22/06/2023
ชอบๆ
ละครไทยแบบนี้ที่อยากได้
1
“ทำไมต้องดูละครไทยนะ ในเมื่อเปิดดูซีรีส์เกาหลีแล้วสนุกกว่า โปรดักชั่นดีกว่า” เราคงได้ยินกันบ่อย
ในโลกยุคที่คอนเทนต์ไม่ได้แข่งกันแค่ในประเทศ แต่คนดูสามารถเลือกดูคอนเทนต์จากที่ไหนก็ได้ในโลก คงเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากสำหรับคนทำคอนเทนต์น่าดู
ผมไม่ได้ดูละครไทยเท่าไร นานๆ ทีจะเจอเรื่องที่ชอบและอยากติดตาม
จนกระทั่งได้ดู “มาตาลดา” แล้วรู้สึกว่ามันดีต่อใจมากๆ เลยครับ
2
“มาตาลดา” เล่าเรื่องของมาตาลดา ผู้หญิงที่เกิดในครอบครัวของพ่อเกรซ คุณพ่อที่เป็น LGBTQ+ และแวดล้อมด้วยมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายทางเพศ เธอได้รับความรักและได้รับการปลูกฝังให้มีทัศนคติที่ดี มีเมตตา มองคนเป็นคน ไม่ตัดสินใครจากเปลือกนอก
เธอย้ายจากพัทยามาที่กรุงเทพฯ เพื่อหาทางทำให้อากงอาม่าและคุณพ่อคืนดีกันให้ได้ หลังจากที่คุณพ่อถูกตัดขาดเพราะอากงอาม่าทำใจไม่ได้ที่ลูกชายเป็น LGBTQ+ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้อากงอาม่าที่ไม่ได้เจอหน้าลูกชายเป็น 20 ปียอมคืนดีด้วย
การมากรุงเทพฯ ของมาตาลดาทำให้เธอได้เจอปุริม เพื่อนบ้านที่เป็นศัลยแพทย์ด้านหัวใจที่เพื่อนๆ ของเขาเรียกว่า “หมอหัวใจที่ไม่มีหัวใจ” ปุริมเกิดในครอบครัวที่เข้มงวดและตีกรอบเขามาตั้งแต่เด็กจนไม่มีความสุข ความสัมพันธ์ของปุริมกับครอบครัวจึงมีแต่ความห่างเหิน
ปุริมเหมือนจะเป็นคนที่ดูแข็งๆ แต่จริงๆ เป็นคนอ่อนโยน การถูกหล่อหลอมให้รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตให้ได้ตามมาตรฐานที่พ่อแม่ยัดเยียดให้มาตลอดทำให้เขามีกำแพงกับคนอื่น แต่เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเจอกับมาตาลดา
3
มีหลายอย่างที่ผมชอบมากๆ ใน “มาตาลดา”
ผมคิดว่า มีบทเรียนดีๆ จากซีรีส์เกาหลีที่ผมคิดว่าทางทีมงานได้ถอดรหัสและตกผลึกมา มาบวกเข้ากับความสนุกแบบไทยๆ ที่ปลอดภัยมาใส่ ทำให้ละครเรื่องนี้มีเสน่ห์มาก
ถ้าดูซีรีส์เกาหลีเราก็จะเห็นว่า นักแสดงจะเยอะไปไหน แต่ทุกคนมีส่วนสำคัญ มีเสน่ห์เฉพาะตัว มีซีนของตัวเอง มีเรื่องราวของตัวเอง และทำให้เนื้อเรื่องเดินหน้าหมด เห็นตัวอย่างได้ชัดคือ แก๊งชาวบ้านใน Hometown Cha-Cha-Cha กับ The Good Bad Mother ที่บทสมทบได้โชว์ของหมด ทำให้คนดูรักไปด้วย
การให้ความสำคัญกับตัวละครทุกตัวเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากสำหรับเรื่องมาตาลดา เพราะตัวละครเยอะมาก แต่ทุกตัวละครมีเรื่องราว มีชีวิต ทั้งเพื่อนบ้าน กลุ่มน้าๆ ที่เลี้ยงมาตาลดา กลุ่มพยาบาล แก๊งหมอเพื่อนปุริม อากงอาม่า ตำรวจ กลุ่มบ้านไฮโซ ฯลฯ แต่ทุกตัวมีเหตุผลว่าทำไมต้องอยู่ในเรื่องนี้ และนักแสดงก็ดีไซน์คาแรกเตอร์ออกมาน่ารักกำลังดี ไม่แบน มีเสน่ห์
มองในมุมคนทำงาน ถ้าเป็นนักแสดงก็คงภูมิใจนะครับ เพราะตัวละครต่อให้บทจะมากจะน้อยก็มีพื้นที่ได้โลดแล่นหมด มีเรื่องราวเฉพาะ มีซีนน่าจดจำของตัวเอง ได้ใช้ความสามารถ ทุกคนมีของแล้วได้โชว์หมด
4
อีกเรื่องที่ผมชอบมากในมาตาลดาคือ ปมความขัดแย้งเรื่องนี้เป็นเรื่องการหล่อหลอมคน
คนที่เกิดในครอบครัวของคุณพ่อ LGBTQ+ ที่คนอื่นอาจจะมองว่าไม่สามารถเลี้ยงลูกมาได้ดีหรอก แต่กลับเป็นบ้านที่อบอุ่นมาก กับคนที่เกิดในครอบครัวที่ดูภายนอกเหมือนจะมีทุกอย่าง แต่เป็นบ้านที่อยู่แล้วน่าอึดอัด
แล้วทำให้เห็นว่า พอตัวละครที่ได้รับการหล่อหลอมมาแตกต่างกันแบบนี้มาอยู่ด้วยกัน เกิดความสัมพันธ์แบบ Give & Take อย่างไรบ้าง ตัวละครได้เรียนรู้อะไรจากการอยู่ด้วยกัน
มาตาลดาเป็นคนมองโลกในแง่ดี อยากทำอะไรก็ทำ คิดอะไรก็พูดออกมา หาข้อดีบนเรื่องร้ายได้เสมอ ขณะที่ปุริมมีความคิดเป็นระบบ ความรอบคอบต้องมาก่อน ทำอะไรต้องมีเหตุผล คิดเยอะ ระวังตัวเยอะ
แล้วประเด็นที่หยิบมาก็ค่อนข้างร่วมสมัยในยุคที่บทสนทนาเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเกิดขึ้นทั่วโลก
พอประเด็นมันสากลมากพอ คนดูจากประเทศอื่นมาดูผ่านสตรีมมิ่งก็จะรู้สึกเชื่อมโยงไปด้วยได้
วิธีการคิดคอนเทนต์ละครในยุคนี้จึงต้องคิดแบบ Global citizen แต่มีเสน่ห์แบบ Local
5
เรื่องเล็กๆ ที่ผมว่าน่ารักมากคือ การแทรก Soft power ของไทยลงแบบไปไม่ยัดเยียด
ถ้าดูซีรีส์เกาหลีแล้วมีโซจู ดูมาตาลดาจะเจอบะหมี่ข้างถนน หมูกะทะ ปาท่องโก๋ ซึ่งเข้ากับเนื้อเรื่องพอดี
แต่เวลาฉากเปิดที่ให้เห็นกรุงเทพฯ มุมสูงแล้วท้องฟ้ามัวมากเพราะฝุ่น PM นี่ก็เขินเหมือนกัน เออว่ะ จริงดี นี่แหละบ้านฉัน ฮ่าๆ
เช่นเดียวกับการแสดงที่นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองดีมาก ดียันหมาที่มาแสดง และพอเป็นเรื่องหมอๆ ผ่าตัด ก็ทำการบ้านกันมาดี เท่าที่ทราบ นักแสดงและทีมงานก็ไปฝังตัวเวิร์คช็อปกับศัลยแพทย์กันจริงๆ
ชอบที่สุดน่าจะเป็นบทเวลาพ่อเกรซอยู่กับลูกแล้วสอนให้ลูกเข้าใจชีวิต
พ่อเกรซไม่ได้สั่งหรือบอกว่าลูกต้องคิดยังไง ไม่มีการตัดสิน แต่ชวนคุย ชวนให้ลูกสะท้อนความรู้สึกออกมา ชวนให้ลูกคิดต่อ แล้วค่อยๆ เพาะเมล็ดความคิดที่ดีให้
อาจจะเป็นคำพูดที่ผู้ใหญ่พูดกับเด็ก แต่จริงๆ ตัวละครกำลังพูดกับผู้ใหญ่ด้วยเหมือนกัน
6
ทั้งหมดที่เล่ามา อยากจะบอกว่าดีใจที่มีละครเรื่องนี้ครับ เห็นถึงความใส่ใจของผู้สร้าง เห็นพัฒนาการของละครไทย และอยากชวนให้ไปดูกัน ทั้งดูสดจากช่อง 3 หรือใน Netflix
ไม่มีตบตีแย่งชิงผู้ชาย ไม่มีด่ากันแรงๆ ไม่มีฉากข่มขืน แบบที่เคยบอกกันว่าคนไทยชอบดูแบบนี้ คนทำละครก็ต้องทำแบบนี้
มาตาลดาไม่มีแบบนั้น เป็นละคร Feel Good อบอุ่นหัวใจพองฟู มีคำพูดดีๆ ข้อคิดดีๆ อยู่ตลอด และสนุกมาก
ละครไทยแบบนี้แหละที่อยากได้ ขอบคุณมากครับที่ตั้งใจสร้างมา
สุดท้าย ผมคิดไปถึงว่า ถ้าวันหนึ่งประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้ และการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติที่ได้รับการยอมรับ ใครเป็นเพศไหนก็ได้รับเกียรติเหมือนกัน และเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีได้
คงไม่มีใครต้องโดนซ้อมเพราะเป็นตุ๊ด ไม่มีใครโดนล้อโดนรังเกียจเพราะมีความต่าง ไม่มีใครต้องถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่หัวใจไม่ได้ต้องการ ไม่มีใครต้องรู้สึกผิดกับการจริงใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
ประเทศนี้คงเป็นบ้านที่น่าอยู่มากขึ้นนะครับพ่อเกรซ
ท้อฟฟี่ แบรดชอว์