Phu Sang & Phu Cheek

Phu Sang & Phu Cheek ไปเรื่อย

การแข่งเรือยาว 8 ฝีพาย ณ อ่างเก็บน้ำห้วยบง บ้านสา ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567
20/05/2024

การแข่งเรือยาว 8 ฝีพาย ณ อ่างเก็บน้ำห้วยบง บ้านสา ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567

07/09/2023

หลังจากไปเรียน อีโคปริ้น เลยมาปล่อยของต่อให้ชาวแก๊งต่อ....
#พิมพ์ภาพจากธรรมชาติ
#ขอบคุณพี่เคมกับพี่แน้นที่แชร์ความรู้

ข้อแนะนำ ขั้นพื้นฐาน...
07/04/2023

ข้อแนะนำ ขั้นพื้นฐาน...

....  คำถามที่เรามักเจอบ่อยตอนลูกเด็กๆ คือ ลูกเข้าโรงเรียนหรือยัง? .....จากโพสที่แล้วบอกไว้ว่าจะมาเล่าว่า ลูกยังไม่ได้ขึ...
20/03/2023

.... คำถามที่เรามักเจอบ่อยตอนลูกเด็กๆ คือ ลูกเข้าโรงเรียนหรือยัง? .....
จากโพสที่แล้วบอกไว้ว่าจะมาเล่าว่า ลูกยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน Home School แล้ว หิ้วไปไหนต่อไหน ลูกไม่เรียนหรอ? เป็นไรไหม? จะเข้าตามเกนณ์ได้เปล่า?
#โพสนี้เราจะพูดถึงเมื่อไหร่กันที่เด็กต้องไปโรงเรียน
ก่อนอื่นว่ากันตามกฎหมายของไทยก่อนเลยครับ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลอื่นซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปีโดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศึกษาพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก (รายละเอียดอื่นๆ ไปศึกษาได้ครับ พิมในกูเกิลไปเลย)
#สรุปง่ายๆ คือ...
กฎหมายบังคับให้เด็ก 7 ขวบต้องได้รับการศึกษาไปจน อายุ 16 (หรือ จบ มัธยมตอนต้นนั้นเอง) คำถามคือ อ้าววว...... แล้วช่วง ก่อน7ขวบล่ะ? ศูนย์เด็กเล็กละ? อนุบาลเอย? คืออะไร? เนื่องด้วยกฎหมายบังคับเด็ก 7 ขวบ ช่วงก่อนหน้านั้นถือว่า จะไปเรียนหรือไม่ไปก็ได้ตามที่ครอบครัวสะดวก แต่เนื่องด้วยหลายคนเข้าใจว่าต้องเข้าเรียนตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็ก(เตรียมอนุบาล) จึงมีความกังวลหากอยากดูแลลูกเองที่บ้าน (มีเพื่อนๆถามมาพอสมควรเรื่องนี้) ย้ำให้อีกครั้งว่า... กฎหมายไม่ได้บังคับให้เด็ก ก่อน 7 ขวบ ต้องเข้าเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่...... แต่ตัวเท่าบ้าน 555 เนื่องด้วยสภาพสังคมบ้านเราส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ จึงต้องมีศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ไว้เพื่อรองรับการดูแลเด็กๆที่ทางบ้านต้องออกไปทำงาน อีกทั้งความรู้ความเข้าใจในด้านพัฒนาการเด็กอีก... ไม่ง่าย... แต่ก็ไม่ยากเกินตัว(มันมีวิธีจัดการอยู่ ค่อยทยอยเล่าให้ฟัง) อยู่ที่ครอบครัวไหนสะดวกแบบไหน
#จากประสบการณ์
ถ้าครอบครัวไหนพร้อมที่จะดูแลเองในช่วงก่อน 7 ขวบแรกนี้ แนะนำเลยครับคุ้มค่า เพราะช่วงสามขวบแรกถือเป็นการหล่อหลอมสร้างสภาวะภายในของเด็ก ช่วง 7 ขวบแรก เป็นช่วงที่เด็กจะสร้างตัวตนในแบบตัวเอง ฉนั้น นึกสภาพนะครับ ช่วงที่ลูกเรากำลังะหล่อหลอมสร้างตัวตน แต่เราเอาเขาไปฝากไว้กับคนอื่น อย่าได้คาดหวังมากครับ ถ้าเราดูแลเองเลี้ยงเองได้ช่วงนี้เราจะมีกันและกัน(เราจะมีกันและกันสำคัญมาก อันนี้เราค่อยมาอธิบายแยกนะ ละเอียดพอสมควร) แต่..... แต่ตัวเท่าบ้านอีกแล้ว55 ถ้าไม่ไหว อย่าฝืนครับ เอาลูกไปฝากไว้กับครู ไม่งั้นทั้งสภาวะความเครียดจากการทำงานจะมาบวกกับเครียดกับอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ จะกลายมาเป็นสร้างความลำบากให้ตัวเราและลูกเอาครับ ของเราตอนเลี้ยงภูชีค ช่วง 3 ขวบแรกเลี้ยงเองตลอดมีงานก็หิ้วไปด้วย ไม่ได้ไปเข้าศูนย์เด็กมันจะไม่คล่องตัวเท่าไหร่แต่ก็สนุกไปอีกแบบ (จริงๆเอาไปเข้านะ 2 วันแรกไอ้ชีคตื่นเต้น มีของเล่นเยอะ ไม่ร้องกลับบ้านเลย พอวันที่ 3 ร้องไห้ เราเลยเลี้ยงเองไม่พาไปแล้ว) ช่วง 4 ขวบ นี่ ชีคมายื่นข้อเสนออยากไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน ซึ่งเราก็โอเคนะ ก็ไปโรงเรียน แต่ก็อย่างว่าเราเดินทางบ่อย ลูกเลยไปบ้างไม่ไปบ้าง 55 บางครั้งขาดเรียนเกือบ 2 เดือนก็มี
#เอาเป็นว่า....
ถ้าใครพร้อมแนะนำให้เลี้ยงเอง ในช่วงก่อน 7 ขวบ ถ้าใครยังไม่พร้อมเอาไปฝากครูดูแลได้ ครับ ส่วนการขอขึ้นทะเบียน Home School ค่อยมาทำตอน ย่างเข้า 7 ขวบ (หรือจะทำก่อนก้ได้นะ แต่ก็ไม่ได้มีผลเพราะกฎหมายไม่ได้บังคับไว้) โพสต่อไปจะมาพูดถึง ช่วง 3 ขวบแรก หรือใครอยากรู้ช่วงไหนก็ข้อความมาได้ครับ
จบ....

....  ขอขึ้นทะเบียนบ้านเรียนทำยังไง? .......เนื่องด้วยมีเพื่อนๆหลายคนหลังไมค์มาถามเรื่อง การทำ Home School. หรือการเรียน...
19/03/2023

.... ขอขึ้นทะเบียนบ้านเรียนทำยังไง? .......
เนื่องด้วยมีเพื่อนๆหลายคนหลังไมค์มาถามเรื่อง การทำ Home School. หรือการเรียนการสอนแบบที่บ้านจัดการเอง หรือเรียกกันอีกแบบว่าบ้านเรียน ซึ่งอยู่ที่ใครจะเรียก(เอาที่สะดวก) สองสามปีที่เพื่อนๆหลังไมค์มาถามเรื่องนี้ ปกติเรายังไม่ได้ทำ Home School ครับ 55 เราจึงไม่ได้แนะนำอะไรไปมาก บวกกับไม่มีเวลาเลยไม่ได้คุยอย่างจริงจัง ปีนี้เราจะมาเริ่มด้วยกันครับ
#การขอขึ้นทะเบียนบ้านเรียนEP1.
ก่อนอื่นเลยใครที่อยากขึ้นทะเบียนHome School หรือการศึกษาแบบบ้านเรียน เริ่มได้จาก การไปขอคำปรึกษาที่ สพฐ เขตที่อยู่ก่อนเลยครับ หรือบางที่เป็น สพป (สำนักงานเขตการศึกษาประถมศึกษา) ซึ่งในพื้นที่ที่เราอยู่ อยู่ในเขต สพป. เราจึงเดินทางไปที่สพป.เขต2 ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งในช่วงเดือนเมษายน เขาจะเริ่มพิจารณาหลักสูตรการศึกษา ซึ่งในเทอมที่จะถึงนี้ เราอาจจะส่งเอกสารไม่ทัน เพราะต้องร้างหลักสูตรการเรียนรู้ตัวประเมินต่างๆ ร่วมกับสพป. นั้นแปลว่าก่อนจะเขาพิจารณาในช่วงเมษายน นี้ เราต้องทำหลักสูตรร่วมกับ สพป. ให้เสร็จก่อน55 แน่นอนด้วยความขี้เกียจ ผมอาจยื่นในเทอม 2 นะครับ มันกระชันขนาดนี้จะลำบากเอา55 ทั้งนี้การทำหลักสูตรมีพี่ๆคอยให้คำปรึกษาจึงไม่กังวลมาก (จริงๆถ้าจะส่งก็ทันครับแต่มีเหตุผลอื่นๆอยู่ด้วย)
#สรุปให้เลยละกันครับ การขอขึ้นทะเบียน Home School เบื้องต้น
1. ให้ค้นหาก่อนเลยว่าเขตที่อยู่ อยู่ใน สพฐ หรือ สพป เขตไหนพื้นที่ไหน
2. เมื่อเจอแล้วให้เข้าไปถามเจ้าหน้าที่เลยครับ ว่ามาขอขึ้นทะเบียน Home School แนะนำว่าให้บอกเจ้าหน้าที่ว่า Home School ไปบอกบ้านเรียนเดียวเจ้าหน้าที่บางท่านจะงงเอา เพราะในภาษาราชการที่ใช้คือ Home School (อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นะครับ บางพื้นที่เจ้าหน้าที่ก็รู้อยู่แล้ว)
3. ถ้าเขตพื้นที่คุณเคยมีคนไปขึ้นทะเบียนแล้วก็จะง่ายหน่อย (ปกติจะมีเคสที่เขาขึ้นทะเบียนอยู่บ้างแต่ส่วนมากจะเป็นเด็กพิเศษไม่ค่อยมีเด็กปกติทำกัน) เจ้าหน้าที่จะแนะนำได้ แต่ถ้าเป็นเคสแรกก็ซวยหน่อย 55 ต้องเรียนรู้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปกับเจ้าหน้าที่ครับ (แต่หลังๆนี้ Home School เริ่มเป็นที่แพร่หลายขึ้นแล้ว ฉนั้นไม่ต้องกังวลมากส่วนมากเขาก็จะพอรู้มาบ้างแต่อาจจะติดๆขัดๆนิดนึง)
4. ขอช่องทางติดต่อเจ้าหน้าที่เขาไว้เลยครับ ได้ปรึกษากันยาว
#เล่าให้ฟังจากที่เจอมา
อย่างแรกเนื่องด้วยเขตเรามีคนเคยไม่ขึ้นทะเบียนแล้ว(แต่ไม่มาก) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็เพิ่งย้ายมาใหม่จึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน อย่างแรกเลยที่เราเห็นความกังวลของเจ้าหน้าที่ คำถามแรกที่เราเจอ คือ ลูกเป็นอะไรหรอ? 55 ตอนแรกเราก็สตั้น เพราะก็งง ว่าปกติลูกต้องเป็นอะไรหรอ? เราก็เลยถามกลับตรงๆว่า ต้องเป็นอะไรหรอครับ55 คือไม่ได้กวนแต่ไม่รู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็สตั้น เขาเลยบอกว่าปกติที่มาขึ้นทะเบียนก็จะเป็นเด็กพิเศษที่เรียนปกติไม่ได้ เราเลย อ้อ.... เป็นแบบนี้นี่เอง
อย่างที่2เรื่องต่อมาคือ พ่อแม่ เรียนจบไหม? อันนี้ตอนแรกก็งงๆ ต้องจบอะไรมา55 เจ้าหน้าที่บอกว่าคนที่จะเป็นผู้สอน ต้องจบขั้นต่ำคือ ปริญญาตรี (จริงๆเราเพิ่งเห็นเอกสารที่หลัง เขาบอกว่า "ผู้จัดต้องมีวุฒิไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า") เราตอนแรกก็คิดว่างานเข้าแล้วคงต้องกลับไปเรียนให้จบละมั้งเพราเรียนตั้งหลายที่ ไม่จบสักที่ ดีที่เรียน กศน. รอบที่ 2 เขาไม่ไล่ออก55 (รอบแรกโดนไล่ออกนะ)
อย่างที่ 3 สภาพครับ55 ใช่ครับสภาพที่ไปราชการถ้ามีสูตรผูกไทก็ใส่ไปครับ เจ้าหน้าที่ดูกังวลมากว่าเราจะจัดการเรียนการสอนเองได้แน่นะ ดูสภาพที่ไปฮ่ะ หัวฟูๆ ขาสั้น รองเท้าแตะเลอะๆ ต้องบอกว่าสภาพไม่น่าเชื่อถือเอาว่างั้น เลยต้องมาคอยตอบคำถามต่างๆนาๆ ว่าทำงานอะไร เรียนจบไหม จะทำหลักสูตรได้เปล่า ต้องหยั่งเชิงองค์ความรู้กันอีก ถ้าใครไม่อยากหน่อยกับเรื่องยิบๆย่อยๆแบบนี้ ก็แนะนำให้เต็มยศไปครับ ส่วนผม ผมสดวกแบบนี้
อย่างที่ 4 ถึงแม้จะโดนเจ้าหน้าที่สอบถามไม่วางใจ แต่เจ้าหน้าที่ใจดีครับเขาแนะนำอันไหนได้เขาก็แนะนำ ถือว่าHome School ตอนนี้ถือว่าเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ปกติเรื่องแบบนี้ที่พี่ๆเขาเจอกันก่อนหน้าก็จะเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเข้าใจว่า เด็กปกติจะมาHome School ทำไม ทำไมต้องยุ่งยาก แต่เราว่าเท่าที่สังเกตุ เจ้าหน้าที่เริ่มเข้าใจการเปลี่ยนแปลกอยู่พอสมควรครับ
#ท้ายสุดของโพสนี้
แล้วที่ผ่านมา พาไอ้ชีค(ลูกสาว) ไปโน้น ไปนี่่ ไม่เป็นไปเรียนแบบชาวบ้านเขา ไม่ได้ทำHome School แล้วทำไงล่ะ?......... โพสนี้ยาวแล้ว จะมาพูดถึงในโพสหน้า
จบ.

ที่อยู่

18 M. 8 Phusang
Amphoe Chiang Kham
56110

เบอร์โทรศัพท์

+66910788042

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Phu Sang & Phu Cheekผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Phu Sang & Phu Cheek:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์