Pladak Voyage

Pladak Voyage ในทุกชีวิตมีความนัวที่ซ่อนอยู่ - Pladak

08/04/2024

ฝากติดตามน้องแนน จาก Thai Learn Dutch ด้วยนะคะ หนึ่งในผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต กับการเรียนภาษาดัตช์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ

https://www.facebook.com/share/oy8f13LVFUbHxTV9/

เป็นคนสอนภาษาที่เขียนหนังสือได้นิดหน่อย และเป็นนักเขียนที่วาดรูปได้นิดหน่อย ตอนนี้ยังส

17/12/2023

" จริง ๆ แล้วคนเราต้องการคือ Emotional support มากกว่าอะไรทั้งหมด เล็ก ๆ ของเราอาจจะไปเติมเขา แล้วเรารู้สึกว่า ตรงนี้ที่เราทำนิดเดียว ได้เติมเต็มในจุดที่เขาขาด เขาสามารถที่จะลุกขึ้นมานั่งได้จากที่เขานอนอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับยืน เดินได้ เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น พอคนเราเริ่มมีสติ ปัญญามันก็มา เรารู้สึกว่ามันได้ฮีลใจเราในจุดที่เราขาดด้วย "

ส่วนหนึ่งจากการพูดคุยกับ ป้าแต้ว โศภฤน พินิจภูวดล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ThaiDutchkeuken-CIRCLE และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช้ความรู้ด้านกฎหมายที่เรียนมาคอยช่วยคนไทยทำความเข้าใจกับข้อกฎหมายของเนเธอร์แลนด์

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม Pladak Voyage หวังว่าข้อคิด หรือประสบการณ์จากคนไทยที่อาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ที่นำมาเล่าสู่กันฟังจะเป็นพลังให้ทุกคนได้ทบทวน เติบโต และเป็นแรงพลังให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในประเทศนี้อย่างมีความสุข

และ Pladak Voyage จะกลับมาอีกครั้งเมื่อมีโอกาสและพลัง ขอบคุณคุณผู้ชมอีกครั้งค่ะ


#ชึวิตคนไทยในเนเธอร์แลนด์

#ชีวิตคนไทยในต่างแดน
#แต่งงงานกับต่างชาติ
#การสร้างความสุขนอกcomfortzone

02/12/2023

แด่วันที่หนาวเหน็บ ติดตามฉบับเต็มได้เร็ว ๆ นี้
#ชีวิตคนไทยในต่างแดน
#ชึวิตคนไทยในเนเธอร์แลนด์
#แต่งงงานกับต่างชาติ


27/10/2023

Pladak Voyage ตอนใหม่ เร็ว ๆ นี้

Pladak Voyage  #ข้างหลังภาพตอนเด็ก ๆ ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ จุดตะเกียง หาบน้ำจากบ่อ ไม่มีประปา ลำบากมาก ๆ หอบตัวเองเรียนรา...
02/07/2023

Pladak Voyage #ข้างหลังภาพ

ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ จุดตะเกียง หาบน้ำจากบ่อ ไม่มีประปา ลำบากมาก ๆ หอบตัวเองเรียนรามจนจบ พูดภาษาอังกฤษได้บ้างนิดหน่อย ตอนนี้มาเป็นพนักงานห้างที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ

เริ่มต้นชีวืตใหม่ในต่างแดน ตอนอายุ 30 ++ มันก็ไม่ง่ายนะคะ

อีฟ ป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ เรียน จบ ป.ตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ

ย้ายตามสามีมาที่นี่เมื่อปี 2018 ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท งานที่ทำก็คือ พนักงานบริการในห้างสรรพสินค้า SA ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม

เส้นทางของอีฟเราไม่ได้มาแบบสาย High Skill ไม่ได้มาสายทำงานออฟฟิศเราจึงเป็นแรงงานที่ใช้สกิลแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีข้อจำกัดเรื่องภาษา เราสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่าภาษาดัตช์ เพราะตอนอยู่เมืองไทย เราทำงานเป็น front desk ของโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. พอย้ายมาที่นี่เลยต้องเข้ามาหางานในตัวเมืองใหญ่ นั่งรถไฟมาก็ประมาณ 20 นาที

ตอนสัมภาษณ์งานดีใจมากที่ HR ติดต่อมา ถึงแม้ตอนเริ่มงานในเดือนแรก ค่าแรงจะน้อยหน่อย แต่ก็ดีใจ เอาวะ ดีกว่าไม่มีงานทำ ลองทำงานห้างดูก็ไม่เสียหาย ตอนสมัยเรียนราม เราก็ทำงานห้างส่งตัวเองเรียนจนจบ

แต่ท้ายที่สุดเมื่อรับเงินเดือน ก็ถือว่าใช้ได้ไม่น้อยไม่มาก พอรับได้ เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่า การทำงานบริษัทใหญ่ ๆ แบบนี้ มันมีสวัสดิการ และเงินอะไรให้บ้าง

มาเข้าใจทุกสิ่ง ก็ตอนทำงานเข้าเดือนที่ 3 เออหว่ะ ทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ คือเพิ่งเข้าใจว่า อ๋อ เราสามารถทำงานแค่นี้ก็ได้เงินพอกิน มันเป็นแบบนี้นี่เอง เป็นเรื่องของกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำให้ไม่เหลื่อมล้ำมากจนเกินไปสรุปคือ ยังทำต่อจนถึงทุกวันนี้ และอีฟได้บรรจุเป็นพนักงานประจำตอนทำงานได้เจ็ดเดือนแรกค่ะ

เงินเดือนคือพลังบวกส่วนพลังลบมันก็มีอยู่แล้วค่ะ ความพยายามและความอดทน ต้องพกออกไปกับเราทุก ๆ วันนะคะ เพราะเราต้องใช้มันทุกวัน แต่อีฟมีภูมิคุ้มกันมาบ้าง เพราะเราทำงานโรงแรมที่ไทยเราก็เจอ ความหลากหลายของคนจากนานาประเทศอยู่แล้ว จึงทำให้เราสามารถรับมือและแก้ปัญหาได้ แต่ในระหว่างการทำงานที่นี่ก็ต้องใช้ความพยายาม และอดทนอยู่ประมาณหนึ่ง เพราะเราไม่ได้อยู่ในประเทศบ้านเกิดตัวเองด้วย

ใจต้องเข้มแข็งมาก ๆ นะคะ เรียกได้ว่า "อ่อนแอก็แพ้ไป"

แต่สิ่งที่ต้องมีมาก ๆ คือ ความเคารพสิทธิของตัวเองในที่ทำงานค่ะ เพราะที่นี่ ความเท่าเทียมในที่ทำงานค่อนข้างสูง ถ้าเจอปัญหาที่ไม่ป็นธรรมคือ สามารถ เดินเข้าไปหา หัวหน้างานและอธิบายได้ตรงนั้นเลย

การใช้ชีวิตที่นี่ก็จะพะรุงพะรังหน่อย เพราะไม่ได้มี 711 หรือร้านอาหารตามสั่งข้างทาง ต้องพกทุกสิ่ง อาหารน้ำ ร่ม เสื้อแจ๊คเก็ต เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเหมือนไบโพลาร์

แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายที่นี่ มีสิทธิตามกฎหมายแรงงานเท่าพลเมืองทุกประการ เราเรียนรู้ว่าสิทธิคืออะไร ถือได้ว่าเป็นงานที่ทำแล้วจบ ๆ ไปวันใหม่ก็เริ่มใหม่ เพราะเราพอใจกับตรงนี้ และไม่อยากขยับเป็นหัวหน้า แค่นี้ก็พอกินแล้ว ไม่อยากเครียดค่ะ 5555

กำไรในชีวิตอีกอย่างจากการทำงานคือ เกิด community ใหม่ ๆ มีเพื่อนต่างชาติ ทั้งเอเชียและยุโรป นัดกันออกไป กินข้าว ช็อปปิ้ง เม้ามอย ได้สังคมใหม่ ๆ เยอะมากขึ้น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตและวัฒนธรรมมากขึ้น เปิดโลกทัศน์มากขึ้น

การย้ายมาอยู่ต่างประเทศ การมีงานทำ สำคัญมาก ๆ นะคะ โดยเฉพาะถ้าสามีเราไม่ได้รวย เราต้องเพิ่งพาตัวเองให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องงานนะคะ เรื่องการใช้ชีวิตก็เช่นกัน เพราะอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ ไม่ว่าสามีคุณจะซัพพอร์มากแค่ไหน อย่างน้อย ๆ ต้องหางานทำ ต้องมีเงินของตัวเองนะคะ

อย่างน้อย ๆ ก็มีสวัสดิการเงินเกษียณตอนแก่ค่ะ เพราะที่นี่ ทุกอาชีพ ที่เสียภาษีไป สามารถรับเงินเกษียณได้ค่ะ

ไม่เหงา ไม่หิวโหย มีงาน มีเงินซื้ออาหาร ถึงจะเป็นเงินจากการใช้แรงงานหนัก หน้าร้อน หน้าหนาว อุปสรรคสารพัด รถไฟดีเลย์บ้าง แต่มันภูมิใจ พ่อแม่เราก็ไม่ลำบาก อย่าลืมแบ่งเก็บไว้สำหรับอนาคตตัวเองส่วนหนึ่งด้วยนะคะ ใจต้องแข็ง "งดยืมเงินทุกกรณี" เพราะอย่าไปคิดว่าหายืมใครได้ง่ายๆ เผื่อใช้จ่ายฉุกเฉินด้วยค่ะ

สิ่งที่ต้องควบคุมตัวเองมาก ๆ คือกิเลสค่ะ เพราะที่นี่เป็นเมืองเสรี เหล้า กัญชา สุรา การพนัน อบายมุขเหล่านี้ ถ้าคุณไม่หลงไปกับมัน คุณมีเงินเก็บแน่นอนค่ะ

อนาคตอยากแค่มีเงินเก็บสักนิดหน่อย และหันไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ค่ะ อยากอยู่แบบสงบ ๆ เพราะเราอยู่ในเมืองมากพอแล้ว

สุดท้ายนี้ สิ่งที่อยากจะฝากกับคนที่กำลังคิดจะมา คุณเตรียมภาษาก่อนเลยค่ะ ภาษาคือใบเบิกทางทุกอย่างบนโลกนี้

ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ

Pladak Voyage #ข้างหลังภาพ Sponsored by ออลซีซั่นฟู้ดส์

 เดือนแรกของปี 2023 ใกล้จะหมดลงแล้ว ชีวิตของแต่ละคนเป็นยังไงบ้างคะวันนี้คิดถึงคำที่คุณวา พูดไว้ในรายการเลยอยากเอามารีรัน...
26/01/2023


เดือนแรกของปี 2023 ใกล้จะหมดลงแล้ว ชีวิตของแต่ละคนเป็นยังไงบ้างคะ
วันนี้คิดถึงคำที่คุณวา พูดไว้ในรายการเลยอยากเอามารีรันอีกรอบ
" มันยากที่จะทำให้ที่ไหนสักที่หนึ่งที่ไม่ใช่ที่เราเกิด ที่เราโตมาแล้วทำให้เรารู้สึกเหมือนมันเป็นบ้าน ที่นี้พอเราได้ทำอะไรแล้วเราได้ทำ มันเป็นได้ดังที่เราตั้งใจไว้ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือบ้าน "

" มันยากที่จะทำให้ที่ไหนสักที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่ที่เราเกิด ที่เราโตมา ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมันเป็นบ้าน ที...

คลิปนี้ดองไว้เกือบปี เพราะแอดมินหัวไหล่อักเสบ บวกกับไร้แรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก อากาศหนาว อารมณ์หม่น ๆ cerebrum งอแงไม่อย...
09/11/2022

คลิปนี้ดองไว้เกือบปี เพราะแอดมินหัวไหล่อักเสบ บวกกับไร้แรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก อากาศหนาว อารมณ์หม่น ๆ cerebrum งอแงไม่อยากทำงาน

Sugonput Wongpimoln หรือน้องบิ๊ก คือคนที่เราไปสัมภาษณ์มา เล่าชีวิตตั้งแต่ตอนสอบตกถึงตอนนี้เรียนจบที่ University of Twente สาขา Educational Sciene and Technology ไปหมาด ๆ แอดมินขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

เทปนี้เราคุยกันเรื่องการศึกษา อดีต ความหวัง ความฝันที่จะเห็นการศึกษาในบ้านเรา ( เมืองไทย ) ดีขึ้น และสนุกมากขึ้น เนื้อหาเป็นอย่างไรสามารถรับชมทางยูทูปคลิ้กลิ้งค์





คลิปนี้ดองไว้เกือบปี เพราะแอดมินหัวไหล่อักเสบ บวกกับไร้แรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก อากาศหนาว อารมณ์หม่น ๆ cerebr...

คุยเฟื่องเรื่องการศึกษา เร็ว ๆ นี้
10/06/2022

คุยเฟื่องเรื่องการศึกษา เร็ว ๆ นี้

ความเดิมตอนที่แล้วคือเมื่อวีซ่าออแพร์กำลังจะสิ้นสุดลง ช่วงขณะนั้นดันไปสะดุดรักชายหนุ่มที่นี่เข้าให้ 🤣🤣🤣 ได้ทำความรู้จักก...
01/06/2022

ความเดิมตอนที่แล้วคือเมื่อวีซ่าออแพร์กำลังจะสิ้นสุดลง ช่วงขณะนั้นดันไปสะดุดรักชายหนุ่มที่นี่เข้าให้ 🤣🤣🤣 ได้ทำความรู้จักกันก่อเกิดเป็นความรัก ตอนนั้นก็คิดแล้ว เอาไงดีวะ บอกพ่อไว้ ปีนึงกลับ ทำไงดีน้อ ตอนนั้นเลยศึกษาจากพี่ๆเพื่อนๆ คนไทยที่นี่ ถึงข้อดีของการอยู่ต่อ และ ขั้นตอนการเปลี่ยนวีซ่า หลังจากคิดทบทวนถี่ถ้วนแล้ว และก็เห็นความจริงใจของผู้ชายคนนี้ก็เลยตัดสินใจบอกแฟนว่า เอ้อฉันอยากอยู่ต่อกับเธอที่นี่ เราก็เริ่มขั้นตอนทำวีซ่ากันเลย คือเรารอให้จบออแพร์ก่อน แล้วยื่นเรื่องเปลี่ยนวีซ่า 5 วันก่อนวีซ่าหมดอายุ ขั้นตอนทำวีซ่ามีอุปสรรคนิดหน่อย พอวีซ่าหมดเราตั้งใจแต่แรกที่จะกลับไทย อยากกลับไปอยู่ที่บ้านและเตรียมตัวการหางานด้วยค่ะ

สำหรับตัวเป็ดเอง ที่จบโรงเรียนไทย มหาวิทยาลัยไทย มีใจรักในการเรียนภาษาและพัฒนาด้วยตัวเอง ส่วนระดับภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี ไม่ได้ดีเลิศ ก็เลยวางแผนไว้ว่าช่วงระหว่างรอผลวีซ่าก็สอบ TOEIC รอนะ เพราะ อย่างน้อยผลนี้มันก็วัดมาตรฐานของทักษะภาษาอังกฤษเราได้ และกลับไปหาเจ้านายที่ออฟฟิศ ขอใบรับรองการทำงานและขอนำชื่อเขามาเป็น reference ใน resume ค่ะ

พอย้ายกลับมาที่นี่ช่วงตุลาคม 2017 บอกก่อนเลยว่ามาตัวเปล่า 0 บาทค่ะ ไม่ได้ขอเงินที่บ้านมา เงินออแพร์ที่เก็บเล็กๆน้อยมาได้ ก็ใช้หนี้ และให้ที่บ้านไว้บ้าง

แฟนเป็นคนซัพพอร์ต ด้านการเงินทุกอย่างช่วงที่รอวีซ่า และสิ่งที่ต้องเจอจากนี้คือ แฟนเรายังอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ค่ะ นั่นแปลว่าระหว่างนี้ที่เราต้องอยู่ชายคาเดียวกัน จากคนที่เคยอยู่ ตัวคนเดียวมาตลอด มีอิสระมาก ๆ ก็ต้องปรับตัว รู้สถานะตัวเองเนอะ คือพ่อแม่แฟนดีมากนะคะ เขาสนับสนุนทุกเรื่อง ตามใจ และเข้าใจ เว้นเรื่องเดียวที่เราต้องปรับตัวค่อนข้างหนักเลยก็คือ ความมีระเบียบ ความสะอาดและกลิ่นอาหาร คือพ่อแม่แฟนมีระเบียบมาก บ้านเหมือนบ้านตัวอย่าง ฝุ่นไม่มี ของวางตามขนาด สี แต่เราก็อยู่บ้านเขาเกือบ 2 ปีเลยค่ะ พ่อแม่ไม่บ่นเราเลยเรื่องความสะอาดหรือการจัดของ แม่ทำให้ทุกอย่างเลยค่ะ พ่อก็สรรหาขนมมาให้กินตลอด ซึ่งข้อดีคือ ได้มีโอกาสเก็บเงินแบบ 100% ไม่ต้องเอาไปลงค่าเช่าบ้าน และค่าอื่นๆ พ่อแม่เขาออกให้หมดเลยค่ะ

ส่วนเรื่องการหางาน.. บ้านพ่อแม่แฟนนั้น ไม่ไกลจากเมืองหลัก Delft มากนัก มีบัส 30 นาทีหรือ 1 ชม /คัน เป็นย่านอุตสาหกรรมดอกไม้และผัก ซึ่งไม่มีงานในสายประสบการณ์เราเลยนะ โชคดีที่ว่าไม่ไกลเมืองหลักมากนัก การเดินทางสาธารณะก็ไม่แย่ เราเลยเริ่มหว่าน cv ในการหางานทันทีที่จัดการด้านวีซ่าเรียบร้อย...

การหางานที่นี่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคน local หรือคนที่เขาเป็น native เราเองส่งใบสมัครไปไม่ต่ำกว่า 20-30 ที่เลยนะ ทุก ๆ วันเราจะเข้าเว็ปหางานในสายที่เราสนใจ มีประสบการณ์และใช้ภาษาอังกฤษ แล้วจะร่าง motivation letter รอแฟนกลับมาที่บ้านตอนเย็น ให้เขาช่วยดูและแก้ให้ก่อนส่ง.. แล้วก็ได้แต่รอ เพราะเงียบมากค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบกลับเลย และแล้ววันหนึ่งได้รับ 1 สาย เป็น บ. Nanny ที่เจ้าของเป็นหมอเด็ก ต่าง ๆ คุณพระ โทร. มาตอนอยู่สถานีรถไฟ แล้วฟังสำเนียงเขาไม่ออก เลยบอกเขาว่าช่วยส่งรายละเอียดมาทางอีเมล์ได้มั้ย แล้วเขาก็หายไป .. แล้วโอกาสมาอีกครั้ง มี 1 missed call ตอน 10 โมง เลยรีบโทร. กลับ เป็น เอเจนซี่ อยากเรียกไปสัมภาษณ์วันนั้น ตำแหน่ง HR Admin - Payroll นี่ก็เอ้อไปซิ แต่ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชม. นะรอได้มั้ย เขาบอกได้โอเค แต่ดิฉันตื่นเต้นไปหน่อย ดูเวลาผิด เลยรีบส่งอีเมล์ขอเวลานัดใหม่ช้าไป 1 ชม. สัมภาษณ์วันนั้นเสร็จ เขาส่งโปร์ไฟล์ ไป บ. หลัก สรุปเขาได้คนทำ payroll แล้ว แต่เป็นคนในก็เลยหาคนมาแทนพอดี แล้วโปร์ไฟล์เราได้ เขาเลยจะเรียกสัมภาษณ์โดยตรง เราโอเคมั้ย .... ก็ตอบตกลงไป แม้ว่าจะเป็นแค่ตำแหน่งชั่วคราว 6 เดือน รับค่ะ หาประสบการณ์ก่อน.. เราก็ได้งานนะ หลังจากย้ายมาได้ราวๆ 1.5 เดือน

ประสบการณ์การทำงาน: (ณ ตอนนี้เกษียณอายุที่ 68 ปีนะ)

บริษัทเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะพนักงานที่นี่ไม่ใช่คนดัชต์เป็นส่วนมาก องค์กรใหญ่พอสมควร เราไม่เคยทำเลยงาน HR Admin แต่เราสังเกต ถามแล้วจดโน้ตตลอด ตั้งแต่เข้าทำงานวันแรก จนวันนี้... ไม่มีใครสอนงานเราเลยนะ เพราะที่ได้งาน เขาต้องการคนมาเทรนเขาเพราะตอนนั้น บ. เปลี่ยนระบบเป็น SAP พอดี มีแค่แนะนำวิธีการทำงาน ที่เหลือเราค้นหา สอบถาม สังเกตแล้วเอามาปรับใช้ จนพิสูจน์ตัวเองได้ ต่อสัญญาอีก 6 เดือนทันทีหลังจาก 3 เดือนแรก แล้วก็ได้เสนอเป็นพนักงานประจำตอนเดือนที่ 11 เลย การทำงานที่นี่คือ ถามได้ แย้งได้ ปฏิเสธได้ ไม่มีเหยียดหรือกดขี่ใด ๆ ด้วยความที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา เราจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น และก้ในความโชคดีคือเพื่อนร่วมงานเข้าใจและให้คำแนะนำเสมอ

ช่วงที่ทำงานก็คือทรหดนะ ตื่น 6 โมง รีบใช้ห้องน้ำ ต้องแต่งตัว ปั่นจักรยานออกจากบ้านไม่เกิน 6.45 เพราะเดี๋ยวไม่ทันรถบัส แล้วเดี๋ยวจะตกรถรางและรถไฟต่อ ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชม. ขาไปและ 1.5 ชม. ขากลับ หลัง ๆ มาแฟนได้รถจากที่ทำงานมาใช้ เขาก็มารอรับที่สถานีบ้าง ทำให้กลับบ้านได้เร็วขึ้น

ระหว่างที่ทำงานก็ลงเรียนภาษาดัชต์ระดับ A2 หลังเลิกงาน ทุกวันพุธ เรียน 19.00 - 21.00 กว่าจะถึงบ้านก็คือ 22.45 ไปแล้ว แฟนก็น่ารักมารอรับที่ป้ายรถบัสแล้วจูงจักรยานกลับบ้านกัน วันไหนฝนตก พายุเข้าลมแรง ไม่ต้องพกร่มหรอก ร่มพัง เสื้อกันฝนก็เอาไม่อยู่ ยิ่งถ้าวันนั้นเป็นวันที่ไปเรียน แทบอยากจะร้องไห้เลยนะ แค่อยากกลับบ้านอ่ะ ทำไมมันหลายต่อจังวะ

พออยู่มาได้ซักพัก ก็อยากจะย้ายออกมาแล้ว เพราะความเป็นส่วนตัว อยากที่ไว้รองรับพ่อแม่ พี่ เพื่อนๆเวลาเขามาเที่ยว และอยากทำกับข้าวไทย ๆ ด้วยตัวเองได้แล้ว

การซื้อบ้านนั้นไม่ง่ายเลย นอกจากจะต้องมีเงินสำรองในค่าใช้จ่ายส่วนต่างแล้ว ยังต้องเผื่อใจที่จะกู้ได้แค่ 90% ก็มี พวกเราไม่อยากเช่าเพราะเป็นการทิ้งเงินไปเปล่าๆ พวกเราใช้เวลาเกือบ 6 เดือนในการหาบ้าน ระหว่างนั้นก็เก็บเงินรอ และต้องขอบคุณแฟน ที่เขาเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่อายุ 14 ปีและครอบครัวแฟนที่สนับสนุน ให้ตอนที่พวกเราย้ายบ้าน พวกเราไม่เดือดร้อนในค่าใช้จ่าย .... คนดัชต์ไม่ขี่เหนียวเลยนะคะ แต่เขาเก็บเงินและวางแผนกันเป็นค่ะ ซึ่งเราซึมซับตรงนี้มาทีละน้อย เพราะอย่างตอนที่ยังไม่ได้ทำงาน แฟนแบ่งให้เราเดือนละ € 350 ให้แบ่งเข้าบัญชีเงินเก็บและทีเหลือให้ใช้ ไม่ต้องขอ ...

เราพูดกับทุกคนที่มาขอคำแนะนำเรื่องงานเสมอ ว่ามันขึ้นอยู่กับโอกาส เวลา ความสามารถและประสบการณ์นั้นสำคัญและภาษา ถ้าได้ภาษาถิ่น เรื่องงานนั้นไม่ยาก

จริงอยู่ที่เราโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่เพราะคนรัก ใช่ค่ะ มีผัวนั่นเอง เลยมีโอกาสที่ดี

แต่ก็มีอีกหลาย 10 เคสเลยนะที่มาถึงแล้ว คนรักเป็นอีกแบบเมื่อมีเรื่องเงินทอง เข้ามาเกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป..

ถ้าให้มองข้อดี :

1. ประเทศแห่งความเท่าเทียมและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ทางการแพทย์และความช่วยเหลือต่างๆ ทั้งคนปกติและคนพิการ แต่เตรียมอนุบาลไม่ฟรีนะ มหาลัยก็ไม่ฟรี แฟนบอกว่าพวกค่าต่างๆ ต้องใช้กำลังทรัพย์ตัวเอง ถ้าไม่มีต้องกู้ แต่ผ่อนคืนได้ แต่ต้องผ่อนนะจ้ะ หนีไม่ได้นะ
2. ภาษีที่เสียไปตรวจสอบและเห็นผลนะ
3. คนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง ซื่อตรง ซื่อสัตย์ เช่นคนขับรถบัสจะประท้วงเขาก็มีประกาศ ติดป้ายบอกผู้โดยสารให้เตรียมแผนล่วงหน้า
4. อยากเก็บเงินหรอ ปรึกษาคนดัชต์ซิ
5. กฎหมายแรงงานค่อนข้าง protective และเอื้ออำนวยแก่คนทำงาน
6. อิสระในการแสดงออก แสดงความคิดเห็น ให้ความสำคัญกับเด็กๆ
7. โปร่งแสงและโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ ธนาคารเองหรือสรรพากร
8. ถ้ามาด้วยวีซ่าทำงาน HSM สามารถขอสิทธิ์ 30 % tax reduction ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข อยู่ครบ 5 ปี สอบครบตามที่กำหนด สามารถขอเป็นสปอนเซอร์ตัวเองได้ คุณสมบัติต้องเป็นไปตามเงื่อนไขแต่ละปี
9. ถ้ามาเรียน ป. โท หรือ จบ จากมหาลัย top 200 สามารถใช้สิทธิ์ ขอวีซ่าแบบ search year ในการหางานได้ 1 ปี ใช้เงื่อนไขเงินเดือนพิเศษไปเสนอกับนายจ้างได้
10. ออแพร์ได้ รับถึงอายุ 31 ปี แต่อยู่ได้แค่ 1 ปี

ส่วนข้อคิดสำหรับคนที่จะย้ายมา..ไม่เรียกว่าเป็นข้อเสียนะ:

1. ทุกอย่างเป็นเงินทองหมด ค่าสินค้าและบริการมี vat หมด อยู่มาจะ 5 ปีแล้วก็ยังไม่ชินเวลาจ่ายค่าช่างต่างๆ
2. ไม่มีอะไรฟรี เพราะจริงๆมันคือภาษีที่จ่ายไป เพราะฉะนั้นอย่าติ 555
3. ค่าเรียนขับรถและสอบใบขับขี่มีมูลค่าแพงมาก เริ่มต้น € 2,000 นี่แค่เริ่ม
4. เก็บภาษีกับทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้ถนน น้ำ ขยะ
5. อะไรที่เป็นรายได้เสียภาษีหมด
6. อะไรที่เป็นรายได้แบบพิเศษ เช่นโบนัส ก็เสียภาษีแบบ 49%
7. ถ้าคุณมีเงินเก็บเกินที่ รัฐฯกำหนด ก็เสียภาษี
8. ใครว่าอาชญกรรมมันไม่มี ปี 2017 ย่านบ้านโฮสต์คนรวยๆที่เขาอยู่กัน ยังมีปล้นบ้านแล้วห่อคนใส่พรมเช็ดเท้าเดินผ่านหน้าบ้านไปเลย กว่าตำรวจมาปล้นเสร็จแล้ว
9. ทุกอย่างเปิดปิดเป็นเวลา บางเมืองวันอาทิตย์ร้านค้าเขาก็ปิดนะ เพราะงั้นต้องแพลนชีวิตให้ดี
10. ระบบสุขภาพ ลืมไปได้เลยนะระบบการเข้าถึงหมอแบบง่ายๆและรวดเร็ว ที่นี่เขาให้สิทธิ์ทุกคนเท่ากันและบริหารให้บุคคลากรทางการแพทย์ไม่ overload เจ็บป่วยไม่ต้องกังวลได้รับการรักษาแน่ๆ แต่รอนานหน่อย
11. เพราะทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ ซึ่งแต่ละเดือนแบบเบสิคก็ราวๆ € 100 นะ และมีส่วนที่ต้องออกเองอีกด้วย
12. เพราะเป็นประเทศที่คนวางแผนชีวิต/การเงินดี เพราะงั้นประกันมีเยอะมาก ตั้งแต่ประกันทำของคนอื่นพัง ประกันทนาย ยันประกันจัดงานศพ
13. เกษียณอายุ 68 ปีนะจ้ะ.. เงินบำนาญก้เสียภาษีนะ

ทุก ๆ อย่างมันไม่ง่ายเลยค่ะ แต่ไม่ยากเกินความสามารถและพยายามของเราหรอก กำลังใจที่ต้องมี การให้กำลังใจตัวเองในทุกๆวัน มองทุกๆวันที่ตื่นมาว่าเป็นอีก1โอกาสที่จะได้เริ่มต้นอะไรดี ๆ

Paweena Schouwstra.
Specialist , Employee Services
อาศัย ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี คศ. 2016

09/03/2022

Pladak Voyage ตอนหน้าเราจะพาไปสัมผัสชีวิตเกษตรกรโคนมที่จังหวัด Gelderland ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เกษตรกรหน่วยเล็ก ๆ ในประเทศเล็ก ๆ ที่ผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งโลก อย่าลืมติดตามกันนะคะ

“ ตอนเรียนปี 1 ที่ มธ. เป็ดได้มีโอกาสไปโครงการ work and travel ที่สหรัฐอเมริกา 4 เดือน ซึ่งตอนนั้นเป็นการเดินทางไปต่างปร...
28/02/2022

“ ตอนเรียนปี 1 ที่ มธ. เป็ดได้มีโอกาสไปโครงการ work and travel ที่สหรัฐอเมริกา 4 เดือน ซึ่งตอนนั้นเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเป็ด ไปใช้ชีวิต ทำงาน ทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง ซึ่งการไปครั้งนั้นมันเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก พอกลับมาเราก็เริ่มคิดหาทางแล้วว่าถ้าเราอยากไปต่างประเทศหลังจากเรียนจบ แบบที่ไม่ต้องขอเงินพ่อกับแม่ ( เยอะ) มีทางไหนได้บ้าง เพราะไม่อยากรบกวนท่าน ‘ จนมาเจอโครงการเป็นพี่เลี้ยงเด็กในต่างประเทศ ที่เราคุ้นชื่อกันว่า Au Pair ’ ตอนนั้นคนส่วนมากจะนิยมไปที่สหรัฐฯ ยิ่งพี่สาวเพื่อนมาเมาท์ให้ฟังว่าเคยไปร่วมโครงการแล้วดีมาก ๆ ได้ไปทำงานแล้วก็เก็บเงินได้ด้วย ค่าดำเนินการก็ไม่แพงมากหลักพันเอง เป็ดได้ยินก็หูผึ่งเลยค่ะ เริ่มวางแพลนว่าต้องทำอะไรบ้าง ‘ คุณสมบัติขั้นแรกก็ต้องมีชั่วโมงเลี้ยงเด็กอย่างน้อย 200 ชม. ’ อีกอย่างเป็ดเรียนทางด้านสังคมสงเคราะห์อยู่แล้ว ก็สามารถเลือกที่ฝึกงานที่สามารถไปเก็บชั่วโมงได้ด้วยค่ะ คุณสมบัติอีกอันคือ ‘ รักเด็ก ’ คอนเซ็ปต์นางงามต้องมา ”

หอไอเฟล คือ แรงบันดาลใจให้มายุโรป

” เป็ดเรียนศิลป์ – ฝรั่งเศสตอน ม.ปลาย ฝันอยากเห็นหอไอเฟลกับตาจริง ๆ บ้าง ตอนนั้นก็เริ่มหา Agency ที่น่าเชื่อถือและราคาเหมาะสมกับงบประมาณของเรา จนมาเจอ Agency ที่เน้นออแพร์ทางยุโรปเป็นส่วนใหญ่ เป็ดสมัครและออนไลน์ไว้ รอจนกว่าจะเรียนจบ เป็ดเรียนจบคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่างใจว่าจะไปเป็นออแพร์เลยดีมั้ย แล้วค่อยกลับมาทำงาน ไปตามใจฝันก่อน แต่อีกใจนึงก็คิดว่าอยากทำงานก่อนให้มีประสบการณ์ไว้ เผื่อตอนกลับมาเราจะได้หางานได้ไม่ยาก สรุปเป็นไปตามแผนสองทำงานก่อน ทำไปทำมาก็ล่วงมาจน 3 ปี แต่ในระหว่างนั้นก็มีออนไลน์กับครอบครัวโฮสเรื่อย ๆ นะแต่ยังไม่แมชกัน เราก็ทำงานเพลิน ๆ ไป “

เนเธอร์แลนด์พลิกชีวิต

” ปี 2016 หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี กำลังรุ่งเลย ตั้งไทม์ไลน์กับตัวเองไว้ว่า ถ้าหมดปี 2016 ก็คงจะไม่เป็นแล้วนะออแพร์ จะตั้งมั่นทำงาน อาจจะเรียนต่อ เพราะว่าอายุก็เยอะแล้ว พ่อแม่ก็แก่แล้วด้วยค่ะ จนมาเจอครอบครัวที่เนเธอร์แลนด์นี่แหละ เค้าส่งอีเมล์มาหา เราก็ตอบกลับไป อ่านรายละเอียดครอบครัวแล้ว ตรงตามที่เราตั้งไว้ คือไม่ใช่เด็กเล็กแบเบาะ
( เป็ดกลัวเด็กเล็กค่ะ กลัวทำลูกเขาหลุดมือ 555 ) นัดสัมภาษณ์ พอสัมภาษณ์เสร็จเลือกเราเลยนะ เราก็แบบห๊ะ อะไรนะ เพิ่งสัมภาษณ์ครั้งแรกเองนะ เราก็โอเค ไหน ๆ ก็ตั้งมั่นแล้ว ไปลาออกจากงานเลยค่ะ “

มีเรื่องช๊อคไหม

“ โห ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ เท้าแตะฮอลแลนด์ปุ๊บ ช๊อคปั๊บ คือในรายละเอียดครอบครัวที่เราอ่าน โฮส ( Host Family) มีลูกทั้งหมด 4 คน ( 11,9,8,2.5 ปี ) ซึ่งลูกสามคนแรก เกิดจากการแต่งงานครั้งแรก ส่วนลูกคนสุดท้องเกิดจากการแต่งงานครั้งล่าสุด และกำลังดำเนินเรื่องหย่า เราก็โอเคนะ เพราะคนที่ติดต่อมาคือโฮสแม่ และตอนที่สัมภาษณ์โฮสแม่กับโฮสพ่ออยู่ด้วย เราก็เลยคิดว่าคนนี้น่าจะเป็นภรรยาคนใหม่ พอวันที่เราบินมาถึง โฮสพ่อและเด็ก ๆ ก็มารอรับเรา บอกว่าแม่ทำกับข้าวรอที่บ้าน พอมาถึงบ้าน แม่กำลังสาละวนทำต้มข่าไก่พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ไว้รอ ( บ้านนี้ชอบอาหารไทย เพราะว่าไปเที่ยวไทยกันบ่อยมาก ) เราก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี กินข้าวเสร็จโฮสแม่ก็พาทัวร์บ้าน พอตอนแนะนำห้องนอน เขาก็แนะนำว่านี่ห้องนอน ( ชื่อโฮส ) เราก็เอะใจ เพราะว่าถ้าเป็นห้องนอนของเขาด้วย น่าจะพูดว่าห้องนอนเรา เราก็เลยถามว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอ เขาก็หน้าเจื่อน ๆ แล้วบอกว่า ‘ ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ได้เมคเคลียร์โปร์ไฟล์ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่บ้านฉันอยู่ห่างจากนี่ไปแค่ 5 นาทีเอง ’ เงิบซิคะท่านผู้ชม ‘ สรุปเราอยู่กับพ่อเลี้ยงเดี่ยว เด็ก 4 คนและหมาอีก 1 ตัว แถม ห้องอาบน้ำยังมีแค่ห้องเดียวด้วย ต้องใช้ร่วมกันทั้งหมด ’ ช็อคซีนีม่าค่ะ แต่ ‘ ฉันมาไกลขนาดนี้แล้ว ’ นี่เป็นแค่เริ่มต้นเอง ก็คิดในแง่บวกว่าถ้าเขาไม่ใช่คนดี เขาก็คงไม่ได้มีออแพร์มาหลายคนแล้ว ถ้ามันจะมีปัญหาจริงๆ เราก็แค่เปลี่ยนบ้านแค่นั้นเอง ”

เด็ก 4 หมา 1

“ มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากกับบ้านนี้ เด็กทั้งสี่คนนี้จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก ด้วยความที่เขาถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่แยกทางกันเพราะฉะนั้นงานของเป็ดจะยากหน่อย คือเราก็เข้าใจนะ บางทีเด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเอาแต่ใจมาก ‘ แต่บอกเลยเอาอยู่ ’ เป็ดเป็นคนที่ดุนะ เราเคร่งแต่เรายอมได้ เราจะมองว่าอะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับเด็ก ๆ เราจะโอเค ในบรรดาเด็ก 3 คน ที่โตพอจะรู้เรื่อง ‘ เราก็ต้องคอยคิดตามให้ทันว่าจะมาไม้ไหน พวกเขาไม่ได้ร้ายนะ แต่ว่าบางทีเด็กก็อยากจะสนุกแบบเกินขอบเขตไปบ้างเราก็ต้องคอยดูให้ดี ’ ตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหากับเด็กเลยว่าเข้ากันไม่ได้ เราเองก็เข้าใจว่าเด็ก ๆ เหล่านี้ลึก ๆ แล้วเขาก็มีปัญหามากพอแล้ว สัปดาห์สุดท้ายก่อนเป็ดกลับ เด็ก ๆ จะปิดเทอมพอดี เราก็ต้องอยู่ด้วยกันเต็มวัน และต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไม่ให้เล่นไอแพดอย่างเดียว เราก็แพลนกันว่าจะพาเด็ก ๆ ไปเล่นที่สวนใกล้บ้าน ให้เล่นไอแพดได้แค่ 30 นาที แต่จู่ ๆ น้องคนที่สอง ( คนนี้แสบมากที่สุด ) ก็พูดขึ้นว่า ‘ ฉันไม่อยากไป อยากเล่นไอแพด แล้วจะทำไม ’ พูดเสร็จเธอก็สะบัดตูดไม่สนใจ เป็ดรู้สึกโกรธมาก เพราะเรามองว่าเป็นการไม่เคารพกัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เป็ดเลยเดินเข้าไปบอกว่า ‘ ไหน ๆ ฉันก็จะกลับอยู่แล้ว ช่วยทำตัวให้ดีหน่อย เชื่อฟังกันบ้าง ’ ตอนนั้นพูดไปสั่นไป ร้องไห้ไปด้วย เด็ก ๆ ที่เหลือ งง ช็อคกันไปหมดเลย พี่น้องก็พากันเดินไปรุมว่าน้องคนที่สองต่อว่าแบบทำไมทำกับเป็ดน้อยแบบนี้ เป็ดน้อยไม่เคยว่าอะไรเลย ยาวยืด วันนั้นก็จบด้วยการไม่ได้ออกไปไหน หมดแรง เหนื่อยล้าใจมาก … จะกลับอยู่แล้วเชียว ”

เล่าชีวิตใน 1 วันของออแพร์ให้ฟังหน่อย

“ สำหรับตารางงานออแพร์ของเป็ดอาจจะต่างจากบ้านอื่น ๆ เพราะว่าเป็นบ้านพ่อเลี้ยงเดี่ยว เด็ก ๆ ก็จะมีย้ายไปนอนบ้านแม่บ้าง ที่นี้ตารางของเป็ดจะเน้นที่น้องคนสุดท้องเป็นหลักค่ะ คือในเวลางานที่มีน้องอยู่ด้วยไม่ว่าจะไปไหนต้องกระเตงกันไป ถ้าไกลเกินจะเดินก็ต้องปั่นจักรยานที่มีที่นั่งเด็กไปด้วย ตารางงานเป็ด จะสิ้นสุดตอน 17.00 น หรือตอนที่โฮสพ่อกลับถึงบ้านค่ะ หน้าที่หลักคือไปรับน้องทั้งสี่คนที่โรงเรียน โดยจะต้องพาหมาออกไปเดินเล่นด้วย และหลังจากนั้นถ้าน้อง ๆ มีซ้อมกีฬา เราก็จะต้องเตรียมตัวไปให้ตรงเวลา บ้านนี้จะดีอยู่อย่างคือโฮสพ่อจะเป็นคนไปส่งลูกทุกคนด้วยตัวเอง เดินไปด้วยกันพร้อมกับพาหมาเดินไปด้วย เป็ดก็จะเริ่มงานตอน 11.00 น. คือตอนที่ไปรับน้องคนสุดท้องเลิกเรียน ตอน 11.00 หลังจากนั้น จะพากลับมาบ้าน ทำอาหารกลางวันให้ทาน ให้เล่นของเล่นสักพักหรือบางทีก็จะห่อข้าวแล้วพาไปกินที่สวนใกล้บ้านเพื่อให้น้องได้เล่นสันทนาการ จากนั้นพาน้องอาบน้ำ ( ซึ่งจริง ๆ ตามตารางอาบมีแค่ อังคารกับพฤหัสบดี แต่อยากให้น้องรู้จักความสะอาดก็จับอาบทุกวันเลย คนสุดท้องก็เลยรอดจากการเป็นเหา …ใช่ค่ะ เหาไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย ) พออาบเสร็จก็จะพาเข้านอนตอนกลางวัน ประมาณ 2 ชม. แล้วก็ปลุกให้เตรียมตัวไปรับพี่ ๆ ตอน 14.15 น. ช่วงที่เด็กโตเลิกเรียน ก็จะมีเพื่อนมาเล่นที่บ้าน ซึ่งโฮสจะบอกว่าให้มาเล่นได้ไม่เกิน 2 คู่นะ ไม่เช่นนั้นถ้ามาเยอะเกินเราจะดูไม่ทั่วถึงจากนั้นพ่อกลับถึงบ้านเราก็จะเสร็จงาน แต่ด้วยความเป็นคนไทยใจดี เป็ดก็จะช่วยงานจนกว่าทานอาหารเย็นเสร็จ อังคารกับพฤหัสบดี เริ่มงาน 09.00 น. ก็จะถามโฮสว่าน้องทานอาหารเช้ารึยัง แปรงฟันรึยัง เราจะได้จัดการได้ถูก เป็ดจะแพลนว่าจะทำอะไรในช่วงเช้าเช่นจะพาไปสนามเด็กเล่นหรือไปสวนเพื่อไปให้อาหารเป็ด ( เป็ดก๊าบก๊าบ 555 ) รวมไปถึงปั่นจักรยานสูดอากาศ บางวันก็พานั่งรถบัสเข้าเมืองก็มีค่ะ “

” เป็ดโชคดีที่ว่าบ้านถัดไปไม่กี่หลังมีเด็กอายุไล่เลี่ยกันแล้วก็มีออแพร์ด้วย เราก็เลยจะเป็น playdate กันเกือบทุกวันค่ะ ถ้าวันไหนที่สภาพอากาศไม่ดี เราจะเล่นเลโก้กันในบ้าน ไม่ก็เป็นของเล่นทั่วไป จากนั้นก็ให้ทานผลไม้ เตรียมอาหารกลางวัน อาบน้ำ พาเข้านอน ตอนบ่ายก็จะเป็นเหมือนวันทั่วไป วันพุธ เริ่มงาน 12.30 น. เพราะเด็กจะเลิกเรียนตอน 12.30 น. เราก็ไปรับน้องสามคนโตที่โรงเรียน ส่วนน้องคนสุดท้องแม่จะไปรับเองแล้วพากลับบ้านเขาค่ะ จริง ๆ วันพุธงานเป็ดจะถึงแค่ 14.30 น. แม่ของเด็ก ๆ จะทำงานครึ่งวันแล้วให้น้อง ๆ ปั่นจักรยานไปบ้านแม่กันเอง แต่วันนี้เด็กทั้งสามคนมีซ้อมกีฬา 3 คน 3 เวลา เขาก็ขอให้เป็ดช่วยเพราะน้องคนที่ 2 และ 3 ยังเด็กไปที่จะปั่นจักรยานตามลำพังไปสนามซ้อม เป็ดก็โอเคช่วยเขาไป เราปั่นไปส่ง น้องคนที่ 1 กับ 2 ให้ข้ามถนนใหญ่ไปได้ แล้วที่เหลือไปต่อเอง เพราะเป็นทางปกติ ส่วนคนที่ 3 เป็ดต้องปั่นไปส่งที่สนามและปั่นไปรับกลับ แต่ด้วยความที่ว่ามันไกล เป็ดก็เลยอยู่ที่สนามซ้อมจนเสร็จด้วยเลยค่ะ เสร็จประมาณ 17.30 น. พาน้องกลับบ้าน เป็นอันจบวัน ส่วนวันศุกร์ ก็เริ่ม 11.00 ไปรับน้องคนสุดท้อง กิจกรรมจะคล้าย ๆ กับวันอื่น ๆ แต่วันศุกร์ น้องคนที่ 1 กับ 2 จะมีซ้อมกีฬาอีก ที่นี้งานจะยากแล้วคือ เป็ดต้องเช็คว่าแม่ของน้องคนสุดท้องจะมารับกี่โมง ถ้ามาเร็วเราก็ต้องรีบปั่นไปไปส่งที่ซ้อมแล้วรีบกลับทำเวลายิ่งกว่ารถด่วน ถ้าเขามาค่ำหน่อยแล้วโฮสพ่อกลับมาพอดี เราก็ไม่ต้องเอาน้องนั่งจักรยานไปด้วยกัน คือแรก ๆ ที่มา เราค่อนข้างประหม่ากับการที่ต้องปั่นจักรยานแล้วมีเด็กนั่งไปด้วยกลัวพาน้องล้มแล้วจะเป็นอันตราย เพราะจักรยานของเราไม่มีเบรคมือ แต่เป็นเบรคด้วยการปั่นถอยหลัง แถมจักรยานก็สูงมาก พอนานเข้าก็เริ่มเซียน หลัง ๆ มากิจกรรมจึงเน้นไปที่การเล่นนอกบ้าน ได้ทำอะไรสร้างสรรค์ด้วยกัน และเป็ดก็ฝึกเรื่องภาษากับน้องด้วยค่ะ เด็กโตทั้งสามคนสื่ิอสารภาษาอังกฤษได้ดีมากเมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ วัยเดียวกันที่โรงเรียน ตอนที่เป็ดมานี่แรก ๆ เด็ก ๆ ทั้งสี่คนแทบจะไม่พูดขอโทษหรือขอบคุณกันเลยนะ รวมไปถึงไม่รู้จักการแบ่งปันระหว่างพี่น้อง ของฉันก็คือของฉัน แต่พออยู่ด้วยกัน เป็ดก็จะสอนและทำให้เป็นตัวอย่างเรื่อง การพูดขอโทษและขอบคุณ ซึ่งแม้กระทั่งพ่อแม่เขาเองก็ยังรู้สึกแปลกใจเวลาที่เด็ก ๆ พูดออกมาเลยค่ะ สรุปใน 1 อาทิตย์ จะถูกจำกัดเวลาทำงานที่ 30 ชม. ถ้าเกินโฮสจะต้องจ่ายเป็น extra แต่สำหรับเป็ดนางงามมิตรภาพจากประเทศไทยก็ทำเกินทุกวัน เพราะคิดว่าช่วย ๆ กันไป ช่วงหน้าหนาวโฮสพ่อจะหยุดงานอยู่บ้าน 5 เดือน เราเองก็จะสบายไปด้วยเพราะเขาก็จะทำกิจกรรมกับลูก หรือแม้แต่วันไหนที่เขาขอให้ extra ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะ เป็นนางงาม ทำการกุศลค่ะ 555 “

เห็นอะไรในเด็กดัตช์

” ที่เห็นชัดเจนเลยคือระบบโรงเรียนค่ะ เด็กที่นี่วิชาการกับสันทนาการควบคู่กันไป หลังเลิกเรียนจะเป็นกีฬาหรือดนตรีมากกว่าไปเรียนพิเศษด้านอื่น ๆ และเด็กดัชต์พ่อแม่จะให้อิสระทางความคิดกันเยอะมาก เห็นได้จากการที่ไปช้อปปิ้ง น้อง ๆ เลือกของเองทั้งหมด เลือกกีฬาหรือกิจกรรมเสริมที่อยากทำรวมถึงเวลาที่จะไปเที่ยวหรือทำอะไรโฮสก็จะปรึกษาลูก ๆ ขอความคิดเห็นของเด็ก ๆ เวลาแต่งตัวไปโรงเรียนก็จะรับผิดชอบการแต่งตัวเองทั้งหมด เป็นตัวของตัวเองสูงนะ และก็ด้านความรับผิดชอบคือ สามารถปั่นจักรยานไปไหนมาไหนเองได้ถ้าพอโตที่จะรู้เรื่อง สมมติถ้าจะต้องไปเข้าค่ายน้องจะต้องแพคกระเป๋าเอง ซึ่งตรงนี้เด็กไทยบ้านเราบางทียังมีข้อจำกัดในเรื่องการแสดงออกทางความคิด เราเข้าใจนะ วัฒนธรรม หรือ สังคมต่างกัน และเรื่องหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่างเด็กดัชต์กับเด็กไทย ก็คือเพื่อนค่ะ เด็กที่นี่เพื่อนก็คือคนที่เรารู้สึกว่าเป็นเพื่อนจริง ๆ แต่อย่างบ้านเรา เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อนบ้าน เพื่อนของเพื่อน เพื่อนที่ทำงานก็คือเพื่อนเนอะ แต่ที่นี่คนข้างบ้านก็คือคนข้างบ้าน คนที่เรียนร่วมชั้นก็เป็นแค่คนที่เรียนร่วมชั้น มีแค่บางคนเป็นเพื่อน คนที่เล่นกีฬาด้วยกันก็ยังไม่ใช่เพื่อนนะ ครั้งหนึ่งเป็ดเคยถามน้องคนที่สามว่า นี่อยู่บ้านกันเฉยๆ ทำไมไม่ชวนเพื่อนข้างบ้านมาเล่น น้องก็ว่าไม่เอาอ่ะ อยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าคนนี้เป็นแค่คนข้างบ้าน neighbor ไม่ใช่เพื่อนซะหน่อย เราก็ อ้าวหรอ เงิบเลย ฮ่า ๆ “

ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่อยากมาออแพร์

” ไม่ว่าจะเป็นออแพร์ประเทศไหน ๆ การปรับตัวและเปิดใจยอมรับเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็ดคิดว่าคนที่จะมาเป็นออแพร์ได้ นอกจากจะชอบการอยู่กับเด็กแล้วการเปิดใจยอมรับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างของเป็ดท้ายที่สุดแล้วแม้จะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร บางครอบครัวที่มีพ่อแม่ครบสมบูรณ์ บางทีออแพร์ก็ไม่สามารถทนได้นะ ‘ นอกจากเรื่องเปิดใจและปรับตัวแล้ว ก่อนจะตกลงรับครอบครัว เราต้องถามให้ดี ถามให้เคลียร์ เรื่องเงินค่าจ้าง เรื่องงาน เรื่องวันหยุด เรื่องรายละเอียดต่าง ๆ เอาให้ชัดเจน อย่าไปคิดว่า อุ้ย ไม่เอาไม่ถามดีกว่าเดี๋ยวเขาจะว่าเราถามเยอะเกิน ไม่ค่ะ ฝรั่งชอบคนชัดเจน เข้าใจ ‘ ไม่ใช่ว่าพอมาถึงแล้ว อ้าวเห้ย ( เป็นเหมือนเป็ด ) สุดท้ายถ้าอยากจะมาใช้ชีวิต ได้เที่ยวด้วย เก็บเงินได้บ้าง ก็ลองมาเป็นออแพร์ดูค่ะ แต่ครั้งเดียวพอนะ เราจะได้ไปทำอย่างอื่นด้วย 555 “

ปวีณา ศรีวิชัย เป็น ออแพร์ คนไทย ( ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ) ตอนที่ 1

28/01/2022

" มันยากที่จะทำให้ที่ไหนสักที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่ที่เราเกิด ที่เราโตมา ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมันเป็นบ้าน ทีนี้พอเรารู้สึกว่าเราอยากทำอะไรเราได้ทำ มันเป็นได้ดั่งใจที่เราตั้งใจไว้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเออนี่คือบ้าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราชอบ แล้วประสบความสำเร็จ แต่สำหรับวามันไม่ได้สุดโต่ง ขนาดนั้น แต่โอเคเรามีงานทำ เราได้ทำงานอดิเรก วาได้อยู่ขั้นที่ตัวเองฝันถึงมาตลอด และรู้สึกว่านี่แหละโอเค มัน stable แล้ว "

Pladak Voyage มกราคมนี้ในตอน Musical storyteller พูดคุยกับ Valen , เจริญรัตน์ วิเศษดี นักร้อง นักบัญชี แม่ค้าออนไลน์ กับชีวิตในประเทศเนเธอร์แลนด์
ขอบคุณภาพนิ่งประกอบวิดิโอ Bas Wuttinon
และขอบคุณ คุณเปรม วงทองไทย
Video Production by Nongnut Moijanghan Video, Photography - The Netherlands Based


23/12/2021

สองปีมานี้ เป็นปีที่หนักหน่วงมากสำหรับใครหลาย ๆ คน ไกลบ้าน ทำงานที่บ้าน ไม่ได้กลับบ้านเพราะโควิด เพจนี้ได้เกิดขึ้นจากความเหงา ความเทา ความดาวน์กับการใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมือง เลยต้องออกไปคุยกับผู้คนให้เกิดแรงบันดาลใจ กำลังใจในการใช้ชีวิต ขอบคุณแขกผู้ร่วมให้สัมภาษณทุกท่าน ที่ถ่ายทอดแง่มุมในการใช้ชีวิตในต่างแดน

ขอบคุณแฟนเพจน้อย ๆ หลักร้อย แต่ได้กำลังใจมหาศาล ขอขอบคุณทุกคนที่อยู่เบื้องหลังของเพจนี้ ที่คอยให้คำปรึกษา สนับสนุนค่ารถในการเดินทางไปถ่ายทำทั่วเนเธอร์แลนด์

PladakVoyage ขออวยพรแฟนเพจทุกท่านด้วยเสียงเพลงเพราะ ๆ ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่จะมาถึง มีสุขภาพแข็งแรง รอดพ้นจากโรคภัย ได้ทำในสิ่งที่รัก และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Feliz Navidad cover โดย Valen, Charoenrat Wisetdee นักร้องชาวไทยในเนเธอร์แลนด์ และติดตามเทปสัมภาษณ์คุณ Valen คนเล่าเรื่องอารมณ์เพลงฉบับเต็ม ได้เร็ว ๆ นี้ ทางเพจ PladakVoyage


17/12/2021

Pladak Voyage กลับมาแล้วค่ะ หลังจากที่พักแขน แขวนคีย์บอร์ดไปสองเดือนเพราะแขนเจ็บ ตอนนี้กลับมาพร้อมกับพลังบวก ๆ ไว้รับมือกับหน้าหนาว บรรยากาศเทา ๆ ที่เนเธอร์แลนด์ ก่อนคริสมาสต์นี้เตรียมพบกับบทสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงเพลง จากคุณวา Valen , Charoenrat Wisetdee แง่มุมชีวิตและการสร้างความสุขจากเสียงเพลงในเนเธอร์แลนด์

Pladak Voyage EP. November มาช้านิดหนึ่งนะคะ แอดมิน ที่เป็นทั้ง Editor ประสบปัญหาข้อมือเจ็บเล็กน้อย บวกกับความเย็นของอาก...
16/11/2021

Pladak Voyage EP. November มาช้านิดหนึ่งนะคะ แอดมิน ที่เป็นทั้ง Editor ประสบปัญหาข้อมือเจ็บเล็กน้อย บวกกับความเย็นของอากาศก็จะเจ็บเพิ่มมากขึ้น แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ

เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่มีพื้นที่เพียง 41,850 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่าและเล็กเป็นอันดับที่ 131 ของโลก แต่เก...
04/11/2021

เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่มีพื้นที่เพียง 41,850 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่าและเล็กเป็นอันดับที่ 131 ของโลก แต่เกษตรกรชาวดัตช์ส่งออกผลิตภัณฑ์นมเป็นอันดับ 2 ของโลก (ข้อมูลจากลงทุนแมน )

ตั้งใจแบกกล้องไปคุยกับเจ้าของฟาร์มวัวแถบ ๆ Gelderland คำว่า "เกษตรกร " ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนในโลกใบนี้ก็ไม่ง่ายเลยค่ะ

ติดตามรับฟังชีวิตเกษตรกรวัวนม วัวเนื้อ ได้ใน Pladak Voyage EP. 3 เร็ว ๆ นี้

ถ่ายภาพโดย Nongnut Moijanghan Photography - The Netherlands Based

  #ข้างหลังภาพ สัมภาษณ์พี่วันณา จันทร์หนุน คนไทยในเนเธอร์แลนด์Photo by Nongnut Moijanghan Photography - The Netherlands ...
22/10/2021


#ข้างหลังภาพ

สัมภาษณ์พี่วันณา จันทร์หนุน คนไทยในเนเธอร์แลนด์
Photo by Nongnut Moijanghan Photography - The Netherlands Based

ตั้งใจนั่งรถไฟจาก Hilversum ไปหาพี่วันณาที่ Den Hoorn, Netherlands ในวันที่อากาศค่อนข้างหนาว บรรยากาศเทา ๆ หม่น ๆ ลงรถบัสเดินลัดเลาะตามทางไปสักประมาณ 5 นาที ก็เริ่มได้กลิ่นกะปิในน้ำยาขนมจีนปักษ์ใต้มาแต่ไกล

“ พี่มาฮอลลแลนด์เมื่อปี 2006 มาถึงก็มีลูก เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก พอลูกได้สองขวบครึ่งก็ส่งลูกไป Peuterspeelzaal สถานฝึกหัดการเรียนรู้ของเด็ก 2-4 ขวบ ไปอาทิตย์ละสองวัน สองวันนั้นพี่ก็เกิดนึกอยากทำงาน ถึงแม้สามีไม่ได้บอกให้เราไปทำ เพราะเขาก็รับผิดชอบเราทุกอย่าง แต่เราอยากทำงาน อยากมีเงินเป็นของตัวเอง ไปส่งลูกตอนเช้าเสร็จพี่ก็ไปรับทำความสะอาดบ้าน ลูกไปโรงเรียนเลิกเที่ยงครึ่ง ทำความสะอาดบ้านเสร็จหนึ่งหลังพอดี แวะไปรับลูกกลับบ้าน ทำความสะอาดบ้านหนึ่งหลัง ได้ 35 euro ทำประมาณสามชั่วโมง ตีเป็นเงินไทยตอนนั้นก็น่าจะสัก 1,700 บาท ก็อาทิตย์หนึ่งจะรับลูกค้าได้อาทิตย์ละสองหลัง รับเฉพาะวันที่ลูกไปโรงเรียน ”

ย้อนไปถึงเส้นทางรักแบบย่อที่พี่วันณาเล่าด้วยความสุขถึงวันที่พบรักกับพ่อหม้ายลูกสองชาวเนเธอร์แลนด์
พี่นาเป็นสาวใต้ตาคมลูกสาวชาวสวนเติบโตที่สุราษฎร์ธานี ชีวิตกรีดยางตามประสาคนใต้บ้านเรา

“ พอหมดหน้าสวนหน้ายางพี่ก็ไปรับจ้างที่เกาะสมุย ร้านอาหารฝรั่งชื่อ The Islander ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใจกลางเฉวง พี่ทำอยู่ 15 ปี พี่เป็นพนักงานเสริ์ฟ ไม่ได้ทำอาหารในครัว แต่ใจพี่อยากได้สูตรอาหารฝรั่ง อยากได้วิชา ก็ได้แต่แอบถามเขาเอาว่าอาหารแต่ละอย่างทำยังไง ชะตาชีวิตเล่นตลกให้มาเจอสามีคนปัจจุบัน พี่ลาออกจากร้านอาหารที่สมุย มาอยู่กับยาย พอดีมีเหตุให้ต้องไปเยี่ยมน้องสาวที่พัทยา พี่ก็แพ็คกระเป๋าไปพัทยาตามกระดาษที่เขาเขียนที่อยู่ให้ พอเจอน้องสาวเห็นชีวิตความเป็นอยู่ที่โอเคของน้องสาวแล้ว พี่ก็เริ่มออกหางานทำตามร้านอาหารจนกระทั่งมาพบรักกับสามีโดยที่ตอนนั้น เราไม่ได้ตั้งใจไปหาแฟน เพราะเราเป็นหม้าย ก็ยังไม่อยากมีใคร เราอยากหางานทำมากกว่า ”

เส้นทางการเป็นแม่ค้าขนมไทยพี่วันณา

“ พี่ทำอาชีพแม่ค้าตั้งแต่ปี 2010 จนถึงตอนนี้ก็ได้ 11 ปีแล้ว ก่อนที่จะมาเริ่มขายของนั้นพี่เป็นคนชอบทำขนม ทำของกิน ทำแล้วแจกเพื่อน ๆ ในงานเลี้ยง ทำทีหนึ่งเป็นถาด ๆ เขาก็กินกันอร่อย ตอนนั้นพี่ทำขนมต้มหรือขนมโคภาคใต้ มีคนบอกทำขนมมาเยอะขนาดนี้ เอาไหมละทำขาย เราก็คิดว่าจะขายยังไง พี่เขาบอกจะหาลูกค้าให้ ขายเพื่อน ๆ ช่วยซื้อช่วยอุดหนุนก็เลยทำขนมต้ม จำได้ว่าทำครั้งแรกทำได้แค่แปดกล่อง ได้เงินสี่สิบยูโรพี่ ๆ เขาช่วยอุดหนุน ซึ่งนั่นคือพี่สุ สุกัญญา เมือง Delft หลังจากนั้นชื่อเราเริ่มเป็นที่รู้จัก อีกทั้งตัวพี่เองก็เริ่มคิดว่ามันสนุก และเราถนัดของบ้าน ๆ ขนมบ้าน ๆ อย่างขนมต้ม ที่เป็นของคนใต้ แต่พอเราอยากจะทำหลากหลายแต่เราไม่ถนัด เช่น ข้าวเหนียวมูลหน้าสังขยา หน้าสังขยาอร่อยเป๊ะ แต่ข้าวเหนียวนึ่งไม่เป็น ไปขายลูกค้าก็ติมา แต่พี่คิดว่าติเพื่อก่อ และเราน้อมรับตรงจุดนั้นเพื่อที่จะปรับปรุงให้ถูกปากถูกใจ ช่วงสองสามปีแรกที่ทำขนมขายลูกค้าก็จะแนะนำ เราก็นำมาปรับ

ที่นี่ถึงเราทำอาชึพแม่ค้าแบบนี้เราก็ต้องจดทะเบียนจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมายประเทศเนเธอร์แลนด์ พี่ก็เริ่มทำขนมเก่งขึ้น เริ่มมีอาหารออกมาขายบ้างแล้วในตอนสามปีแรก รายได้ก็เพิ่มขึ้น ลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้น พี่คิดว่าถ้าอาหารที่พี่ทำพี่กินได้ กินอร่อย ลูกค้าก็ต้องกินอร่อย พี่จะเอาใจใส่เรื่องคุณภาพมาก อาหารหรือสินค้าเราต้องออกมาดี ความสะอาดอาหารต้องมาก่อน พี่จะดีใจมากเวลาที่ลูกค้าซื้ออาหาร หรือขนมพี่ไปแล้วเขากินได้หมดโดยที่ไม่ต้องทิ้ง แกงที่ซื้อจากพี่ไปลูกค้าบอกแทบจะเอาข้าวลงไปคลุกในกล่องกินอีก ”

วิธีการขาย รายได้ อาชีพแม่ค้าในต่างแดน

“ ชีวิตแม่ค้าของพี่ พี่ออกขายวันอาทิตย์และจันทร์ และในวันจันทร์ก็ต้องไปตลาดนัดซื้อของมาตุนไว้สำหรับอาทิตย์ต่อไป กระดูกหมูก็ต้องเตรียม ปั่น หั่น บด เพื่อที่จะแกงในวันศุกร์ วันเสาร์ สองวัน ทอดมันปลาประมาณสิบโล เม็ดขนุน ฝอยทองประมาณ 40-50 กล่อง ผัดวันพุธ ปั้นวันพฤหัส หยอดวันศุกร์ ขายอยู่ประมาณนี้ หมดทุกครั้ง พี่ก็ทำงานหลายชั่วโมงนะ เป็นนายตัวเอง แต่รายได้เห็นแล้วก็ดีใจ และไม่ค่อยได้ใช้จ่าย เพราะไม่มีเวลาใช้ ถ้าว่างจากการทำอาหาร พี่เข้าวัดปฎิบัติธรรม

บางทีก็มีบริษัทฝรั่งมาจ้างไปทำเคเทอร์ริ่ง ลูกค้าก็ชอบอาหารมาก ตักแล้วตักอีก จนเจ้าภาพดีใจยิ้มหน้าบาน รวมไปถึงงานแต่งงานคนไทยที่เจ้าภาพระบุเลยว่าแขกที่มางานต้องได้ห่อกลับบ้านคนละสองกล่อง การทำงานของพี่คือเป็นคนตรงต่อเวลา พี่ก็รับงานเฉพาะที่เดินทางสะดวก ไกลมากก็ไม่ไป แต่บางทีก็สงสารลูกค้า เช่นทำบุญเลี้ยงพระไกลมาก แต่เราคนไทยก็เกื้อกูลกันเนาะ สุดท้ายก็ต้องไป ”

Menu ที่ทำขาย เส้นทางที่ไป

“ เมนูหลักที่ขายดีมาตลอดก็จะมี รวมมิตร ลอดช่อง ทับทิมกรอบ เม็ดขนุน ฝอยทอง อาหารคาวก็จะมีแกงส้มปลาผักรวม คั่วกลิ้งหมูสับ น้ำยาขนมจีน แกงกระดูกหมู โลกมันสอนเรา ตลาดมันสอนเรา จากคนที่ไม่เคยรู้ว่าวัตถุดิบบางอย่างเราสามารถใช้จากช่องแข็งได้ เราก็วิ่งหาผักสด ๆ เช่นใบมะกรูดสด ๆ อยู่เมืองนอกเนาะ ที่ไหนได้เขาใช้จากช่องแข็งเอา แต่พออยู่มาหลายปีเราก็เริ่มปลูกไว้ในสวนเอง

แม่ค้าคนไทยในเนเธอร์แลนด์เยอะมาก แต่พี่ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคู่แข่ง เราทุกคนต้องหาอยู่หากิน เขาก็ทำอาชีพ เราก็ทำอาชีพ ไม่เบียดเบียนกัน ใช้ความเมตตาต่อกัน ช่องทางการขายของพี่คือ แจ้งข่าวทางเฟซบุ๊กให้ลูกค้าที่อยู่ไกล ได้จองและนัดจุดมารับอาหาร เส้นทางที่พี่ไปก็จะมี Den Haag ,Voor Burg , Scheveningen, Rotterdam , Amsterdam , Leiden, Hoofddorp, ลูกค้าร้านนวด ร้านอาหาร ”

พระธรรมนำพา สามีค้ำจุน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน

“ ตอนที่เรามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ เราไม่เข้าใจวัฒนธรรมที่นี่ ทุกข์มาก และทุกข์ในความไม่มีเงินเป็นของตัวเอง พี่มีความหยิ่ง ขอตังค์ใครไม่เป็น เพราะพึ่งลำแข้งตัวเองมาตลอด เมื่อเริ่มเข้าวัดปฎิบัติธรรม พี่ก็เอาธรรมะเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน มีสติ มีความเผื่อแผ่เอาพระธรรมเป็นที่สูงสุด เลยทำแต่พอดี ขายของสองอาทิตย์ หยุดสองอาทิตย์ ร่างกายเราก็จะได้ไม่เหนื่อย ไม่ต้องโลภในเงิน มากสุดทำสามอาทิตย์แล้วหยุดหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้ามีคอร์สปฏิบัติธรรมจะหยุดนานแค่ไหนพี่ก็ทุ่มเทเอาพระธรรมเป็นที่สูงสุด

บุคคลที่อยู่เคียงข้างพี่ตลอด คือสามี ต้องขอบคุณเขา ลูกค้าสั่งไกลแค่ไหนเขาก็ขับรถไปส่งให้ ไปซื้อของให้เพื่อมาทำของขาย มีช่วงที่เขา work from home เมียจะแกงไตปลาสักกี่หม้อเขาก็ไม่บ่นสักคำ เราปรับตัวเข้าหากันให้ความเคารพซึ่งกันและกัน พอเราเคารพเขา ต่อไปเขาก็เคารพเรา ไม่จำเป็นต้องใช้ปากพูดแล้ว เขาจะเกรงใจเราไปเอง เมื่อก่อนพี่ยังไม่เข้าวัด พี่เป็นคนอารมณ์แรงและจริง อย่าได้มามั่วกับพี่นะ ยังคบเพื่อนมากมาย ของก็จะขาย งานเลี้ยงเพื่อนก็จะไป ขายของไม่หมด เหวี่ยงลงขยะเลย เพื่อที่จะได้ไปงาน นั่นคืออารมณ์ที่ไม่มีพระธรรม แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ฮา ฮา ฮา ”

ฝากฝัง

“ ชีวิต 16 ปีในเนธอร์แลนด์พี่มีสิ่งที่อยากจะฝากไปถึงคนที่มาอยู่ใหม่ ถ้าอายุยังน้อย มาถึงแล้วไม่ทำงาน สามีฉันเลี้ยงได้ คุณคิดผิด เพราะเดี๋ยวบั้นปลายชีวิตของคุณจะไม่มีค่าในสายตาของสามี จะวิ่งหางานตอนแก่มันไม่สนุกแล้ว พี่เห็นมาเยอะ ให้กระตือรือร้นตั้งแต่ปีสองปีแรก และมีความตั้งมั่น ถนัดในสิ่งไหนให้บอกสามีไว้เลย ว่าเราชอบอะไร เขาจะได้ไม่ขวางทางเรา ให้บอกกันตรง ๆ ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่งานเป็นสิ่งสำคัญ ต้องออกหางาน ทำตนให้เป็นคนมีค่า เราจะมีเงินเป็นของตัวเอง วัฒนธรรมของคนไทยเรายังเกื้อกูลครอบครัวที่เมืองไทย เมื่อเรามีเงินเป็นของตัวเองเราก็สามารถให้เงินทางบ้านได้ ไม่ต้องไปรบกวนสามี งานทุกงานที่ถูกกฎหมาย จะงานทำความสะอาด จะล้างห้องน้ำ ถือเป็นงานที่มีเกียรติ ไม่ต้องไปกลัว ไปอาย ”

Adres

Bosdrift
Hilversum
1215AR

Meldingen

Wees de eerste die het weet en laat ons u een e-mail sturen wanneer Pladak Voyage nieuws en promoties plaatst. Uw e-mailadres wordt niet voor andere doeleinden gebruikt en u kunt zich op elk gewenst moment afmelden.

Contact

Stuur een bericht naar Pladak Voyage:

Video's

Delen


Andere Radio-, tv- en mediaproductie in Hilversum

Alles Zien