้

#มุ่งเน้นไปที่จุดแข็ง
ให้ความสนใจกับสิ่งที่ลูกๆ ของคุณทําได้ดี ให้ความสําคัญกับจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อนเพื่อช่วยให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเอง

#เปิดโอกาสให้ตัดสินใจ
ปล่อยให้ลูกได้คิดเองทำเอง คือหัวใจสำคัญที่ช่วยสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้ลูก อย่าลืมที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจที่จะทำเรื่องต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัยลูก เช่น การเลือกเสื้อผ้าใส่เอง การเลือกเรียนทักษะใหม่ๆ ที่อยากเรียนรู้ เป็นต้น

#เป็นตัวอย่างที่ดี
พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง เช่น ทุ่มเทพยายามกับงานอดิเรกที่ชอบ การภูมิใจในสิ่งที่ตนทำ จะทำให้ลูกเกิดการเรียนรู้ในเรื่ีองของความพยายาม และความมั่นใจในความสามารถที่ตนมีได้

การสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้ลูกนั้น ไม่ได้ทำสำเร็จเพียงข้ามคืน แต่เป็นสิ่งที่เราในฐานะพ่อแม่ต้องปลูกฝังและแสดงพฤติกรรมเชิงบวกข้างต้นกับลูกตั้งแต่เล็ก ซึ่งแน่นอนค่ะว่า ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ลูกของคุณจะเติบโตอย่างมั่นใจและมีความสุขในชีวิตแน่นอน 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก
#เลี้ยงลูกเชิงบวก
#ความมั่นใจในตนเอง

01/10/2024

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวที่สูญเสียลูกอันเป็นที่รัก 😭

คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน และชอบเล่นมุกตลกกับลูก รู้ตัวไว้เลย นี่คือหนึ่งวิธีที่ช่วยในการเลี้ยงลูกเช...
30/09/2024

คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน และชอบเล่นมุกตลกกับลูก รู้ตัวไว้เลย นี่คือหนึ่งวิธีที่ช่วยในการเลี้ยงลูกเชิงบวก!

วิจัยชิ้นนี้ นำโดย เบนจามิน เลวี ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย Penn State College of Medicine พบว่า การใช้มุกตลกของพ่อแม่หรือผู้ดูแลส่งผลต่อคุณภาพความสัมพันธ์กับลูกในเชิงบวก

โดยนักวิจัยระบุว่า “ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกจะเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีสถานการณ์ที่กดดันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อเลี้ยงลูก และอารมณ์ขันสามารถช่วยคลายความตึงเครียด ทั้งยังช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กดดันด้วย”

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 312 คน ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 45 ปี มากกว่าครึ่งหนึ่งระบุว่าตนเองได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ที่ชอบใช้มุกตลก

ร้อยละ 71.8 เห็นด้วยว่ามุกตลกเป็นเครื่องมือในการเลี้ยงลูกที่มีประสิทธิภาพ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุว่าตนเองใช้หรือมีแผนจะใช้มุกตลกกับลูก เพราะเชื่อว่ามุกตลกมีประโยชน์มากกว่าโทษ

จากกลุ่มตัวอย่าง ที่มีเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากผุ้ปกครองที่ใช้มุกตลก ร้อยละ 50.5 ระบุว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ และร้อยละ 44.2 รายงานว่ารู้สึกว่าพ่อแม่ทำหน้าที่เลี้ยงดูพวกเขาได้ดี

ในทางกลับกัน คนที่เติบโตมาโดยพ่อแม่ไม่เคยใช้มุกตลกเลย มีเพียงร้อยละ 2.9 เท่านั้นที่ระบุว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ และร้อยละ 3.6 รายงานว่าคิดว่าพ่อแม่ทำหน้าที่เลี้ยงดูพวกเขาได้ดี

กล่าวโดยสรุปคือ อารมณ์ขันไม่เพียงแต่ช่วยให้บรรยากาศในครอบครัวมีความสุข แต่เสียงหัวเราะของพ่อแม่ยังมีผลในแง่ของการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก และทำให้พวกเขาเติบโตไปเป็นคนที่มีความสุข จัดการความเครียดได้ดีอีกด้วย (เพราะพ่อแม่มักใช้อารมณ์ขันในการคลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดเสมอ)

รู้อย่างนี้แล้ว หันมาใช้เสียงหัวเราะ และมุกตลกกับลูกบ้าง เพื่อช่วยกระชับความสัมพันธ์ และสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านกันดีกว่าค่ะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

#วิจัยการเลี้ยงลูก

การส่งเสริมทักษะทางภาษาให้ลูกวัย 3 - 6 ขวบ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือที่คนเราจะต้องใช้ใน...
30/09/2024

การส่งเสริมทักษะทางภาษาให้ลูกวัย 3 - 6 ขวบ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือที่คนเราจะต้องใช้ในการสื่อสารถึงความต้องการ ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่นในสังคม การมีทักษะทางภาษาที่ดีจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกหลากหลายด้าน

▶ #สติปัญญา โดยทั่วไปพัฒนาการทางภาษาของมนุษย์จะเริ่มที่ฟัง พูด อ่าน และเขียน การเรียนรู้ด้านภาษาตามวัยจะช่วยให้สมองของลูกเกิดการพัฒนา ต่อยอดไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ตามมา

▶ #อารมณ์ เมื่อเด็กๆ สามารถสื่อสารได้ดี จะทำให้เขาบอกความต้องการที่แท้จริงได้ การแสดงออกทางอารมณ์ก็จะเหมาะสม ไม่เหมือนในวัยเตาะแตะที่ยังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ จึงทำให้แสดงออกทางพฤติกรรมเป็นการร้องกรี๊ด ร้องไห้ หรือขว้างปาสิ่งของ เมื่อไม่ได้ดังใจ ฉะนั้น พัฒนาการทางภาษาจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาอารมณ์ และสังคมตามมาค่ะ

▶ #สังคม เมื่อสื่อสารได้ เด็กก็จะเกิดความเชื่อมั่น มั่นใจในตนเองที่จะสื่อสารกับผู้อื่น และผูกมิตรกับเพื่อนใหม่โดยไม่เคอะเขิน

สำหรับวิธีการส่งเสริมทักษะทางภาษาเบื้องต้นก็ทำได้ง่ายๆ อาทิ

1. พาลูกเข้าสังคม ชวนไปเล่นตามสวนสาธารณะ หรือพื้นที่นันทนาการสำหรับเด็กและครอบครัว เพื่อให้ลูกได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนใหม่

2. อ่านนิทานให้ลูกฟังทุกวัน นอกจากอ่านนิทานให้ลูกฟังจะช่วยในเรื่องการพัฒนาทางภาษาในด้านการฟัง การพูด และการอ่านแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กที่รักการอ่านในอนาคตได้ด้วย

3. เล่นการ์ดเกมคำศัพท์ และตัวอักษร ฝึกสมอง ทักษะการจำ สร้างความสนุก และแน่นอนค่ะว่า เมื่อลูกรู้สึกสนุกกับตัวอักษรก็จะทำให้เขาเรียนรู้เรื่องภาษาได้ดีขึ้นด้วย

4. เล่นทายคำศัพท์ง่ายๆ เช่น "อะไรเอ่ย มีปีก ร้อง จิ๊บ จิ๊บ" กิจกรรมง่ายๆ ที่ทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเดินทางไปโรงเรียน กิจกรรมระหว่างออกแคมป์สำหรับครอบครัว เล่นง่าย ส่งเสริมทักษะทางภาษาและจินตนาการให้ลูกได้ดีเลยค่ะ

5. ชวนลูกร้องเพลงเด็กด้วยกัน เช่น เพลงช้าง เพลง ก. ไก่ หรือ A B C การร้องเพลงช่วยฝึกทักษะการฟังและการออกเสียง ช่วยให้ลูกที่พูดไม่ชัด เรียนรู้การกระดกลิ้น การห่อปาก การออกเสียง ส่งเสริมในเรื่องการพูดได้ดีค่ะ

จะเห็นได้ว่า การส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาให้ลูกนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ ด้วย

ลองนำกิจกรรมที่ mamapapa แนะนำนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ 🩷

ุกเรื่องเพื่อลูก


#ทักษะทางภาษา

เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ  ุกเรื่องเพื่อลูก⭐ติดตาม mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูก เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มอื่นๆ คลิก ⭐IG : https://...
29/09/2024

เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ
ุกเรื่องเพื่อลูก

⭐ติดตาม mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูก เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มอื่นๆ คลิก ⭐
IG : https://www.instagram.com/th.mamapapa

Twitter : https://x.com/mamapapaTh

ความกลัวตอนกลางคืนถือเป็นเรื่องปกติของเด็ก โดยความกลัวนี้จะเริ่มเมื่อลูกมีอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปค่ะ  นั่นก็เป็นเพราะช่ว...
28/09/2024

ความกลัวตอนกลางคืนถือเป็นเรื่องปกติของเด็ก โดยความกลัวนี้จะเริ่มเมื่อลูกมีอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปค่ะ นั่นก็เป็นเพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการทั้งเรื่องสร้างสรรค์ และสิ่งที่น่ากลัว

นอกจากนี้ยังอยู่ในวัยที่ชอบเล่นบทบาทสมมติ วุ่นอยู่กับเรื่องแฟนตาซี เช่น นางฟ้า แม่มด มังกร ไดโนเสาร์ ต้นไม้ยักษ์ สัตว์ประหลาด ฯลฯ และเมื่อถึงเวลานอนจินตนาการนั้นก็ยังพรั่งพรูออกมาไม่หยุด และนี่เป็นสาเหตุที่เวลาปิดไฟเข้านอนลูกจึงมักกังวลกับเรื่องสัตว์ประหลาดใต้เตียง สิ่งน่ากลัวในตู้เสื้อผ้า ฯลฯ

ตามมาดูวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ลูกของเราผ่านพ้นจินตนาการอันแสนน่ากังวลใจในช่วงก่อนนอนกันค่ะ บอกเลยว่า ทำได้ง่ายนิดเดียว

▶ งดการดูสื่อจอต่างๆ 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะแสงจากหน้าจอจะทำให้ลูกหลับยากขึ้น
▶ ติดโคมไฟหัวเตียงให้ลูก จะช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น
▶ งดเปิดการ์ตูนหรือแอนิเมชันระทึกขวัญ หรือแฟนตาซีในห้องนอนของลูก
▶ แง้มประตูห้องนอนทิ้งไว้ เพื่อให้ลูกอุ่นใจว่า เมื่อเกิดอะไรขึ้น แม่จะวิ่งมาหาเขาได้ทันเวลา ไม่มีอะไรต้องกังวล
▶ อ่านนิทานเรื่องที่ช่วยให้ลูกรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย ไม่มีสัตว์ประหลาด หรือภูตผีก่อนเข้านอน
▶ หากลูกมีพี่น้อง เปิดโอกาสให้พี่น้องได้นอนด้วยกัน จะช่วยลดความกลัวตอนกลางคืนได้
▶ *สำคัญที่สุดคือ ไม่ดุด่า หรือบอกว่าลูกไร้สาระ โดยไม่คิดจะหาทางช่วยเหลือลูก เพราะจะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิม

สรุปคือ การกลัวสัตว์ประหลาดใต้เตียงในช่วงค่ำคืนนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการตามวัยของลูก พ่อแม่มีหน้าที่ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น มั่นคง และนอนหลับอย่างสบายใจค่ะ

ลองนำข้อมูลนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ 🩷🩵

ุกเรื่องเพื่อลูก

การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งเราต้องการเลี้ยงให้ลูกเติบโตเป็นคนคุณภาพ ยิ่งต้องทุ่มเทมากกว่าเดิม ✌️ ุกเรื่องเพื่อลูก
27/09/2024

การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งเราต้องการเลี้ยงให้ลูกเติบโตเป็นคนคุณภาพ ยิ่งต้องทุ่มเทมากกว่าเดิม ✌️

ุกเรื่องเพื่อลูก

26/09/2024

พาลูกเที่ยว
นอกจากสร้างรอยยิ้มให้ลูกได้ ยังสร้างความทรงจำดีๆ ให้ลูกด้วย 🩷🩵

ครอบครัวคือทีมที่เราเลือกเองและทีมที่ดีจะต้องพร้อมอยู่เคียงข้างกันเสมอเพื่อผลลัพธ์เดียวกัน นั่นก็คือความสุขในครอบครัว ุก...
25/09/2024

ครอบครัวคือทีมที่เราเลือกเอง
และทีมที่ดีจะต้องพร้อมอยู่เคียงข้างกันเสมอ
เพื่อผลลัพธ์เดียวกัน นั่นก็คือ
ความสุขในครอบครัว

ุกเรื่องเพื่อลูก
#การเลี้ยงลูก

ที่อยู่

K2venture เลขที่ 30 ซอยพระรามเก้า41 (แยก8) แขวง/เขต สวนหลวง
Bangkok
10250

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Mamapapa ทุกเรื่องเพื่อลูก:

แชร์

ประเภท


สื่อ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด